นั่งรถไฟไปเที่ยว ดอยขุนตาล 



หลังจากเดินขึ้นมาจากสถานีรถไฟขุนตาล ใช้เวลาประมาณเกือบชั่วโมงนะ ชำระเงินตรงจุดผ่านด่านเรียบร้อย ก็เข้าไปติดต่อเช่าเต็นท์ แผ่นรองนอน และอื่นๆ
เจ้าหน้าที่ : จะนอนบ้านพักก็ได้นะ วันนี้ว่างอยู่ ฟ้าฝนมันไม่แน่ไม่นอน

เรา : แล้วช่วงสองสามวันนี้ มีฝนบ้างมั้ยครับ

เจ้าหน้าที่ : ไม่ตกมาสามวันแล้ว อากาศดี แต่ก็ไม่แน่นะ เอาอะไรกับธรรมชาติ 

เรา : งั้นพวกผมนอนเต็นท์นี่แหละ ตั้งใจกันมาแล้ว เดี๋ยวไปนอน ย 2 เช้าตื่นตีสี่ จะได้เดินไปดูพระอาทิตย์ขึ้น

เจ้าหน้าที่ : โอเค ไม่เปลี่ยนใจแน่นะ...........

เท่าที่พอจำได้ บทสนทนาก็ประมาณนี้ อันโบราณว่าไว้ ถ้ามีคนทักคนเตือน ยิ่งเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ เป็นผู้ชำนาญในเรื่องนั้นๆ ก็ควรจะฟังและปฏิบัติตาม แต่อย่างว่า คนมันดื้อ.....หึหึ



อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาน ขอขุดอดีตนิดเดียว สั้นๆ มันคือสถานที่แรก ป่าแรกที่ทำให้รู้จักการเดินป่า นอนเต็นท์ ใช้ชีวิตกลางป่า รู้จักหม้อสนาม เปลสนาม ในยุคสมัยนั้น นั่งรถไฟชั้นสามมาจากหัวลำโพง ตังค์มีไม่เยอะ ขนอุปกรณ์การทำกินมาครบ สามารถก่อไฟได้ ทำกับข้าวกินได้ เตาแก๊สอะไรก็ไม่มี ใช้เต็นท์สามเหลี่ยมอยู่เลย ชุดเดินป่า รองเท้าเดินป่าไม่มี ใช้เกงเลลากอีแตะขาหนีบนี่แหละ แบกของขึ้นมาเองทุกอย่าง อยู่ครั้งนึงก็ต้องสองถึงสามคืนขึ้นไป โคตรมันส์

ถามว่ามันคือช่วงเวลาใดของชีวิต ต้องย้อนไป ปีพุทธศักราช สองพันห้าร้อยสามสิบสี่ นานม่ะ ไม่นานนะ แค่.....กี่ปีหว่า ขี้เกียจนับอ่ะ 

จากครั้งนั้น ก็ได้เดินทางไปอีกหลายๆที่ ดอยขุนตาน ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่มาแล้วมาอีก น่าจะมีเกินสิบครั้ง และก็น่าจะมีเกินสิบปีแล้วมั่งที่ไม่ได้กลับมาเยือนที่นี่ จบ....



ครั้งนี้รวบรวมพลพรรคได้ เก้าคน ส่วนใหญ่เป็นทีมที่เคยเดินทางด้วยกันมานานแล้วล่ะ แต่ระยะหลังแทบจะห่างหายกันไป ก็ตั้งแต่สถานการณ์โรคระบาดระดับโลก หลายสิ่งหลายอย่างก็เปลี่ยน ขี้เกียจย้อนกลับแล้ว ไปเที่ยวกันดีกว่า....



ดอยขุนตาน ถ้าจะมาให้ง่ายสุดคือ มารถไฟ เดินทางโดยรถยนต์ก็ได้นะ แต่ถ้ามารถไฟจะคลาสสิคเลย พอผ่านอุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ก็ถึงสถานีขุนตาล เวลายืนมองที่สถานี รถไฟเข้า-ออกอุโมงค์ มันดูขลัง ทรงพลังมากมาก

เราเลือกขบวนรถด่วนพิเศษ กรุงเทพ-เชียงใหม่ นอนแอร์มาเลย ออกจากสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ 18:40 น ถึงสถานีขุนตาล 06:00 น 

ยิ่งใหญ่เกรียงไกรมั้ย

บนขบวนรถไฟสาย กรุงเทพ-เชียงใหม่


ตามแพลนที่วางไว้คือ…
วันแรก…ถึงสถานีรถไฟขุนตาลเช้าตรู่ พักผ่อนตามอัธยาศัย ไม่รีบไม่เร่ง พร้อมเมื่อไหร่ค่อยเดินขึ้นดอย จุดหมายพักแรมนอนเต็นท์ที่ ย 2 จบภารกิจวันแรก

