มีคนบอกว่า การท่องเที่ยว.....ความสำคัญอยู่ที่ระหว่างทาง.....ทริปนี้คอนเฟิร์มเลย
ทริปนี้ของเราเริ่มจากอยากไปฉงชิ่งมานานแล้ว เลยวางแผนกับเพื่อนว่าจะไปด้วยกัน เตรียมทุกอย่างเรียบร้อย ทั้งที่พัก และการเดินทาง แต่ไม่ได้ลงรายละเอียดสถานที่ที่จะไปมากนัก เพราะเพื่อนเป็นคนจีน เลยชะล่าใจ .......ใกล้วันที่จะไปก็เกิดเหตุไม่คาดฝัน พ่อเพื่อนประสบอุบัติเหตุต้องได้รับการผ่าตัดด่วน จบกัน เพื่อนไปไม่ได้
พอรู้ตัวว่าต้องไปคนเดียว เริ่มเพนิคละ คนพูดจีนไม่ได้เลยอย่างเราจะเที่ยวยังไง เครียดเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าเป็นไงเป็นกัน ต้องไปสักครั้ง...ฉงชิ่ง .....มาเริ่มลงรายละเอียดกการเดินทางท่องเที่ยวที่ฉงชิ่งใหม่ วางแผนว่าจะใช้ Matro เป็นหลัก (ใช้ App Metroman) เพราะเดินทางง่าย จ่ายเงินผ่าน Alipay ได้เลย หาข้อมูลชื่อภาษาจีนของสถานที่ที่จะไป เพราะจะใช้ search ใน app Baidu เพราะบางสถานที่ใช้ชื่อภาษาอังกฤษค้นหาไม่ได้.....อะ! ถือว่าพร้อมระดับหนึ่ง ที่เหลือก็ไปสู้เอาข้างหน้า
วันแรกที่ไปถึงฉงชิ่งก็ช่วงเย็นๆ ก็นั่ง Metro ไปโรงแรมที่จองไว้ อยู่บน Metro ได้มองวิวเมืองฉงชิ่ง แวบแรกที่เห็นรู้สึกเลยว่า ไม่เสียใจละที่เลือกมาคนเดียว ชอบบบ......ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น
โรงแรมที่พักสำหรับทริปฉงชิ่งนี้ จองไว้ที่ Bindun Langyi Hotel (Chongqing Jiefangbei Hongyadong) อยู่ในย่าน Shopping ขึ้นชื่อคือ Jiefangbei การเดินทางง่าย มีอาหารเช้าให้ด้วย พนักงานบริการดี เดินไปสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ระแวกใกล้เคียงได้ง่าย ห้องไม่ใหญ่นะเพราะโรงแรมอยู่ชั้น 6 ของตึก แต่ห้องพักเยอะพอสมควรเลย
หลังจากเช็คอิน เก็บกระเป๋าเรียบร้อย เราก็เลือกที่จะไปดูไฟที่ Hongyadong ก่อนเลย เพราะอยู่ไม่ไกล สามารถเปิด Baidu แล้วเดินตามได้เลย ส่วนเราขอไปชมวิวฝั่งตรงข้ามแม่น้ำตรง Chongqing Grand Theatre ใช้ Metro อีกเช่นเคย ที่ตรงนี้จะมีคนมาชมวิว กันเยอะมาก เพราะจะได้ทั้งวิว Hongyadong และสะพาน Qiansimen ที่นี่มีช่างภาพรอให้บริการเยอะมาก ใครสนใจก็สอบถามกันได้ พอพระอาทิตย์ใกล้ตก สถานที่ต่างๆก็จะเริ่มเปิดไฟสวยมาก ตอนเราไปเป็นหน้าร้อนไฟเปิดตอน 19.30 น. เดินลอดใต้สะพานถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ใช้เวลาที่นี่นานพอสมควรเลย เพราะสวยจริงๆ ขากลับเลือกเดินขึ้นอีกด้านของสะพานเป็นฝั่งของ Agricultural Bank of China ที่ตรงนี้เป็นเหมือนลานกิจกรรมน้อยๆ บนเนินขึ้นจากฝั่งแม่น้ำ มีคนมาเล่นดนตรีสดด้วย เราเดินขึ้นสะพานข้ามมาฝั่ง Hongyadong คนเยอะมาก และมีของขายบนสะพานเยอะมากเช่นกัน เดินดูละลานตาไปหมด ชิมนู่นนี่จนอิ่ม กว่าจะถึงโรงแรมที่พักก็ 3 ทุ่มแล้ว อาบน้ำนอนดีกว่า
