สำหรับเนื้อหาใน Part 10 นั้น จะเป็นการเดินทางไปยังดินแดนแห่งสรวงสวรรค์ จังหวัดลำปาง กันน๊ะครับ
หมายเหตุ: เนื้อหาในบทความนี้ จะเล่าแต่ละสถานที่แบบคร่าวๆน๊ะครับ ส่วนรีวิว แบบละเอียดของแต่ละที่ จะแยกไปเป็นบทความของแต่ละที่อีกทีครับ
หลังจากที่ออกเดินทางจาก กทม. ในวันที่ 4 มกราคม และได้แว่ะตามจุดต่างๆ ตามนี้
"อุทยานแห่งชาติภูแลนคา" - > "มอหินขาว"
->
"อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า" -> "บ้านร่องกล้า"
->
"อุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการ"
->
"อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว" (ไม่ได้เดินขึ้นเขาน๊ะ)
->
"อุทยานแห่งชาติศรีน่าน" -> "ผาชู้" -> "ดอยเสมอดาว"
->
"ถนนหมายเลข 3" -> "สปัน" -> "ลานกางเต้นท์ โอเวอร์วิว @น่าน"
->
"ภูลังกา" -> "ลานกางเต้นท์ ภูซัน"
->
"อุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า" -> "ลานกางเต้นท์ GOODVIEW @ภูชี้ฟ้า"
->
"ดอยช้าง" -> "ลานกางเต้นท์ ชมตะวัน" -> "อาข่า ฟาร์มวิลล์"
->
"อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก" -> "ลานกางเต้นท์ม่อนสน" -> "ไร่ชา 2000" -> "ไร่สตรอว์เบอร์รีบ้านนอแล" -> "สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง" -> "ลานกางเต้นท์ซุยถัง" (ไม่ได้ค้าง)
->
"สันป่าเกี๊ยะ" -> "ลานกางเต้นท์ 1348 @สันป่าเกี๊ยะ"
->
"อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง"
->
"อุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ" -> "ปางอุ๋ง"
->
"บ้านรักไทย" -> "ลานกางเต้นท์ฟาฉาย"
->
"อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์" -> "ผาดอกเสี้ยว" -> "กิ่วแม่ปาน"
->
"ขุนวาง" -> "สวนลุงเปา" -> "สะพานซากูระ"
->
"อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย" -> "ขุนช่างเคี่ยน" -> "ดอยหัวหมู"
สามารถเก็บสะสมแสตมป์ของอุทยาน ได้ 11 แห่ง
และเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่า 1 แห่ง
23 มกราคม 2567
หลังจากที่ผมนั้นพักที่ตัวเมืองเชียงใหม่ 1 คืน ผมก็ได้ออกเดินทางเพื่อมุ่งหน้าไปสู่ "อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ง้อน ง้อน" ดินแดนแห่งสรวงสวรรค์ ที่ผมขอแนะนำให้ทุกท่านนั้น ได้ลองไปซักครั้งในชีวิต
และแน่นอนว่า ในระหว่างทางนั้น สายตาของผมก็สอดส่าย ไปตามข้างทางตลอดเวลา เพื่อมองป้ายว่า จะผ่านจุดใดที่น่าสนใจบ้าง
