ปัว บ่อเกลือ สปัน เมืองเล็กเล็ก ที่ทุกคนต้องหลงเสน่ห์
ทริปนี้เกิดจากความอยากเที่ยวของกลุ่มเพื่อน ที่มาจาก กรุงเทพฯ เชียงใหม่ และเราสาวลำปาง
และเราก็คือตัวตั้งตัวดีในการจัดทริป5555 ด้วยความที่เคยไปเที่ยวน่าน แต่ตอนนั้นไปแค่ตัวเมืองและดอยเสมอดาว เราจึงอยากกลับไปน่านอีกครั้ง เพราะน่านเป็นเมืองที่เราคิดว่าเหมาะกับการเที่ยวทุกฤดูจิงๆนะ (คิดเองนะ..ด้วยความอยากไป)
ใจไปแล้วก็ จัดทริปนัดวัน จัดไป....
อันดับแรกเรามาพูดถึงการเดินทางไปน่านกันก่อน น่านเป็นจังหวัดที่เดินทางไปสะดวกมากๆค่ะ มีให้เลือกหลายเส้นทางเลยค่ะ ไปดูกัน
http://www.bannok.com/volunteer/autopage/show_page.php?id_g=13&h=30&s_id=64&d_id=65&page=1
ขอบคุณข้อมูลการเดินทางของเพจครูบ้านนอกนะค่ะ
การเดินทางไปน่าน ไปง่ายมาก ทั้ง รถประจำทาง รถไฟ เครื่องบิน และรถส่วนตัว
สำหรับทริปนี้เราใช้รถยนต์ส่วนตัว ถ้าใครเดินทางมาจากกรุงเทพฯ ไป น่าน ระยะทางจะอยู่ที่ประมาณ 600-700 กิโลเมตรค่ะ
Day 1 :
การเดินทางครั้งนี้ประกอบด้วยสมาชิก ทั้งหมด 6 คนค่ะ เดินทางมาจาก กรุงเทพฯ / เชียงใหม่ และเราลำปาง การรวมตัวจึงต้องหาจุดรวมพลโดยสรุป คือ จุดรวมพลนั้นก็คือ ลำปาง กว่าจะรวมพลกันเสร็จก็เที่ยงพอดี ปะอยากไปน่านแล้ว ^_^
ขอถ่ายรูปก่อนออกเดินทางก่อนนะ 1 2 3 แชะ สบายใจละ มุ่งหน้าสู่อ.ปัว จ.น่าน
ปัว เป็นอำเภอเล็กๆ ไกลจากน่านประมาณ 60-70 กิโลเมตร เราใช้การเดินทางโดยมี google maps นำทาง ตามลิ้งค์ได้เลยค่ะ
ส่วนใครที่อยากไปปัวอีกเส้นทางหนึ่งก็คือรถประจำทาง ขึ้นรถได้ที่สถานีขนส่งน่านค่ะ น่าน-ปัว
17:30 กลุ่มเรามาถึงปัวละค่ะ เราเลือกเข้าพักที่ "โฮมสเตย์ตางนงค์" ทางเข้าค่อนข้างยากพอควรค่ะ แต่ถ้าไปไม่ถูกตามพิกัด นี้เลยค่ะ ถึงที่พักแน่นอน
ส่วนคนที่นั่งรถโดยสารมาที่ อ.ปัว มีรถมอเตอร์ไซต์รับจ้าง นั่งต่อมาที่พักได้เลยค่ะ
เราได้พักบ้านไม้สีขาว 3 ชั้น ซึ่งมีทั้งหมด 3 ห้องนอน กลุ่มเราเหมาทั้งหลังเลยค่ะ ห้องพักอยากจะกรี๊ดมากกก ราคา 500.-/ห้องตกแล้ว ราคา 250.-/คน ราคานี้ไม่รวมอาหารเช้านะค่ะ มีน้ำร้อนคอยบริการ ใครอยากดื่มกาแฟ โอวัลติน ทางโฮมสเตย์มีให้จ้า ส่วนห้องพักไม่ต้องพูดไรมาก บอกได้คำเดียวห้องพักน่ารักสุด มีระเบียงเหมือนอยู่บ้าน วิวเป็นท้องนารอบที่พัก บรรยายคงไม่หมด ไปดูภาพประกอบ บอกได้คำเดียว......คุ้ม
