อากาศร้อนแบบนี้ จะออกไปข้างนอกก็กลัวไขมันละลายเลยมานั่งเขียนรีวิวคลายร้อนดีกว่า หยิบยกเอาทริปที่ไปมาเมื่อปลายปีที่แล้ว เลือกสถานที่เย็นสบาย (จากที่ได้เจอมาเฉพาะตอนเช้านะคะ ^^) มาดับร้อนคงไม่พ้นทริป "เชียงคาน" เดินทางง่ายมากๆ นั่งรถทัวร์เพียงต่อเดียวก็ถึงเชียงคาน...เลย
มาเลยดีกว่า รีวิวแบบเร็วๆ เผื่อปลายปีนี้ใครอยากไปจะได้เตรียมเก็บเงิน แพลนทริปไว้ตั้งแต่ตอนนี้
* รีวิวนี้เจ้าของรีวิวเสียค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด
** เดินทางเข้าไปในพื้นที่เมื่อวันที่ 21-23 ตุลาคม 2559 (เดินทางคืนวันที่ 20 ตุลาคม 2559)
*** ค่าใช้จ่ายคร่าวๆ ใส่ไว้ในเนื้อหา...ไปรถทัวร์กลับเครื่องบิน (จองตอนโปรฯ 590 บาท) กินเต็มที่ รวมจุกจิกตั้งแต่ออกจากบ้านจนถึงกลับเข้าบ้าน 3 วัน 2 คืน หมดไป 4,070 ที่จำได้เพราะจดไว้ค่ะ
**** รูปภาพในกระทู้นี้ถ่ายโดย iPhone SE และ Sony a5000 ใช้ Application VSCO, Phonto ในการแต่งรูปค่ะ
การเดินทาง
กรุงเทพ - เชียงคาน
ทริปนี้เปิดโลกทัศน์ อยู่ใกล้รังสิตมาตั้งแต่เกิดเพิ่งรู้ว่ามีสถานีขนส่งรังสิต ไม่ไกลจากฟิวเจอร์พาร์ค ถ้านั่งรถสองแถวมาจากฟิวเจอร์ฯ ลงสะพานลอยก่อนถึงโรงกษาปณ์ ค่ารถทัวร์ของ บขส. คนละ 400 กว่าบาท ภูกระดึงก็สามารถไปรถคันนี้ได้ ตอนซื้อตั๋วแจ้งเจ้าหน้าที่ด้วยว่าลงเชียงคาน ที่นั่งสบายเบาะนวดไฟฟ้า มีผ้าห่มให้
เชียงคาน - สนามบินเลย
ถ้าใครสะดวกกลับรถทัวร์จุดซื้อตั๋วอยู่แถวตลาดสดเทศบาล ส่วนเรากลับเครื่องบินมีเพื่อนช่วยหารค่ารถจึงใช้บริการรถแท็กซี่เมืองเลย วิ่งมาจากสนามบินเพื่อมารับพวกเราที่เชียงคานคนขับรถชื่อพี่โซ่ มีบริการนำเที่ยวด้วยนะคะ ค่ารถไปสนามบิน 550 บาท เบอร์โทรศัพท์พี่โซ่ 062-5129558
**********
เราถึงเชียงคานประมาณ 06.30 น. รถทัวร์สุดสายที่ตลาดสดเทศบาลเชียงคาน ใครจะหาอะไรรองท้องก่อนก็น่าสนใจ แต่เรามีจุดหมายที่สำคัญกว่าการกิน เพื่อนที่มาถึงเมื่อวานบอกว่าเช้านี้ที่ภูทอกทะเลหมอกแน่นมาก เราจึงนั่งรถสกายแลปไปร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ ค่ารถสกายแลป 40 บาท ถ้าไม่รีบสามารถเดินไปได้ ร้านเช่ามอเตอร์ไซค์อยู่ ซ. 9 ตรงข้ามร้านอาหารลุกโภชนา ค่าเช่าวันละ 250 บาท
