ทริปเร่งด่วน 3วัน2คืน คืนแรกเราไปนอนที่บ้านแม่กำปอง

(ตามไปดูได้ที่ บิดสองล้อไปนอนเล่น เดินเล่น ที่บ้านแม่กำปอง)

คืนที่2 ชักจะปวดเมื่อยตัวจากการนั่งอยู่บนหลังมอเตอร์ไซค์นานๆ เราไปนอนแช่บ่อน้ำพุร้อนกลางแจ้งกันค่ะ


เวลาเพียงแค่ 3วัน2คืน ทำไมรูปมันช่างมากมายนัก ก็คือมันสวยไปหมด สวยจนอยากจะถ่ายมันทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็น บางที่สวยมาก ก็ถ่ายรัวๆไปหลายที นี่ก็เลือกที่คิดว่าคนอื่นก็น่าจะมองว่าสวยเหมือนกันมาให้ดู (ของจิงมันสวยกว่าในรูป สิบเท่า มันต้องไปเห็นเอง ถ่ายมายังไงก็สวยไม่เท่าของจริงค่ะ)


ตลอดทางที่ไป เชียงใหม่ ลำปาง เจอแดดบ้าง ลมบ้าง ฝนบ้าง หมอกบ้าง เรียกว่าเจอครบทุกฤดูเลย การขับมอเตอร์ไซค์เที่ยว ทำให้เราได้สัมผัสอากาศจริงๆ ในตอนนั้น ด้วยผิวสัมผัสเราเอง (พูดให้ฟังง่ายๆ ก็เอาหน้าโต้ลม โต้แดด โต้ฝน ไปนั่นแหละค่ะ)


ช่วงทำความเร็วบนถนนใหญ่ ก็บิดกันไปร้อยกว่า หูอื้อเลย ลมบาดหน้า หมวกแทบปลิว

หรือช่วงที่เจอฝนก็จอดใส่เสื้อกันฝนก่อนแล้วค่อยลุยกันต่อ ไม่มีอะไรหยุดเราได้ เพราะเราเตรียมพร้อมมาแล้วค่ะ

เราเตรียมเสื้อกันฝนกันมาด้วยทุกคน ดูพยายกรณ์อากาศแล้วว่า ฝนมาแน่ๆ ใส่ชุดกันฝน ห่อของทุกอย่างดีแล้ว ก็ลุยต่อ

ช่วงแดดเนี่ย ดีสุดละ เพราะเรามั่นใจในความพร้อมของเครื่องแบบเรา เริ่มจาก หมวก ผ้าคลุมหน้า แว่น เสื้อแขนยาว เกงขายาว ซันบล๊อค ลมที่วิ่งผ่านไปตลอดมันก็ทำให้เราไม่ได้ร้อนอะไร กำลังดีเชียว

ช่วงสภาพอากาศที่เราไม่คาดคิดที่สุด นั่นคือ ช่วงหมอก หมอกแบบในหนัง The mist เลย ตอนนั้นเป็นช่วงที่เดินทางจากวัดเฉลิมพระเกียติลำปาง กลับไปเชียงใหม่

(ตามไปดูได้ที่ "วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์" มหัศจรรย์แห่งศรัทธา)


เป็นเส้นทางที่ถนนที่ตัดผ่านยอดภูเขา หลายสิบลูก อื้อหือออ สวยมาก สวยจนบอกไม่ถูก ฟินกับทางช่วงนั้นมาก ถ่ายรูปมาเยอะเลย แต่ไม่ค่อยชัด ฮ่าๆๆๆ ปัดโถ่!!!


เป็นสามวันที่สนุกมากจริงๆ เชิญรับชมการเดินทางวันที่สองได้ค่ะ //ผายมือ



อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน มาถึงพร้อมกับฝนเม็ดใหญ่ๆเลย มาถึงประมาณ 4โมงเย็น อากาศก็เย็นๆชื้นๆ

ที่นี่เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่สวยมาก และใหญ่มาก มีหลายบ่อ หลายระดับความร้อนด้วย ระบบการจัดการอุทยานก็ดี มีที่พัก ร้านอาหาร มีห้องอาบน้ำ เป็นระเบียบไปหมดทุกอย่าง ต้นไม้ก็เยอะ อากาศดีมาก เหมาะกับการจิบเบียร์ (เอาจริงๆ อากาศแบบไหนก็เหมาะกับเบียร์นะ)