วันที่สอง…ตื่นนอนประมาณตี 4 เดินขึ้นยอดสูงสุด ย 4 ดูพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ดื่มกาแฟ คลอเคลียหมอกขาวๆ ละมุน ไม่รีบไม่ร้อนอีกเช่นเดิมเอาให้เต็ม แล้วเดินลง กลับมาเก็บข้าวของ วันนี้จะไปนอนบ้านพักอุทยาน อันนี้สามารถจองล่วงหน้าได้เลย ติดต่อกับทางอุทยาน ง่ายมากๆ 

ถึงบ้านพัก ทานข้าวจัดองค์ประกอบให้ครบถ้วน ช่วงบ่ายเดินไปเที่ยวน้ำตกตาดเหมย แบบเพลินเพลิน สนุกให้พอแล้วกลับมาพักผ่อนที่บ้านแบบชิลชิล ค่ำคืนก็ไปนอนดูดาว โคตรสุข

วันที่สาม…ตื่นนอนแต่เช้าไปนั่งดูพระอาทิตย์ขึ้นที่หน้าบ้าน คือดีงาม สายหน่อยเก็บของเตรียมเดินทางกลับโดยรถไฟเที่ยว 11:00 น เข้าเชียงใหม่แล้วบินกลับบ้านตาม

แพลนนี้ทุกอย่างสวยงาม.......

เอาล่ะที่นี่มาดูของจริง ตามมาๆ....


นิดนึง ย ที่ใช้เรียก ย 2 หรือ ย 4 ย่อมาจากคำว่า จุดยุทธศาสตร์ มี ย 1-4 ไม่ใช่ยอดเขา ไม่ใช่ยอดดอย ช่วง ย 1-ย 2 จะเดินง่ายหน่อย สบายๆ ตั้งแต่ ย 2 ไป ย 3 และสุดท้ายจุดสูงสุด ย 4 อันนี้จะเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติค่อนข้างจริงจัง มีทางราบสลับเนิน มีทางชันชุดสุดท้ายก่อนขึ้น ย 4 ที่ดอยขุนตาลนอกจากธรรมชาติจะแน่นๆแล้ว ก็ยังมีเรื่องราวประวัติศาสตร์ของสถานที่หลายๆอย่างให้น่าค้นหาด้วยนะ คร่าวๆประมาณนี้ ไปต่อเลยนะ....




รถไฟมาถึงสถานีขุนตานประมาณหกโมงนิดๆ ตามแพลน เอ้อระเหยลอยชาย เกินแผนไปนิดนึง กว่าจะได้เดินขึ้นเกือบเก้าโมง ไม่มีปัญหา เรื่อยๆจนเรื่อยเปื่อย ชมนกชมไม้ ชมทุกอย่าง ก็ประมาณเกือบชั่วโมงกว่าจะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติขุนตาน ชำระค่าบริการต่าง ติดต่อเช่าเต็นท์ อุปกรณ์การนอน คือว่า รอบนี้วางแผนไว้ให้สะดวกกายสบายใจ เลยไม่ได้นำพาอุปกรณ์การเดินป่ามามากมาย

แล้วคืนที่สองก็จองบ้านพักไว้แล้ว สัมภาระบางส่วน ส่วนใหญ่เลยล่ะ ใช้บริการมอไซค์หาบ ที่นี่แจ๋วตรงนี้ พี่เค้าคล้ายมอไซค์รับจ้างทั่วไป ทุกอย่างแค่โทรกริ๊งเดียว ขนของขึ้นไปส่ง ย 2 รับบริการซื้อของ ส่งคนก็ได้ สรุปคือได้ทุกอย่าง เอาเบอร์ไปเลย 080 0343792 ชื่อพี่โอ๋ แกอารมณ์ดี คุยได้ ชมภาพที่เพลิดเพลินอยู่ที่สถานีขุนตาน เส้นทางเดินช่วงแรก ก่อนจะไปกันต่อ…

พี่โอ๋ มอไซค์หาบอารมณ์ดี…


เส้นทางเดินขึ้นดอย ช่วงจากสถานีรถไฟ ถึงที่ทำการอุทยานฯ



มาถึงตรงนี้มีบทสนทนาที่กล่าวเอาไว้ตอนเริ่มต้น ลองย้อนไปอ่านก่อนก็ได้ แต่คิดว่าก็พอจำได้อยู่



จากที่ทำการ เดินต่ออีกประมาณยี่สิบเมตร พักก่อนดีกว่า เป็นร้านสวัสดิการของทางอุทยานฯ มีอาหาร ชา กาแฟ ขนมขาย ยาวอีกแล้ว นั่งกันยาวอีกแล้ว เราไม่รีบ น้ำคนละแก้วนั่งโม้กันเพลินเกือบชั่วโมง ไปดูรูปก่อนเนอะ แล้วค่อยเดินกันต่อ.....