แต่ถ้าไม่สะดวกขี่มอเตอร์ไซค์ก็เหมาสกายแลปเที่ยวได้ ราคาตกลงกันหน้างาน
ระหว่างการทำการเช่ารถ ก็เก็บบรรยากาศยามเช้าที่เงียบสงบของเชียงคานไปเรื่อยๆ การตักบาตรข้าวเหนียวเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาแล้วต้องทำ แต่ภาพที่เห็นเป็นการตักบาตรของชาวบ้าน
ภูทอก... ทะเลหมอกที่เข้าถึงง่ายมาก
ภูทอกห่างจากเชียงคานประมาณ 7 กิโลหน่อยๆ ถนนลาดยางเป็นทางราบมีบางช่วงที่ขรุขระถนนเป็นหลุม ใครที่ขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปเองช่วงเช้ามืดหรือมาช่วงที่หมอกลงระมัดระวังในการขับขี่ด้วยค่ะ
รถส่วนตัวจอดไว้ด้านล่างห้ามนำขึ้นไป มีรถบริการขึ้น-ลงภูทอกคนละ 25 บาท (รวมไป-กลับแล้ว) บริเวณจุดขึ้นรถมีของกินขายราคาไม่แพง เลยไปจัดข้าวจี่อุ่นๆ ยืนกินดูหมอกฟินๆ ลงจากรถก็เห็นทะเลหมอกเลยค่ะ ไม่ต้องเดินเหนื่อยเดินไกล เด็กและผู้สูงอายุก็ขึ้นมาได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับสภาพอากาศด้วย วันนี้เชียงคานอากาศกำลังดีไม่เย็นจนเกินไป
ทะเลหมอกวันแรก
เราไปถึงสายแล้ว แสงพระอาทิตย์เริ่มจ้า ภาพที่ได้จึงดูย้อนแสง
ทะเลหมอกวันที่สอง
วันนี้หมอกมาตามนัดอย่างที่หวังไว้ เรารีบมาแต่เช้าเพื่อให้ทันพระอาทิตย์ขึ้น ถ่ายรูปทะเลหมอกได้ชัดกว่าเมื่อวานเพราะมารอตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นค่ะ ภาพจึงไม่ย้อนแสงมากนัก
บ้านไม้ภูทอก
อิ่มอกอิ่มใจกับทะเลหมอกไปแล้ว ได้เวลาหาอะไรกินให้อิ่มท้อง ไม่ไกลจากจุดบริการรถขึ้นลงของภูทอก "บ้านไม้ภูทอก" บริการอาหารและที่พัก เป็นบ้านไม้ตกแต่งด้วยของเก่า เก้าอี้ไม้ เราสั่งไข่กระทะ, โจ๊ก, โค้ก และโอวัลตินร้อนชงเอง น้ำดื่มบริการตัวเองค่ะ มื้อนี้ 130 บาท
ขี่มอเตอร์ไซค์สำรวจเชียงคานต่ออีกเล็กน้อย ยังไม่ทันเก้าโมงแดดเริ่มจัดอากาศเย็นสบายหายไป
