วันที่ 5 ของทริปแล้วครับ หลังจากที่เที่ยวแต่ภูเขา วันนี้เราจะเปลี่ยนบรรยากาศไปเป่ยโถวและตั๊มสุ่ย อีกสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ไม่ไกลจากไทเป เดินทางด้วยรถไฟฟ้าได้ แพลนของวันนี้คือ

  • Beitou Hot Spring Museum
  • Beitou Thermal Valley
  • Tamsui Old Street
  • Tamsui Fisherman’s Wharf

เป่ยโถว (Beitou) เป็นเขตที่อยู่เหนือสุดของไทเป ชื่อนี้มาจากภาษาของชนเผ่า Ketagalan แปลว่าแม่มด เป็นเขตที่มีภูเขาเยอะและเป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงของไต้หวัน

ตั๊มสุ่ย (Tamsui) เขตเมืองใหม่ (Xinbei) ที่อยู่ทางเหนือของไทเป มีแม่น้ำตั๊มสุ่ยไหลผ่าน ในอดีตเคยเป็นเมืองท่าสำคัญที่ใช้ในการค้าขายกับชาติตะวันตก 

สำหรับแพลนวันอื่นๆ ในทริป ถ้าใครสนใจก็ตามไปอ่านกันได้เลยนะครับ

เช้านี้ไปกินน้ำเต้าหู้กัน อาหารเช้ายอดนิยมของชาวไต้หวัน มีร้านอยู่ทั่วไทเป บางร้านขายแค่ช่วงเช้า บางร้านก็ขายทั้งวัน เปิดแข่งกับ 7-11 ไปเลย 555

ร้านที่จะไปอยู่ไม่ไกลจากที่พักเรา ถือโอกาสเดินออกกำลังกายตอนเช้าไปเลย

ผ่านสถานีรถบัส Kuo Kong ใกล้กับทางออก M2 ถ้าจะเดินทางไปสนามบินด้วยบัสสาย 1819 ก็มาขึ้นที่นี่ มีรถบริการ 24 ชั่วโมง

ฝั่งตรงข้ามมีจุดบริการรับฝากกระเป๋าแบบรายวัน ราคาถูกกว่าตู้ล็อคเกอร์ที่คิดเป็นชั่วโมง เผื่อใครจะไปต่างเมืองก็มาฝากกระเป๋าที่นี่ได้

เดินประมาณ 10 นาทีก็ถึงร้าน Si Hai soy milk (四海豆漿大王) ร้านโลคอลมาก ในร้านมีแต่คนไต้หวัน แถวยาวๆ ที่รอตรงหน้าร้าน ส่วนใหญ่จะซื้อกลับบ้าน  

>> https://goo.gl/maps/MhVoPrKvCekWfchf8

ชอบน้ำเต้าหู้เค็ม สูตรของร้านนี้มีทั้งเนื้อเต้าฮวยผสมกับน้ำเต้าหู้แล้วปรุงรสชาติให้เค็มๆ มันๆ 

แต่ที่เซอร์ไพรส์มากคือ เสี่ยวหลงเปา อร่อยจนแสงออกปาก เป็นเสี่ยวหลงเปาที่อร่อยที่สุดของทริปนี้ 

ใครพักแถวสถานีหลักไทเปหรือย่านจงซาน ก็แวะมากินอาหารเช้าร้านนี้ได้นะครับ

ขอแวะซื้อชานมที่ 7-11 ก่อน :) ถึงจะมีขายที่ไทยแต่ที่ไต้หวันอร่อยและราคาถูกกว่า 

เดินมาขึ้นรถไฟฟ้าสายสีแดงที่สถานี Zhongshan เพื่อไปเป่ยโถวก่อน ช่วงบ่ายค่อยไปตั๊มสุ่ย

รถไฟฟ้าสายสีแดง (Tamsui-Xinyi Line) เป็นรถไฟฟ้าที่มีระยะทางยาวที่สุดในไทเป คลอบคลุมพื้นที่ทางเหนือและตะวันออกของไทเป โดยขบวนรถมีเส้นทางวิ่ง 3 ระดับ

