ความงดงามของผืนป่า ร่ำสุราชุมชนที่...สะเอียบ อำเภอสอง จังหวัดแพร่
ช่วงเวลาบ่ายจัดๆใกล้เย็นย่ำ แสงแดดอ่อนสาดส่องทะลุร่มใบไม้บริเวณสองข้างทาง บนหลังกะบะเปิดประทุนรถหกล้อขนาดเล็ก ที่กำลังนำพาพวกเราเข้าสู่ ดงสักงาม ผืนป่าขนาดใหญ่ กว่าสองแสนไร่ ของบ้านสะเอียบ อำเภอสอง จังหวัดแพร่ ใช้เวลาประมาณสามสิบนาทีจะต้นทาง ร้านกาแฟเขาสะเอียบ ใกล้ถึงแล้วล่ะ บ่ายวันนี้เรามีนัดทำกิจกรรม บวชป่า....
“บวชป่า” อืมมมม น่าสนใจ น่าค้นหา และน่าเข้าร่วม มันก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางในครั้งนี้นั้นเอง....งั้นไปเริ่มกันตั้งแต่ออกจากบ้านดีกว่าเนอะ
หลังจากแสดงความประสงค์จะเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ และผู้ใหญ่ใจดีมากๆ ได้มอบโอกาสให้เราเข้าร่วมกิจกรรม ที่เหลือคือ จัดเป๋า เฝ้ารอวัน ยิ่งแผนงานการเดินทางรวมทั้งกิจกรรมทั้งหมด เป็นวันอาทิตย์ถึงอังคาร บอกเลยว่าชอบเลย....
เป้าหมายแรกคือ ต้องเอาตัวเราไปให้ถึงแพร่ภายในค่ำคืนวันอาทิตย์ เพราะนัดหมายเข้าป่าคือเช้าวันจันทร์ วิธีไปแพร่ ไม่ว่าจากมุมไหนของประเทศไทย รถไฟ เครื่องบิน รถทัวร์ รถยนต์ส่วนบุคคล เราเลือกขับรถไปเอง จากแม่กลอง ออกเช้าตรู่ ผ่านกรุงเทพ ผ่านนครสวรรค์ ผ่านพิษณุโลก ผ่านอุตรดิตถ์ และอีกหลายๆผ่าน ระหว่างทางมีพักดื่มน้ำ ปัสสาวะ เป็นครั้งคราว
เกือบๆห้าโมงเย็นก็ถึงแล้ว เมืองแพร่ ทางเจ้าภาพได้ติดต่อที่พักไว้ให้แล้ว ชื่อโรงแรมKinnotel หาไม่ยาก ไปตามเข็มทิศ google map สบายมาก ถึงโรงแรมคือ เหนื่อย หาไรกินง่ายๆแถวๆโรงแรมนั้นแหละ แล้วก็นอน พรุ่งนี้เตรียมลุยยาวๆ เอาภาพบรรยากาศโรงแรมมาให้ชมกัน น่ารักดี สไตล์ญี่ปุ่นจ๋าเลย ห้องพักสะอาด สงบ สลบดีกว่า พรุ่งนี้เจอกัน.....
เช้านี้ทางวิทยาลัยชุมชนแพร่ ผู้ใหญ่ใจดีของเรา นัดเจอกันแปดโมงเช้าที่ด้านหน้าโรงแรม เก้าโมงเช้าเคลื่อนตัวสู่ มุดหมายแรก อุทยานแห่งชาติแม่ยม อยู่ในเขต อำเภอสอง จังหวัดแพร่ รถตู้มาตามเวลาเป๊ะ ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง จากตัวเมือง ที่นี่ เราจะมีวิทยากรมาช่วยบรรยาย ความเป็นมาของผืนป่า เรื่องราวในอดีตจนถึงปัจจุบัน คือ มีสาระดีๆมากมายจริงๆ
เอาเป็นว่า ถ้ามาเที่ยว มาชื่นชม มาพักแรม มาซึมซับธรรมชาติ มันก็ดี แต่อันนี้มันคือ ข้อมูล มากมายที่เราไม่เคยรู้จริงๆ ไม่เคยรู้มาก่อน เดี๋ยวค่อยๆทยอยเล่าไปเรื่อยๆนะ ตามมาๆ....
