วันนี้พงพาเพลิน พาไปเที่ยว ซินจ่าว ฮานอย เวียดนามจ้า!!!
เวียดนามเปิดประเทศแบบเต็มรูปแบบแล้วนะครับ หลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตอนนี้ไม่มีมาตรการในการตรวจโรคนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศใดๆ ทั้งสิ้น สามารถเดินทางเข้าประเทศเวียดนามได้ทันที ใช้ชีวิตได้สะดวกเกือบจะเหมือนตอนก่อนแพร่ระบายของโรคโควิด-19 แค่ต้องใส่แมสในสถานที่ปิดเท่านั้น
การเดินทางเราเดินทางด้วยสายการบินเวียดเจ็ท จากสนามบินสุวรรณภูมิ ไปลงสนามบินโหน่ยบ่าย (Nội Bài Airport) ค่าตั๋วไปและกลับอยู่ที่ราคา 6,000 บาท(ไม่ได้โหลดกระเป๋า)
หลังจากลงเครื่องบินเราก็หาซื้อ ซิมการ์ด เพื่อใช้ในฮานอย จะมีบูธขายอยู่ติดๆ กันเราเลือกเจ้าสีเขียวเพราะราคาถูกที่สุด
ราคาซิมการ์ดที่สนามบินมีราคาแพงกว่าด้านนอกหรือในตัวเมืองฮานอยมากเพราะฉะนั้นหากคุณซื้อ ซิมการ์ดมาจากเมืองไทยและราคาถูกกว่า 400 บาทให้เลือกซื้อมาได้เลยเพราะในสนามบิน ราคาถูกที่สุดที่เราเจอคือ 280,000 ดง หรือประมาณ 420 บาท(ใช้ internet อย่างเดียว) ใช้งานได้ครบคลุมทุกที่ที่เราไป ลองดูรายละเอียดตามรูปได้
เราเดินทางออกไปขึ้นรถบัส สาย 86 เพื่อเดินทางเข้าตัวเมืองฮานอย เดินออกจากสนามบินและเดินไปทางซ้าย โดยเดินตามป้าย "Bus to City"
เดินไปเรื่อยๆ ก็จะเจอจุดจอดรถสาย 86 เขียนไว้ชัดเจนว่าไป Hanoi City Center
สามารถหิ้วกระเป๋าขึ้นรถได้ทันที รถออกทุกๆ ครึ่งชั่วโมงครับ ราคา 45,000 ดง หรือประมาณ 70 บาทใช้เวลานั่งประมาณ 45 นาทีหรือ 1 ชั่วโมง (แล้วแต่รถติดหรือไม่) ก็จะถึงตัวเมืองฮานอยฝั่งเมืองใหม่ครับ
ตัวรถจะวิ่งเข้าตัวเมืองและจอดแค่ 4 จุด ตามรูปด้านล่าง สำหรับคนที่นอนฝั่ง เมืองเก่าต้องลงป้ายแรกที่รถจอดคือ "286 Thuy Khue,Tay Ho, HN" และ หาแท๊กซี่ต่อไปยังเมืองเก่า (Old Quarter)
เราเข้า Check-in ที่โรงแรม Hanoi Hotel Center Point อยู่ย่านใจกลางเมืองเก่าเลย ห้องมีหน้าต่างบานใหญ่วิวสามารถมองเห็น ทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม ได้เล็กน้อย เราจองแบบมีระเบียงแต่พอเข้าพักจริงไม่มีระเบียงห้องให้ ราคาคืนละ 1,000 บาท เราอยู่ที่นี้กันทั้ง 2 คืนเลย ราคาถือว่าไม่แพงเพราะเป็นช่วงปีใหม่ ไปดูห้องกัน
ที่นอน
ปลั๊กไฟดันอยู่ตรงหัวนอนเลย ไม่ชอบอย่างแร๊ง กลัวโดนไฟช๊อต
ห้องน้ำมีน้ำอุ่นและอุปกรณ์ให้ครบครัน
