ถ้าคุณอยากเห็นวิวกรุงเทพยามค่ำคืนคุณอาจต้องขึ้นลิฟต์ไปบนตึกใบหยก แต่หากคุณมายังเมือง สิงหลา นี้แล้วอยากชมวิวเมืองสงขลา คุณอาจเลือกขึ้นกระเช้า หรือเดินจำ้เอ้า จ้ำเอ้า ทางบันไดได้
พันพรือ
อรุณสวัสดี หนีห่าว อันยองฮาเซโย good morning ... เช้านี้เราจะพาทุกท่านไปยังสถานที่หนึ่งอยู่ในตัวเมืองสงขลานี้เอง เนินเขาสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,000 ฟุต สถานที่ที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองสงขลาได้โดยรอบ เห็นทั้งน้ำ เห็นทั้งเขา และที่สำคัญสามารถมองเห็นเราได้จากที่นี่ด้วย
พิกัดเขาตังกวน >> เขาตังกวน << https://goo.gl/maps/TVH2wukVQB..
หากขับมาตามถนนสุขุม เทศบาลนครสงขลา วิธีมีอยู่ไม่มากนัก (ทางเดินมันมีอยู่ไม่มากนัก อิอิ) สำหรับผู้ที่กระดูกกระเดี้ยวไม่ค่อยดี หรือสันทัดกับความสบายหน่อย ก็สามารถมายังสถานีลิฟต์เขาตังกวน เทศบาลนครสงขลาได้ ณ บริเวนถนนตัดระหว่างเขาตังกวนและเขาน้อย เพื่อไปยังจุดหมาย
เวลาทำการ
วันจันทร์- ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 09.00 - 18.00 น.
วันหยุดราชการตั้งแต่เวลา 08.00 - 18.00 น.
ค่าโดยสารท่านละ 45 บาท ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติราคาเท่ากัน
แต่สำหรับความท้าทาย ใครอยากวัดกำลังวังชาและกำลังขา อีกทั้งยังสามารถเดินเที่ยวเล่นชมวิวสัมผัสธรรมชาติด้วยก็ขับเลยไปอีกสักหน่อย ทางเดินเท้าไปบนบันไดพญานาค จำนวน 145 ขั้น รอท่านอยู่และสำหรับเส้นทางของเราให้ทาย คุณคิดว่าเราเลือกทางไหน
ศาลาพระวิหารแดง
หากเดินมาได้สักหนึ่งเหนื่อย เราจะพบกับสถาปัตยกรรมสีแดงที่เห็นโดดเด่นมาแต่ไกล โดย ร.4 มีพระราชดำริให้สร้างพลับพลาที่ประทับนี้แต่ยังคงสร้างค้างอยู่ ต่อมา ร.5 เสด็จประพาสแหลมมลายูถึงเมืองสงขลา พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินขึ้นนมัสการพระเจดีย์บนยอดเขาตังกวน จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างศาลาพระวิหารจนสำเร็จในเวลาต่อมา แล้วยังทรงพระราชดำริให้สร้างบันไดพญานาคขึ้นจาก พลับพลา สำเร็จเรียบร้อยในปี พ.ศ. 2440 (สำนักงานภาคีคนรักเมืองสงขลาสมาคม, 2016)
บริเวณหน้าศาลาพระวิหารแดงเป็นบริเวณที่เห็นทิวทัศน์ได้ ส่วนลักษณะภายในเป็นเสามีช่องทางเดินทะลุถึงกันแต่ละช่องมีขนาดเท่ากันและเป็นแบบเดียวกันทั้งหมดหากมองจากด้านหน้าจะสามารถมองเห็นทะลุไปจนถึงด้านหลัง
Rooftop on the mountain
ถัดจากศาลาพระวิหารแดง เกร็งกล้ามขากันอีกนิดและก้าวกันไปอีกหนึ่งอึดใจ ส่วนที่อยู่บนสุดของเขาตังกวนแห่งนี้ เราจะพบกับหนึ่งในโบราณสถานที่สำคัญของเมืองสงขลา ตั้งโดดเด่นสูงสง่างามสามารถมองเห็นได้จากทุกมุมเมือง นั่นคือ "พระเจดีย์ก่ออิฐถือปูนทรงระฆัง"
ในรัชกาลที่ 9 โปรดเกล้าพระราชทาน พระบรมสารีริกธาตุ และเครื่องสักการะบูชาประดิษฐานไว้ ณ พระเจดีย์หลวงแห่งนี้ด้วย โดยรอบ ๆ เจดีย์หลวงหากเริ่มเดินวนขวาตามเข็มนาฬิการอบองค์เจดีย์มีจุดสักการะอยู่ 6 จุดด้วยกัน คือ
จุดที่ 1 พระสยามเทวาธิราช จุดที่ 2 พระพรหม จุดที่ 3 หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ จุดที่ 4 สมเด็จพระพุฒาจารย์โต และพระปรมาจารย์ทองเฒ่า วัดเขาอ้อ พัทลุง จุดที่ 5 รัชกาลที่ 5 จุดที่ 6 องค์พระพุทธชินราช และพระธาตุเจดีย์หลวง
และนอกจากจะได้สัการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อเป็นศิริมงคลแล้ว สิ่งที่ฮิวใจไม่แพ้กันเลยก็คือวิวเมืองสงขลาที่เห็นได้แบบ 360 องศา ณ ยอดเขาแห่งนี้ด้วย
อีกหนึ่งจุดสำคัญที่เป็นอีกไฮไลท์ก็คือ ประภาคาร อาคารที่สร้างในสมัย ร.5 โดยกรมทหารเรือ
บทจบก่อนหลบบ้าน
แดดที่แยงตามิอาจส่องสว่างไปถึงก้นบึงของหัวใจ สำหรับใครที่ได้มีโอกาสมาเยือนยังเมือง สิงขร หรือเมืองสงขลา สถานที่แห่งนี้เป็นหนึ่งที่ที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งที่ควรบรรจุลงในโปรแกรมที่ท่องเที่ยวที่ควรแวะมาเยี่ยมเยือน รับรองได้เลยว่าน่าจะตื่นตาตื่นใจกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม สถาปัตยกรรมที่เก่าแก่งดงามและทรงคุณค่า อย่างแน่นอน
ปล. ก่อนกลับช่วงเย็น ๆ หรือใครว่างอยากเดินย่อยมื้อเย็นยามค่ำคืน หาดสิมิหลา ก็เป็นอีกหาดที่มีชื่อเสียง และสวยสงบงดงามเป็นอย่างมาก อย่าลืมแวะไปถ่ายรูปคู่กับนางเงือกสาวสุดสวยกันด้วยนะ
สวัสดี
- เสือซ่อนยิ้ม -
เสือซ่อนยิ้ม
วันศุกร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2566 เวลา 11.05 น.