ตอนแรกๆ อาจจะงงกับตรอกซอกซอยเสียหน่อย นึกภาพตามแม่น้ำโขง ถนนชายโขง ถนนศรีเชียงคาน ขนานกันเป็นแนวนอนสามเส้น ตัดด้วยซอยเล็กๆ ซอย 1-20 ตามภาพประกอบ
นอน...ชานเคียง ที่เชียงคาน
ถ้าพูดถึงเชียงคานในมโนภาพของคนที่ไม่เคยมา สิ่งแรกที่เรานึกถึงคือ "บ้านไม้" ฉะนั้น Concept ในการเลือกที่พักครั้งนี้คือ "บ้านไม้ริมโขง ราคาสบายกระเป๋า และมีเอกลักษณ์" ไม่สนใจสิ่งอำนวยความสะดวก จึงมาลงตัวที่ "บ้านชานเคียง ที่ เชียงคาน" อยู่ระหว่างซอย 13-14 มีห้องพักไม่กี่ห้อง เท่าที่จำได้มีห้องชานบน ชานกลาง ชานล่าง คืนละ 550 บาท เป็นห้องพัดลม ห้องน้ำรวม (ยกเว้นห้องชานกลางมีห้องน้ำในตัว) เราเล็งห้องชานบนไว้เพราะเห็นวิวแม่น้ำโขง แต่เสียใจด้วย....ห้องที่ว่างคือห้องชานล่าง หน้าบ้านเป็นร้านกาแฟ มีมุมนั่งเล่นน่ารักๆ เดินออกไปเจอถนนคนเดินเลยค่ะ
ตั้งใจว่าจะฝากสัมภาระไว้และออกไปขี่รถเที่ยวค่อยกลับมา Check in ตอนบ่าย แต่คุณป้ารีบทำความสะอาดให้ สิบโมงครึ่งก็นอนขึ้นอืดอยู่ในห้องแล้ว "ห้องชานล่าง"
วิวที่มองเห็น...ถ้าเป็นห้องชานบนวิวจะสวยกว่า
มาดูห้องน้ำรวมกันบ้าง มี 2 ห้องค่ะ ไม่รู้ห้องน้ำแคบหรือขายาว เวลานั่งเข่าชนกับประตูเป็นห้องน้ำที่กระทัดรัดสุดๆ
...บ้านชานเคียงยามค่ำคืน...
***โดยรวมแล้วชอบค่ะ ราคาถูก ห้องนอนฝุ่นกับแมลงเยอะไปหน่อยแต่เป็นอะไรที่เรารับได้ การประสานงานระหว่างการจอง และระหว่างเข้าพักเป็นไปอย่างราบรื่น ห้องน้ำรวมสะอาดมีห้องหนึ่งแคบไปหน่อย****
เชียงคานแซ่บนัว!
เชียงคานมีของกินเยอะมาก จากนี้จะเป็นอาหารที่เรากินระหว่าง 2 คืน 3 วัน บางเมนูไม่เคยกินที่ไหนมาก่อนด้วย เริ่ม!!!
จิตส้มตำ
ที่เชียงคานมีส้มตำชื่อแปลก "ตำด๊องแด๊ง" ส้มตำใส่เส้นขนมจีนบีบหน้าตาประมาณเส้นลอดช่องแบบสั้นแต่เป็นสีขาว เราสั่งตำซั่วด๊องแด๊ง ขนมจีนด๊องแด๊ง ตำไทย หมูยอ น้ำตกและผองเพื่อน ตำซั่วกับขนมจีนด๊องแด๊งติดหวานไปหน่อย อย่างอื่นแซ่บโดนใจเผ็ดสู้กับแดดนอกร้านได้แบบสูสี พิกัด:จิตส้มตำ
จุ่มนัวยายพัด