  • Yuanshan-Beitou = รถไฟบนทางยกระดับ
  • Minquan W. Rd-Xiangshan = รถไฟใต้ดิน
  • Fuxinggang-Hongshulin = รถไฟรางปกติ

มาถึงสถานี Beitou แล้วเปลี่ยนเป็นรถไฟฟ้าสายสีชมพูไปสถานี Xinbeitou ซึ่งอยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวมากกว่า

ชานชาลาของรถไฟฟ้าสายสีชมพูมีเอกลักษณ์มาก มองเห็นได้จากระยะไกล 

มีการตกแต่งด้วยสัญลักษณ์และสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของเป่ยโถว 

รถไฟฟ้าสายสีชมพูเป็นขบวนพิเศษสำหรับการท่องเที่ยว วิ่งระหว่างสถานี Beitou กับ Xinbeitou เท่านั้น

สีสันและลวดลายของขบวนรถจะสดใสกว่าขบวนปกติ

ในขบวนรถตกแต่งเหมือนบ่อน้ำพุร้อน มีการ์ตูนอนิเมชั่นเล่าเรื่องของเป่ยโถวในยุคแรกให้ชม

ใช้เวลาเดินทางแค่ 5 นาทีก็ถึงสถานี Xinbeitou ยังไม่ทันได้ถ่ายรูปขบวนรถเลย 555

ออกที่ทางออก 1 แล้วเดินไปตามถนน Zhongshan สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ อยู่ใกล้กันหมดเลย

ขวามือของสถานีคือ พิพิธภัณท์ Xinbeitou historic station ตั้งอยู่ใน Qixing Park อาคารนี้ปรับปรุงจากอาคารเก่าของสถานีรถไฟเป่ยโถว 

มีการจัดแสดงนิทรรศการอยู่ในขบวนรถไฟ ใครสนใจก็แวะก่อนได้ ไม่เสียค่าเข้าชม

>> https://goo.gl/maps/eZDt6sxkJcQpMpLH9

ข้ามถนนมาที่ Beitou park สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่ใช้เป็นสถานที่พักผ่อนและจัดกิจกรรมต่างๆ 

ด้านหน้าสวนมีลานน้ำพุ (ที่ไม่เปิด) มีต้นไม้ใหญ่ให้นั่งหลบแดดและมีมุมถ่ายรูปกับห้องสมุดเป่ยโถว

เราเดินจาก Beitou park ไปยังแลนด์มารค์ต่างๆ ของเมืองเป่ยโถว ใช้เวลาครึ่งเช้าก็น่าจะเก็บครบ

มาถึงแลนด์มารค์แรกคือ ห้องสมุดสาธารณะเมืองเป่ยโถว (Taipei public library beitou branch) 
>> https://goo.gl/maps/4UbL7NfuovmAPmiSA

ด้วยรูปแบบอาคารที่สะดุดตาและทำจากไม้ ทำให้ที่นี่ติด 1 ใน 25 ห้องสมุดที่สวยที่สุดในปี 2012 และเป็นที่แรกของไต้หวันที่ได้ใบรับรองให้เป็น Green Building

ผู้ออกแบบห้องสมุดตั้งใจให้ที่นี่เป็นอาคารที่เข้ากับสิ่งแวดล้อมรอบข้างได้อย่างลงตัว

ภายในห้องสมุดมีหนังสือมากกว่า 63,000 เล่ม ข้างในห้องสมุดเงียบมาก เลยไม่กล้าถ่ายรูปข้างในมาให้ดู

รอบห้องสมุดมีธารน้ำพุร้อนเล็กๆ ไหลผ่าน ด้านหน้ามีสระบัวขนาดใหญ่ที่มีแต่ดอกสวยๆ

เราเจอนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นกลุ่มหนึ่งกำลังถ่ายรูปกันอยู่

เลยถ่ายรูปส่งให้แม่บ้าง พร้อมข้อความ "สวัสดีวันอังคาร"