ที่อุทยานแห่งชาติแม่ยม จะมีสามสถานที่ที่เราจะไปเยือน
ผาอิงหมอก
หล่มด้ง
แก่งเสือเต้น
ผาอิงหมอก ตามชื่อเลย จุดชมวิวทะเลหมอก แต่วันนี้มาสายไปนิสนึง ไม่มีหมอกแต่มี ทะเลป่าแบบเขียวทึบ เขียวอึดๆ พี่เล็ก ปราชญ์ชุมชน ได้ให้เกียรติมาบรรยายเรื่องราวของผืนป่าเบื้องล่าง คือเป็นป่าสักขนาดใหญ่ที่สุดในโลก อายุนับร้อยปี แหล่งกำเนิดต้นน้ำ สัตว์ป่า และยังเป็นถิ่นหากินของพวกเค้าด้วย แก่งเสือเต้น ก็อยู่ในบริเวณนี้ คือมันกว้างใหญ่ไพศาล ขนาดพื้นที่ประมาณ สามหมื่นไร่ เห็นกับตาตัวเองต้องบอกว่า โคตรป่าจริงๆ
พี่เล็ก น้าเล็ก ลุงเล็ก แล้วแต่จะเรียก ปราชญ์ชุมชน ผู้บรรยายความรู้มากมายของที่นี่...
ป่าแน่นแน่น....
เลยมาประมาณกิโลเดียว ก็มาถึง หล่มด้ง มาทำความเข้าใจกันก่อนเลย หล่มด้ง คือ แผ่นดินที่ยุบตัวบนเขา กลายเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ คล้ายกระด้งประมาณนี้ ในช่วงฤดูฝนจะเป็นที่กักเก็บน้ำไว้ในช่วงหน้าแล้ง ไว้ให้สัตว์ป่า ลงมากิน ยังมีผำ น่าจะเป็นพืชน้ำชนิดหนึ่ง อันนี้คนกินได้นะ จะลอยตัวอยู่บริเวณผิวน้ำ ที่หล่มด้งจะมีจุดกางเต็นท์ มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ เดินไม่ยากไม่ไกล มีไถลบ้างเล็กน้อย ฝนพึ่งตกเมื่อคืน วันนี้เส้นทางเลยลื่นนิดหน่อย
หล่มด้ง วันนี้ยังไม่มีน้ำ...
ตามเส้นทางมีสิ่งน่าสนใจเยอะนะ ต้นสมพงษ์ยักษ์ อายุรุ่นทวด มีร้อยปีขึ้น น่าจะเป็นไฮไลต์ที่ใครๆต้องเข้าไปถ่ายภาพเก็บเป็นที่ระลึกกลับไป ดงตะแบกยักษ์ คือมีแต่ต้นไม้ไซส์จัมโบ้ทั้งนั้น เถาวัลย์น้ำ อันนี้ดี ใครเข้าป่าแล้วหลงป่า หรือน้ำหมดขาดน้ำ ก็สังเกตดีๆ ตัดเอาน้ำมาดื่มช่วยได้จริง นี่ยังไม่รวมกับ พันธุ์ไม้อื่นๆอีกเพียบ ไปดูรูปดีกว่า บรรยายเดี๋ยวไม่เห็นภาพ แต่บอกเลยว่า โคตรป่าครั้งที่สอง....
คุณทวดต้นสมพงษ์ยักษ์....
ดงตะแบก นี่ก็น้องๆยักษ์.....
เรียกรวมๆว่า ความงดงามของธรรมชาติ...
จุดสุดท้ายที่เราไปเยือน แก่งเสือเต้น บอกเลยว่า นอกจากการมาบวชป่า ที่นี่คือที่ที่เราอยากมามากที่สุด เคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้อยู่บ้าง แต่ไม่เคยเห็นกับตาตัวเอง วันนี้มายืนอยู่ตรงนี้แล้ว เจ้าหน้าที่บอกว่า ที่เรายืนอยู่ตรงนี้ คือศูนย์กลางของพื้นป่าแห่งนี้เลย ทำไมมันรู้สึกดี ดีมากมาก....
