วันที่ 6 ของทริป มาไต้หวันแล้วไม่เจอฝนเหมือนมาไม่ถึง เช้านี้ฝนตกตามที่พยากรณ์อากาศบอกไว้เลย แต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคของเรา ไม่ว่าอากาศแบบไหน เราก็เที่ยวได้ :)

ลุยทั้งภูเขาและทะเลมาหลายวันแล้ว วันนี้ขอเที่ยวแบบสบายๆ เหมือนคนอื่นบ้าง 555 ตามเก็บแลนด์มาร์คในไทเปกัน แพลนของวันนี้

  • Bopilial Historical Block
  • Longshan Temple
  • Huaxi St Tourist Market
  • C.K.S. Memorial Hall

ใครที่อยากไปปืนเขาหรือชมทะเลเหมือนกับเรา ก็ไปตามกันได้เลยครับ

เริ่มต้นวันด้วยคาเฟอีนที่ร้าน Louisa สาขานี้อยู่ที่ทางออก M8 สั่งอเมริกาโน่เย็นเลือกน้ำแข็งแบบ Crush Ice ที่ร้านจะเอากาแฟไปปั่นให้เป็นโฟม ชอบมาก !!!

ช่วงเวลาเร่งด่วนในสถานีหลักไทเปก็วุ่นวายไม่แพ้ญี่ปุ่น ต้องฝ่าฝูงชนไปขึ้นรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน เพื่อไปที่สถานี Ximen 

ออกที่ทางออก 1 ใกล้กับ Red House อาคารที่เป็นแลนด์มาร์คของย่านซีเหมิน

เราเดินจาก Red House เพื่อไปกินกวาเปาเจ้าดัง (เบอร์เกอร์สไตล์ไต้หวัน) ที่ย่านว่านหัว

Yi Jia Zi (一甲子餐飲) ร้านขายสตรีทฟู้ดสูตรดั้งเดิมของไต้หวัน มีทั้งกวาเปาและข้าวหมูตุ๋นพะโล้รสชาติเข้มข้น ร้านดูโลคอลแบบนี้แต่คิวยาวทั้งวันนะ

เวลาเปิด-ปิด: 09.00-19.00 (ปิดวันอาทิตย์)

>> https://goo.gl/maps/Bwmxi3vxs53ZzqLq9

หมั่นโถวร้อนๆ ใส่หมูตุ๋นชิ้นใหญ่ อร่อย !!! กินเสร็จแล้วก็แวะไหว้พระที่วัดชิงสุ่ย (Qingsui Temple)

Qingshui temple เป็น 1 ใน 3 วัดของนิกายเม้งก่าที่มีความสำคัญในไทเป (3 Great Temples of Mengka) อีก 2 แห่งคือวัดต้าหลงตง เป่าอัน และวัดหลงซาน

>> https://goo.gl/maps/N5oXP94BsTi9b2Yr8

บริเวณทางเข้าวัดมีป้ายอธิบายประวัติของวัดไว้อย่างละเอียด

วัดชิงสุ่ยสร้างขึ้นในยุคของจักรพรรดิเฉียนหลง (ปี 1787) และถูกกำหนดให้เป็นโบราณสถานในปี 1985 

เป็นสถาปัตยกรรมยุคกลางของไต้หวัน ในวัดมีศิลาจารึกสมัยราชวงศ์ชิง บนคานและผนังมีงานจิตรกรรมบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของวัด

ผนังวัดด้านนอกเป็นงานศิลปะที่เก่าแก่ของจีน มีเสาหินที่แกะสลักเป็นมังกรคู่

องค์ประธานในวัดคือ ชิงสุ่ย ปรมาจารย์ด้านการแพทย์และการแปรธาตุในสมัยโบราณ คนไต้หวันส่วนใหญ่นิยมมาขอพรเรื่องสุขภาพกัน

วัดนี้เคยใช้เป็นสถานที่ในการถ่ายทำภาพยตร์ของไต้หวันเรื่อง Monga ซึ่งออกฉายในปี 2010 แต่ที่นี่ก็ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก

ช่วงเช้าเราจะไปศึกษาประวัติศาสตร์ของไทเปที่ถนนโบราณโปผีเหลียว ไหว้พระขอพรที่วัดหลงซาน และไปตามล่าร้านมิชลินที่ตลาดฮัวซี

Bopiliao Historical Block ถนนสายสั้นๆ ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ บริเวณนี้เต็มไปด้วยอาคารอิฐแดงเก่าแก่ในยุคศตวรรษที่ 18-19 ปัจจุบันได้ปรับปรุงให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม 

>> https://goo.gl/maps/mVW1TwdjrYgnGfoL6

โปผีเหลียว เป็นเขตเมืองเก่าที่สภาพสมบูรณ์ที่สุดในไทเป มีอาคารเก่าในทุกยุค ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิง (ปี 1683 – 1895) จนถึงยุคอาณานิคมญี่ปุ่น (ปี 1895–1945) ทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของไต้หวันในช่วงศตวรรษที่ 18-19

สถาปัตยกรรมของที่นี่มีความหลากหลายไปตามยุคสมัย ขึ้นกับอิทธิพลของประเทศที่มาปกครองในช่วงนั้นๆ มีทั้งศิลปะแบบจีน ญี่ปุ่นและจากฝั่งตะวันตก 

ด้วยความที่เป็นอาคารเก่าจึงมีการซ่อมด้วยปูนและเหล็กเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของโครงสร้าง เมื่อรวมกับอิฐแดงของเดิม ทำให้รูปแบบอาคารมีความหลากหลายของวัสดุ จนกลายเป็นอีกจุดเด่นของที่นี่ 

ส่วนด้านหน้าของแต่ละอาคารจะมีซุ้มโค้งที่เรียกว่า อาเขต (Arcade) โดยสร้างจากอิฐแดงทั้งหมด 

อาเขตที่นี่ต่างจากอาเขตทั่วไปที่ความโค้ง ซึ่งไม่ขนานกับแนวทางเดิน ตอนแรกก็คิดว่าถ่ายรูปเบี้ยว 555

สำหรับคนที่สนใจ ที่นี่เปิดให้เข้าชมวันอังคาร- วันอาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) ช่วงเวลาที่เปิดให้เข้าชม 

  • OUTDOOR: 09.00-21.00
  • INDOOR: 09.00-18.00

ด้านในมีภาพวาดการ์ตูนลายน่ารักๆ บนกำแพงอิฐแดง เป็นการนำศิลปะแนวใหม่มาผสมกับศิลปะแบบดั้งเดิม

มีโปสเตอร์ภาพยนตร์เก่า ให้ฟีลย้อนยุค

ที่พื้นก็ใช้วัสดุที่หลากหลาย มีการใช้อิฐสีครีมและสีแดงวางให้เป็นลวดลาย สลับกับบางช่วงที่ใช้ทรายล้าง

มุมถนน Guangzhou มีศูนย์การเรียนรู้วัฒนธรรมไทเป (Heritage Culture Education Center of Taipei) จัดแสดงวิถีชีวิตชุมชนในสมัยก่อน ผ่านทางรูปถ่ายและของใช้ต่างๆ ในยุคนั้น

มีกิจกรรมให้ผู้เข้าชมได้ร่วมสนุก เช่น การจำลองห้องตรวจของแพทย์แผนจีนในสมัยโบราณ 

ศูนย์การเรียนรู้วัฒนธรรมไทเป เปิดให้เข้าชมฟรี ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 (ปิดทุกวันจันทร์)

ใกล้กับถนน Kangding มีผลงานศิลปะที่สร้างด้วยอิฐแดง รูปร่างแปลกตา 

อิฐแดงแต่ละก้อนมีตัวอักษร...ซึ่งเราแปลไม่ออก 555

นอกจากเป็นที่เรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ ก็ยังมีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปเยอะ ได้ฟีลแบบวินเทจ

ใครมีแพลนมาวัดหลงซาน ก็แวะมาเดินเล่นที่นี่กันนะครับ ได้ทั้งความรู้และรูปสวยๆ กลับไปแน่นอน 