ร้านนี้ตั้งอยู่กลางซอย 10 เปิดมานานกว่า 70 ปี เป็นร้านเก่าแก่ของเชียงคาน ตั้งใจมากินจุ่มนัวโดยเฉพาะ และยกให้เมนูนี้เป็นเมนูอร่อยประจำทริป หน้าตาคล้ายสุกี้ใส่ถั่วป่น น้ำซอสสีชมพู ใส่ถั่วงอกและผักบุ้ง มีอีกชื่อหนึ่งว่า "ลงสรง" ยังมีข้าวเปียก หรือก๊วยจั๋บญวน และขนมหวานอีกด้วย ร้านเปิดประมาณ 07.00-15.00 น. แต่อาจจะหมดก่อนได้นะให้รีบไป เพราะอร่อยมากๆ ก๋วยจั๊บญวนกับจุ่มนัวอย่างละชาม ค่าเสียหาย 70 บาท พิกัด: จุ่มนัวยายพัด
ส้มตำแม่ต้อย
เป็นร้านส้มตำสุดแซ่บที่คนในพื้นที่แนะนำมา ร้านอยู่ในทำเลลึกลับถ้าไม่สังเกตอาจจะมองไม่เห็น ส้มตำแม่ต้อยตั้งอยู่ในซอยเล็กๆ เยื้องกับสำนักงานที่ดิน เป็นร้านส้มตำบ้านๆ มีที่นั่ง 3 - 4 โต๊ะ ร่มรื่นด้วยเงาต้นตะขบริมแม่น้ำโขง รสชาติแซ่บถึงใจ
เมนูที่ได้รับคำแนะนำมาคือ "หมูตกครก และ ไส้อั่วทำเอง" หมูตกคกคล้ายตำถั่วใส่หมูกรอบเผ็ดมากเผ็ดน้อยสั่งได้ แต่เราไม่ชอบกินถั่ว ฮือออออออ...ครั้งที่สองมากินอีกเลยสั่งตำไทยใส่หมูกรอบแทน ไส้อั่วเป็นอีกเมนูที่โดนใจแห้งกำลังดีไปกินทีไรสั่งเพิ่มตลอด ยำหมูยอร้านนี้รสชาติต่างจากที่เคยกิน น้ำยำเป็นสีดำถ้าให้เดาคิดว่าน่าจะใส่ซีอิ้ว อร่อยหมดทุกอย่างค่ะ พิกัด: ส้มตำแม่ต้อย
ข้าวปุ้นน้ำแจ่วแม่บัวหวาน
ข้าวปุ้นน้ำแจ่วเป็นอีกเมนูหนึ่งที่กินครั้งแรกที่เชียงคาน คล้ายก๋วยเตี๋ยวแต่เส้นเป็นขนมจีน ใส่เครื่องในหมู ชามละ 40 บาท เราไม่ได้รู้สึกถึงความพิเศษกับเมนูนี้เท่าไหร่นัก กินตอนเช้าๆ ซดน้ำคล่องคอดี แต่ชามเดียวเราไม่อิ่ม TT พิกัดร้าน: ข้าวปุ้นน้ำแจ่วแม่บัวหวาน
แหนมคลุกป้าแห่ว
ได้กินของแซ่บ มันดีต่อใจจริงๆ ค่ะ ปกติแหนมคลุกเป็นเมนูที่กินประจำอยู่แล้ว แต่แหนมคลุกป้าแห่วมีความแตกต่าง ร้านเป็นเพิงเล็กๆ อยู่ซอยข้างกำแพงวัดศรีคุณเมือง คุณป้าน่ารักมากพูดเพราะนุ่มนวล สั่งเสร็จก็หยิบผักสดใส่จานไปนั่งรอได้เลย เราบอกคุณป้าว่าขอแบบจัดจ้านก็ได้สมใจค่ะ ข้าวทอดร่วนๆ โรยด้วยไข่ทอดกรอบ หนังหมูกึดๆ กินตรงนี้จานเดียวไม่พอ ขอหิ้วใส่ถุงกลับไปอีก มีน้ำดื่มด้วยนะคะ แหนมคลุก 2 จานและชาเย็น ค่าเสียหาย 80 บาทเท่านั้น พิกัด: แหนมคลุกป้าแห่ว
