ฉึกฉัก ฉึกฉัก... ผมชอบนั่งรถไฟครับ หวานเย็นไปเรื่อยถึงจุดหมายกี่โมงก็ช่าง และมีอยู่สถานที่หนึ่งซึ่งผมเฝ้าสังเกตการณ์มานานแต่ต้องพลาดมาหลายครั้งคือการนั่งรถไฟไปประจวบคีรีขันธ์ หมายถึงนั่งไปเที่ยวตัวเมืองประจวบนะ ไม่ใช่แค่หัวหิน หรือเลยไปบ้านกรูด เหมือนที่ผมเคยนั่งมาก่อนแล้ว
พอหาเวลาเหมาะช่วงแดดดีๆ วันธรรมดากลางฤดูร้อน เลยจัดทริปปั๊บไม่ให้เสียโอกาสอีกต่อไป อาศัยข้อมูลต่างๆ ในอินเทอร์เน็ตนี่แหละครับทำให้รู้ว่าการเที่ยวเมืองประจวบ หรือเมืองสามอ่าวทำได้ไม่ยาก ตีธงไว้ว่าจะนั่งรถไฟฟรีไปเช่าจักรยานปั่นเที่ยว เดินทางลำพัง ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง
ก่อนเที่ยวต้องมาว่าถึงแผนที่ทิศทางเสียก่อน ตัวเมืองประจวบตั้งอยู่กึ่งกลางจังหวัดที่ยาวที่สุดของบ้านเรา เขาเรียกเมืองประจวบเก๋ๆ ว่าเมืองสามอ่าว เพราะตรงใจกลางเมืองเป็นที่ตั้งของอ่าวสามอ่าวเรียงกัน จากทิศเหนือคืออ่าวน้อย อ่าวประจวบ และอ่าวมะนาว
เป้าหมายของทริปคือการขึ้นเขาช่องกระจกซึ่งตั้งอยู่เกือบกลางอ่าวประจวบ กับเขาล้อมหมวกที่อยู่ปลายอ่าวประจวบด้านทิศใต้ เป็นภูเขาที่กั้นระหว่างอ่าวประจวบกับอ่าวมะนาว ที่เหลือคือการเที่ยวถ่ายภาพเล่นตามชายหาด นั่นเป็นความตั้งใจคร่าวๆ ของทริปครับ
พร้อมแล้วก็ลุยโลดเล็ทสะโก เก็บกระเป๋าแบกเป้ไปเลยดีกว่า
ทริปนั่งรถไฟไปประจวบออกตัวง่ายสุดที่สถานีรถไฟธนบุรี บางคนเรียกบางกอกน้อย ถนนจรัญสนิทวงษ์ เพราะเป็นรถไฟฟรี (อยากเสียตังค์ขึ้นที่หัวลำโพงก็ได้ แต่ช่วงเช้ามีเฉพาะรถด่วนพิเศษหรือสปรินเตอร์ ราคาประมาณ 450 บาท) รถเที่ยวเช้าสุดคือ ขบวนที่ 255 ธนบุรี-หลังสวน จ.ชุมพร เป็นรถธรรมดา หมายถึงรถหวานเย็นจอดทุกสถานี รับประกันว่านั่งยาวแน่นอน (ฮา...)