วันถัดมาตื่นแต่เช้า เพราะซื้อ One day trip ไว้เพื่อไปอุทยานแห่งขาติหลุมฟ้า 3 สะพานสวรรค์ (Three Natural Bridge) กับน้ำตก (Longshui Gorge) ซึ่งอยู่ที่ Wulong อุทยานแห่งขาติหลุมฟ้า 3 สะพานสวรรค์ นั้นจัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับ 5A ของประเทศจีนเลย มีสะพานที่เกิดจากการยุบตัวของแผ่นดิน ถึง 3 สะพาน ด้านล่างมีโรงเตี๊ยมเก่าแก่ ที่สมัยก่อนเป็นที่พักของนักเดินทาง ปัจจุบันก็เป็นที่ขายของไปแล้ว ที่นี่ยังเป็นสถานที่ถ่ายทำหนังฟอร์มยักษ์ อย่าง Transformer 4 และ Curse of Golden Flower อีกด้วย ทัวร์นัด 7 โมงเช้ามารับที่หน้าโรงแรม ไกด์จะใช้ Wechat คุยกับเรา ไม่ต้องห่วงเพราะสามารถแปลภาษาได้ การเดินทางวันนี้ใช้รถบัส กินเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง เราเป็นคนไทยคนเดียวทั้งทริปนี้เลยก็ว่าได้ ไม่ได้คุยกับใครเลยนอกจาก chat กับไกด์ แอบอึดอัดเหมือนกันเพราะส่วนใหญ่ไกด์อธิบายบนรถเป็นภาษาจีน เราไม่รู้เรื่องอยู่คนเดียว พอถึง Wulong เค้าก็จะพาเราไปกินอาหารเที่ยวก่อนเข้าอุทยานซึ่งร้านก็จัดเป็นโต๊ะไว้ให้นักท่องเที่ยวอยู่แล้ว หลังจากนั้นจึงเดินทางเข้าชมอุทยาน โดยครั้งนี้ ทางเข้าที่ไกด์พามาจะเป็นทางใหม่ มี Bumblebee ต้อนรับด้านหน้า เดินผ่านจุดเช็คบัตรเข้าชมก็จะมีสะพานกระจกขนาดไม่กว้างมากให้นักท่องเที่ยวเดินออกไปถ่ายรูปได้ ในอุทยาน ไกด์ให้เราเดินกันเองตามอัธยาศัย นัดเวลา และจุดนัดพบแค่นั้น บอกก่อนว่าการเดินเที่ยวที่นี่เป็นการเดินแบบ one way นะ เข้าและออกคนละทาง เพราะฉะนั้นเราก็เดินตามทางไปเรื่องๆจนถึงทางออก ระยะทางก็ประมาณ 3 กิโลเมตร พอนัดกับไกด์เสร็จเราก็เดินเลยค่ะ แวะถ่ายรูปบ้าง จุดไหนคนเยอะก็ข้ามไป เดินเลาะริมเขาด้านบนมาก็จะเจอลิฟเพื่อพาเราลงไปยังด้านล่าง ลิฟนี้จัดว่าสูงทีเดียว เส้นทางนี้เมื่อเริ่มเดินออกจากลิฟมาเรื่อยๆ จะเจอธรรมชาติที่สวยงามมากๆ น้ำตกเล็กๆ จากนั้นเราจะเจอโรงเตี๊ยมเก่าแก่ มีทางเดินขึ้นให้ไปถ่ายรูปวิวมุมสูงของโรงเตี๊ยมด้วย ซึ่งตรงนี้ก็เป็นทางเข้าอีกทางหนึ่งของอุทยานเช่นกัน เดินออกจากโรงเตี๊ยมมาก็จะเจอหุ่นย่อของ Optimus Prime ตรงนี้คนต่อคิวถ่ายรูปกันเยอะเลย
สะพานแรกที่เจอคือสะพานมังกรสวรรค์ (Tianlong Bridge) อยู่ใกล้กับโรงเตี๊ยมเลย ลักษณะเป็นช่องเขา ทางเดินก็จะพาเราลอดใต้สะพานมา คนแวะถ่ายรูปกันเยอะมากอีกที่
เดินต่อมาเรื่อยๆก็จะเจอสะพานที่ 2 สะพานมังกรเขียว (Qinglong Bridge) ตรงนี้มีจุดถ่ายรูปที่คนแวะเยอะมาก ทำท่าถ่ายรูปเหมือนกำลังถือดาบจีน เพราะรูปร่างส่วนเว้าส่วนโค้งของสะพานคล้ายกับดาบนั่นแหละ
เดินมาสักพักก็จะถึงสะพานที่ 3 สะพานมังกรดำ (Heilong Bridge) เป็นโพรงสะพานที่แคบที่สุด เดินพ้นโพรงสะพานก็จะเจอกับผาที่มีลักษณะเหมือนหน้าลิง แวะถ่ายรูปอีกแล้ว