ไปกินข้าวต้มที่ร้าน Zhouji Meat Porridge (โจวจี้โหย่วโจว) คนไทยไปเยอะจนที่ร้านมีเมนูภาษาไทย 555

เวลาเปิด-ปิด: 06.00-16.15 (เปิดทุกวัน)

>> https://goo.gl/maps/6o2CHWYYssz3sSUZ8

หลายรีวิวเรียกว่าหมูกรอบ แต่จริงๆ คือหมูสามชั้นชุบแป้งทอดนะ กินกับข้าวต้มร้อนๆ ก็อร่อยดีครับ 

เดินไปตามถนน Guangzhou แค่ 200 เมตร ก็ถึงวัดหลงซาน

มาเจอร้าน 85°C Bakery Cafe สาขานี้อยู่ตรงข้ามวัดหลงซานเลย

>> https://goo.gl/maps/SkU3BPeVVfb8tawSA

ติดใจเครื่องดื่มในซีรี่ย์เกลือ เลยสั่ง sea salt black tea (60 NTD) เข้ากันแบบไม่น่าเชื่อ 555

Longshan Temple (艋舺龍山寺) วัดเก่าแก่และมีชื่อเสียงของไทเป สร้างโดยชาวจีนฝูเจี้ยนในปี 1738 เป็นวัดพุทธมหายานผสมกับลัทธิเต๋าภายในที่เดียวกัน (ลักษณะพิเศษของวัดในไต้หวัน)

>> https://goo.gl/maps/AsxYHBA1TQq2E1ob8

เดิมสร้างเพื่อบูชาแค่เจ้าแม่กวนอิม ต่อมาจึงเชิญเทพเจ้าองค์อื่นมาเพิ่ม ตามความเชื่อทางพุทธ เต๋า และขงจื้อเช่น เทพเจ้ากวนอู เทพเย่เหล่า

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 วัดหลงซานถูกระเบิดจนได้รับความเสียหายทั้งวัด เหลือแค่องค์เจ้าแม่กวนอิม ทำให้ชาวเมืองยิ่งศรัทธา จึงมีการบูรณะวัดขึ้นใหม่และกลายเป็นวัดที่มีชื่อเสียงของไทเป

ด้านหน้าวัดมีสวนหย่อมเล็กๆ และน้ำตกจำลองอยู่ทางขวา ใกล้กับประตูมังกร

ตามความเชื่อของคนไต้หวัน ให้เดินเข้าประตูมังกร (ด้านขวา) และออกทางประตูเสือ (ด้านซ้าย) จะเป็นการเปลี่ยนจากโชคร้ายให้กลายเป็นโชคดี

แผนผังของวัดหลงซานมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยม แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ตามแบบจีนโบราณ ตำหนักด้านหน้า ตำหนักใหญ่ และตำหนักด้านหลัง

เสามังกรแกะสลักก็มีความพิเศษ เพราะเป็นเสามังกรที่สร้างด้วยสัมฤทธิ์เพียงแห่งเดียวในไต้หวัน

ที่คานมีทั้งงานจิตรกรรมและงานแกะสลักที่สวยงาม

แม้แต่บนเพดานก็ประดับด้วยงานไม้แกะสลัก 

อีกกิมมิกเล็กๆ คือ กระถางธูปสีทองที่มีงานแกะสลักเป็นรูปชาวยุโรป เป็นศิลปะฝั่งตะวันตกที่อยู่ในวัดจีน

ขั้นตอนการไหว้เทพเจ้าต่างๆ ในวัดหลงซาน ให้ไหว้ตามลำดับดังนี้ 

จุดที่ 1 ด้านซ้ายของประตูมังกร ไหว้พระศรีศากยมุนี พระไภษัชยคุรุ และพระอมิตาภพุทธะ (พระพุทธเจ้าตามความเชื่อของนิกายมหายาน)