ตบท้ายด้วยขนมถ้วยของโปรด (ทำไมมีเมนูโปรดเยอะจัง งงตัวเอง) ผ่านไปเจอระหว่างหาร้านแหนมคลุกจำพิกัดไม่ได้ เป็นการจบการกินอาหารมื้อนี้อย่างสมบูรณ์แบบ
ถนนคนเดิน (กิน) เชียงคาน
ช่วงเย็นร้านรวงและผู้คนเริ่มคึกคักไปตลอดแนวถนนชายโขง เราเดินกันแบบเหงื่อตก เมื่อเช้ามีหมอกใช่ว่าอากาศจะเย็นเสมอไป แต่เรื่องอากาศก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการกิน ของขายละลานตาไม่ว่าจะเป็นเสื้อยืดสกรีนคำว่าเชียงคาน หรือไม่ก็เล่นคำว่า "เลย" ที่เป็นชื่อจังหวัด เช่น รักแล้วรักเลย, จำไว้เลย เป็นต้น อุปกรณ์กันหนาว งานฝีมือ งานศิลปะ และของฝากต่างๆ
นกหวีดเชียงคาน เลือกขนาดตามใจชอบที่เหมาะกับตัวเองเลยจ้าาา
เราไม่สนใจสิ่งที่กล่าวมาข้างต้น สายตามองหาแต่ของกิน
เริ่มต้นด้วย "ข้าวกะเพราไข่ดาว"
เริ่มต้นกันแบบเบสิค ฮ่าๆๆๆ มาเชียงคานทั้งทีกินผัดกะเพรา คืออยากกินอะไรที่หนักท้องเพราะต้องใช้พลังงานอีกเยอะ แต่วันนี้เป็นช่วงหยุดยาวร้านค้าจึงเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว กว่าจะได้ผัดกะเพราก็อารมณ์เสียไปหลายรอบ กะเพรา 4 จานกับต้มยำ 1 ถ้วย รวมค่าน้ำแล้วคนละ 60 บาทหน่อยๆ (หารสี่คนนะคะ)
มาต่อกันที่ "จิ๊กโก๋ยัดไส้"
ปาท่องโก๋ใส่ไส้นั่นแหละ มีให้เลือกไส้หมูกับไส้กล้วย เราเลือกไส้หมูค่ะ ข้างในมีผัก หมูสับ วุ้นเส้น อร่อยมากน้ำจิ้มหวานกำลังดี ตัวปาท่องโก๋กรอบไม่อมน้ำมัน รสชาติไปทางปอเปี๊ยะทอด ชิ้นละ 30 บาท
"ข้าวจี่" ย่างบนเตาถ่าน กินตอนร้อนๆ ร้อนไปก็ปากพองนะ ไม้ละ 10 บาท
"หมูยอเห็ดหอม" ไม้ละ 10 บาท
เป็นอีกเมนูที่อยากลอง "กุ้งแม่น้ำโขงเสียบไม้ย่าง" ไม้ละ 10 บาท แต่ทำไมเรารู้สึกคาว หรือกินไม่เป็นก็ไม่รู้ ปกติไม่กินหัวกุ้งไง แล้วกุ้งแบบนี้หัวใหญ่กว่าตัวอีก เราพยายามแล้วจริงๆ นะ
เมนู 10 บาทอีกหนึ่งเมนู "กล้วยอบยัดไส้มะพร้าวอ่อน" กล้วยอบว่าฟินแล้ว ยังใส่มะพร้าวอ่อนให้อีก โรยงาพอหอม หวานอร่อยเรียกน้ำย่อยออกมาอีกแล้ว
เดินเลี้ยวเข้าร้าน "ผัดไทยปล่อยแสง" เหมือนไม่ได้กินผัดกะเพรามาก่อนหน้านี้ เราจำเป็นต้องกินเยอะขนาดนี้ไหม เลือกทำตามเสียงท้องร้องมากกว่าเสียงหัวใจ ก็มันหิวนี่นา...