สำหรับสายประวัติศาสตร์ ขอแนะนำ Ketagalan culture center ที่อยู่ตรงข้ามห้องสมุด เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับไคทาเก๋อหลัน ชนพื้นเมืองกลุ่มแรกที่อยู่บนเกาะไต้หวัน 

ถัดมาคือ พิพิธภัณฑ์บ่อน้ำพุร้อนเป่ยโถว (Beitou hot spring museum) จัดแสดงเรื่องน้ำพุร้อนของไต้หวันในยุครุ่งเรือง ตัวอาคารออกแบบสไตล์ญี่ปุ่นผสมศิลปะแบบโคโลเนียล ชั้น 1 สร้างด้วยอิฐแดง ชั้น 2 สร้างด้วยไม้และตกแต่งด้วยกระจกสีโมเสก

>> https://goo.gl/maps/sKXjacmD8sdUreHy6

อาคารนี้เคยเป็นโรงอาบน้ำสาธารณะของทหารญี่ปุ่น ซึ่งในยุคนั้นถือว่าเป็นห้องอาบน้ำที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออก

สิ้นสุดยุคอานานิคม ที่นี่ก็ถูกทิ้งร้างอยู่นาน จนรัฐบาลสั่งให้มีการซ่อมแซมและปรับปรุงให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์

  • เวลาเปิด-ปิด: 09.00 – 17.00
  • ปิดวันจันทร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์
  • ไม่เก็บค่าเข้าชม !!!

ทางเข้าจะอยู่ที่ชั้น 2 ก่อนเข้าไปด้านในต้องเปลี่ยนเป็นรองเท้าที่ทางเจ้าหน้าที่จัดเตรียมให้

ชั้น 2 แบ่งเป็น 3 โซน โซนแรกจัดแสดงประวัติของเป่ยโถวและแร่ธาตุต่างๆ ที่ขุดพบ

ใช้หน้าจอเป็นตู้โชว์ ซึ่งหน้าจอมีการ์ตูนอนิเมชั่นเล่าเรื่องการขุดพบแร่ต่างๆ และการนำไปใช้ในสมัยโบราณ ดูเพลินและได้ความรู้

โซนที่อยู่ตรงกลาง จัดเป็นห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่สไตล์ญี่ปุ่น ปูพื้นด้วยเสื่อญี่ปุ่น (Tatami lobby) ด้านข้างมีระเบียงให้นั่งชมวิวรอบอาคารอีกด้วย

โซนสุดท้ายจำลองบรรยากาศบ่อออนเซน บริเวณนี้ใช้ทำความสะอาดตัวก่อนลงแช่บ่อน้ำร้อน

ส่วนบริเวณนี้เป็นบ่อแช่ออนเซน 

ตรงนี้ให้ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ทำจากแร่ธาตุที่พบในเป่ยโถว

มีห้องมัลติมีเดียที่ให้ผู้เข้าชมได้ร่วมกิจกรรม 

ชั้น 1 มีโซนไต้หวันฮอลลีวูด (Taiwanese Hollywood) แนะนำภาพยนตร์ในยุค 50-60 ที่มีการใช้บ่อน้ำพุร้อนเป่ยโถวเป็นสถานที่ถ่ายทำ

ด้านบนประดับด้วยโคมกระดาษ ให้ความเป็นญี่ปุ่นมาก

ไฮไลท์อยู่ที่ห้องอาบน้ำสาธารณะขนาดใหญ่ กว้าง 6 เมตร ยาว 9 เมตร เป็นพื้นที่โรงอาบน้ำในอดีตที่สร้างตามแบบโรงอาบน้ำของโรม

บริเวณรอบๆ จัดแสดงความเป็นมาของน้ำพุร้อนเป่ยโถว เครื่องใช้ไฟฟ้า สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ใช้ในออนเซน และหินที่พบในบ่อน้ำพุร้อน

ประทับใจมาก สถานที่สวย จัดนิทรรศการดีมาก รูปแบบการนำเสนอทันสมัยและมีกิจกรรมให้ร่วมสนุก