จุดที่ 2 ไหว้ฟ้าดิน ให้ยืนที่ระเบียงหน้าตำหนักใหญ่ แล้วหันหน้าออกนอกวัด เป็นการเปิดทางให้คำอธิษฐานของเราส่งไปถึงเทพเจ้าที่อยู่เบื้องบน

จุดที่ 3 ไหว้องค์เจ้าแม่กวนอิมที่ประดิษฐานในตำหนักใหญ่

คนไต้หวันนิยมมาขอลูก ขอยืนยันอีกเสียงว่าศักดิ์สิทธิ์จริง เพื่อนเรามาไหว้ขอลูกที่วัดหลงซาน กลับไทยปุ๊บ ท้องปั๊บ

  • จุดที่ 4 ประดิษฐานเทพมาจู่ ขอพรเรื่องการเดินทาง
  • จุดที่ 5 ประดิษฐานเทพเจ้าเหวินชาง ขอพรเรื่องการเรียนและสุขภาพ
  • จุดที่ 6 ประดิษฐานเทพเจ้ากวนอู ขอพรเรื่องเงิน 
  • จุดที่คนเยอะสุดคือเทพเย่เหล่า ขอพรเรื่องความรัก

วิธีขอพรเทพเย่เหล่า ให้อธิษฐานแจ้งชื่อ-นามสกุล วันเกิด อายุ และที่อยู่ พร้อมกับสเปคที่ต้องการ แล้วโยนเซ้งปวยเพื่อเสี่ยงทาย การแปลผลของเซ้งปวยคือ

  • คว่ำ-หงาย แปลว่า ได้
  • คว่ำ-คว่ำ แปลว่า ไม่ได้ หมดสิทธิ์โยนต่อ
  • หงาย-หงาย แปลว่า ไม่แน่ใจ ให้โยนใหม่

ต้องโยนให้ได้คว่ำ-หงาย ติดกัน 3 ครั้ง ถึงจะหยิบด้ายแดงได้ อย่าลืมนำไปวนที่กระถางธูปด้วยนะ !!!

บริเวณประตูเสือ มีจุดจำหน่ายเครื่องรางของวัดหลงซาน แต่ละชิ้นจะมีหมายเลขกำกับไว้ 

มีชาร์ตอธิบายสรรพคุณของเครื่องรางแต่ละชิ้น โดยแบ่งเป็นหมวดหมู่ มีภาษาไทยด้วย 555

หลังจากได้เครื่องรางมาแล้ว ให้นำไปทำพิธีเพื่อเปิดการใช้งาน !!! นำเครื่องรางไปวนรอบกระถางธูป 3 รอบตามเข็มนาฬิกา เท่านี้ก็เรียบร้อย

ถ้าทีละชิ้นไม่ทันใจ ก็วนพร้อมกันทั้งถุงไปเลยครับ 

รอบวัดหลงซานมีตลาดกลางคืนหลายแห่ง เป็นแหล่งรวมร้านอาหารและแผงลอยสตรีทฟู้ด ซึ่งแผงลอยส่วนใหญ่จะเริ่มขายประมาณ 18.00

ด้านขวาของวัดหลงซานคือ Guangzhou street night market 

>> https://goo.gl/maps/AirsiaF5Ssw22M3RA

มีร้านขายกระเป๋า เสื้อผ้า และรองเท้าราคาถูก รวมไปถึงเกมตู้และแผงลอตเตอรี่ เป็นตลาดที่โลคอลมาก

นอกจากของใช้ ก็เป็นแหล่งรวมร้านอาหาร เมนูยอดฮิตของที่นี่คือข้าวขาหมู หอยทอด และข้าวแกงสไตล์ไต้หวัน

น่าจะมาเร็วไป ร้านยังไม่ค่อยเปิด เลยได้แค่เดินถ่ายรูปเล่น

Huaxi St tourist market ตลาดสำหรับนักท่องเที่ยวแห่งแรกของไต้หวัน สร้างขึ้นในปี 1951 ทางเข้าตลาดมีซุ้มประตูแบบจีนโบราณ สมัยก่อนเป็นแหล่งขายเมนูที่ทำจากเนื้องู จนได้ฉายาว่าตรอกงู (Snake alley)

โซนร้านอาหารอยู่ที่ท้ายตลาด เราจะมากินร้านที่ได้รับการแนะนำจากมิชลิน ซึ่งทั้ง 3 ร้าน ติดกันเลย !!!