มองเห็น ทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม ไกลๆ
กว่าจะถึงที่พักวันนี้ก็เย็นค่ำแล้วเราจึงเก็บกระเป๋าและไปหาอะไรกินกันที่ตลาดกลางคืน ร้านแรกที่เราไปลองโดนชื่อว่า "Hanoi 1939 Bistro" เป็นร้านอาหารยุโรปกึ่งร้านเหล้า อยู่ชั้น 2 ของตึก tòa nhà hàm cá mập ใจกลางตลาดกลางคืน
วิวจากระเบียงร้าน
เราสั่งอาหารมาทั้งหมด 3 อย่าง อร่อยทุกอย่าง
ซุปฟักทอง
เนื้อทอด
สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า
สรุปราคาที่ 635,040 ดง หรือประมาณ 910 บาท เป็นอาหารมื้อแรก ที่ราคาแพงใช้ได้ของทริปนี้
เราไปเดินตลาดกลางคืนกันต่อ ตลาดกลางคืนมีขายแต่รองเท้าปลอม และ ของปลอมทั้งนั้นเลย ทำให้ไม่น่าสนใจเท่าไหร่ เราจึงเดินเล่นซักพักแล้วก็กลับที่พักเป็นอันจบวันแรกของเราในฮานอยแต่เพียงเท่านี้
Day 2 วันนี้เราเดินทางออกจากที่พักประมาณ 8 โมงเช้า อากาศในฮานอยกำลังเย็นสบายประมาณ 18 องศา เราไปแวะกินข้าวเช้ากันก่อนที่ "ร้านเฝอ"
มาฮานอยคราวนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปมาก ร้านอาหารมีเมนู และป้ายราคาชัดเจน ไม่ค่อยได้โดนโกง ค่าอาหารต่อมื้อประมาณ คนละ 50,000 ดง หรือประมาณ 75 บาท เฝอร้านนี้ก็ราคา 50,000 ดงเช่นกัน
หลังจากกินเสร็จแล้วเราก็หามอเตอร์ไซค์เช่าเพื่อขับไปเที่ยวในตัวเมืองฮานอย ที่เราเช่ามอเตอร์ไซค์ที่ร้าน "PHUNG MOTORBIKE" เจ้าของร้านพูดภาษาอังกฤษไฟแลบ เพราะฉะนั้นเช่าร้านนี้ไม่ผิดหวังแน่นอน สนนราคาอยู่ที่ 150,000 ดง หรือประมาณ 225 บาท ใช้งานได้ตั้งแต่ 9 โมงเช้า คืนรถก่อน 9 โมงเช้าของอีกวัน นั้นก็คือราคา 225 บาทใช้งานได้ 1 วันเต็มๆ
อ่อรถไม่ได้มีน้ำมันมาให้นะครับ ต้องไปเติมเองประมาณ 20,000 ดง หรือประมาณ 30 บาท/ลิตร ก็เพียงพอต่อการใช้งานได้ทั้งวันแล้ว หลังจากเราเติมน้ำมันเสร็จเราก็ไปสถานที่แรกของวันนี้กัน นั้นคือ พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ ฮานอย (Ho Chi Minh Museum) ค่าเข้า 40,000 ดง ประมาณ 60 บาท ฮานอยเปลี่ยนไปมาก ตอนนี้ถ้าเราเอารถมอเตอร์ไซค์ไปจอดที่ไหนก็แล้วแต่ละเสียค่าจอด 10,000 ดง หรือประมาณ 15 บาทเสมอ
ข้างในก็จะเป็นประวัติของ ลุงโฮจิมินห์ จริงๆ แล้วแทบจะไม่ต่างอะไรที่นครพนมที่เราเคยไปเลย ฮาฮา
หลังจากนั้นเราก็เดินออกมาถ่ายรูปกับ เจดีย์เสาเดียว (One Pillar Pagoda) ได้เลยเพราะอยู่ใกล้ๆ กันวันที่ไปเป็นช่วงปีใหม่คนเยอะมาก