ผัดไทยปล่อยแสงสูตรโบราณ พอมีที่ให้นั่งกินบ้าง บรรยากาศร้านพาชิล แต่อากาศมันไม่น่ารักเลย นั่งกินผัดไทยแบบเหงื่อตก ผัดไทยเส้นเหนียวนุ่ม ให้กุ้งตัวไม่ใหญ่มาพร้อมเกี๊ยวกรอบ เรากินแบบไม่ต้องปรุง จานละ 40 บาท
ความจริงก็มีของกินเล่นอื่นๆ อีก แต่มันธรรมดาไปจึงขอยุติไว้เพียงเท่านี้ ถนนคนเดินถังขยะหายากมากๆ ต้องรวมใส่ถุงไว้ทิ้งที่ที่พัก ไม่ก็ฝากร้านค้าทิ้ง เราไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรถึงไม่มีถังขยะหรือเราหาไม่เจอเอง
...คินนี้มันยังไม่จบง่ายๆ ... ฮึฮึ
ต้องมาโดน เล่าปั่น
เป็นบาร์นั่งชิลริมแม่น้ำโขง ขายอาหารและเครื่องดื่ม เมนูเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หน้าตาชิคๆ ชื่อเมนูแปลกๆ อ่านชื่อยังสงสัยเลยค่ะ เพราะตอนที่สั่งไม่มีรูปให้ดู แต่ก็ได้รับคำอธิบายคร่าวๆ ได้อย่างพอเข้าใจ มีทั้งเหล้าร้อน เหล้าปั่น Cocktail เบียร์ เสิร์ฟมาในหลอดฉีดยาบ้าง หลอดทดลองบ้าง bucket บ้าง ส่วนเราก็จัดกันไปเบาๆ "ปั่นปัก" เหล้าปั่นปักขวดเบียร์มาด้วย เหล้าปั่นเลือกรสชาติได้ เบียร์ที่ปักก็เลือกได้เช่นกันค่ะ
ท้าดาาาา...เมนูเบาๆ แต่ขนาดใหญ่ ชอบๆ หลอดเยอะดี มีใครให้หลอดเยอะกว่านี้ไหม หือออ? ... ปั่นปักแก้วนี้ 198 บาท
ที่ทำการพัก เปิดทำการทุกวันสุข
ที่นี่คงเป็นร้าน...ร้านอะไรก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าแปลกที่สุดในเชียงคาน เหมือนไม่ได้ตั้งใจขายของ แปลกทั้งร้านแปลกทั้งคน ตอนแรกเรานึกว่าเป็นคาเฟ่และร้านขายของที่ระลึก ครั้งแรกที่เราไป พี่นิ่มเจ้าของร้านบอกว่าวันนี้พี่ไม่ได้เปิดเพราะมีแขก ค่อยมาใหม่ (พี่นิ่มมาบอกทีหลังนั่นคือการไล่กลายๆ นึกว่าจะไม่มาอีก แต่ผิดคาด ^^) วันต่อไปเราไปอีกครั้ง เจอพี่เกมส์เจ้าของร้านอีกคนหนึ่ง ถามเราว่า "เฮ้ย เอ็งชื่อไร?" เราก็ขำ คิดในใจเจ้าของร้านอะไรเนี่ยพูดกับลูกค้าแบบนี้ "อยากกินอะไรไปทำเอง" เอ้า! พีคไปอีก แต่เราชอบอ่ะ พี่เกมส์มาสอนพวกเราชงกาแฟ อยากใส่อะไรก็ใส่ เราเลยได้ โกโก้ใส่น้ำผึ้งมา จะมีกี่คนที่ทักทายคนที่เพิ่งรู้จักด้วยการโอบกอด
กาแฟและโกโก้ฝีมือพวกเรากำกับโดยพี่เกมส์ ถ้าไม่อร่อยก็ไม่เกี่ยวกับพี่เขาเพราะเราทำเอง พี่เกมส์พูดงี้ ฮ่าๆๆๆๆ