ถัดมาอีกนิดคือ ออนเซนสาธารณะ (Beitou public hot spring) ที่สามารถใส่ชุดว่ายน้ำลงไปแช่ได้ ใครไม่มีชุดก็มาเช่าชุดของที่นี่ได้ครับ

>> https://goo.gl/maps/9xG4NgawuuWeS58p7

ระหว่างทางเดินไป Thermal valley มีธารน้ำเล็กๆ ซึ่งเป็นน้ำจากบ่อน้ำพุร้อน สีสวยแต่ได้กลิ่นกำมะถันชัดเจน

วันนี้แดดแรงมาก อากาศเริ่มร้อน ขอแวะนั่งชิลสักพักแล้วค่อยไปต่อ 

ทางเข้า Thermal valley มีร้านขายไข่ต้มน้ำพุร้อนอยู่หลายร้าน แต่เรายังอิ่มอยู่เลยไม่ได้ชิม

แลนด์มารค์สุดท้ายคือ Thermal Valley หุบเขาเล็กๆ ที่เชิงเขาของอุทยานแห่งชาติหยางหมิงซาน ในเขตเป่ยโถว ได้รับฉายาว่า หุบเขานรก น้ำแร่ในบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้มีแร่กำมะถันเป็นหลัก

>> https://goo.gl/maps/v7vxq6ztP5Roy6966

น้ำแร่เป็นสีเขียวจาก Green / Blue Sulfur Radium ซึ่งพบเพียง 2 แห่งในโลกคือ เมืองเป่ยโถว ในประเทศไต้หวัน และเมืองอากิตะ ในประเทศญี่ปุ่น

อุณหภูมิน้ำอยู่ที่ 65-70 องศา แค่ยืนใกล้ๆ ก็สัมผัสได้ถึงไอร้อน ไม่ควรสัมผัสน้ำในบ่อโดยตรงเพราะอาจได้รับบาดเจ็บจากความร้อนและแร่ธาตุที่เป็นส่วนประกอบ

มาวันที่แดดดีไม่มีแผ่ว ร้อนแดดบวกกับไอจากน้ำพุร้อน หุบเขานรกมีอยู่จริง !!! รีบถ่ายรูปแล้วรีบกลับ ก่อนที่ตัวจะไหม้ 555

เป่ยโถวยังมีสถานที่ท่องเที่ยวและมีโรงแรมดีๆ อีกหลายที่ ถ้าอยากเปลี่ยนบรรยากาศก็มาพักสักคืน มาแช่ออนเซนในโรงแรมให้เต็มที่ไปเลย ยิ่งถ้ามาช่วงฤดูหนาว น่าจะฟิน

สำหรับเราแค่ครึ่งวันก็พอแล้ว...ได้เวลาไปต่อกันที่ตั๊มสุ่ย

กลับมาที่สถานี Beitou แล้วนั่งรถไฟฟ้าสายสีแดงไปที่สถานีปลายทาง Tamsui 

ใช้เวลาเดินทาง 15 นาที ระหว่างทางก็ชมวิวแม่น้ำมาเรื่อยๆ 

ออกที่ทางออก 1 แล้วเดินไปยังสวนที่ติดริมแม่น้ำตั๊มสุ่ย

ในปี 1858 เมืองตั๊มสุ่ยเคยเป็นท่าเรือหลักที่มีชาติตะวันตกและญี่ปุ่นเข้ามาทำการค้า ทำให้อาคารต่างๆ ในเมืองนี้ยังมีกลิ่นอายของสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกผสมศิลปะทางตอนใต้ของญี่ปุ่น

ตัวอย่างเช่นสถานีตั๊มสุ่ยที่สร้างด้วยอิฐแดงตามฝั่งตะวันตกผสมกับหลังคาที่เป็นศิลปะแบบจีน

ช่วงบ่ายเราจะเดินเล่นริมน้ำและหาของอร่อยกิน แล้วค่อยไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่ Tamsui fisherman’ s wharf