1. Wang’s Broth (小王煮瓜) ร้านข้าวหมูพะโล้เจ้าเก่า

เวลาเปิด-ปิด: 09.00-20.00 ปิดวันอังคาร

>> https://goo.gl/maps/ttowS3yL7fqR6J486

2. Yuan Fang Guabao (源芳刈包) กวาเปาสูตรต้นตำรับ

เวลาเปิด-ปิด: 11.30-20.00 ปิดวันจันทร์

https://goo.gl/maps/B82pn1krKk3CfhCY7

3. Chang Hung Noodles (昶鴻麵點) บะหมี่โฮมเมดสูตรไต้หวัน

เวลาเปิด-ปิด: 12.00-18.00 ปิดวันเสาร์-อาทิตย์

>> https://goo.gl/maps/cdPx36CA17CWSqU48

นอกจาก 3 ร้านนี้ ก็ยังมีอีกหลายร้านในไทเปที่ได้รับมิชลิน เราลิสต์ไว้ให้แล้ว !!! ไปตามกันได้เลย 

>> https://th.readme.me/p/44935

อิ่มมากๆ !!! เดินอุ้มท้องไปที่สถานี Longshan Temple เดินทางต่อด้วยรถไฟฟ้าไปที่สถานี CKS memorial hall

สถานี CKS memorial hall เป็นจุดเชื่อมต่อของรถไฟฟ้าสายสีแดงกับรถไฟฟ้าสายสีเขียว มีชานชาลา 2 ชั้น ชั้นบนมีพื้นที่กว้างเพดานสูง ตกแต่งด้วยศิลปะแบบจีน 

ด้วยความที่เป็นสถานีใหญ่ ก็จะได้เห็นภาพผู้คนมากมายวิ่งสวนกันไปมา

ออกที่ทางออก 5 ระหว่างทางเดินมีการจัดแสดงรูปถ่ายของสถานที่ต่างๆ ในเมืองไทเป

ประตูทางออก 5 มีลักษณะคล้ายกับซุ้มประตูเสรีภาพ คุมโทนด้วยสีขาวและสีน้ำเงิน

ช่วงบ่ายเราอยู่ที่อนุสรณ์สถานเจียงไคเชก (Chiang Kai Shek memorial hall) สถาปัตยกรรมเชิงสัญลักษณ์ที่ยิ่งใหญ่ใจกลางเมืองไทเป 

>> https://goo.gl/maps/ReY7bPNzokxivrER9

อีกแลนด์มาร์คที่ไม่ควรพลาดถ้ามาไต้หวัน มาสัมผัสความยิ่งใหญ่และความสวยงามของสถาปัตยกรรมที่อยู่ในจตุรัสแห่งเสรีภาพ 

จตุรัสแห่งเสรีภาพ (Liberty Square) ลานกว้างขนาด 160 ไร่ ภายในมีสวนสาธารณะและมีสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่อยู่ทั้ง 4 ทิศ โดยจัดวางองค์ประกอบให้สมมาตร

ทิศตะวันตกคือ ซุ้มประตูแห่งเสรีภาพ (Liberty Square Arch) ซุ้มประตูหินแกะสลักสีขาวหลังคาสีน้ำเงินสร้างตามแบบซุ้มประตูชัยของจีน มีทางเข้าออก 5 ช่อง

ทิศเหนือคือ โรงละครและคอนเสิร์ตแห่งชาติ (National Theater and Concert Hall) ด้านในมีศูนย์จัดแสดงวัฒนธรรมแห่งแรกของไต้หวัน รวมไปถึงร้านอาหารและคาเฟ่

ทิศใต้คือ โรงละครแห่งชาติ (National Theater) ภายในมีฮอลล์ที่ใช้จัดแสดงดนตรี ร้านอาหาร และห้องสมุดขนาดใหญ่ (Performing Arts Library) 

