●  ในอุดรธานี มีร้านอาหารพื้นถิ่นที่ซ่อนอยู่ในตรอกเล็กๆ แต่การันตีความอร่อยด้วยรางวัล มิชลิน บิบ กูร์มองด์ ปี 2022 ครั้งล่าสุด ด้วยเอกลักษณ์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร เพราะผสมผสานวัฒนธรรมอาหารรวมกันถึง 5 สัญชาติ ซึ่งมาจากเรื่องราวชีวิตของหญิงชาวอุดรธานี จนกลายเป็นตำรับความอร่อยในแบบฉบับของ มาดาม พาเท่ห์ (Madam Pahtehh)


         มาดาม พาเท่ห์ เป็นร้านอาหาร All Day Breakfast เสิร์ฟเมนูฟิวชันอินโดไชนามากว่า 17 ปี ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีของชาวอุดรธานี และใกล้เคียง
        เดิมทีชื่อ คอฟฟี่ ปัตเต้ บริการอาหารเช้าและกาแฟ อย่าง ขนมปังปัตเต้ ข้าวต้มเห็ดชาจีนกระดูกหมู สตูว์ลิ้นวัว และเฝอ ภายในบ้านไม้สองชั้นตรงซอยตำรวจ ก่อตั้งโดย มาดามเหมย - ชุติปภา สุรภาพวงศ์ ซึ่งได้นำแรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวชีวิตของ มาดามหมุ่ย - สมบูรณ์ คำจันทร์ ผู้เป็นแม่ซึ่งมีเชื้อสายจีน พื้นเพเกิดในเมืองไทย แต่ไปเติบโตยังนครหลวงเวียงจันทน์ และมีโอกาสได้เดินทางไปรอบโลก ทำให้ได้สั่งสมความรู้ และประสบการณ์การกิน มาอย่างหลากหลายวัฒนธรรม หลากหลายสัญชาติ 
         จากชีวิตก็นำมาสู่ตำรับอาหารในแบบฉบับของมาดามหมุ่ย หลอมรวมวัฒนธรรมการกินถึง 5 สัญชาติเข้าไว้ด้วยกัน ประกอบด้วย ไทย จีน ลาว เวียดนาม และฝรั่งเศส อันก่อให้เกิดเป็นเอกลักษณ์ทางรสชาติ และเสน่ห์เฉพาะตัวของมาดาม พาเท่ห์

         สำหรับ มาดาม พาเท่ห์ 2515 (Madam Pahtehh 2515นับเป็นสาขาที่สอง ต่อยอดจากสาขาแรกที่ค่อนข้างจำกัดด้วยพื้นที่ จึงรองรับนักชิมได้ไม่เพียงพอ เลยขยับขยายออกมา เพื่อเน้นต้อนรับนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น
         
คำว่า มาดาม สื่อสารถึงคุณแม่ - มาดามหมุ่ย ที่เป็นเจ้าของตำรับอาหารที่เสิร์ฟในร้าน 
         ส่วน พาเท่ห์ ก็มาจากปัตเต้ ซึ่งเป็นเมนูแรกของร้าน และยอดนิยมมาโดยตลอด 

          และ 2515 ก็คือปีเกิดของมาดามเหมย ทั้งยังสื่อถึงประวัติศาสตร์เมืองอุดรธานีในอดีต อันเป็นช่วงเวลาที่คนเชื้อสายจีนเริ่มเข้ามาทำการค้าขายอย่างแพร่หลาย กอปรกับการอพยพย้ายถิ่นฐานของชาวลาวและเวียดนาม ที่สำคัญคือการตั้งฐานทัพของทหารอเมริกา G.I. ทำให้เมืองอุดรธานีได้รับอิทธิพลในด้านวัฒนธรรมการกินอันหลากหลายมาจนถึงปัจจุบัน
         ไม่เพียงเท่านั้น ยังเป็นคอนเซ็ปต์หลักในการออกแบบร้านด้วย โดยเปลี่ยนพื้นที่โกดังอะลูมิเนียมเก่า ซึ่งเป็นธุรกิจเดิมของมาดามหมุ่ย สู่ร้านอาหารซึ่ง
จำลองเป็นบ้านไม้สองชั้น ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ ข้าวของเครื่องมือใช้สอยวินเทจ ตั้งใจดีไซน์ความรู้สึกให้เหมือนกับมากินข้าวที่บ้านอากง อาม่า จึงสัมผัสได้ถึงความผ่อนคลาย อบอุ่น และเป็นกันเอง สมกับสโลแกนของร้านที่ว่า ห้องครัวปรุงสุข 
         ภายในร้านติดเครื่องปรับอากาศเย็นสบาย แบ่งออกเป็นสองโซน คือ โซนบ้านไม้แบบชนบทไทยๆ ที่จะมีครัวเปิดให้เห็นการประกอบเมนูจำพวกขนมปังปัตเต้ อีกโซนเจือกลิ่นอายความเป็นไชนีส และเวียดนาม โดดเด่นด้วยริ้วม่านสีแดงแขวนระโยงระยางอย่างอ่อนโชย ซึ่งแม้ว่าจะนั่งละเลียดรสอาหารในตอนกลางวัน แต่ก็ให้บรรยากาศดั่งยามค่ำคืน ผ่านการจัดไฟแสงสี  สถาปัตยกรรมทั้งหมดออกแบบโดยสถาปนิกในท้องถิ่น ปองพล ยุทธรัตน์ แห่งเฮ็ดดีไซน์สตูดิโอ และตกแต่งภายในด้วยฝีมือ จักรพันธุ์ บุษสาย และวาสิฎฐี ลาธุลี นักออกแบบในท้องถิ่นจาก SOONTAREE+ 

          อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่า อาหารที่นี่เป็นแนวฟิวชันอินโดไชนา ผสมผสานวัฒนธรรมอาหาร 5 สัญชาติ ฉะนั้นไม่ควรพลาดลิ้มรสเมนูซิกเนเจอร์ 
         
จานแรกขอแนะนำให้เรียกน้ำย่อยด้วย สามสหาย เป็นเมนูแรกของร้าน และสร้างชื่อเสียงให้ใครต่อใครต้องมาชิม ทุกโต๊ะต้องสั่ง ไอเดียจากวัฒนธรรมฝรั่งเศสที่มีอิทธิพลในเวียงจันทน์ และสอดแทรกวัฒนธรรมการกินปัตเต้ของเวียดนามไว้ด้วยกัน จึงรังสรรค์ออกมาเป็นเป็นขนมปังสามชนิดคือ ขนมปังฝรั่งเศสไส้ปัตเต้ ครัวซองค์ไส้ทูน่า และโรตีใส่หมู หมูยอ และกุนเชียง จะได้รสสัมผัสของขนมปัง และรสชาติของไส้แตกต่างกันในจานเดียว
          มาที่เมนูจานหลัก ก็มีให้เลือกหลากหลาย เวลาช่วงเช้าหรือสายๆ ได้ ข้าวต้มเห็ดชาจีนกระดูกหมู สักถ้วยคงอยู่ท้องไม่น้อย ความดีงามของถ้วยนี้อยู่ที่น้ำซุปใสสีเหลืองทอง ซึ่งได้จากการต้มแบบข้ามคืน กับกระดูกหมูเปื่อยนุ่ม และเห็ดชาจีนที่หอมฉุยจากการผัด เป็นเมนูที่ซดคล่องคอ ลงตัวทุกสัมผัสจริง

จานซ้ายมือคือ สามสหาย ส่วนถ้วยขวามือก็ ข้าวต้มเห็ดชาจีนกระดูกหมู

          หากอยากเข้าถึงแก่นแท้ฝั่งเวียงจันทน์ต้อง เฝอเนื้อ โดดเด่นด้วยสูตรที่คิดขึ้นในแบบฉบับมาดาม พาเท่ห์ 
โดยใช้เทคนิคแบบฮ่องกง ด้วยการผัดเครื่องให้มีกลิ่นหอม เสิร์ฟพร้อมกับพริกจี่ กะปิ เวลารับประทานแนะนำว่าให้เติมน้ำจิ้มถั่วด้วย จะเพิ่มความเข้มข้น เป็นวิธีการกินแบบออริจินัลของคนกำแพงนครเวียงจันทน์ นอกจากนี้ ยังเลือกใช้เนื้อวัวไทยวากิวในท้องถิ่น เพื่อเป็นการสนับสนุนเกษตรกรในพื้นที่ด้วย 
         อีกจานที่ไม่แนะนำไม่ได้คือ สตูว์ลิ้นวัว รสชาติเข้มข้น ผสานกับลิ้นวัวที่นุ่มแบบละลายในปาก มีกลิ่นหอมไม่คาว เพราะใช้เวลาเคี่ยวนานเป็นวันๆ ทั้งสี่เมนูที่แนะนำไปเป็นจานเด่นที่ขายมาตั้งแต่เปิดร้าน แต่ถึงอย่างนั้นก็มีเมนูใหม่ๆ ที่อยากจะบอกต่อเช่นกัน 
        ชุดข้าวงาย เซ็ตอาหารที่ร้านคิดขึ้นมาใหม่ เพื่อให้ได้สัมผัสกับวัฒนธรรมการกินอยู่แบบชาวอีสาน ซึ่งข้าวงายแปลว่ามื้อเช้า คอนเซ็ปต์จึงคิดผ่านคำถามที่ว่า มื้อเช้าคนอีสานกินอะไรกัน ก็พบว่ามักจะมีหมก อ่อม แจ่ว ข้าวเหนียว เลยดีไซน์ออกมาเป็นเซ็ตที่ประกอบไปด้วย แจ่วมะกอกรสเผ็ดจัดจ้าน กินกับหมูแดดเดียว ไข่ต้ม อ่อมหมูหรืออ่อมเนื้อไว้ซดให้ลื่นคอ และหมกหน่อไม้ใส่ข้าวคั่วแบบดั้งเดิมของชาวอุดรธานี กินคู่กับข้าวเหนียวฮ้อนๆ อิ่มอยู่ท้องแน่นอน

ถ้วยขวามือคือ เฝอเนื้อ ส่วนซ้ายมือเป็น สตูว์ลิ้นวัว
ชุดข้าวงาย เซ็ตพาข้าวมื้อเช้าแบบชาวอีสาน


● info.
มาดาม พาเท่ห์ (สาขา 1 ซอยตำรวจ)
เปิดปิด วันจันทร์ - เสาร์ 06.30 - 14.30 น. (หยุดวันอาทิตย์)
ที่ตั้ง 34/1-3 ถ.ตำรวจ ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี 41000
โทร. 0 4224 199
https://goo.gl/maps/y5HzprTkhN...

มาดาม พาเท่ห์ 2515 (สาขา 2)
เปิดปิด วันอังคาร - อาทิตย์ 07.30 - 15.30 น. (หยุดวันจันทร์)
ที่ตั้ง 304/24 ถ.ประจักษ์ศิลปาคม ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี
โทร. 0 4211 9669
Facebook มาดามพาเท่ห์2515 Madam Pahtehh 2515
https://goo.gl/maps/4Swr4rgesC...

bas.paranchai

 วันอังคารที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2566 เวลา 14.25 น.

ความคิดเห็น