มุมนั่งเล่นที่เย็นที่สุด คือใต้ซุ้มดอกสร้อยฟ้า ด้านข้างป็นบ่อน้ำขนาดเล็กสร้างขึ้นเอง กับเก้าอี้ชุดลายดอกโบตั๋นฝีมือพี่นิ่ม เวลาที่ดอกสร้อยฟ้าส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ พร้อมมีเสียงน้ำไหลประกอบแบบที่เจ้าของคิดมาแล้ว มุมนี้เป็นมุมแรกที่คนมาเยี่ยมเยือนจะเลี้ยวเข้ามานั่งพัก
ที่ทำการพักเปลี่ยนแผนการเดินทางเรา จากที่คิดว่าจะไปภูเรือเราตัดสินใจนอนเชียงคานอีกคืน ได้ฟังพี่เกมส์พี่นิ่มเล่าเรื่องเชียงคาน พูดถึงใครหลายคนที่เราไม่รู้จักเลยให้ฟัง
จริงๆ แล้วร้านนี้ขายอะไร ถ้าเป็นรูปธรรมก็คือเครื่องดื่ม อาหารเช้า และเมนูพิเศษจากพี่เกมส์ มีของที่ระลึกน่ารักๆ จากฝีมือพี่นิ่ม Postcard และเสื้อยืดลายเท่ๆ แต่สิ่งที่เป็นนามธรรมที่เราสัมผัสได้คือมิตรภาพ ขอบคุณสำหรับอ้อมกอดและเชียงคานในมุมนี้ค่ะ
ถ้าแบบบ้านไม่เหมือนภาพในรีวิวไม่ต้องตกใจนะคะ ที่ทำการพักเปลี่ยนหน้าตาบ้านไปเรื่อยๆ น่าจะเป็นเรื่องปกติของบ้านหลังนี้
"อัศวินเพรชนาคา" รถไฟแห่งเชียงคาน
"อัศวินเพรชนาคา" คือรถรางหน้าตาคล้ายรถไฟ ช่วงที่เราไป (ตุลาคม ปี 2559 ที) อยู่ในช่วงกำลังสร้าง ก็รู้มาจากพี่เกมส์อีกนั่นแหละ ไปป่วนพี่เขาที่บ้านไม่พอตามมาป่วนถึงที่ทำงานอีก สถานีรถไฟจุดเริ่มต้นเส้นทางอยู่ที่สถานีตำรวจเชียงคาน มีแนวคิดว่าอยากทำให้สถานีตำรวจเป็นจุด Check in จุดท่องเที่ยว สร้างความเป็นมิตรที่ดีระหว่างตำรวจและประชาชนประมาณนี้ ฟังจากพี่ๆ คนขับรถไฟก็คือตำรวจ สภ.เชียงคาน แต่งชุดตำรวจโบราณ Search จาก Google ดูแล้วเท่ระเบิด จะวิ่งให้บริการฟรี! เราไม่แน่ใจเรื่องเส้นทางการให้บริการ ปัจจุบัน "อัศวินเพรชนาคา" คงวิ่งให้บริการแล้ว ใครเคยขึ้นถ่ายรูปมาอวดบ้างนะ
ลัดเลาะริมโขงกับมอเตอร์ไซค์เช่า
นอกจากทะเลหมอกและถนนคนเดิน เชียงคานยังมีที่เที่ยวอีก ไม่ว่าจะเป็นวัด ชุมชนริมแม่น้ำอย่างบ้านผาแบ่น และแก่งคุดคู้ เราขี่มอเตอร์ไซด์ไปบ้านผาแบ่นตามคำแนะนำจากพี่นิ่มพี่เกมส์ ยังไม่รู้เลยว่าจะไปทำอะไรแต่ก็ไปนะ
แก่งคุดคู้
อยู่ห่างจากเมืองเชียงคานประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นแก่งหินอยู่กลางแม่น้ำ ช่วงเวลาเหมาะสมที่สุดในการมาชมแก่งคุดคู้คือเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนพฤษภาคม เพราะเป็นหน้าแล้งเห็นเกาะแก่งได้อย่างชัดเจน เราไปช่วงเดือนตุลาคมแก่งคุดคู้หน้าตาเป็นแบบนี้
ของฝากที่พลาดไม่ได้เลยคือมะพร้าวแก้วมีหลายเกรด เราชอบแบบนิ่มๆ อร่อยมากค่ะ
เส้นทางสู่วัดถ้ำผาแบ่น