บ้านหลังนี้เลยค่ะมี 3 ชั้น ชั้นแรก เป็นห้องครัว มีที่รับรองแขกผู้มาเยือน ส่วนชั้นสอง เป็นห้องพักมี 2 ห้องนอน ส่วนชั้นสาม เป็นห้องพักเหมือนกันค่ะมี 1 ห้องนอน กลุ่มเราเหมาบ้านนี้ทั้งหลังเลยค่ะ 3 ห้อง (เอื้อเฟื้อภาพบ้านจาก พี่นุ้ยสุดสวยแห่งโฮมสเตย์ตานงค์)
ภาพจากระเบียงโฮมสเตย์ตานงค์ ค่ะ ข้าวกำลังจะโต พร้อมวิวภูเขา หอมกลิ่นข้าวมากๆ สดชื่นที่สุด
ระเบียงห้องชั้น 3 มุมถ่ายรูปอีกมุม นั่งอ่านหนังสือ เพลินดีจิงหละมุมนี้
ส่วนมุมนี้เป็นระเบียงชั้น 2 มีเตียง (ทางเหนือเรียกแหย่ง และโต๊ะตัวกลาง ไว้นั่งชิวมองท้องนา)
คนเหนืออย่างเรา เรียกแหย่ง ค่ะ เป็นเหมือนเตียงเนียะแหระค่ะ นอนได้นั่งได้
เห็นเตียงแล้ว เราไปดูห้องนอนแต่ละห้องกันดีกว่า เริ่มจากชั้น 3 ก่อนเลย
ห้องจะมีขนาดใหญ่ตกแต่งด้วยม่านลายดอกไม้ทุกรูปเลยค่ะ แต่งแนววินเทจ ใสใส น่ารัก
มาดูห้องนอน กับ หน้าห้องชั้น 2 กันบ้างนะค่ะ แต่งแนวเดียวกันทุกห้องเลยค่ะ แต่จะมีขนาดเล็กกว่าชั้น 3 นิดส์หนึ่ง ทุกห้องมีเครื่องทำน้ำอุ่น ห้องน้ำในตัว ผ้าเช็ดตัว โทรทัศน์ แอร์ ส่วนตู้เย็นมีให้ใช้รวมกันส่วนกลางชั้น2ค่ะ
เริ่มเย็นสมาชิกก็เริ่มหิวกันแล้วสินะ แต่ แต่ แต่ ขันโตกอาหารเหนือมื้อเย็นที่สั่งไว้ยังไม่เสร็จหนะสิ (ที่โฮมสเตย์มีบริการมื้อเย็น คิดคนละ 130.- เป็นขันโตกอาหารเมืองเหนือ)
สมาชิกไม่รอช้าหาทางไปหาขนมลองท้อง ตานงค์ใจดีม๊าก มาก ให้ยืมรถเครื่อง (รถเครื่องคือภาษาเหนือ แปลว่า รถมอเตอร์ไซด์) ออกไปร้านค้าซื้อขนมแถวนั้น
ระหว่างที่เพื่อนไปเตรียมเสบียง เดินออกมารอบที่พัก เห็นบรรยากาศนาข้าวล้อมรอบ สดชื่นไปอี๊กกกกกก
เดินเล่นจนแน่ใจว่าเพื่อนเตรียมเสบียงเสร็จสิ้น เราก็พร้อมนำมันบรรจุใส่ท้องน้อยๆ
และนี่ก็คือขันโตกที่ทางที่พักจัดเตรียมไว้ให้ อาหารบางอย่างสามารถเติมได้ มีทั้งข้าวสวย ข้าวเหนียว อร่อยใช้ได้ค่ะ
