รีวิวกาญจนบุรี : 2 วัน 1 คืน พักผ่อน เที่ยวคาเฟ่ถ่ายรูปชิว ๆ
ทริปนี้เกิดจาก อยากหาเวลาพักผ่อนจากงานค่ะ ไม่ได้ไปต่างจังหวัดนานแล้ว .. เผอิญเห็นฟีดใน Facebook ขึ้นคาเฟ่กาญจนบุรีมา ก็เลยตัดสินใจปุ๊บปั๊บเลย มาอัพเดทคาเฟ่ถ่ายรูปชิว ๆ สักหน่อย
จากกรุงเทพขับรถมากาญจนบุรี ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ที่แรก เรามาที่คาเฟ่ "W Story Cafe กาญจนบุรี"
คาเฟ่นี้อยู่ภายในบริเวณวัดถ้ำเขาปูนนะคะ ซึ่งเข้าไปคือมีคาเฟ่หลายร้านมาก ๆ ซึ่งทุกร้านวิวดีหมดเลย ใจจริงอยากกินทุกร้าน แต่ไม่ไหว ก็เลยเลือกร้านนี้
วิวคือหลักล้านมาก วิวภูเขา แม่น้ำแควกาญจนบุรี แบบพาโนราม่าเลย สวยมากๆ
บอกตรง ๆ ว่าลืมรสชาติเครื่องดื่มที่สั่งไป เพราะว่ามัวแต่ถ่ายรูปกับชื่นชมวิวตรงหน้าค่ะ แดดร้อนไปสักหน่อยก็สู้สุดใจ แต่จริง ๆ ร้านก็มีทั้ง indoor และ Outdoor นะคะ พอดูวิวและถ่ายรูปร้อน ๆ ก็เข้าไปตากแอร์ได้
ยกให้เป็นอีกหนึ่งในคาเฟ่กาญจนบุรีที่ชอบเลย พอได้มาเห็นวิวแบบนี้ก็เหมือนได้พักผ่อนจริง ๆ แล้ว จิบกาแฟดูวิวภูเขาแม่นํ้า ไม่มีอะไรดีเท่านี้อีกแล้ว
คาเฟ่อยู่ในเมืองกาญนะคะ มาไม่ยาก รอบหน้าถ้ามีโอกาสมากาญจนบุรีอีก ก็คงจะแวะมาอีก มาลองกินขนม รอบนี้ไม่ได้กินเพราะจะไปกินข้าวต่อ ใครมาเที่ยวกาญจนบุรี และหาร้านคาเฟ่สวยๆ วิวหลักล้าน แนะนำเลยค่ะ
"W Story Cafe กาญจนบุรี"
เปิดบริการ : 08.30 - 18.00 น. (เปิดทุกวัน)
https://maps.app.goo.gl/HE6UA4tCTkqf59cL9?g_st=ic
ร้านที่ 2 เนื่องจากเรายังไม่ได้กินข้าวมา เลยจะไปร้านอาหารกันค่ะ ร้านมีชื่อว่า
"Keeree Mantra Restaurant" หลายคนคงรู้จักดีอยู่แล้ว ร้านดังในกาญจนบุรี ทางเรามากาญกี่รอบก็แวะทุกรอบเหมือนกัน แต่ที่ผ่านมาแวะแค่คาเฟ่ และอาหารอิตาเลียน แต่ยังไม่เคยได้ลองอาหารไทย ก็เลยถือโอกาสมาลองอาหารไทย
อาหารโดยรวมอร่อยดีค่ะ ส่วนตัวคิดว่าราคาคุ้มค่ากับคุณภาพ อร่อย และก็จานใหญ่ มาสองคน สั่ง 3 อย่าง กินไม่หมด ปลาตัวใหญ่มากๆ ชอบทุกอย่างค่ะ แต่ถุงทองส่วนตัวคิดว่าเค็มไปนิดนึงและก็ไม่ค่อยกรอบ อาจเพราะร้านให้ไส้เยอะรึเปล่า แต่โดยรวมชอบค่ะ
ที่เรามาร้านนี้ทุกครั้งที่มากาญจนบุรี อาจเพราะมันมีความเป็นธรรมชาติมากๆ มีพื้นที่ทั้งโซนร้านอาหารคาเฟ่ แถมที่เดินเล่นก็คือกว้างมากๆ มาได้ทุกวัย และก็มาซำ้ได้ไม่เบื่อเลย