จากคำบอกเล่าของพี่นิ่มพี่เกมส์ บ้านผาแบ่นมีจุดชมพระอาทิตย์ที่สวยงาม เราจึงพี่มอเตอร์ไซด์ไปดูให้เห็นกับตา ระหว่างทางเราได้เห็น "เชียงคานสีเขียว"
เส้นทางที่จำได้คร่าวๆ คือตรงข้ามโรงเรียนผาแบ่นจะมีหมู่บ้านอยู่ ให้ขี่เข้าไปข้างใน
หมู่บ้านทะลุมาเจอวิวแบบนี้ แต่อาจจะมองไม่เห็นพระอาทิตย์ตกเพราะภูเขาบัง
ขี่รถกลับมาเจอป้ายบอกทางไปวัดถ้ำผาแบ่น ด้วยความอยากเห็นจึงตามป้ายไป เส้นทางลึกลับมากๆ ทางบางช่วงเป็นฝุ่นตลบไม่มีรถร่วมทางหรือสวนมาสักคัน เกือบถอดใจหลายครั้ง
"แต่มาทั้งทีต้องไปให้สุด"
ในที่สุดก็มาถึงเป็นวัดที่เงียบมากค่ะ เรารู้สึกกล้าๆ กลัวๆ มาถึงก็อยากกลับเลย ยืนหมุนอยู่ข้างรถมอเตอร์ไซค์จนหลวงพี่บอกว่ามาถึงแล้วก็เข้าไปไหว้พระก่อนสิ เราจึงเดินขึ้นบันไดเข้าไปไหว้พระในถ้ำ ข้างในมีพระพุทธรูปให้สักการะแต่ห้ามผู้หญิงขึ้นไปด้านบน ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเชียงคานก็มีถ้ำ เราอยู่ที่วัดไม่นานเพราะต้องรีบกลับไปเก็บพระอาทิตย์ตก
ดูพระอาทิตย์ตกที่ริมโขง
เชียงคานเป็นเมืองที่อยู่ริมแม่น้ำโขง พลาดไม่ได้กับการไปเก็บบรรยากาศนั่งผ่อนคลายริมแม่น้ำ ถ้าภูทอกคือจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตกต้องมาดูที่ริมโขง หลังบ้านชานเคียงต้นไม้เยอะไปหน่อย เดินเลียบริมโขงไปไม่ไกลมีจุดชมพระอาทิตย์ตกแบบไม่มีอะไรมาบดบัง
เรื่องการตักบาตรข้าวเหนียวที่แทบจะไม่ได้พูดถึง ทริปนี้เราก็ได้ตักบาตรข้าวเหนียวค่ะ ถ้ามีการตักบาตรครั้งหน้าเราจะไปตลาดซื้อของเอง และถามคนท้องถิ่นว่าพระเดินบิณฑบาตรตรงไหนบ้าง การทำบุญเราอยากทำแบบที่ไม่ต้องมานั่งสงสัย คงแล้วแต่มุมมองของแต่ละคน เราอาจจะเป็นคนบาป
เรื่องราวในเชียงคานที่เราไปเจอมาก็มีเพียงเท่านี้...
เราไม่ได้รู้สึกว่าเชียงคานเป็นเมืองช้าๆ อย่างที่เคยได้รับรู้มา อาจเป็นเพราะการใช้ชีวิตประจำวันของเราหรือเปล่าที่เร่งรีบเกินไป คงแล้วแต่จะมอง...สำหรับเราเชียงคานเป็นเมืองแซ่บๆ โดยเฉพาะของกินที่มีหลากหลายจนตามกินไม่หมด มีคนเท่ๆ ที่ทำให้เชียงคานเป็นเมืองน่าค้นหา และมีธรรมชาติที่สวยงามเหมาะแก่การพักผ่อน ทุกอย่างผสมผสานลงตัวได้แบบกลมกล่อม...
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ค่ะ
ฝากรีวิวอื่นๆ ด้วยนะคะ >>> แป้งเจอนี่เจอนั่น
Facebool >>> KeepGoing Thailand
แป้งเจอนี่เจอนั่น
วันศุกร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2560 เวลา 17.02 น.