มีทั้งลาบ ไส้อั่ว แกงฮังเล ปลาทอด แคบหมู น้ำพริกหนุ่ม อาหารเหมือนทั่วไปแต่บรรยากาศแบบนี้ มันทำให้อาหารอร่อยคูณ2 อาหารพื้นเมืองบวกเพื่อนรู้ใจ ฮิ้วววว อร่อยเฟ้อ
หนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน ตกดึกมาฝนตก อากาศควรค่ากับการมุดผ้าห่ม แยกย้าาย zzZZ
Day 2 :
สวัสดียามเช้า
โชคดีอีกแล้วหลังจากฝนตกตอนดึก เช้ามาก็สดชื่น เห็นหมอกเป็นสายบนภูเขา วิวมุมระเบียงห้อง
สูดอากาศยามเช้าเสร็จ ในเมืองปัวยังมีที่เที่ยวรอเราอยู่ แต่ฝนตกหนะสิ แต่บ่อยั้น อยู่ใต้ฟ้า อย่าไปกลัวววๆๆ
สถานที่แรกที่เราไป คือนี่ เลย "ร้านกาแฟบ้านไทลื้อ" ฝนตกเราเลยพากันมานั่งพัก กินเค้ก จิบกาแฟ กับบรรยากาศนาข้าว ภูเขา สะพานไม้ นั่งมองฝน ชิมกาแฟ มันก็อารมณ์ดีได้ แปลกแหะ555 ไปดูกันๆๆ ทำไมถึงอารมณ์ดี
ถ่ายรูปกันแบบไม่เกรงใจ ฝน ฝนคงเห็นใจหยุดตกสะงั้น ส่วนใครที่เป็นขาช้อป(แบบเรา)เดินไปหน้าร้านกาแฟ จะมีร้าน "ลำดวนผ้าทอ" จำหน่ายผ้าทอ มีชุดแนวประยุกต์ แนวพื้นเมืองแต่ทันสมัยด้วยการตกแต่ง ราคาไม่แพงเริ่มต้นที่ 100.- มีให้เลือกเยอะมาก หลายแบบจริงๆ
พอสูญเสียเงินในกระเป๋าไปหลายตังค์ พวกเรามีความตั้งใจจะไปทำบุญกันด้วย วัดแรกที่ถือได้ว่ามีรีวิวเยอะมาก เพราะวิวท้องทุ่งนาที่เขียวและกว้าง นั้นก็คือ "วัดภูเก็ต" นั้นเอง
ถึงแล้วไหว้พระ ทำบุญ กันก่อน สาธุ สาธุ สาธุ
:) ทำบุญหล่อเทียน
:) ผูกผ้าสี ไม้ค้ำต้นโพธิ์
เดินมาทางด้านหลังวัด จะเห็นวิวทุ่งนาเป็นพื้นที่กว้าง
จะมีทางลงบันไดให้ลงไปบนคันนาได้ ซึ่งด้านล่างเป็นบ่อน้ำ มีน้ำไหลผ่าน และเป็นเขตห้ามจับสัตว์น้ำ
วัดภูเก็ตแห่งนี้ยังเป็นสถานปฏิบัติธรรม ใครอยากมาปฏิบัติธรรมลองดูรายละเอียดที่นี่นะคะ http://www.watphuket.com/
12.00 นาฬิกาบอกเวลาเที่ยงตรง นั้นหมาายความว่าต้องหาอะไรใส่ท้อง พวกเราเลือกเดินทางไป "ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ" ที่นี่มี วังศิลาแลง บ้านพัก ร้านอาหาร และโรงเพาะเห็ดค่ะ แต่เราเลือกที่จะฝากท้องนั่งทานข้าวกับสารพัดเมนูเห็ด กินข้าวพร้อมชมวิว ไม่มีอะไรสุขเกินนี้ละคะ เมนูอาหารแนะนำคือพิซซ่าเห็ดค่ะ ใครที่มาอย่ามาเกิน 6 โมงเย็นนะค่ะ ครัวปิดจ้ะ
