เดินเท้า อาบป่า ดื่มสุราเมืองแพร่ วิสาหกิจชุมชน

แพร่ ถึงจะเป็นเมืองรอง แต่เป็นรองแค่ชื่อ ของดี ของล้ำๆ เพียบ!!
เปิดตัวหน้าฝนแบบนี้ พลาดไม่ได้ที่เรา 2 คน จะพาทุกคนไป แอ่วเหนือ กัน ทริปนี้จุดหมายปลายทางเราอยู่ที่ ต.สะเอียบ จ.แพร่ ทริปนี้พิเศษสุดๆ เพราะเราได้ร่วมเดินทางกับ "มีเดียทริป" และ "วิทยาลัยชุมชนแพร่" ที่พาเราไปในสถานที่ สุด exclusive แต่ยังคง concept ที่ทุกคนก็สามารถเที่ยวตามได้สบายมาก
:
ถ้าพร้อมแล้ว มาเดินทางไปด้วยกันเลยนะ
การเดินทาง: ทริปนี้พามาเปลี่ยนบรรยากาศนั่ง รถทัวร์ ยาวๆกับเบาะนวดหลัง และแอร์สุด Cool นั่งลงที่ บขส.แพร่เลย

ที่พัก คืนแรกเราพักกันที่Kinnotel โรงแรมน่ารักสไตล์ญี่ปุ่น ญี่ใจ (Location เดียวกับโรงแรมน้ำทอง) จะบอกว่าที่ Kinnotel เป็นโรงแรมแสงดีมาก ตกแต่งน่ารัก พนักงานก็น่ารัก ใจดีทุกคน แถมมีคาเฟ่ Halyn Matcha Cafe ด้วยนะใครเป็นสายมัทฉะต้องลองเลย (แอบกระซิบว่าตอนนี้ Kinnotel มีโปร Grand Opening ราคาดีมาก)

หลังจากนอนกันเต็มอิ่ม เช้ามาก็เริ่มทริปกันเลย
เราออกเดินทางจากโรงแรม มุ่งหน้าไป จุดเช็คอินแรกที่ ผาอิงหมอก (อิงใจ) เขตอุทยานแห่งชาติแม่ยม ใช้เวลาเดินทางไม่นานเราก็จะถึงผาอิงหมอกกันแล้ว

มาถึงแล้วก็เริ่มเดินขึ้นไปผาอิงหมอกกันเลย
:
เป็นโอกาสดีที่เราเจอ พี่น้อย ปราชญ์ชุมชน ที่อธิบายเรื่องราวเกี่ยวกับแม่น้ำยม ป่าสักและข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับธรรมชาติให้เราได้ฟัง ได้ข้อมูลเยอะแยะเลย

จุดแรกที่เราเดินขึ้นไปแล้วเจอ พี่น้อยบอกว่าเป็น "รอยเท้านกยูง" น้องเท้าใหญ่เอาเรื่องอยู่นะเนี่ย

วิวจาก ผาอิงหมอก มองลงไปคือเป็นแอ่งสักทอง และพรรณไม้อื่นๆ อีกมากมาย มองได้แบบสุดลูกหู ลูกตา เลย

ดื่มด่ำ กับจุดนี้กันซักพักเราก็มุ่งหน้าไปกันต่อที่จุดเช็คอินถัดไปที่ หล่มด้ง กันต่อเลย
จุดนี้ก็จะมีเจ้าหน้าที่ อท. ให้ข้อมูล แต่ละ Hilight ของที่นี่กันยาวๆ
:
จริงๆ แล้วหล่มด้ง เป็นแอ่งน้ำที่อยู่บนยอดเขานะ ตามข้อมูลสันนิษฐาน คาดว่าน่าจะเคยเป็นปล่องภูเขาไฟ มาก่อน ที่หล่มด้ง ยังเป็นจุดที่มีไข่ผำที่อยู่ในแหล่งน้ำอีกด้วย สมัยก่อนชาวบ้านมักจะเดินเท้าขึ้นมาเก็บเพื่อนำไปประกอบอาหาร ต้มยำ ทำแกง ว่ากันไป

จุดนี้ ถ้าเป็นฤดูที่สามารถกางเต้นท์ได้ สายแค้มป์ก็สามารถติดต่อทางอุทยานฯเพื่อเข้ามากางเต้นท์พักแรมกันได้เลยนะ
:

หลังจากนี้เราจะเดินเท้าเข้าป่าไปจุดเช็คอินต่อไปกันเลยที่

มหัศจรรย์ต้นสมพง และดงตะแบก

ต้นสมพง คือใหญ่มากๆ โอบยังไงก็ไม่มิด คิดดูว่าต้องใช้ระยะเวลานานเท่าไหร่ถึงจะได้ต้นใหญ่ขนาดนี้