ตรงนี้เลย ที่พี่เจ้าหน้าที่บอก…
ในสมัยโบราณกาล จะมีเสือข้ามห้วย มาหาอาหาร เลยได้ชื่อว่า แก่งเสือเต้น แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมชื่อแก่งเสือเต้น ช่างมันเถอะ อาจจะฟังมาไม่ครบ มัวแต่ไปถ่ายภาพอ่ะ ปัจจุบัน เราแทบจะไม่ได้เห็นเสือตัวเป็นๆแล้ว ด้วยความที่เป็นสัตว์ที่มีสัญชาตญาณสูงมาก กลิ่นมนุษย์ กลิ่นหอมจากเครื่องประทินโฉม หรือกลิ่นอะไรก็แล้วแต่ที่ไม่เป็นธรรมชาติ สัตว์พวกนี้เผ่นหนีหมด หากินแต่ในป่าลึก ก็ดี เรารบกวนพวกมันแค่นี้ก็มากพอแล้วเนอะ
หลายครั้งที่พี่เล็ก พูดซ้ำๆวนๆ เกี่ยวกับการอนุรักษ์ผืนป่าแห่งนี้ มันเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าและยังเป็นที่อยู่อาศัยของคนที่นี่ โดยส่วนตัวบอกเลยว่า สัตว์ป่า ป่า คน เราอยู่ร่วมกันได้ ถ้าคนรักป่า สัตว์ป่า กับต้นไม้ พูดไม่ได้ แต่คนพูดได้นี่ พอแค่นี้ก่อนดีกว่า.....
ออกจากแก่งเสือเต้น คือ ออกจากอุทยานแห่งชาติแม่ยม ถึงเวลากิจกรรมสำคัญสำหรับทริปนี้ ลืมบอกว่าเราพักทานเที่ยงกันที่ แก่งเสือเต้น เป็นเมนู ขนมจีนแกงเขียวหวาน มีแคปหมูกับน้ำพริกน้ำย้อย อันนี้รีวิวสั้นๆ อร่อยมากกกก.....
อร่อยจนถ่ายไม่ทัน ได้มาหนึ่งภาพถ้วน
ระยะทางจาก อุทยานแห่งชาติแม่ยม มาถึงบ้านสะเอียบ อำเภอสอง เป็นจุดที่เราจะต้องเปลี่ยนจากรถตู้ เป็นกะบะเปิดประทุน เพื่อเข้าไปยังจุดบวชป่า ดงสักงาม มันประมาณเกือบชั่วโมง ก็มีเวลาได้งีบซักพัก ดีงามเลยทีเดียว
พักชมภาพยนตร์สั้นๆกันก่อนได้นะ เดี๋ยวค่อยไปต่อ https://youtu.be/YrGBloEi2kg
ตัดภาพมาที่ ร้านกาแฟเขาสะเอียบ จุดเปลี่ยนรถ ก่อนเปลี่ยนรถ ก็ ชา กาแฟ ขนม ยามบ่ายกันก่อน พออิ่มนิดๆก็กระโดดขึ้นรถ เตรียมตัวไปกันต่อ
รสชาติดีจริงๆ…
จากร้านกาแฟเขาสะเอียบ ประมาณครึ่งชั่วโมง ก็ถึงที่หมาย ระหว่างทางก็เพลินเพลินดีนะ นานแสนนานที่ไม่ได้นั่งท้ายรถกระบะ รวมๆกันหลายๆคนแบบนี้ เฮฮาดี ไปต่อๆ...
เพลินเพลินดีแท้...
พิธีบวชป่า ของชาวสะเอียบ มีรูปแบบง่ายๆ ไม่มากพิธี แต่มีมนต์เสน่ห์ แฝงไปด้วยปรัชญาแห่งการอนุรักษ์ผืนป่า อนุรักษ์สัตว์ป่า อนุรักษ์ถิ่นฐาน ผืนแผ่นดินที่เรายืนอยู่ตรงนี้ ก็คือผืนดินที่เรามองมาจากผาอิงหมอก ความเขียวทึบที่เราเห็นจากข้างบน ตอนนี้เราลงมาอยู่กับมันแล้ว มาสัมผัส มารับเอาไออุ่นจากผืนป่า
ก่อนเริ่มพิธี ต้องมีการบรรยายความกันก่อน…
ง่ายง่าย แต่ความหมายแฝงดีชะมัด…
เราว่ามันคือ วิธีการที่ทำให้เราได้เห็น ได้จับต้อง ได้รู้ถึงความหวงแหนของคนรักป่าจริงๆกลับไปที่พิธีบวชป่า อย่างที่บอก ไม่มากพิธี นิมนต์พระมาสวด แล้วตั้งจิตอธิษฐานกันตามสะดวก จากนั้นนำผ้าไตรจีวร ไปพันรอบๆต้นไม้ ไม่จำเป็นต้องเป็นต้นสักนะ ต้นไหนก็ได้ เป็นอันเสร็จพิธี....