แม่น้ำตั้มสุ่ย (Tamsui river) เป็นแม่น้ำที่ยาวเป็นอันดับ 3 ของไต้หวัน ไหลผ่านซินจู๋ เถาหยวน ไทเป ตั๊มสุ่ย แบ่งเป็นแม่น้ำย่อย 3 สาย คือ แม่น้ำซินเตี้ยน (Xindian) แม่น้ำต้าฮัน (Dahan) แม่น้ำจีหลง (Keelung)

ด้วยภูมิประเทศที่มีแม่น้ำไหลผ่าน ทำให้ตั๊มสุ่ยกลายเป็นแหล่งพักตากอากาศยอดนิยมที่อยู่ไม่ไกลจากไทเป 

มีเส้นทางปั่นจักรยานเรียบริมฝั่งแม่น้ำ ชวนเพื่อนมาปั่นก็ได้ฟีลสนุก ถ้าชวนแฟนมาปั่นก็ได้ฟีลโรแมนติก

มีสวนสาธารณะติดริมแม่น้ำ สามารถมานั่งชิลหรือจะพาน้องหมามาวิ่งเล่นก็ได้

ริมแม่น้ำตั๊มสุ่ยมีร้านอาหารสตรีทฟู้ดหลายร้าน ซื้อมานั่งปิกนิกริมน้ำกันได้เลย

นั่งเล่นตากลมเย็นๆ จนหายเหนื่อย ถึงเวลามาหาของกินที่ Tamsui old street ถนนนี้มีแต่ของน่ากิน ทางเข้าจะอยู่ติดกับร้านสตาบัค

>> https://goo.gl/maps/GruJ9PxEH9fBbv9t9

เริ่มด้วยของขึ้นชื่อคือ ปลาหมึกย่าง (120 NTD) ปลาหมึกตัวใหญ่และสดมาก ตอนย่างจะใช้ฝาคลอบไว้ตลอด คิดว่าน่าจะช่วยให้ปลาหมึกไม่แห้งเกินไป 

ทาด้วยซอสรสชาติเค็มๆ หวานๆ โรยพริกเพิ่มความแซ่บ อร่อยมาก !!! ปลาหมึกกรอบและเด้ง ต้องลอง !!!

ต่อด้วยปลาหมึกทอด 555 ร้านอยู่ตรงทางเข้า old street เล็งตั้งแต่ที่จิ่วเฟินแล้ว วันนี้ต้องกินให้ได้

>> https://goo.gl/maps/qTRTiQnvJuCshvau8

ปลาหมึกชุบแป้งทอด (150 NTD) ปลาหมึกเด้งเหมือนเดิม แต่แป้งแอบหนาและจืดไปนิด แนะนำให้โรยด้วยผงมหัศจรรย์ของที่ร้าน อร่อยขึ้นทันที

มาต่อที่ร้านขนมเชอหลุ่นปิง (เชอ (車) = รถ, หลุ่น (輪) = ล้อ, ปิ่ง (餅) = ขนม) แปลตรงๆ คือขนมล้อรถ 555 เป็นเมนูขนมยอดฮิตของไต้หวัน มีทั้งไส้หวานและไส้เค็ม ซึ่งแต่ละร้านก็จะแตกต่างกันไป

>> https://goo.gl/maps/BgE2rTFiZQtKnRjJ8

ขอแนะนำไส้ถั่วแดง (หงโต้ว / 紅豆) ชิ้นละ 15 NTD

อีกไส้ที่ชอบก็คือไส้ครีม (หน่ายโหยว / 奶油) ชิ้นละ 15 NTD

ร้านนี้คิวยาว แต่ดูความทะลักไส้ของไส้ก่อน อร่อย !!! คุ้มที่ยืนรอ

หันไปเจอเกี๊ยวทอด สั่งมาชิม 1 ไม้ (25 NTD) แป้งหนามากคล้ายแป้งกะหรี่ปั๊บ ไส้ก็น้อย ราดซอสเต้าหู้ยี้ซึ่งไม่อร่อยเลย 555