ลาบเห็ด ผัดไข่เห็ดหูหนู ไข่เจียวเห็ด ต้มยำสาระพัดรวมเห็ด (ไข่เจียว พิซซ่า เพิ่ม2 นะจ้ะ หิวไม่หิวหละ555)
ระหว่างรอพิซซ่า ถาดที่ 2 เราก็ลงไปเดินเล่นกับเพื่อนสาว จะมีป้ายติดไป วังศิลาแลง ทางร้านบอกว่าเป็นธารน้ำไหล แต่ช่วงเราไปฝนตกค่ะเลยไม่ได้ไปเดินดู แต่มองจากภาพคงสวยน่าดู ใครได้ไปลองไปเดินชมนะค่ะ ของเราคงต้องรอรอบต่อไปT_T
แอบถ่ายภาพติดฝาผนังร้านมาค่ะ มาอีกรอบเราจะไป ปักหมุดไว้ก่อน
พออิ่มเราก็เดินทางจะไปบ่อเกลือแต่ระหว่างทางก็ได้แวะไหว้พระ เราไปไหว้พระ "วัดพระธาตุเบ็งสกัด" คุณลุงที่ดูแลวัดเล่าให้ฟังว่าวัดนี้มีอายุ 700 กว่าปีแล้ว มีองค์พระเจดีย์ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุให้ไหว้สักการะ
คุณลุงยังแนะนำให้ไปไหว้สักการะ "พระธาตุจอมแจ้ง" ซึ่งเลยจากวัดพระธาตุเบ็งสกัดไม่กี่กิโล วัดนี้เราสามารถเห็นวิวของ อ.ปัว ได้เป็นมุมกว้างเลย ไหว้พระเสร็จต้องเดินทางต่อแล้ว ต้องไปบ่อเกลือต่อ
ระหว่างทางไปบ่อเกลือโอ้โห ทางโค้งใช้ได้ ละพวกเราก็แวะสะตลอดทาง ไม่แวะได้ไง วิวดอยภูคา สวยขนาดนี้ ยังกับภาพวาด L O V E
เดินทางไปอีกหน่อยเจอหมอกค่ะ ไม่คิดว่าจะได้เจอเพราะตอนนี้แดดก็มา แต่มีหมอก โอ้โชคดีของศรีสะจริงๆ
เดินทางจาก อ.ปัว ไป อ.บ่อเกลือ ระยะทางประมาณ 40-60 กิโล มีป้ายบอกตามทางได้สบาย หรือใครไม่มีรถมีรถสองแถวจากปัว ไป บ่อเกลือ
แต่ทางโค้งสะเยอะ เดินทางนานเกือบ 2 ชั่วโมง ทางเหมือนไปปายเลย แต่เรื่องระทึกคือน้ำมันจะหมด แต่คนไทยไม่แล้งน้ำใจ ระหว่างทางก็เจอคุณพี่คนหนึ่งใจดีผ่านมาเจอละให้น้ำมันเรา พวกเราเลยรอดตาย ใครที่จะเดินทางมาบ่อเกลือ ระหว่างทางไม่มีปั้มเลยนะคะ เติมให้เต็มก่อนขึ้นมานะคะ เตือนด้วยประสบการณ์ตรงเลยค่ะ
แต่ใครที่มาเส้นทางนี้ เหมือนเส้นทางแห่งขุนเขาอะคะ ขี่มอเตอร์ไซด์มาจะดีมาก เพราะการขับรถมาเราต้องขึ้น-ลงรถตลอด เส้นทางมีอะไรชวนให้สงสัยตลอดเวลา เดี๋ยวเจอเขา เดี๋ยวเจอดอกไม้ เดี๋ยวเจอหมอก
มาถึงแล้ว อ.บ่อเกลือ ที่แรกที่มุ่งตรงไปคือ บ่อเกลือสินเธาว์บนภูเขา แต่ที่เสียใจช่วงนี้เข้าพรรษา ชาวบ้านจะหยุดต้ม 3 เดือน พลาดอีกแล้ว