ประสบการณ์ใหม่ ล้ำค่า....
จบครบทุกกิจกรรมในช่วงเช้าถึงเย็น วันเราย้ายมาพักที่ The Moutain lodge กว่าจะถึงที่พักก็เกือบหกโมงแล้ว คืนนี้เค้ามีเมนูเด็ดมาให้ชิมด้วย เป็น หมูน้ำโจ้ สูตรเฉพาะของที่สะเอียบเลยนะ แล้วยังมี สุราท้องถิ่น มาให้ลองชิมกันด้วย ใครใคร่ดื่มดื่ม ใครใคร่เมาเมา เอาให้พอดี ใครไม่พอมีเติมทั้งคืน ส่วนเราของเบาๆนิดหน่อยพอ วันนี้เหนื่อยอยู่ ขอตัวไปนอนก่อนดีกว่า พรุ่งนี้ไปกันต่อ.....
วันนี้ลากันด้วยหมูน้ำโจ้ อันนี้เด็ดเลย…
เช้าที่ The Mountain lodge วันนี้เบาแล้ว เช้ามาก็ไปกินข้าวต้ม the sakthong cafe รับ ชา กาแฟ พร้อมแล้วก็ไปรับชมรับฟังการบรรยาย การผลิตสุราชุมชนจาก ศูนย์ชุมชนต้นแบบ (วิสาหกิจชุมชนสุราสักทองแพร่) โดย ป้าสาย ผู้สืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่น ในการผลิตสุรามีตั้งแต่ยุคบรรพบุรุษ คือ ป้าสายนี่ของจริงเลย....
ภาพบรรยากาศยามเช้าที่ The Mountain lodge
the sakthong cafe
ว่ากันตั้งแต่เป็นสุราเถื่อน แอบต้มแอบหมัก แล้วเอาไปขุดหลุมซ่อนกันในป่าสัก เจ้าหน้าที่มาตรวจก็ไม่มีทางเจอ ขนาดบางทีคนเอาไปฝังไว้ยังจำไม่ได้ ปัจจุบัน ได้ทำการผลิตแบบถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่างแล้ว ในนาม สุราสักทองแพร่ อันเลื่องชื่อระบือไกล ถ้าอยากทราบประวัติแบบยาวยาว ขอเชิญมาที่ สะเอียบ อำเภอสอง จังหวัดแพร่ ได้เลย ที่นี่เค้าไม่มีหวงวิชา ใครตักตวงไปได้เท่าไหร่เชิญ ป้าสาย ใจดีมากมาย มีภาพสายการผลิตมาฝากด้วย
นิดนึงลืมบอก ทั้งร้านอาหารเช้าและศูนย์ชุมชนฯ อยู่ติดกับ The Mountain lodge เลย เดินไปไม่ถึงสามนาทีก็ถึงแล้ว
ออกจากสะเอียบ ก็ถือว่าจบภารกิจหลักๆแล้วล่ะ ระหว่างทางกลับแพร่ ได้แวะเข้าชม อุทยานลิลิตพระลอ เอาเท่าที่จำได้จริง คือน่าจะเป็นวรรณกรรมหรือวรรณคดีไทย ที่เคยเรียนสมัยเด็กมาก ซึ่งในขณะที่มายืนอยู่ตรงนี้ จำได้แค่นี้จริงๆ แต่ชอบบรรยากาศที่นี่มากๆ ต้นไม้เยอะ ร่มรื่น มีในส่วนของถ้ำจำลอง ภายในมีการทำลายนูน น่าจะเป็นเรื่องราวของสถานที่นี้ ส่วนใครอยากรู้ประวัติความเป็นมา google เลยไม่ยาก เรามีภาพมาฝาก.....
จบครบทุกกิจกรรม สนุกกับทุกกิจกรรม ดีใจที่ได้เจอเพื่อนใหม่ แนวร่วมสายเที่ยว สายดื่ม ไว้มีโอกาสคงได้เจอะเจอกันอีก
ขอขอบคุณ วิทยาลัยชุมชนแพร่ Phrearich ผู้ใหญ่ใจดีทุกๆท่านเลยครับผม
....จบบริบูรณ์.....
คน ฟ้า ป่า น้ำ
วันพฤหัสที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 เวลา 18.48 น.