ทั้ง 2 อาคารสร้างตามแบบพระราชวังจีนโบราณ มีเสาสีแดงขนาดใหญ่ทั้ง 4 ด้าน มุงหลังคาด้วยกระเบื้องสีส้มพร้อมตกแต่งด้วยงานแกะสลัก

ทิศตะวันออกคือ หอรำลึกท่านเจียงไคเชก (Chiang Kai Shek memorial hall) เป็นอาคารที่สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว หลังคาเป็นทรงแปดเหลี่ยมสไตล์จีนมุงด้วยกระเบื้องสีน้ำเงิน ซึ่งทั้ง 2 สี เป็นสีของธงชาติไต้หวัน

สภาปกครองได้อนุมัติให้สร้างหอรำลึกแห่งนี้ขึ้นในปี 1976 เพื่อเป็นการระลึกถึงอดีตประธานาธิบดีเจียงไคเชกที่ถึงแก่อนิจกรรมในปี 1975

เจียง ไคเชก อดีตผู้นำแห่งตั้งพรรคก๊กมินตั๋ง ได้พ่ายแพ้ในสงครามกลางเมืองให้เหมาเจ๋อตงในปี 1949 จึงต้องอพยพมาที่เกาะไต้หวันและจัดตั้งรัฐบาลขึ้นใหม่

บันไดด้านหน้าที่ใช้ขึ้นไปยังโถงชั้น 4 มีทั้งหมด 89 ขั้น เท่ากับอายุของท่านเจียงไคเชก

เพดานของห้องโถงใหญ่มีลายเดียวกับธงชาติของไต้หวัน สื่อถึงท้องฟ้าสีครามและดวงอาทิตย์ที่เปล่งรัศมี 12 แฉก

ภายในห้องโถงมีรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ของท่านเจียงไคเชกอยู่ในท่านั่ง มีใบหน้าที่ยิ้มแย้ม

ด้านหลังรูปปั้นของท่านมีข้อความปรัชญาทางการเมืองอยู่ 3 คำ คือ จริยธรรม ประชาธิปไตย และวิทยาศาสตร์

ด้านข้างของรูปปั้นจะมีทหาร 2 นาย ยืนประจำการอยู่

ทหารที่ทำหน้าที่นี้มาจาก 3 เหล่าทัพ ผลัดเปลี่ยนกันทุก 4 เดือน แต่ละรอบที่มาอาจจะเห็นสีของชุดยูนิฟอร์มต่างกัน

อีกไฮไลท์คือ การเปลี่ยนเวรทหารที่มีทุกต้นชั่วโมง ตั้งแต่ 09.00-17.00 ของทุกวัน นอกจากนี้ยังมีการเชิญธงชาติขึ้นลงจากเสาในช่วงเช้าตรู่และช่วงเย็นอีกด้วย 

ถ้าอยากดูแบบใกล้ชิด ให้ไปรอก่อนสัก 15 นาที จะได้อยู่แถวหน้าสุด

บรรยากาศเงียบมาก ได้ยินแค่เสียงฝีเท้า ท่าพร้อมเพรียงตั้งแต่การเดิน ยกแขน ควงปืนยังพร้อมกันเลย

ชั้นล่างของอาคารเป็นหอแสดงนิทรรศการ ห้องสมุดและที่ทำการไปรษณีย์

ด้านในมีรูปถ่ายขนาดใหญ่ของท่านประธานธิบดีเจียงไคเชกขณะกล่าวปราศัยต่อประชาชน

มีการจำลองห้องทำงานและจัดแสดงของใช้ส่วนตัวของท่านเจียงไคเชก 

ส่วนรถยนต์คันนี้คือรถส่วนตัวของท่าน

ถ้ามาที่นี่ ก็ลงมาชมนิทรรศการที่ชั้น 1 ได้นะครับ เปิดให้ชมฟรีตั้งแต่ 09.00-18.00 ของทุกวัน

บริเวณโดยรอบของจตุรัสมีสวนสาธารณะที่มีต้นไม้ใหญ่ จึงกลายเป็นสถานที่พักผ่อนของคนไต้หวัน

นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่จัดกิจกรรมของวัยรุ่น บางครั้งก็ใช้เป็นที่ชุมนุมเพื่อแสดงออกทางการเมือง

วันที่เราไปได้เจอน้องๆ มาซ้อมวงโยธวาทิตกันหลายวง

มาแวะกินชานมไข่มุกที่ร้านชุนชุยถัง สาขานี้อยู่ที่ประตู 2 ของอาคาร National Concert Hall

>> https://goo.gl/maps/MvsmZmUY1jSMZPqv6

Chun Shui Tang ร้านต้นตำรับผู้คิดค้นสูตรชานมไข่มุก เราสั่ง เจินจู๋หน่ายฉ่า (ชาดำนมใส่ไข่มุก) กลิ่นชาหอม ไข่มุกเม็ดเล็กเคี้ยวแล้วหนุบหนับ และความพิเศษของชานมร้านนี้คือฟองชานมที่อยู่ด้านบน

เราสั่งไซส์ S (100 NTD) ถ้ามาวันธรรมดาแล้วสั่งเครื่องดื่มไซส์ M (190 NTD) จะได้ส่วนลด 15% ขอเตือนว่ามาเป็นเหยือกเลยนะ 555

เราสั่งวาราบิโมจิมากินด้วย (85 NTD) อร่อยมาก !!! อยากให้ลอง

เจอร้านขนมที่ทำเป็นรูปอาคาร National Concert Hall และสัตว์ที่อยู่บนหลังคา (Theater and Fairy animal on the roof) ร้านนี้อยู่ตรงประตู 2 เหมือนกัน

>> https://goo.gl/maps/gFh7HJctTji2Khgs6

นั่งเล่นรอลุ้นพระอาทิตย์ตกอยู่นาน แต่ดูจากสภาพท้องฟ้าแล้วคิดว่ายาก 555 

เย็นนี้เราจะไปกินบุฟเฟ่ต์หม้อไฟหมาล่าที่ร้าน Xin Mala Hot Pot สาขานี้อยู่ที่ซีเหมือนติง เราจองล่วงหน้าผ่านทางแอฟ: inline มาจากไทยแล้ว

New Mala Hot Pot Wuchang Branch เป็นร้านในเครือเดียวกับ Mala Yuanyang Hot Pot แต่เนื้อและอาหารทะเลจะพรีเมี่ยมกว่า 

>> https://goo.gl/maps/aKYzjK7CEbtDHyDL7

ถึงเวลาที่จองไว้ พนักงานก็มาเรียกชื่อ สงสารเค้ามากตอนเรียกชื่อภาษาไทย

มีเมนูให้เลือก 3 ราคา ขึ้นกับความพรีเมี่ยมของวัตถุดิบ มื้อกลางวันของวันธรรมดาจะถูกกว่ามื้อเย็นและวันเสาร์-อาทิตย์ เราสั่งเซท 898 NTD (service charge 10%)

ถ้ามา 1-2 คน ก็จะได้นั่งโต๊ะเคาน์เตอร์แบบนี้ 

สั่งอาหารด้วยการสแกน QR code สั่งได้มากสุด 12 เมนูต่อครั้ง (แต่ละเมนูไม่เกิน 2 ถาด) ถ้าจะสั่งครั้งต่อไปต้องรอ 5 นาที

ใน 1 หม้อเลือกได้ 2 น้ำซุป ซึ่งที่ร้านมีน้ำซุปให้เลือก 6 แบบ

เราสั่งซุปคอลลาเจนกับซุปหมาล่า ความดีงามของซุปหมาล่าคือ เลือดเป็ดและเต้าหู้ อร่อยมากๆ ถ้าไม่ทานวัวอาจจะต้องเลี่ยงซุปหมาล่าเพราะเคี่ยวจากกระดูกวัว

ร้านนี้เสริ์ฟเนื้อวัวดรายเอจ (Dry-Aged) พนักงานสไลด์สดใหม่ตามออเดอร์เลย

เซทราคาที่เราเลือก พระเอกของเมนูเนื้อคือ Wagyu beef M6-M9 เนื้อนุ่ม มีไขมันแทรกกำลังดี