และที่อยู่ใกล้กันอีกสถานที่ก็คือ สุสานลุงโฮ (เหมือนนครพนมอีกแล้ว) เดินไปถ่ายรูปได้ อยู่ในบริเวณเดียวกัน
เสร็จจากจุดนี้เราก็ไปหากาแฟกินกัน ที่ฮานอยเราจะหาสตาร์บัค กินได้ยากมากเนื่องจากรัฐบาลเขาสนับสนุนให้คนพื้นที่เปิดธุรกิจเป็นของตัวเอง เป็นอีกข้อดีที่ทำให้เศรษฐกิจเวียดนาม และ GDP โตเป็นอันดับต้นๆ ของอาเซียน
ร้านกาแฟที่เราไปลองชื่อว่า "Garden Café" เป็นร้านกาแฟติดริมทะเลสาบใกล้ๆ กับ พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ ฮานอย ไม่ไกลกันมากไปดูบรรยากาศร้านกัน
หน้าร้านแน่นอนต้องมีธงดาวทอง อ่อจอดมอเตอร์ไซค์ที่นี้ไม่ต้องเสียเงินนะครับ
บรรยากาศดีติดริมทะเลสาบ
ไปดูในร้านกันบ้าง
มีบ่อปลาคราฟ ด้วยน้า
ขึ้นไปชั้น 2 ก็ยังมีที่นั่งเยอะแยะเลย เสียดายที่นี้ไม่แยกโซนสูบบุหรี่ คนเวียดนามสูบบุหรี่กันเยอะจนเหม็นไปหมด รวมทั้งในร้านนี้ด้วย
นั่งใกล้ทะเลสาบอากาศดีสุด
สั่งลาเต้เย็น ได้กาแฟที่เหมือนกาแฟโบราณ ใส่น้ำแข็งให้ 2 ก้อน 555 ส่วนโกโก้ก็รสชาติเหมือนโกโก้ซอง รสชาติไม่ต้องสืบ สู้กาแฟข้างทางบ้านเราไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
เสนอราคาที่ 70,000 ดง ประมาณ 105 บาท ถ้าเทียบกับบ้านเรา อาหารและเครื่องดื่มเวียดนามแพงกว่าทุกอย่าง
เราไปเที่ยวต่อกันที่ป้อมปราการหลวงทังล็อง ราคาค่าเข้า 30,000 ดง ประมาณ 45 บาท แน่นอนเสียค่าจอดรถมอเตอร์ไซค์ 10,000 ดงเหมือนเดิม
ป้อมปราการหลวงทังล็อง ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้วยน้า ตอนไปมีการเตรียมคอนเสิร์ต และมีการประดับประดาช่วงปีใหม่พอดี
ใช้เวลาเดินนานเหมือนกัน ป้อมปราการหลวงทังล็อง กินพื้นที่กว้างมาก และมีหลายโซนให้ถ่ายรูปเล่นครับ
บ่าย 2 แล้วเรายังไม่ได้กินอะไรเลย เราขับรถไป "ห้างล็อตเต้ (Lotte Center Hanoi)" เพื่อหาของกิน ฮานอยโซนเมืองใหม่เจริญมาก และมีรถไฟฟ้าวิ่งแล้วด้วยนะ
เราเดินอยู่ซักพักเนื่องจากหิวมากเราจึงแวะกินชาบูบุฟเฟ่ต์ที่ "ร้าน Hotpot Story"
ต้องบอกว่าดีมว๊ากกกก ประทับใจเนื่องจากมีเนื้อพรีเมียมให้กินฟรีไม่อั้น และ อาหารอื่นๆ พร้อมขนมอีกเพียบ จัดว่าดีครับร้านนี้ มาฮานอยอย่างลืมมาลองกันไปดูกันว่ามีอะไรให้กินบ้าง
น้ำจิ้มมีให้เลือกเยอะมว๊ากก แต่สำหรับผมมีน้ำจิ้มสุกี้ก็รอดแหละ