ไม่รีบสบายๆ....

ขึ้นเขามาประมาณกิโลเดียวได้มั่ง เดินทางถนนลาดยางสลับทางลัดเส้นทางธรรมชาติบ้าง เดินสบายอยู่นะ แล้วเราก็เจอร้านอาหารร้านที่สอง ไม่พลาด ยาว ยาวววววเหมือนเดิม พักกินข้าวกันเลย ดูเวลาประมาณสิบเอ็ดโมงกว่า พอดีเลย ไม่พอดีก็จะพัก 

พี่ที่ขายอาหารถามว่าเรามารถไฟเที่ยวกี่โมง เราบอกรอบหกโมงเช้า สีหน้าพี่เค้าแปลกใจเล็กน้อย อมยิ้มอีกเล็กน้อย เราเลยต้องบอกว่า พวกเราไม่รีบครับผม ไม่รีบแบบไม่รีบมากๆครับ.....


กว่าจะออกเดินอีกทีน่าจะเฉียดๆบ่ายโมง คราวนี้เอาจริงแล้ว ออกจากร้านอาหารมาไม่ไกลมาก ก็ถึงด่านตรวจ จุดนี้ต้องรับถุงขยะ ลงชื่ออีกครั้ง ไม่อยากบอกเลยว่า ตรงด่านตรวจเราก็พักอีกแล้ว คราวนี้ไม่ใช่เรื่องไม่รีบนะ แต่เป็นสัญญาณเตือนจากธรรมชาติ ฝนตกแบบฟ้ารั่วเลยจ้า

เห็นเม็ดฝนมั้ย อย่างหนักอย่างนานนนน


ติดฝนอยู่นานมาก ก็รอจนกว่าจะหยุดอ่ะ ฝนตกแรงและนานมากเดินต่อไม่ได้ พอเริ่มจะเดินกันต่อ ก็มีเปาะแปะๆ บางๆมาเรื่อยๆ เริ่มคิดแล้ว อืมมมม แล้วเราจะรอดมั้ยเนี้ย ระหว่างทางเริ่มเจอนักเดินทางกลุ่มที่กำลังจะลงมา ก็พูดคุยถามไถ่กันปกติ เละครับพี่ ลานสนน่าจะนอนไม่ได้ครับ เออออออ......

และแล้วเราก็นำพาตัวเองและทีมงานมาถึงจุดรอขึ้นลานสน ย 2 เป้าหมายของวันนี้ จากตรงนี้ อีก 50 เมตร เป็นช่วงที่ชันที่สุด พี่มอไซค์หาบ ก็มาจอดรออยู่เพราะส่งได้แค่นี้ ที่เหลือต้องช่วยตัวเอง ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่เส้นทางหรอก มันอยู่ตรงที่จะขึ้นหรือจะไม่ขึ้น เพราะสภาพอากาศไม่เป็นใจเลย 

พี่มอไซหาบก็เตือน นักท่องเที่ยวที่เดินสวนลงมาก็เตือน พี่ด้านบนมันเละเทะมากเลยนะ ไอตรงที่รอขึ้น 50 เมตรก็พอมีที่พักเป็นคล้ายๆโรงเรือนมีหลังคา ฝนตกไม่มีเปียกชัวร์ นอนตรงนี้ก็ได้นะ


มาถึงแล้วนี่ ไม่มีถอยอยู่แล้ว พลพรรคบอกให้ส่งตัวแทนขึ้นไปดูก่อน ไปก็ไป ก็ได้มันอยู่นะ ยังพอมีที่กางเต็นท์แต่ลานสนตรงกลางไม่สามารถจริงๆสรุปคืนนี้นอนลานสน เดี๋ยวไม่ได้อารมณ์นอนป่า แต่ก็ประมาณริมขอบด้านข้างๆนิดนึง ยังพอมีที่แห้งๆ เพื่อเป้าหมายเช้าพรุ่งนี้ 

จัดการสร้างอาณาเขต เพื่อรอรับน้องฝนเรียบร้อย น้องก็มาแบบบางๆ เรื่อยๆ ตลอดๆ ก็พักผ่อนตามอัธยาศัย กลางคืนว่าจะถ่ายดาวก็ไม่มีดาว มีทั้งแสงจันทร์ ทั้งเมฆหมอก พักผ่อนๆ วันนี้พอแค่นี้ก่อน....