เราชอบป้ายที่บอกว่าเป็นเนื้อส่วนไหน ความพีคคือมีภาษาไทยด้วย 555

เนื้อจะเสริ์ฟ 4 ชิ้น/ออเดอร์ ถ้าสั่งเยอะจนไม่มีที่วางแบบเรา ทางร้านก็มีชั้นเล็กๆ ให้วางถาดอาหาร

Prime Chuck Roll เนื้อสันคอเกรดดีจากอเมริกา เนื้อฉ่ำมีชั้นไขมันแทรกเยอะ

Angus beef เป็นเนื้อที่ค่อนข้างลีน มีความเหนียวนิดๆ เพราะไขมันแทรกน้อย

มีเนื้อแกะด้วย นุ่มดีแต่เราไม่ค่อยชอบกลิ่นแกะ

เนื้อดีทุกส่วน เอาลงไปแกว่งๆ ในซุปหมาล่าร้อนๆ แค่นี้ก็อร่อยแล้ว รักมาก !!!

นางเอกของเมนูอาหารทะเลคือ กุ้งลายเสือและกุ้งขาว ตัวใหญ่เนื้อแน่นๆ เสริ์ฟมาบนเรือเลย

จัดการแกะกุ้งให้เรียบร้อยก่อนเอาไปต้ม จะได้กินง่ายๆ 

เมนูอาหารทะเลก็หลากหลายมีทั้ง ปลากระพง ปลาหมึก หอยเชลล์ หอยแมลงภู่ หอยตลับ ลูกชิ้นกุ้งแบบโฮมเมด 

เมนูอื่นๆ ที่ไม่ค่อยเจอในร้านหม้อไฟที่ไทยเช่น เอ็นตุ๋น ไส้ตุ๋น ผ้าขี้ริ้วตุ๋น ปลาท่องโก่ ฟองเต้าหู้ทอด

เมนูผัก เราสั่งมาแค่ผักสุ่ยเหลียน (Water snowflake) กรุบๆ กรอบๆ อร่อยมาก 

เครื่องดื่มก็ครบ ชา กาแฟ น้ำอัดลม น้ำผลไม้ และเบียร์ไต้หวันแบบไม่อั้น

เราอยากแนะนำสิ่งนี้ น้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์โซดา เปรี่ยวซ่า สดชื่น

สเตชั่นที่สร้างความงงที่สุดคือน้ำจิ้ม ใครปรุงไม่ถูก ที่ร้านก็มีน้ำจิ้มสุกี้พันท้ายให้ 555

จบมื้อด้วยไอศครีม Haagen-Dazs และ Moven Pick แบบไม่อั้น แถมมีให้เลือกเกือบ 20 รส มากินแค่ไอศครีมก็คุ้มแล้ว :)

อย่ามัวแต่กินหม้อไฟจนเพลินนะครับ แบ่งท้องและแบ่งเวลาให้ของหวานด้วย

ก่อนกลับขอแวะซื้อของฝากที่ร้าน 唐舖子 มีขนมให้เลือกเยอะ เจ้าของร้านใจดีมาก ทั้งลด แลก แจม แถม

>> https://goo.gl/maps/22KfLdsMszhy3YSQ9

ถึงเวลากลับโรงแรมเตรียมแพ็คสัมภาระลงกระเป๋า วันนี้เป็นอีกวันที่สนุก เก็บครบตามที่ลิสต์ไว้และที่สำคัญได้พักร่างกายจากการเที่ยวหนักๆ มาหลายวัน 555

พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว แพลนเที่ยวแบบสบายๆ เดินเล่นหามุมถ่ายรูป ช็อปปิ้งของฝาก และหาของอร่อยๆ ที่ย่านซีเหมิน ฝากติดตามตอนสุดท้ายของทริปนี้ด้วยนะครับ :)

OUTSIDE MY ROOM

 วันจันทร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2566 เวลา 07.08 น.

ความคิดเห็น