ตามตารางรถออก 7.30 ก็เลทมานิดหน่อยตามฟอร์ม ช่วงนี้โรงเรียนปิดเทอม วัยรุ่นวัยเรียนเดินทางเที่ยวกันเพียบ รถไฟจึงแน่นขนัดกว่าปกติ เป้าหมายของพวกเขาอยู่ที่ชะอำกับหัวหินครับ นั่งหวานเย็นมาเรื่อยๆ หลับบ้าง สัปหงกหัวโขกที่นั่งบ้าง ผ่าน นครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี ฟังดูเหมือนนิดเดียวแต่กว่าจะผ่านแต่ละจังหวัดก็นานโขอยู่นะ ถึงประจวบราวบ่ายสองโมงครึ่ง สายหนึ่งชั่วโมงถือว่าไม่มากนัก เมื่อเทียบกับมาตรฐานรถไฟสายนี้
เพิ่งเคยลงรถที่นี่ครับ สถานีรถไฟประจวบแจ๋วจริงนะตัวเธอเพราะอยู่ใจกลางตัวเมือง ห่างชายทะเลแค่ห้าร้อยเมตร ลงรถแล้วสามารถเดินเท้าไปชายหาดสบายๆ
ภารกิจแรกคือหาห้องหับหลับนอน เดินจากสถานีนิดเดียวก็เจอโรงแรมชื่อยุติชัยตั้งอยู่ริมถนน สังเกตป้ายราคาแล้วโดนใจมากครับ ห้องพัดลมราคาแค่ 160-250 บาท แต่ด้วยเพราะผมยังไม่เคยมาเลยขอสำรวจเส้นทางสักหน่อย เลือกเดินไปดูวิวแถวชายทะเลก่อน
ริมหาดประจวบดูเงียบสงบดี มีโรงแรมพอสมควรเลยล่ะ แต่สุดท้ายตัดสินใจเดินกลับไปโรงแรมยุติชัยครับ ปรากฏว่าห้องพัดลม... "เต็มค่ะ" พนักงานยิ้มให้ เล่นเอาผมรู้สึกจุกอกเหมือนวิมานที่วาดไว้ล่มสลายลงตรงหน้า แถมเหลือห้องแอร์ห้องเดียว 500 บาท ไม่เป็นไรครับเพราะตั้งงบประมาณไว้ราวนี้แหละ มองโลกแง่ดีคือหน้าร้อนนอนห้องแอร์สบายดีนะ ที่นี่ไม่มีอาหารเช้า แต่มีจักรยานให้เช่าวันละ 50 บาท ไม่ต้องไปเช่าตามร้านแถวชายหาด ถือว่าสะดวกดีครับ
พักให้หายล้านิดหน่อยแล้วก็ลุยโลด ถนนในตัวเมืองประจวบค่อนข้างโล่ง รถน้อย เหมาะกับการปั่นจักรยานมาก ผมลัดเลาะชมเมืองสักพักแล้วจึงไปเป้าหมายแรกคือเขาช่องกระจก ที่ตั้งของวัดเขาช่องกระจกนั่นแหละ เป็นภูเขาลูกย่อมๆ อยู่ใจกลางอ่าวประจวบ เคยได้ยินชื่อมานานจะได้สัมผัสสักที
ความโด่งดัง (ในแง่ลบ) ของฝูงลิงที่เขาช่องกระจกนี่มีหลายคนเคยบอก พอเจอกับตัวต้องยอมรับว่าลิงที่นี่ค่อนข้างเกเร โดยเฉพาะพวกที่อยู่ด้านบน แยกเขี้ยวขู่ฟอดๆ มีเรียกพวกมาช่วยกันรุมขู่ด้วยนะเออ แถมบางตัวตีเนียนอ้อมมาข้างหลังตลอด เวลาถ่ายรูปเลยไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ ใครขึ้นไปก็เตรียมรับมือพวกมันด้วยครับ แต่แลกกับวิวสวยๆ แล้วนับว่าคุ้มค่าอยู่
ฝั่งนี้มองเห็นคลองบางนางรมไหลลงทะเล โชคดีมีเจ้าจ๋อมาประกอบฉากเท่ๆ ด้วยแฮะ
ลงมาจากเขาช่องกระจกก็ใกล้เย็นแล้วครับ เรื่องของกินหาไม่ยากเพราะตรงที่ว่าการอำเภอฯ เยื้องกับโรงแรม มีตลาดของกินยามค่ำทุกวัน กินตามอัธยาศัยสบายกระเพาะในราคาประหยัด เป็นอันปิดวันแรกเท่านี้แหละครับ