ซื้อชาสับปะรดที่ร้าน Yachun fruit tea แก้วละ 50 NTD กลิ่นชาหอม มีความเปรี้ยวอมหวานจากสับปะรด ทีเด็ดคือสับปะรดเชื่อมที่ใส่มาให้ อร่อยมากๆ ควรลอง

>> https://goo.gl/maps/negTmFnXKXWABnEr6

ด้านหลังของ old street จะมีถนน Zhongzhen ขนานกับทางเดินริมน้ำที่เราไปเดินเล่นมา ซึ่งตลอดทางมีแต่ร้านอาหารและร้านขนม 

เดินไปตามถนนนี้เรื่อยๆ ก็จะผ่านวัดเจ้าแม่ทับทิม (ดันไปช่วงที่ซ่อมวัด) และโบสถ์แห่งแรกของเมืองตั๊มสุ่ย 

5 ปีที่แล้ว เราเคยมาเดินถ่ายรูป Street art ที่นี่ แต่ตอนนี้ไม่เหลือแล้ว

มาถึงตั๊นสุ่ยก็ต้องลองเค้กไข่ไต้หวัน อร่อยและถูกกว่าไทยเยอะ ขอแนะนำร้านนี้ โดยเฉพาะไส้ชีส อร่อยมากๆ 

>> https://goo.gl/maps/b42To95fcTyu1ipt6

มาตามรอย Youtuber สายกินชาวไต้หวัน เค้าแนะนำให้มากินโมจินมสดที่ร้านนี้

>> https://goo.gl/maps/zwQ9Fttim3qJZFM58

อร่อยมากๆๆ ไม่เคยกินโมจิแบบนี้มาก่อน !! แป้งมีความหนึบนิดๆ แต่นุ่มจนเคี้ยวแล้วละลายไปเลย หอมกลิ่นนม เข้ากับถั่วได้ดี ส่วนเมนูอื่นก็มีทั้งงาดำ โอริโอ้ หรือใส่ชานมไข่มุกก็ได้

จานนี้ 110 NTD (ราคาแอบแรง) วิธีกินให้ใช้ตะเกียบตัดแบ่งโมจิเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วคลุกกับผงถั่ว 

จบที่ร้าน Old shop tamsui fish ball ตั้งใจมากินเมนูขึ้นชื่อของตั๊นสุ่ยคือ อาเก่ย ฟองเต้าหู้ยัดไส้วุ้นเส้นแล้วปิดด้วยลูกชิ้นปลา ปกติจะราดซอสเต้าหู้ยี้ แต่ร้านนี้ราดด้วยซอสหมาล่าแทน ซึ่งถูกใจมาก (45 NTD)

>> https://goo.gl/maps/7pzWVndoNboSgJ4aA

นิยมทานคู่กับซุปลูกชิ้นปลาที่ใส่ไส้หมูสับ (45 NTD) 

แถมเถียนปูล่าอีกชาม (60 NTD) ความดีงามอยู่ที่น้ำมันพริกหมาล่าที่ราดมาให้

เดินเจอเกี๊ยวทอดอีกร้าน เลยสงสัยว่าจะเหมือนกันมั้ย สั่งมาลอง 1 ไม้ 

สรุปว่าเหมือนเดิม !!! ถ้าเจอเมนูนี้อีกคงขอผ่าน 555

ที่นี่บรรยากาศดี อยากนั่งชิลไปเรื่อยๆ แต่ตามแพลนที่วางไว้ เราต้องไปที่ Tamsui fisherman’s wharf ไว้มีโอกาสจะกลับมาอีกแน่นอน

วิธีเดินทางไป Tamsui fisherman’s wharf ไปได้ 3 วิธีคือ บัสสาย R26, Ferry จากท่าเรือตั๊นสุ่ย และวิธีสุดท้ายคือรถไฟรางเบาสาย Danhai 

Ferry เส้นทางระหว่าง Tamsui <-> Fisherman's Wharf ใช้เวลาเดินทาง 10- 15 นาที

  • จ-ศ: 11:00-20:00 เรือออกทุก 30 นาที
  • ส-อ: 11:00-21:00 เรือออกทุก 15 นาที

ป้ายรถบัสสาย R26 อยู่ตรงข้ามทางออก 1 บัสสายนี้ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง เช่น Fort Santo Domingo สามารถแวะเที่ยวระหว่างทางได้