ระหว่างทางที่เดินเข้าป่าเราก็จะได้เจอกับธรรมชาติ ความสดชื่น ต้นไม้นานาพรรณ
แถมยังมีทั้งพี่เจ้าหน้าที่ และพี่น้อย ที่คอยให้ความรู้ ต่างๆ

ถัดจากต้นสมพงมา ตามภาพด้านล่าง "เถาวัลย์น้ำ" เราได้เกล็ดความรู้เล็กๆน้อยๆ คือ เถาวัลย์ที่เราจะใช้ดื่มน้ำเผื่อเวลาฉุกเฉินที่อยู่ในป่า แล้วขาดน้ำ ให้สังเกตุคือ ต้องเป็นเถาวัลย์ที่พันขึ้นต้นไม้ทางขวา เราถึงจะอาศัยจิบน้ำจากน้องได้

และถัดมาเรียกว่าเป็นจุด Hilight เลย คือ ดงตะแบก จุดนี้คือ ดีมาก แสงสวย ต้นตะแบกเรียงกันเป็นแนว ลำต้นใหญ่ มองแล้วสบายตามากๆ

ดงตะแบก เป็นจุดที่ถ่ายเราถ่ายรูปกันเยอะมาก แสงสวย แดดดี บรรยากาศ ได้ ใครได้มาจุดนี้บอกเลยว่าใช้คำว่าสวยได้เปลืองมาก

ถึงตอนนี้จบเส้นทางศึกษาธรรมชาติหล่มด้ง-ดงตะแบก แบบสวยๆ ไปเลย

จุดเช็คอินถัดไปจะเป็น แก่งเสือเต้น : พี่เจ้าหน้าที่บอกว่าถ้าเป็นช่วงเดือนมี.ค-พ.ค จะสามารถลงเดินสำรวจรอยเท้าสัตว์ต่างๆได้ บริเวณแก่งเสือเต้นยังเป็นพื้นที่อนุบาลสัตว์อีกด้วยนะ ก่อนจะไปดูรูปพื้นที่แถวแก่งเสือเต้น เค้าบอกว่าที่มาของแก่งเสือเต้น มาจาก สมัยก่อนเสือปลาจะกระโดดข้ามก้อนหินเพื่อมาหาอาหาร จึงมีรอยเท้าเสือบนแก่งหินกลางแม่น้ำ ที่มาเจ๋งสุดๆ

แก่งเสือเต้น ยินดีต้อนรับค่ะ

ก่อนจะเดินสำรวจกันเราก็มาจอยมื้อเที่ยงกันก่อน กับ "ขนมจีน เขียวหวาน แคปหมู น้ำพริกน้ำย้อย" เป็นครั้งแรกของการกินน้ำพริกน้ำย้อย ที่แบบอร่อยล้ำมาก กินไปพูดคุยไป จอยมาก

หลังอิ่มท้องเราก็เดินเล่น พักผ่อนหย่อนใจ...จะบอกว่าแก่งเสือเต้น จริงๆ เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวก็สามารถมากางเต้นท์ได้นะ บรรยากาศจะดีมาก หรือเผื่อใครอยากนอนบ้านพักเค้าก็มีให้บริการเหมือน ติดต่ออุทยานแห่งชาติแม่ยมได้เลย

เสร็จกิจกรรมที่แก่งเสือเต้นเราก็ออกเดินทาง แวะจิบกาแฟที่ ร้านกาแฟเขาสะเอียบ ก่อนเปลี่ยนรถเพื่อเดินทางต่อที่ดงสักงาม ไปบวชป่ากันทุกคน

หลังจิบกาแฟ กินของหวาน จนอิ่มอกอิ่มใจก็เปลี่ยนรถเพื่อเดินทางเข้า ดงป่าสัก กันทุกคน

เส้นทางไม่ได้ยากลำบากมาก นั่งโยก ยืนโยก สนุกๆ ใช้เวลาไม่นานก็จะถึงจุดที่ทีมเราจะเริ่มทำพิธีบวชป่ากัน

ขั้นตอนต่างๆ ดูขลัง มีพลัง อินสุดๆ

ดีใจที่เรา 2 คนได้เป็นส่วนหนึ่งของการบวชป่าที่ ดงสักงาม มากๆ

ต้นสัก แต่ละต้นเมื่อถูกผูกด้วยจีวร สีส้ม ยิ่งทำให้ดูมีเรื่องราว และรู้สึกได้ถึงความขลังมาก ดงสักทองที่นี่ส่วนมากแทบจะถูกผูกด้วยจีวรสีส้มกันเกือบหมดแล้ว มีเพียงบางต้นเล็กๆ ที่กำลังเติบโต และกำลังจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของป่าสักทองผืนใหญ่แห่งนี้ที่ลูกหลานทุกคนต้องหวงแหน และอนุรักษ์ให้ยังคงเป็นป่าสักทองที่ใหญ่ที่สุดต่อไป