และผมก็ผ่านที่นี่ครับ "น้ำพุร้อนดอยสะเก็ด" แน่นอนว่า ผมแว่ะทันที เพราะมันไม่ได้ห่างจากทางหลักเลย
ด้านในครับ
และเมื่อเดินเข้าไปในลานน้ำพุร้อน ผมก็พบว่า มันมีกลิ่นกำมะถัน ที่ผมรู้สึกเหมือนกับไข่ต้ม
และตอนที่ผมไปนั้น เหมือนกับว่า ทุกบ่อน้ัน จะเป็นน้ำที่มีอุณหภูมิปกติ แต่จะมีอยู่บ่อหนึ่ง ที่มีอุณหภูมิที่ร้อนแบบพอเหมาะในการตักอาบได้ครับ (แต่ผมไม่ได้ทดลองอาบน๊ะครับ แค่ลองใช้มือสัมผัสดูเฉยๆ)
และหลังจากนั้นผมก็ออกเดินทางต่อ
และก็ผ่าน "หมู่บ้านแม่แจ๋ม" จังหวัดลำปาง ที่ไม่ใช่ "แม่แจ่ม"
และหลังจากที่ใช้เวลาเดินทางผ่านเส้นทางของขุนเขาไปซักพัก
ผมก็เดินทางถึง "อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน" ครับ
และหลังจากที่ ปักสมอ แบบเท่ห์เสมอแล้ว ผมก็ออกไปทำภารกิจ ถ่ายรูปทันทีครับ
แต่ก่อนอื่นก็ต้องไปขอแสตมป์ก่อนครับ
บรรยากาศตอนบ่ายๆครับ
กังหันพลังน้ำแร่ครับ
กังหันยังหมุนอยู่น๊ะครับ แต่ตัวไดนาโมปั่นไฟมันพังไปแล้ว
กิจกรรมยอดนิยมของที่ครับ (แต่ผมไม่ได้ลองน๊ะครับ)
เดินเที่ยวชมลำธารครับ
หมายเหตุ: น้ำในลำธารนั้นจะเย็นสดชื่นครับ แต่ทางด้านซ้ายนั้น จะเป็นน้ำแร่ ที่มีความร้อน และคนนั้นนิยมมานั่งแช่เท้ากันครับ
การนั่งแช่เท้านั้น เป็นบริการฟรีครับ
แต่ถ้าต้องการอาบน้ำนั้น จะมีค่าใช้จ่าย 50 บาทครับ (เด๋วผมจะมารีวิวที่หลังน๊ะครับ)
และเนื่องจาก "น้ำตกแจ้ซ้อน" นั้น อยู่ไม่ไกล ผมจึงมาเดินเล่นที่นี่แป๊บนึงครับ
อ๊ะๆๆๆ มีเส้นทางเดินป่าด้วย "ของชอบ" อิอิ
อ๊ะๆๆๆ มีตัวคุ่น !!!
ไม่เดินแร่ะ เดินน้ำตกก็พอ ฮ่าฮ่าฮ่า
ไม่ไกลๆ
มีปลาดูดหินด้วยๆๆๆ
น้ำตกเล็กๆครับ
เนื่องจากว่า ที่นี่นั้น ต้องเดินตามทางเดิน มันก็เลยไม่ค่อยมีมุมในการถ่ายรูปสวยๆเท่าไหร่ครับ
และหลังจากที่ผมนั้น เดินไปจนถึงชั้นบนสุดของน้ำตกแล้ว
อืมมม ข้างหน้าทีโรงไฟฟ้าอยู่ซิน๊ะ
ผมนั้นคิดในใจทันที ว่าจะเดินต่อดีหรือไม่ แต่เนื่องจากสภาพของทางเดินมันเป็นอย่างนั้น ผมก็นึกได้ทันทีว่า
"นี่เอ็งไม่ได้เป็นช่างภาพเนชั่นแนลจีโอกราฟฟิก ไม่ต้องเดินไปหรอก"
และยิ่งเมื่อนึกถึงเริ่องตัวคุ่นแล้ว ผมจึงหันหลังกลับทันที
แต่ทว่า ในระหว่างทางเดินกลับนั้น ผมกลับรู้สึกว่า เหมือนตัวรุม และเมื่อเอามือตรวจสอบตามร่างกายนั้น ก็เหมือนจะมีไข้เล็กน้อย
"นี่กรูติดหรือเปล่าว๊ะ" ผมนั้นนึกในใจทันที
และหลังจากนั้น ผมก็เดินตรงกลับลงไปทันที
เพื่อไปยังห้องอาบน้ำแร่ ที่เปิดถึงเวลา "17:30 น."