แผนเดิมตั้งใจจะนั่งเรือ แต่คิวที่รอขึ้นเรือยาวมาก เลยต้องเปลี่ยนแผนไปใช้ Danhai LRT

นั่งรถไฟฟ้าสายสีแดงมาที่สถานี Hongshulin ใกล้กับทางออก 2 (ไม่ต้องแตะบัตรออกนอกสถานี) มีทางเชื่อมกับ Danhai LRT 

Danhai LRT เป็นเส้นทางรถไฟในเขตตั้มสุ่ย เชื่อมต่อกับสถานี MRT Hongshulin ถือว่าเป็นขนส่งสาธารณะสายแรกที่สร้างโดยนิวไทเปเอง

เส้นทางเดินรถมาในธีมภูเขาและทะเล มีเส้นทางหลัก 2 สายคือ Green mountain และ Blue coast รางรถไฟเป็นแบบยกระดับและบนพื้นถนนเท่านั้น ไม่มีรางใต้ดิน

Green mountain line มีทั้งหมด 11 สถานี เริ่มที่สถานี Hongshulin สุดสายที่สถานี Kanding

Blue seaside line มีทั้งหมด 9 สถานี เชื่อมต่อเขตชายฝั่งกับใจกลางเมือง เริ่มที่สถานี Hongshulin สุดสายที่สถานี Tamsui fisherman’s wharf

ขบวนรถไฟมี 5 ตู้โดยสาร แต่ละขบวนรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 265 คน

ที่นั่งในรถก็สะดวกสบาย มีหน้าต่างให้ชมวิว 2 ข้างทาง

แต่ละสถานีตกแต่งด้วยผลงานศิลปะของจิมมี่ เหลียว นี่คืออีกความพิเศษของ LRT Danhai

บางสถานีจะเชื่อมต่อกับรถบัสที่ใช้เดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ในเมืองตั๊มสุ่ย

มีช่วงที่รถรางวิ่งบนถนนในเมือง ได้ฟีลลิ่งนั่งรถรางชมเมืองด้วย

ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที ค่าโดยสารเพียงแค่ 25 NTD (จ่ายด้วย easy card)

มาลงที่สถานีปลายทางของ Blue coast line แล้วเดินต่อไปที่ Tamsui fisherman's wharf

ท่าเทียบเรือประมงตั้มสุ่ย อยู่บริเวณปากแม่น้ำทางตอนเหนือของตั๊มสุ่ย เคยเป็นศูนย์กลางการเดินเรือสินค้ากับชาติตะวันตก ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง

ในแต่ละวันมีนักท่องเที่ยวมาที่นี่เยอะมาก ช่วงวันหยุดมีนักท่องเที่ยวมากถึง 30,000 คน

นอกจากเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ยังเป็นสถานที่พักผ่อนของคนไต้หวันด้วย 

กิจกรรมยอดนิยมของที่นี่คือ การปั่นจักรยานหรือเดินเล่นชมวิวทะเล

Fisherman's wharf long beach คือสะพานที่ทอดยาวไปตามชายฝั่งทะเล เหมาะเป็นที่นั่งชิลๆ และชมวิวพระอาทิตย์ตก

บริเวณโดยรอบมีร้านอาหาร ร้านค้า และดนตรีเปิดหมวกของศิลปินตลอดทางเดิน

ถ้าอยากค้างคืนก็มีโรงแรม Fullon hotel สำหรับบริการนักท่องเที่ยว

มีโซนเครื่องเล่นเล็กๆ ให้เด็กๆ ได้วิ่งเล่น

มีการนำทุ่นกันคลื่น (tetrapods) กับตัวละครจากงานเขียนของจิมมี่ เหลียว มาสร้างสรรค์เป็นงานศิลปะ จนกลายเป็นอีกสัญลักษณ์ของที่นี่