อาณาบริเวณของเราแทบจะเหมาลาน มีเพื่อนบ้านกางหนึ่งหลังอยู่ขอบไกลๆอีกด้าน...

ยามค่ำคืนที่ลานสน ย 2…



วันที่สอง ตื่นตามเวลาเป๊ะ จริงๆตื่นก่อนเวลาด้วยซ้ำ ถามว่าทำไม ไม่ใช่ว่าตื่นเต้นอะไรหรอก คือเท้ามันเหมือนแช่อยู่ในน้ำอ่ะ คือต่อให้พยายามกาง ฟลายชีส ป้องกันอย่างดี แต่ไม่รอด ฝนตกเกือบทั้งคืน ยันเช้า ยันสว่าง ไม่ต้องถามว่าวันนี้จะเห็นพระอาทิตย์มั้ย มีทะเลหมอกมั้ย ถามว่า จะเอายังไงกับชีวิตก่อนดีกว่ามั้ย 

ตีสี่ ตีห้า หกโมงเช้าก็แล้ว เจ็ดโมงแล้ว ก็ยังตกไม่หยุด ตัดสินใจ บอกทุกคน เก็บของเหอะ ฝนไม่น่าจะหยุดแล้วล่ะ คือบรรยากาศมันได้เลย(ดูจากภาพ) ทำอะไรไม่ได้แล้ว เก็บของทั้งๆที่ฝนมันยังตกนี่แหละ 

ตัดสินใจเดินลงไปตั้งหลักที่บ้านพักก่อน แล้วค่อยวางแผนกันใหม่กว่าจะทุลักทุเลไปจนถึงบ้านพัก เปียกทั้งตัว ไปถึงบ้านพักเหมือนสวรรค์ชั้นเจ็ด แล้วฟ้านะใสกริ๊ง ทุกคนจัดการรื้อกระเป๋า เอาของที่เปียกมาตากแดด รองเท้าก็เปียกเลอะโคลน เสียเวลาไปครึ่งวัน 

กำลังย่องกันลงมา


ครึ่งวันบ่ายยังพอมีเวลา ก็ลองชวนทุกคนไปขึ้นยอด ย 4 กันมั้ย มติเอกฉันท์ 8-1 ชวนไปน้ำตก มติเอกฉันท์ 8-1 งั้นนอนเล่นพักร่างกันอยู่ที่บ้านพักนี่แหละ มติเอกฉันท์เหมือนเดิม คะแนน 9-0 จบ......


สภาพอากาศในวันต่อมา ดีดี๊เนอะ....หึ


สรุป.....

ตั้งใจนอนลานสน ได้นอนจริงแต่ก็ประมาณขอบๆริมๆ เพราะน้องน้ำจองพื้นที่ไว้หมดแล้ว

ชมพระอาทิตย์ขึ้น จิบกาแฟดูทะเลหมอก ที่ ย 4……การนำพาตัวเองลงมาจาก ย 2 ได้ก็คือ การประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่มั๊กมากกกกก 

ไปเที่ยวน้ำตก ไม่ต้องเดินให้เมื่อย ทั้งหน้าเต็นท์ ในเต็นท์ หยดแหมะๆๆๆ

ในส่วนของดวงดาวนั้น เหมือนวันที่เราไปดาวมันไกลจากโลกไปหน่อย เลยไม่มีโอกาสเอื้อมถึง

ที่เล่ามาทั้งหมดเหมือนคล้ายๆจะพลาดเป้าหมาย คือไม่คล้ายอ่ะ พลาดเป้าอย่างแรง แต่ มันคือการเดินทางที่สนุกมากๆ ครั้งนึงเลยนะ มันง่ายดี แบบไม่ต้องคิดอะไรมากมาย พลาดก็พลาด อะไรทำไม่ได้ก็ไม่ทำ ก็มันคือ ธรรมชาติ ไหลไปตามมัน จะไปกำหนดกฎเกณฑ์อะไรได้ แต่อารมณ์ ความรู้สึกของเรา เรากำหนดมันได้นะ เราสนุกไปกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา มีแต่เสียงหัวเราะไปกับโชคชะตาที่ทำให้เราต้องอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เออ มันดีงี้เอง


ถ้าให้คะแนนการทำตามเป้า -5 เต็ม 10

คะแนนความสนุก 15 เต็ม 10



ถ้าตามมาถึงตรงนี้ ขอเชิญชม https://youtu.be/HdGy81h_fL4?feature=shared
จบแบบนี้แหละ ไว้เจอกันใหม่กับการเดินทางครั้งใหม่......
จบบริบูรณ์



คน ฟ้า ป่า น้ำ

 วันพุธที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 เวลา 10.45 น.

ความคิดเห็น