ภายในห้องเป็นอย่างนี้ครับ
คำแนะนำในการอาบน้ำแร่ครับ
และหลังจากนั้น คำว่า "สรวงสวรรค์" นั้น ก็ไม่ใช่คำเกินจริงเลยครับ
เพราะหลังจากที่ผมนั้น ได้อาบน้ำ และแช่น้ำแร่ของที่นี่แล้ว นอกจากความสบายแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนนั้น
ไอ้อาการที่เหมือนเป็นไข้ และคิดในใจอยู่ว่า "ติดหรือเปล่า" นั้น มันหายไปจนหมดเกลี้ยง และกลับไปนอนในเต้นท์ แบบหลับสบายอย่างมากทันทีครับ
และนั่นจึงทำให้ในวันรุ่งขึ้นนั้น ผมก็สามารถลุกขึ้นแต่เช้า เพื่อมาถ่ายรูปยามเช้าของที่นี่ ได้อย่างที่ตั้งใจไว้ครับ
24 มกราคม 2567
บรรยากาศสบายๆ ยามเช้าครับ
ผู้คนก็มาแว่ะเยี่ยมชมกันแต่เช้าครับ
เวลาประมาณ 08:06
พระอาทิตย์พ้นแนวต้นไม้แล้วครับ
อ่าๆๆๆ วันนี้มีเมฆมาคอยบังด้วย ลุ้นๆ
อ่าๆๆๆ มาแล้วๆๆๆ แสงมาแล้ว
ผมนั้นรีบเดินไปมาหามุมสวยๆทันที
"แซ๊ะ"
"แซ๊ะ"
"แซ๊ะ"
ไม่ผิดหวัง ที่ตื่นมารอตั้งแต่ก่อนเวลาพระอาทิตย์ขึ้นครับ ^^
(จริงๆแล้วรูปแย่ะกว่านี้มากน๊ะครับ เด๋วจะมีรีวิวแยกครับ)
หมายเหตุ: และเนื่องจากว่า ผมนอนค้างที่แจ้ซ้อน 2 คืนครับ ผมก็เลยได้ถ่ายรูปที่นี่ตอนเช้า 2 วันครับ ผมขอเอารูปอีกวันมาใส่เลยน๊ะครับ
และหลังจากที่ถ่ายรูปยามเช้าเสร็จแล้ว
ปมก็ต้องวางแผนต่อในวันนี้ทันที ว่า วันนี้จะไปไหน (เพราะแน่นอนว่า ทริปนี้ ผมไม่มีแพลนอะไรทั้งนั้น ฮ่าฮ่าฮ่า)
"อืมมม แม่กำปอง อยู่ใกล้ๆ ไม่ถึงชั่วโมง จำได้ว่าสวยนี่นาๆๆๆ"
และในขณะที่ผมนั้น กำลังจะไปแม่กำปอง
"หืมมม สวยเหรอๆๆๆ อะไรสวยหว่าๆๆๆ" ผมนั้นเปิดดูรีวิวใน GooGle ทันที
Writer: นั่นงัยสวยจริงๆด้วย
Reader: คนสวย ใช่มั๊ยๆๆๆ
Writer: ใช่ๆๆๆ
Reader: อ้าวๆๆๆ ถูกซ๊ะงั้น
Writer: โอ้โห๋ๆๆๆ สาวๆ ใส่ชุดกระโปรง ถ่ายจากด้านหลัง แล้วมีวิว หมู่บ้านไม้ในหุบเขา แนววินเทจ โครตสวยเลยๆๆๆ
Reader: ไปดิ่ๆๆๆ
Writer: ข้าไม่มีแบบให้ถ่ายโว๊ยๆๆๆ
และหลังจากนั้น ผมจึงต้องหันหน้า เข้าวัด ตามคำแนะนำของนักท่องเที่ยว ที่ได้คุยกันเมื่อวานทันที แน่นอนว่า ผมนั้นเลือกที่จะไป "วัดเฉลิมพระเกียรติ (วัดพระพุทธบาทสุทธาวาส)" ที่อยู่ไม่ไกลมาก นั่นเอง
Reader 1: เฮ้ยๆๆๆ ไหนบอกว่า ทริปนี้ จะไม่เข้าวัดงัย
Reader 2: ใช่ๆ ไหนบอกว่า ไม่ใช่ทริปคนแก่งัย
Reader 3: ผิดคอนเซ็ป น๊ะเนี่ยๆๆๆ
Writer: โอ้โห๋ๆๆๆ แต่วัดเค้าอยู่บนยอดเขาน๊ะโว๊ยๆๆๆ มันก็ต้องมีแอดแวนเจอร์ มั่งเหลอะ ฮ่าฮ่าฮ่า
และในระหว่างเดินทางมาถึงถนนตรงจุดนี้ ผมนั้นถึงกับต้องจอดรถถ่ายรูปทันที เพราะว่ามันสวยมาก
และใช่ วัดที่ผมนั้นจะเดินทางไป ก็อยู่บนยอดเขาตรงหน้านี่เหลอะ
ในระหว่างทางผ่านหมู่บ้าน ก็ผ่านทุ่งนาที่สวยงาม
และก็เส้นทางที่ แอดแวนเจอร์ สมใจ