วันที่สอง เป้าหมายหลักของทริปคือขึ้นเขาล้อมหมวก ผมตั้งใจขึ้นช่วงสายๆ ก่อนเที่ยง วาดหวังจะได้ฟ้าใสแดดดี เรื่องตัวดำตัวไหม้อย่าได้ไปแคร์ พอหาข้าวเช้ากินเสร็จก็ปั่นจักรยานจากโรงแรมชมวิวอ่าวประจวบไปเรื่อยๆ จนถึงทางกองบิน 5 ที่ตั้งของเขาล้อมหมวก ถนนเลียบหาดโล่งมากแทบไม่มีรถรา ปั่นไม่ไกลครับ ชิลมากๆ
บรรยากาศภายในกองบิน 5 ครับ เรียบง่าย สบายๆ และปลอดภัยชัวร์ป๊าบ
เอาล่ะ ได้เวลาเหงื่อตก ทางขึ้นเขาล้อมหมวกช่วงแรกเป็นบันไดหลอกให้เราดีใจ แต่พอสุดบันไดก็ต้องเดินไต่ลัดเลาะไปตามเขาหินปูน ง่ายบ้างยากบ้างสลับกัน ช่วงที่ยากจะมีเชือกไว้ให้คอยยึดจับ เส้นทางโดยรวมสำหรับผมยังถือว่าไม่โหดมากครับ ตลอดทางมีจุดชมวิวเป็นระยะ ส่วนมากวิวที่เห็นจะเป็นฝั่งอ่าวมะนาว
ตอนคุยกับพี่ทหารอากาศด้านล่าง ผมแย็บถามเขาว่าสักสองชั่วโมงเดินถึงไหม เขาบอกว่าถ้าร่างกายฟิตหน่อยก็ถึง ป๊าด... ผมไม่ค่อยจะฟิตเสียด้วยเลยตั้งเป้าไว้สักสองชั่วโมงครึ่งแล้วกัน แต่เอาเข้าจริงแล้วใช้เวลาประมาณชั่วโมงเดียวเองครับ
ขึ้นมาถึงแล้วสดชื่นสุดๆ ความรู้สึกเหมือนจะบินได้เลยแฮะ ด้านบนเป็นที่ตั้งของพระมณฑปประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง เดินชมวิวได้โดยรอบทุกองศา วิวที่เห็นจะเป็นสองฝั่งคืออ่าวประจวบ กับอ่าวมะนาว
ฝั่งอ่าวประจวบมีเกาะน้อยใหญ่อยู่สี่เกาะ ที่เรียงกันจากบนลงล่างคือ เกาะหลัก เกาะหลำ เกาะร่ม ส่วนเกาะทางขวาคือเกาะแรด ส่วนภูเขาปลายอ่าวอีกฝั่งที่เห็นไกลๆ คือเขาตาม่องลาย ถัดออกไปคืออ่าวน้อยครับ แต่วันนั้นไอหมอกไอทะเลหนามากทัศนวิสัยเลยเลือนรางเต็มที
ฝั่งอ่าวมะนาวโค้งชายหาดสวยไม่แพ้กัน เกาะขนาดเล็กที่เห็นคือเกาะแอ่น ส่วนภูเขาสุดอ่าวด้านโน้นคือเขาคลองวาฬ
ผมขึ้นถึงยอดเขาล้อมหมวกประมาณสิบโมงครึ่ง พกข้าวซองที่แกะกินได้เลยขึ้นไปเป็นข้าวเที่ยงบนนั้นด้วย บอกเลยว่าถึงรสชาติจะไม่ค่อยอร่อยแต่ยามเหนื่อยยามโหยมีประโยชน์มาก อยู่ข้างบนสักสองชั่วโมงกว่าๆ ค่อยลงมา ด้านล่างของภูเขาเป็นแหล่งอนุรักษ์ค่างแว่นถิ่นใต้ ตอนลงไปนักท่องเที่ยวกำลังให้อาหารพอดี เลยเก็บภาพมานิดหน่อย
เดินเล่นอีกสักพักในกองบิน 5 อำลาเขาล้อมหมวกจากข้างล่างครับ ทางขวาในภาพคือยอดเขา มองเห็นพระมณฑปเล็กนิดเดียว สูงขนาดนี้แหละที่ลากสังขารเดินปีนป่ายขึ้นไป
ได้เวลาปั่นต่อไปอ่าวมะนาว โค้งเวิ้งทอดยาวของอ่าวมะนาวเป็นเขตทหารอากาศทั้งหมดครับ เขาแบ่งเป็นเขตควบคุมซึ่งไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวทั่วไปใช้พื้นที่ กับเขตที่เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว มีเตียงผ้าใบ มีร้านขายอาหารของกิน
ผมว่าถ้าจะมาเล่นทะเลที่เมืองประจวบก็ต้องที่อ่าวมะนาวนี่แหละ บ้านพักและร้านอาหารบรรยากาศดีพอสมควร ชิลๆ แบบไม่ต้องสวยเว่อร์มาก แถมเป็นเขตทหารเลยสะอาดสะอ้านไม่พลุกพล่าน