นอกจากวิวแม่น้ำตั้มสุ่ย ก็ยังมีวิวท่าจอดเรือยอร์ชที่สวยไม่แพ้กัน

มุมนี้สวยจนมีช่างภาพรอถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกกันเยอะ

มีบริการให้เช่าเรือยอร์ชด้วย

อีกไฮไลท์ คือ สะพานคู่รักรักตั้มสุ่ย (Tamsui Lover’s Bridge) สะพานสีขาวที่ออกแบบให้คล้ายเรือใบ มีเสาอยู่ตรงกลางแล้วโยงด้วยสายเคเบิล เป็นสะพานสำหรับคนเดินที่ทอดยาวเหนือทะเล

ชื่อว่า สะพานคู่รัก (Tamsui lover’s bridge) เพราะเปิดใช้ครั้งแรกในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ปี 2003 มีคู่รักหลายคู่มาร่วมงานครั้งนั้น ทำให้ที่นี่ได้รับความนิยมจากคู่รักชาวไต้หวัน

ถ้าอยู่ถึงช่วงค่ำก็จะได้ชมไฟที่ติดบนสะพานซึ่งมีการสลับสีด้วย ให้บรรยากาศไปอีกแบบครับ

เราเคยมาที่นี่เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เจอทั้งฝนและหมอกจนมองไม่เห็นอะไรเลย 555 

ตอนที่มาถึงก็มีเมฆเยอะจนฟ้ามืด ลุ้นอยู่นาน !!! ในที่สุด คุณพระอาทิตย์ก็ยอมออกมา

บรรยากาศตอนพระอาทิตย์ตกโรแมนติกมาก ใครมาเที่ยวไต้หวันกับแฟน แนะนำให้มาที่นี่เลย

ขอมอบรางวัลวิวพระอาทิตย์ตกที่โรแมนติกที่สุดในไต้หวัน

เรานั่งรอจนคุณพระอาทิตย์หายลงไปในทะเล

ภารกิจสำเร็จ ได้ดูพระอาทิตย์ตกที่นี่สักที ถึงเวลากลับไทเปกันแล้ว

ขากลับเรานั่งบัสสาย R26 ไปลงที่ป้าย Hua Nan Bank จากนั้นเดินไปที่สถานีตั๊มสุ่ยเพื่อนั่งรถไฟฟ้ากลับที่พัก

เหนื่อยสะสมมาหลายวัน เย็นนี้ขอแวะซื้ออะไรง่ายๆ กลับไปกินที่โรงแรม เราแวะร้านซูชิที่สถานีหลักไทเป 

ซูชิอร่อย ราคาไม่แพงมาก ยิ่งถ้ามาดึกๆ (หลัง 21.00) ก็จะมีป้ายลดราคามาติด แย่งกันสุดๆ 555

ปิดจบด้วยชาที่ 7-11 การเลือกชาที่ไต้หวันเป็นอะไรที่ยากมาก เพราะตู้ขายชามีหลายยี่ห้อ น่ากินไปหมดทุกอย่าง

เลือกอยู่นาน จบที่ชานมของ Tiger sugar เหมือนจะไม่มีสาขาในไทเปแล้ว

วันนี้สนุกมาก ได้เดินเล่นแบบสบายใจ สูดอากาศบริสุทธ์จนเต็มปอด แถมได้ดูพระอาทิตย์ตกด้วย แต่เหมือนแต้มบุญน่าจะหมดแล้ว 555 พยากรณ์อากาศบอกว่าพรุ่งนี้มีฝน 60-70 %

วันที่ 6 ของทริปเราคงเที่ยวแค่ในเมือง ไปตามเก็บแลนด์มารค์ของไทเป ไหว้พระที่วัดหลงซาน ไปชมความอลังการของอนุสรณ์สถานเจียงไคเชค ปิดท้ายมื้อดึกด้วยหม้อไฟหมาล่า ฝากติดตามกันด้วยครับ :)

EP6: https://th.readme.me/p/46212

OUTSIDE MY ROOM

 วันจันทร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2566 เวลา 07.05 น.

ความคิดเห็น