มุมนี้มากี่ครั้งก็คือต้องได้ถ่ายรูปทุกครั้ง แม้จะเป็นสถานที่เดิม แต่ก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันไปในแต่ละครั้ง แต่ที่เหมือนเดิมคือความรู้สึกที่ดี ธรรมชาติบำบัดของจริง
ก่อนหน้านี้ที่เรามาเราก็จะเดินไปโซนคาเฟ่ The Village Farm To Café แต่มารอบนี้เค้ามีโซนคาเฟ่เปิดใหม่ แต่จริงๆก็เปิดมานานแล้วแหละ แต่เราเพิ่งได้มา ซึ่งคาเฟ่มีชื่อว่า "CHAN nature cafe'" โซนนี้จะมีค่าเข้า 80฿ แต่เราทานอาหารที่ร้านเลยได้คูปองเข้าฟรี
เราเห็นโซนนี้ใน Facebook ช่วงปีใหม่สวยมากๆ แต่ยังไม่มีโอกาศได้มา เสียดาย แต่มารอบนี้ก็ได้ความซัมเมอร์ดี มีความเขียวชะอุ่ม
เราไม่ได้กินอะไรนะคะ เพราะอิ่มข้าวมากๆ เลยเดินถ่ายรูปเล่น ตอนมารอบที่แล้วมีโซนแคคตัสแล้ว เราเดินไปแล้ว ก็เลยถ่ายแค่ข้างหน้า วิวสวยมากๆ ธรรมชาติสีเขียว สบายตา สบายใจ : ) โดยรวมคือมากี่ครั้งก็ประทับใจ และแน่นอนว่ามากาญจนบุรียังไงก็ต้องแวะทุกครั้ง ตลอดไป
Keeree mantra restaurant เปิดบริการ : 10.00 - 21.00 น. (เปิดทุกวัน)
ส่วน CHAN nature cafe เปิดบริการ : 09.00 - 20.00 น. (เปิดทุกวัน)
https://maps.app.goo.gl/b9owNXYHRR8LyYD36?g_st=ic
ไปกันต่อค่ะ ร้านที่ 4 เราหาร้านจะไปกินขนมหวาน ร้านใหม่ๆบ้าง ก็ไปเจอร้านที่ชื่อว่า "DIN CAFÈ"
คาเฟ่นี้ตั้งอยู่ในโรงแรม Tara Villa ค่ะ เป็นโรงแรมที่ถ้ามีโอกาสก็อยากจะมาพักเหมือนกัน เห็นรีวืวคือภายในห้องพักสวยมากๆ เป็นพลูวิวล่าส่วนตัวติดแม่นํ้า ไว้มีโอกาสมากาญจนบุรีอีก เดียวคงแพลนจะมานอน รอบนี้ก็แวะคาเฟ่ก่อน
ขนมนํ้าที่นี้อร่อยนะคะ โดยเฉพาะเมนูเครื่องดื่มมีแต่น่ากิน สดชื่นอร่อยดี ส่วน Blakpink ของเราก็อร่อยเป็นฟิลโทสต์นมเย็น ราคาแรงหน่อยแต่ก็ถือว่าคุ้มค่าค่ะ
บรรยากาศคือดีมาก เสียดายที่ตอนไปคือฝนจะตกแล้ว ท้องฟ้าไม่ค่อยสดใส แต่โดยรวมก็ชอบที่นี่อยู่ดี ไว้มีโอกาสจะมานอนที่นี่
Din Cafe
เปิดบริการ : 10.30 - 21.30 น. (เปิดทุกวัน)
https://maps.app.goo.gl/YqtRWNn2dj26rHmh8?g_st=ic
ร้านที่ 5 อาหารเย็นของเราในคืนนี้ ชื่อร้านว่า "ต้องกาญ" ร้านนี้เป็นทั้งร้านคาเฟ่และก็ร้านอาหาร
จริงๆ ร้านนี้ดีงามทุกโซนเลย ตอนเย็นนั่งชิวห้อยขาริมนํ้า อาหารก็คือมีเยอะ มีทั้งหวานคาว อร่อยด้วย เพลงก็เพราะค่ะ จริงๆเรามาตั้งแต่กลางวันแล้วรอบนึงเพราะชอบโซนคาเฟ่ แต่วันที่ไปมีงานไพรเวทคุณอิ้งค์มาลองเพลงช่วงกลางวัน เลยอดเลยไม่ได้ถ่ายบรรยากาศข้างในมา เสียดาย เอาไว้มาใหม่
ต้องกาญ คาเฟ่
เปิดบริการ : 10.00 - 23.00 น. (เปิดทุกวัน)