โซนของหวานแบบจุกๆ มีไอติมด้วยน้า
อย่างที่บอกเนื้อดีมว๊ากกก มีหลายแบบให้เลือกกิน
สำหรับคนไม่กินเนื้อก็หมู และ อาหารอื่นๆ สดใหม่ได้เรื่อง
สนนราคาที่ 368,820 ดงต่อคน หรือประมาณ 550 บาท ดีครับมาลองเถอะ
หลักจากกินข้าวเสร็จเราก็เดินเล่นช้อปปิ้งสินค้าภายในห้างซักพักเราก็ขับมอเตอร์ไซค์กลับที่พักและไปเดินเล่นต่อ เราไปซื้อไอติมไข่มุกกินที่ร้าน Mixue กิน ราคาไม่แพงครับ 25000 ดง แถมอร่อยมาก
เราไปเดินเล่นต่อที่ วัดหงอกเซิน - วัดสะพานแดงเก่าแก่ของฝั่งเมืองเก่าในฮานอย เรียกได้ว่าเป็น Landmark ของเมืองฮานอยอีกที่นึงเลย
เราเดินเล่นรอบๆ ตัวเมืองเก่าจนดึกและก็ยังแวะร้านอาหารที่แห่งนึงที่อร่อยมากอีกเช่นกัน ชื่อ "ร้าน nem nướng quế hoa" เป็นร้านอาหารเวียดนามที่รสชาติครบรสเหมือนส้มตำใส่หมูยอบ้านเราเลย
เมนูมีราคาบอกอยู่เลย ตอนจ่ายก็ราคาตามนี้เลย
สั่งมา 3 อย่างตามรูปสนนราคาที่ 115,000 ดง
เรากลับที่พักไปพักผ่อนเป็นอันจบวันที่ 2 ของเราเพียงเท่านี้
Day 3 วันสุดท้าย
วันนี้เรามีเวลาไม่เยอะช่วงบ่ายๆ เราก็ต้องกลับไปที่ Airport แล้ว เช้าเราจึงขับรถมอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวที่ "เจดีย์เฉินก๊วก" ก่อนเป็นที่แรกเลย ค่าเข้าฟรี ค่าจอดรถมอเตอร์ไซค์ 10,000 ดงเช่นเดิม
เจดีย์อยู่กลางน้ำ รอบๆ เป็นทะเลสาบ มีเรือเป็ดบริการด้วยนะสำหรับคนที่สนใจ
เสร็จจากเจดีย์เราจึงเอารถเช่าไปคืน อ่อร้านที่ให้เช่ารถมอเตอร์ไซค์ เขายึด Passport ไว้นะครับ คืนเสร็จแล้วเราก็เดินเล่นต่อไปถ่ายรูปที่ โบสถ์ St. Joseph Cathedral โบสถ์ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมือง ฮานอยอีกแห่งนึงครับ
อีกซักรูป
หลักจากถ่ายรูปกับโบสถ์เสร็จเรียบร้อยเราก็เดินทางกลับโรงแรมและให้โรงแรมเรียกแท๊กซี่ให้ สนนราคาที่ 350,000 ดง จากย่านเมืองเก่าฮานอย ไปส่งที่สนามบินโหน่ยบ่ายเลย เป็นอันจบทริปของเราในเวียดนามลง
หวังว่าข้อมูลคงจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่อยากเดินทางท่องเที่ยวเวียดนามด้วยตัวเองนะครับ
สำหรับท่านที่อยากไปเที่ยวฮานอย เวียดนาม และ มีข้อมูลที่อยากสอบถามสามารถไปสอบถามได้ที่
www.facebook.com/Pongpaplearn/
จบปิ๊ง !!! เจอกันใหม่ในการท่องเที่ยวครั้งต่อไป ขอบคุณครับ
Pongpaplearn
วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2566 เวลา 18.38 น.