แต่ยังมีเกลือจำหน่ายจ้าา เด็กน้อยคอยต้อนรับอยู่ มีราคา 10.- 20.- ถ้าผสมไอโอดีน ก็ ราคา 25.-
พอซื้อเกลือเสร็จ (ช้อปทุกอย่าง555) ก็เดินทางไปหมู่บ้าน สปัน ซึ่งเดินทางเข้าไปอีกเพียง 2 กิโลเมตร ที่พักคืนนี้ของพวกเรา
โอ้ยยยยยย ถึงแล้วววว "อุ่นไอมาง สปัน" โอ้ยยยยย กระโดด ฉันชอบมากกกกเอาไป 10 ดาว
บ้านหลังที่เห็นจะใช้เป็นที่ต้อนรับทุกท่านที่มาเยือน โดยมีเจ้า ถ้วยฟู น้องหมาขี้อ้อนและแสนรู้มาคอยต้อนรับ นางอายุขวบเศษแต่ลูก 5 นะจ้ะ ไวไฟไม่หละนาง
ด้วยความตื่นเต้นเราวิ่งลงไปด้านล่างเพื่อสำรวจ ที่พักริมแม่น้ำนะจ้ะ สมเป็นที่พักหลักร้อยวิวหลักล้านจริงๆ ราคาตกอยู่ที่คนละ 450.-/คน เราจองบ้านพักกระโจมไป นอนได้ห้องละ 2 คน มีทั้งหมด 3 หลังนะค่ะ ส่วนเพื่อนเราอีก 2 คนจองไม่ทัน ที่พักมีบริการกางเต๊นท์ คิดคนละ300.- ห้องน้ำรวม แยกชาย หญิง
อีกอย่างของการมาถึงสัญญาณโทรศัพท์ไม่ค่อยมีนะ แต่เพื่อนเราใช้true มีสัญญาณค่ะ นอกนับจอดสนิท
ส่วนบนบ้านอุ่นไอมามีไว้ทานอาหารเช้า และ พักผ่อน ก็ชิวไปอี๊กกก ช่วงไปเป็นหน้าฝนไม่กล้าเล่นน้ำ ไหลแรงเกิน สะพานที่ตั้งใจไปถ่ายก็ได้โดนน้ำพัดไปสะแล้ว ตรงนี้เลยเป็นที่พักที่ดีมว้ากกกก เห็นวิว นอนเล่น สบายใจ
ระหว่างรอ พี่เอก หรือ พี่เด่น คือเราอะฟังไม่ถนัด (พี่ค่ะหนูก็ไม่กล้าถามมม ถ้าหนูฟังผิดหนูขอโต๊ดดด) พี่เค้าพาไปดูบ้านพักหลังใหญ่มีระเบียงสามารถอยู่ได้หลายคน(พี่เค้าเห็นเรามาเยอะ) เราเลยลองไปดูก่อน
พอถึงที่พักแล้ว ซึ่งที่พักจะไกลจากจุดต้อนรับไม่มากค่ะ มีห้องน้ำในตัวระเบียง ชานบ้านแต่เราตกลงกันว่าอยากไปนอนกระโจม มันแปลกดี เลยกลับไปที่เดิมค่ะ
พอกลับมาก็ได้เวลาสำรวจห้องพัก ห้องกระโจมของเราที่พักสำหรับค่ำคืนนี้
และเแล้วก็ได้เวลาตรียมอาหารเย็น ทางที่พักมีบริการ อาหารเย็นคิดคนละ 150.- ใครสนใจสั่งทางที่พักก่อนมาถึงได้เลย ส่วนพวกเราตัวกินจุนอกจากสั่งที่พักเรายังไปหาของมาเพิ่ม ทางที่พักมีเตาปิ้งย่าง ละก็ในหมู่บ้านมีร้านค้าเล็ก ขายส้มตำ ของชำ หมู ลูกชิ้น ขนม น้ำแข็ง ที่พูดมาจัดมาหมด แหะๆ