https://maps.app.goo.gl/S87rsaKFkM6rz4tK9?g_st=ic
ร้านที่ 6 ของวันที่ 2 เราไปที่ร้าน "Baanbam cafe & bistro"
ร้านนี้ก็มีทั้งของคาวหวาน จริงๆร้านนี้แนะนำให้แวะขาเข้ากาญจนบุรีนะคะ จะได้ไม่ต้องกลับรถแบบเรา
ใจอยากจะสั่งหลายอย่างมาก เมนูเยอะ มีทั้งอาหารไทยเทศ ครบสุดๆ ที่สำคัญน่ากินทุกอย่าง แต่เพิ่งกินข้าวเช้าที่โรงแรม เดียวรอบหน้าจะมาตั้งแต่ร้านแรกเลย อร่อยมาก ๆ ชอบมาก บรรยากาศร้านก็ดี เล็กๆน่ารัก โฮมมี่มาก
เป็นอีกหนึ่งคาเฟ่กาญจนบุรีที่แนะนำเลยค่ะ มีครบคาวหวาน แถมได้รูปสวยๆอีก
"Baanbam cafe & bistro"
เปิดบริการ : 09.00 - 20.00 น. (หยุดทุกวันอังคาร)
https://maps.app.goo.gl/swLpcKXyz15d3WWQ9?g_st=ic
ร้านที่ 7 วันที่ 2 ร้านสุดท้ายก่อนกลับกรุงเทพ ร้านชื่อว่า "linlin cafe"
จริงๆ ร้านนี้ก็สามารถแวะขาเข้ากาญจนบุรีได้เหมือนกัน เพราะอยู่ฝั่งขาเข้าน่าจะสะดวกกว่า แต่ทางเราแวะขากลับ ก็ได้เหมือนกัน เป็นคาเฟ่น่ารัก ๆ ไม่ใหญ่มาก ฟิลตั้งอยู่กลางสวน
ถึงแม้ร้านจะไม่ใหญ่ แต่ก็คือได้รูปเป็นร้อย เพราะร้านน่ารักมาก ๆ จริงๆ คาเฟ่แนวนี้ก็มีเยอะเหมือนกันที่คล้าย ๆ แบบนี้ แต่ที่ประทับใจที่นี่คือราคานำ้ไม่แรง นานๆจะเจอคาเฟ่ที่นำ้แก้วละ ห้าสิบหกสิบ แถมอร่อยด้วย ประทับใจมาก ๆ
แม้วันไปอากาศจะครึมฟ้าครึ้มฝน แต่ก็ถ่ายรูปไม่หยุด ใครมากาญจนบุรีสายคาเฟ่ไม่ควรพลาดร้านนี้เลยค่ะ อร่อยที่สำคัญราคาน่ารักเป็นมิตรสบายกระเป๋าสุดๆ ประทับใจ
linlin Kanchanaburi
เปิดบริการ : 09.00 - 17.00 น. (หยุดทุกวันอังคาร)
https://maps.app.goo.gl/qpPRYoxiWj3htSAX7?g_st=ic
แปะพิกัดโรงแรมของทริปนี้ให้นะคะ ชื่อว่า Raintree Boutique เผอิญว่าไปเห็นเค้าใน Facebook จัดโปรราคาเหลือห้องละ ฿2,000 รวมอาหารเช้า สวยดีติดริมแม่นํ้า เราจองมาปุ๊บปั๊บ และห้องว่างพอดี
ห้องกว้างขวางดีค่ะ ความรู้สึกคือกว้างไปด้วยซ้ำ ถ้ามาฟิลครอบครัวผู้ใหญ่น่าจะชอบ อาหารเช้าก็แนวอาหารเช้าโรมแรมทั่วไปค่ะ แต่โดยรวมคุ้มราคา บรรยากาศดี ตอนเย็นถ้าใครไม่อยากออกไปไหนก็มีหมูกระทะริมแม่นำ้เลย **ขออภัยที่รูปน้อยเพราะไม่ค่อยได้อยู่โรงแรมเท่าไหร่**
และนี้ก็คือทริปพักผ่อนของเราที่กาญจนบุรีค่ะ ก็จะเน้นกิน ถ่ายรูปคาเฟ่ ตามสไตล์ หวังว่าจะชอบกันนะคะ ขอบคุณค่ะ
ติดตามรีวิวอื่น ๆ : https://www.facebook.com/puifaikamonblog
Puifaikamon
วันอังคารที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2566 เวลา 08.18 น.