อยู่ที่อ่าวมะนาวจนพอใจแล้วก็ปั่น ปั่น ปั่น ผ่านกองบิน 5 กลับทางเดิมสู่อ่าวประจวบ คราวนี้เลยเขาช่องกระจกไปอีกฝั่งของอ่าวคือทางปากคลองบางนางรม ปั่นไป จอดไป ถ่ายรูปไป เป็นเส้นที่เหมาะกับการปั่นจักรยานเหลือหลาย
วันนี้ทั้งขึ้นเขาและปั่นจักรยานไปๆ มาๆ เล่นเอาล้าพอสมควร กินข้าวเย็นหน้าที่ว่าการอำเภอฯ เสร็จสรรพ กลับถึงโรงแรมแทบสลบเหมือดเชียว นอนห้องแอร์มันก็มีข้อดีเหมือนกันนะนี่
วันสุดท้ายครับ เก็บเป้เช็คเอาต์และฝากของกับทางโรงแรมเรียบร้อย สิ่งแรกที่ต้องทำคือตรวจสอบเวลาการเดินรถไฟ ตามตารางรถไฟฟรี หลังสวน-ธนบุรี ขบวน 254 (หากเช็คในเว็บการรถไฟจะไม่พบขบวนนี้นะครับ เพราะตารางในเว็บไม่อัพเดต) จะถึงประจวบราวสิบโมง แต่สอบถามเจ้าหน้าที่ได้ความว่าวันนี้จะมาสาย (เป็นเรื่องปกติ) เข้าถึงสถานีตอนสิบโมงสี่สิบ ผมเลยมีเวลาเที่ยวเก็บภาพอีกเล็กน้อย
จักรยานคันเดิมปั่นไปศาลหลักเมืองประจวบฯ เล็งไว้ตั้งแต่วันแรกแล้วครับว่าจะมาในวันสุดท้าย
จากนั้นไปเขาช่องกระจกอีกสักรอบ เก็บตกภาพต่างๆ กับมุมมองช่วงครึ่งวันเช้า ขึ้นไปคราวนี้คงเพราะแดดสายแรงจ้า พวกเจ้าจ๋อเลยหลบแดดกันหมดไม่ค่อยมีมากวนใจ
เร่งทำเวลานิดหน่อยเพื่อจะได้กินข้าว คืนจักรยาน แล้วค่อยเดินไปสถานีรถไฟ เจอตารางใหม่บอกว่าขบวน 254 เพิ่มเวลาสายเป็นห้าสิบนาที คือจะมาถึง 11.10 น. และพอเอาเข้าจริงกว่ารถจะเทียบชานชาลาก็ปาเข้าไป 11.20 น. รักษามาตรฐาน รฟท. ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
ขากลับเป็นการนั่งที่ทรหดดีครับ ผมปิดทริปกลับถึงเมืองกรุงใกล้จะทุ่ม สายกว่าตารางสองชั่วโมงเศษ เป็นทริปที่ให้ความรู้สึกยาวนาน แต่ก็สนุกนาน ประทับใจ และที่สำคัญคือประหยัด (นี่ถ้าได้ห้องพักลมคงสบายกระเป๋าสตางค์มาก) รับประกันว่าจะต้องกลับไปซ้ำรอยตัวเองแน่นอน เพราะผมตกหลุมรักเมืองสามอ่าวเข้าแล้วเต็มเปาแล้วล่ะ
สรุปเวลาการเดินทาง
วันแรก
07.30 ขึ้นรถไฟ ธนบุรี-หลังสวน
14.30 ถึงประจวบคีรีขันธ์
15.10 เช็คอิน โรงแรมยุติชัย
16.00 ขึ้นเขาช่องกระจก
วันที่สอง
09.30 ขึ้นเขาล้อมหมวก
13.00 เที่ยวอ่าวมะนาว
16.00 เที่ยวอ่าวประจวบ
วันที่สาม
08.30 เช็คเอาต์-ฝากของโรงแรม
09.00 ไปศาลหลักเมือง-เขาช่องกระจก
10.00 รอรถที่สถานีรถไฟ
11.20 ขึ้นรถไฟ หลังสวน-ธนบุรี
18.50 ถึงกรุงเทพ ป้ายหยุดรถจรัญสนิทวงศ์
ใครสนบล็อกรีวิวอื่นของผม อยากคุยเรื่อยเปื่อย สอบถามข้อมูล (ถ้าผมมีให้นะ) ชวนเที่ยว ก็ยินดียิ่งครับ
>>> https://www.facebook.com/alifeatraveller
หรือ
>>> https://alifeatraveller.wordpress.com
นายสองสามก้าว / A Life, A Traveller
วันอังคารที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 15.38 น.