กลางวันว่าสวยแล้ว กลางคืนนี้สิบรรยากาศมันร้ายหนักมาก
กินอิ่ม อากาศกลางคืนประมาณ 25 องศา เย็นสบาย พวกเราก็แยกย้ายเข้าไปนอน ไม่ต้องเปิดแอร์หรือพัดลมหลับสบายzzZZ
Day 3 :
ตื่นเช้าทางคุณพี่บ้านอุ่นไอมางก็เตรียมอาหารเช้าไว้เพียบเลย เมนูเด็ดต้อง อะโวคาโด้ทาร์ตไข่ อร่อยต้องบอกต่อ
ดูถ้ววยฟูสิ นางมาอ้อนแต่เช้า ไม่ให้หลงได้ไง เจ้าหมาน้อยเอ้ย
การมาสปัน หมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ การได้พักที่พักที่ไม่เหมือนที่พัก มันเหมือนบ้าน การมาเที่ยวบ้านเพื่อนสักคน การดูแลแบบค่อยเป็นค่อยไป จนเราต้องบอกเลยว่ายังไงก็ต้องกลับมาอีก เพราะถึงเวลาที่เราต้องเดินทางกลับแล้ว....สัญญาว่าเราจะพบกันอีกครั้ง อุ่นไอมาง ณ สปัน
ก่อนจะแยกย้ายกัน เราก็ไปขับรถไปถึงตัวเมืองน่าน ซึ่งเพื่อนเราอยากทานข้าวซอย เราเลยหาข้อมูลจนมาเจอ
"ร้านข้าวซอยต้นน้ำ" น่านเป็นเมืองเล็กๆค่ะ หาไม่ยากเลย google maps ช่วยท่านได้ ใกล้ศูนย์โอทอปน่าน ใครอยากทั้งกินทั้งช้อปเหมาะอย่างยิ่ง และแน่นอนมันเหมาะกับเรา หุหุ
ก่อนออกเดินทางเราก็ไม่พลาดกับการแวะชมภาพฝาผนัง ซึ่งเรียกได้ว่าใครๆก็ต้องรู้จัก ปู่ม่านย่าม่าน "วัดภูมินทร์"
เสื้อทีมต้องมา ไม่มีใครซัก ซื้อละใส่เลย เห่อว่างั้น555
ทริปนี้เราปิดท้ายด้วยการกิน "ร้านของหวานป้านิ่ม" ไปดูภาพดีกว่า รสชาติไม่รู้สินะ แต่เราชอบนะเราว่าไม่หวานเกินไป ไอศครีมมีให้เลือกหลายรสชาติ ราคาไม่แพง เริ่มต้นที่ 30-50 บาท
ปิดท้ายกับเมนูอาหาร เพราะทริปนี้กินจุ ช้อปของพื้นเมือง พักเต็มที่มากๆ บอกได้เลยว่า เป็น 3 วัน 2คืน ที่มีความสุขม๊าก มาก น่านเป็นจังหวัดเล็กๆ ที่มาทีไรก็ไม่รู้สึกเบื่อ มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย วัด ชุมชน ท้องนา แม่น้ำ ภูเขา มีครบครัน มากี่ครั้งก็ไม่รู้สึกเบื่อ แถมยังเที่ยวได้ทุกฤดูกาล สมกับเป็นเมืองต้องห้ามพลาดจริงๆ......บ๊ายบายทริปน่าน แล้วเราจะพบกันใหม่
รัก เธอ นะ...................น่าน เนิบ เนิบ
ครูขาพาทัวร์
วันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 เวลา 00.45 น.