เมื่ออากาศเย็นๆของฝนตก มาโดนกับผิวของน้ำพุร้อน ก็เลยทำให้เกิดหมอกจางๆและควันสวยๆ ฟุ้งๆแบบนี้




น้ำพุร้อน นี่ผุดมาจากพื้นเห็นๆเลย




มีป้ายเตือนเป็นบางบ่อ เพราะแต่ละบ่อ ร้อนไม่เท่ากัน บ่อไหนไม่ร้อนมากก็เล่นน้ำได้ แต่ถ้าเห็นป้ายแบบนี้ อย่าลงไปเชียว ไข่สุกแน่ๆ





บ่อต้มไข่ และแผ่นป้ายคู่มือ ถ้าต้มตามเวลาที่เค้าบอก ไข่จะออกมาเป็นไข่ออนเซ็นเลย คือไข่แดงจะแข็งระดับนึง ไข่ขาวเหลวๆ อร่อยกำลังดีค่ะ





มาถึงแล้วก็ต้อง ทำ mission ให้สำเร็จ มาบ่อน้ำพุร้อน ก็ต้องต้มไข่ เอาตะกร้าเกี่ยวไม้แล้วจุ่มลงไปเลย ถ้าตะกร้าที่มีไข่น้อยหรือเบาไป ไข่จะลอยออกจากตะกร้า ระวังนิดนึง เสียดายของ แล้วก็รอนั่งรอ แม๊กกี้เตรียมให้พร้อม ไข่ได้ที่แล้วก็บรรจงแกะเปลือกแล้วกินเลย ฟินมาก (แกะเปลือกไปทิ้งให้เรียบร้อยนะคะ ช่วยกันรักษาความสะอาดค่ะ)





ลำธารน้ำเย็นเจี๊ยบบบบบ น้ำไหลมาจากภูเขา มาบรรจบกับน้ำที่ไหลมาจากบ่อน้ำพุร้อน แล้วไหลรวมกันไปเป็นลำธาร น้ำร้อนมีหลายบ่อ สีเขียวคนละเขียวด้วย และอุณหภูมิแต่ละบ่อก็ไม่เท่ากัน ส่วนที่เห็นบ้านหลังๆนั่นคือห้องอาบน้ำพุร้อน มีค่าใช้จ่ายเล็กน้อยค่ะมีป้ายคำเตือนว่า ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ โรคความดันโลหิต ห้ามลงแช่นะคะ ระวังด้วยค่ะ





นี่คือบ่อภายในห้องอาบน้ำ ค่าอาบคนละ50บาท อาบจนกว่าจะพอใจเลย แต่พอเอามือจุ่มลงไปเท่านั้นแหละ ร้อนมาก คือร้อนจนคิดว่า มันแช่ได้จริงๆหรอ คือต้องเอาน้ำลูบแขน ลูบขา ปรับสภาพกันอยู่นานเลย มันร้อนไป

อาจเพราะเป็นครั้งแรกที่ลงแช่น้ำพุ คิดว่าจะชิลกว่านี้ มันไม่ใช่อย่างที่คิด มันร้อนไปหน่อยสำหรับเรา แต่คนอื่นเค้าก็แช่กันได้นะ ก็เลยทนๆ จุ่มๆไปได้สักพัก พอก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะสุกซะก่อน





โซนที่พัก คืนนี้เราพักในอุทยาน บ้านเป็นหลังๆ สองห้องนอน หนึ่งห้องน้ำ มีห้องนั่งเล่น มีพัดลม ทีวี และที่สำคัญ มีเครื่องทำน้ำอุ่นด้วย สบายหล่ะวันนี้ ไม่ต้องทนกับน้ำเย็นแล้ว





เช้ามาเก็บข้าวเก็บของ แล้วก็ออกเดินทางกันต่อ ไปวัดเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งเป็น unseen thailand แห่งหนึ่งเลยค่ะ ขึ้นเขาไปเหนื่อยมาก แต่สิ่งที่ได้เห็นเรียกว่าเกินคุ้มค่ะ


ติดตามรีวิวอีกสองวันต่อได้ที่


วันที่1 :บิดสองล้อไปนอนเล่น เดินเล่น ที่บ้านแม่กำปอง


วันที่3 :"วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์" มหัศจรรย์แห่งศรัทธา

ความคิดเห็น