Writer: เฮ้ยๆๆๆ อี GooGle จริงดิ ทางไปวัดนี้ มันต้องผ่านทางนี้จริงๆดิ วัดนี้มันดังมากน๊ะโว๊ยๆๆๆ
หมายเหตุ: ทางฝุ่นแบบนี้มันมีอยู่แค่ประมาณ 600 เมตรน๊ะครับ
อ่ะไหนๆ ก็ผ่านแล้ว ถ่ายรูปซักหน่อย
หมายเหตุ: รูปนี้ผมถ่ายตอนขากลับน๊ะครับ เพราะ GooGle Map เค้าเลือกเส้นทางนี้ให้ผมทั้งขาไป ขากลับเลย T_T
ไร่ข้าวโพด
ทุ่งนา
และเมื่อผมนั้น เดินทางมาถึงลานจอดรถแล้ว ผมก็ต้องตกตะลึงในความสูงชัน ของหน้าผา และนึกทันทีว่า "จะขึ้นไปได้ยังงัย"
อ่อๆๆๆ ต้องซื้อตั๋ว เพื่อนั่งรถ 2 แถวของชาวบ้านขึ้นไปครับ
อ่าๆๆๆ มีแสตมป์ด้วยๆๆๆ แต่ที่นี่ ไม่ใช่ อุทยานน๊ะครับ แต่เป็นเขตุรักษาพันธุ์สัตว์ป่า
และหลังจากที่นั่งรถ 2 แถวของชาวบ้านขึ้นไปแล้วก็ได้รู้ว่า ทางขึ้นนั้นชันมากๆ และถนนก็แคบ แบบรถสวนกันไม่ได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ เค้าไม่อนุญาต ให้นำรถส่วนตัวขึ้นไปครับ
หมายเหตุ: สำหรับที่นี่นั้น สามารถมาเที่ยวในฤดูฝน ที่สวยกว่าได้ครับ แต่ถ้าวันไหนฝนตก ทางเจ้าหน้าที่เค้าจะไม่อนุญาตให้ขึ้นไปน๊ะครับ
ถึงแล้วครับ (หลังจากนี้ต้องเดินเท้าต่อไปเองครับ)
มีร้านกาแฟวิวสวยๆอยู่ด้วยครับ
วิวใช้ได้เลยครับ
ระหว่าทางก็จะมีนักท่องเที่ยว นิยมนำหินมาวางแบบนี้ครับ
นี่ครับ จุดเริ่มเดิน ที่เป็นทางเดินขึ้น
เส้นทางเดินคร่าวๆ โดยเส้นทางเดินนั้น จะเป็นบันไดเหล็กอย่างดีครับ
มีจุดชมวิวสวยๆ
สะพานสวยๆครับ
จะถึงแล้วๆๆๆ
ถึงแล้วๆๆๆ เย้ๆๆๆ
ด้านบนนั้น ก็จะมีสถานที่สักการะพระพุทธรูปอยู่น๊ะครับ
แต่จะไม่มีพระจำพรรษาอยู่น๊ะครับ ดังนั้น ไม่ต้องหิ้วของที่จะถวายสังฆทานขึ้นมาครับ
และสำหรับท่านที่ต้องการจะถวายสังฆทาน ให้นำไปถวายที่วัด ที่อยู่ติดกับลานจอดรถด้านล่าง ตามรูปนี้ครับ
และหลังจากที่ถ่ายรูป จนหายเหนื่อยแล้ว
ก็เดินลงครับ
และในบริเวณลานจอดรถบนเขานั้น
ก็จะมี พระพุทธบาท อยู่ด้วยครับ
และจริงๆแล้ว ที่แจ้ซ้อนนั้น จะสามารถถ่ายภาพในช่วงพระอาทิตย์ตกได้ด้วย เพราะมันจะมีแสงสุดท้ายประมาณนี้อยู่ แต่เนื่องจากว่าในเย็นวันแรกนั้น ผมเห็นแสงแบบนี้ ในตอนที่กำลังจะไปอาบน้ำ ผมจึงมีแค่โทรศัพท์มือถือ ผมจึงไม่สามารถถ่ายเอาไว้ได้
นั่นจึงทำให้ในเย็นวันที่สองนั้น ผมก็ได้มารอแสง แต่ก็ผิดหวังครับ เพราะว่ามันไม่มีแสงแบบนี้ T_T
และในเช้าวันที่ผมกำลังจะออกเดินทางนั้น ผมพึ่งได้ทราบข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ว่า ที่นี่นั้น มีนกเงือกให้ถ่ายรูปได้ด้วย
แต่ว่า จะต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เค้าพาไปครับ เพราะเค้าจะรู้ว่า ในตอนนี้นั้น นกเงือกอยู่ที่ไหน
แบกกล้อง
วันอาทิตย์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 เวลา 15.05 น.