หลังจากบวชป่ากันแล้ว เริ่มตกเย็นถึงเวลาเดินทางไปที่พัก The Mountain Lodge บรรยากาศดี ทั้งช่วงเช้า ช่วงเย็นเลย ใครตื่นเช้าหน่อยถ้าออกมาด้านข้างโรงแรมอาจจะได้เจอหมอกคลุ้งๆ ฟินๆ ใครมีโอกาศผ่านมาทางสะเอียบปักหมุดที่พักเป็นที่นี่เลย เราแนะนำ

เดินเล่น อาบน้ำ พักผ่อน กันเต็มที่ ก็ถึงเวลามื้อเย็น ก็ได้เวลาชิมสเต็กหมูน้ำโจ้ อันนี้ทีเด็ดเลย อร่อยมาก เนื้อหมูนุ่ม น้ำซอสอร่อย กล่มกล่อม นุ่มลิ้นสุดๆ แถมมีสุราชุมชน ให้จิบพอเป็นกษัย สุราชุมชนที่นี่ก็ไม่ธรรมดานะบอกเลย เป็นวิสาหกิจชุมชน ที่ล้ำมากๆ ขึ้นชื่อสุดๆ

หมูน้ำโจ้ ที่บอกคำเดียวว่าเลิศ

หลังได้ลิ้มรส ทั้งอาหาร และเครื่องดื่มจากมื้อดึกกันแล้ว ก็เข้านอนพร้อมเตรียมตื่นเช้าเพื่อเข้าไปชมกรรมวิธีการผลิตสุราชุมชน exclusive สุดๆ

เช้าวันใหม่ หลังแวะกินข้าวต้ม เราเดินเลยโรงแรมไปไม่ไกล เลี้ยวซ้ายเข้า สักทองแพร่การค้า เข้าชมกรรมวิธีการการผลิตสุรา (แอบบอกว่าสุราที่นี่มีความพิเศษดื่มจนภาพตัด แต่เช้ามาไม่ปวดหัว ที่นี่เค้ามีเคล็ดลับ) พร้อมฟัง คุณป้าสาย เล่าที่มา ที่ไป ของจุดเริ่มต้นการผลิตสุรา ลองผิด ลองถูก จนทุกวันนี้ต่อยอดมาเป็นวิสาหกิจชุมชน และสามารถสร้างรายได้ให้กลุ่มชาวบ้านสะเอียบได้เลย

ใครเป็นสายแอล ห้ามพลาด ซื้อติดไม้ ติดมือกลับไปดื่ม หรือซื้อฝากก็ยังได้ เค้ามีบริการส่งถึงบ้านเลยนะ
:
หลังจากซึมซับกิจกรรม ต่างๆ กันอย่างหนำใจ ก็เตรียมเก็บของเดินทางกลับเข้า อ.เมืองแพร่กันทุกคน
:
ก่อนกลับ แวะร้านกางโต้ง ชิมก๋วยเตี๋ยว รสเด็ด อร่อยถูกปาก

และปิดท้ายกันที่ อุทยานลิลิตพระลอ

แวะเข้าถ้ำปู่เจ้าสมิงพราย

เสียงลือเสียงเล่าอ้าง อันใด พี่เอย

เสียงย่อมย่อยศใคร ทั่วหล้า

สองเขือพี่หลับใหล ลืมตื่น ฤาพี่

สองพี่คิดเองอ้า อย่าได้ถามเผือฯ...

โครงสี่สุภาพจากวรรณคดีเรื่อง ลิลิตพระลอ

สุดท้ายที่พวกเราจะบอกคือ
แพร่ ถึงแม้จะเป็นเมืองรองแต่ ไม่ธรรมดา นะทุกคนบอกเลย เราสองคนทั้งสนุก ทั้งได้ความรู้ ใหม่ๆ ที่เปิดโลกมากๆ จากกิจกรรมทั้งหมดที่เล่า เมืองแพร่ ยังมีที่เที่ยวดีดี สนุกๆ ชิลๆ จอยๆ อีกเยอะเลยนะทุกคน
บอกเลยว่า หน้าฝน ปีนี้ทุกคนต้อง ปักหมุดที่ แพร่ แล้วแหละ

พวกเราจะพาทุกคนไปต่อทริปทริปหน้าที่ไหน ฝากติดตามกันด้วยนะ