ก่อนถึงทางออกก็จะเจอกับทะเลสาบเล็กๆ ให้แวะถ่ายรูปได้อีกจุด พอเดินมาถึงทางออกก็จะมีจุดนั่งรถกอล์ฟออกไปด้านนอก ค่ารถ 15 หยวน อันนี้จ่ายเพิ่มนะไม่รวมในค่าทริป ซึ่งเราขี้เกียจเดินออกก็จ่ายไป แหะๆ แต่ว่า แนะนำให้จ่ายเถอะ เดินไม่ไหวแน่
พอถึงทางออกก็มีรถบัสต่อไปยังน้ำตก ไกด์บอกให้เราขึ้นรถบัสที่ station ที่ 2 ไปน้ำตกได้เลย เราเลยเดินไปขึ้นรถบัส เพื่อไปต่อ อันนี้ก็รวมอยู่ในค่าทริปแล้ว สบายใจได้
ที่น้ำตก Longshui Gorge นี้คนไม่เยอะเหมือนอุทยานหลุมฟ้าฯ แล้ว เดินสบายๆ ทางเดินเป็นทางที่เค้าทำเลียบเขา สวยมากในมุมมองของเรา และแข็งแรงด้วย เดินไปแวะถ่ายรูปไปเรื่อยๆ จนถึงน้ำตกเลย เอาจริงๆ น้ำตกที่นี่ไม่ได้หวือหวาอะไร แต่ธรรมชาติรอบๆมันทำให้ดูดีมากๆ เราว่าไฮไลท์อยู่ตามทางเดินเลย
เที่ยวเสร็จก็มารอรถกลับฉงชิ่ง ซึ่งไกด์นัดเวลาไว้ 15.30 น. พอคนมาครบก็ได้เวลากลับ ขากลับเข้าฉงชิ่งทัวร์จะมาส่งที่ย่าน Jiefangbei นะ แต่ไม่ใช่ตรงโรงแรม เราก็ต้องเดินกลับโรงแรมเองแต่ไม่ไกลมาก เปิด map ได้สบายๆ ระหว่างเดินกลับโรงแรมก็เจอกับ Snack Street (Chongqing Haochi Street) ของกินละลานตาไปหมด เลยจัดมื้อเย็นแถวๆนี้แหละ สบายไป
วันถัดมาเราเลือกจะเที่ยวในเมือง เลยไม่ต้องรีบตื่นเช้า เริ่มต้นวันด้วยการทำบุญซะหน่อยเพื่อเป็นสิริมงคล เปิด Baidu map เพื่อนยากในทริปนี้ (5555) เดินจากโรงแรมไปได้เลยใช้เวลาไม่นานก็ถึงวัดหลัวฮั่น (Louhan Temple) มีค่าเข้านะจ๊ะ 20 หยวน กว่าจะคุยกับป้าคนขายบัตรรู้เรื่องก็เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน จนคนที่ดูแลทางเข้าเห็นที่เห็นตั้งแต่เราซื้อตั๋ว ก็ช่วยแนะนำชี้ทางเข้าให้เราอย่างดี ถึงแม้จะพูดจีนกับเราก็เถอะ ใจดีมากๆเลยค่ะ วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่ที่สุดในฉงชิ่งเลยนะ ในวัดเงียบสงบมาก ทั้งๆที่มีคนเข้ามาไหว้พระกันไม่ขาดสาย มีหลายจุดให้เข้าชม และสักการะ ที่นี่จุดเด่นน่าจะอยู่ที่มีรูปปั้นพระอรหันต์ถึง 500 องค์ เดินชมกันจนมึนเลย ขาออกเดินผิดทางคุณผู้ชายที่ดูแลทางเข้าก็ชี้ทางออกให้เราอีก ขอบคุณอีกครั้งนะคะ
ออกจากวัดก็ปักหมุดเดินต่อมายัง Chongqing Art Gellery เป็นสถานที่ที่จัดว่าเป็นแลนด์มาร์คหนึ่งของฉงชิ่งเลยก็ว่าได้ เพราะตัวอาคารเรียงรายไปด้วยแท่งไม้สีแดงๆ บางคนเลยเรียกที่นี่ว่าตึกตะเกียบ ภายในจัดแสดงงานศิลปะต่างๆ เรามาที่นี่เพราะตามรอยรูปถ่ายของ Xiao Zhan เลยก็ว่าได้ แต่ไม่ผิดหวังเลย ตึกเท่มากๆ เลย ตรงนี้แอบขอให้นักท่องเที่ยวคนอื่นถ่ายรูปให้ เค้าใจดีมาก พยายามถามเราด้วยว่าอยากได้รูปมุมไหนแล้วก็ถ่ายให้ซึ้งใจมากๆ
จากนั้นเดินต่อสิคะ รออะไร (วันนี้เดินเยอะมากจริงๆ) ไปดูวิวตึกที่ 2 ฝั่งไม่เท่ากัน เราเลือกปักหมุดไปที่ตึก Gaosheng Chuangfu Center พอมาถึงก็ขึ้นไปชั้น 22 เดินออกมาก็จะเจอสะพานข้ามมายังลานกว้างที่เป็นทางเชื่อมต่อกับอีกตึกซึ่งเป็นชั้น 1 จริงๆมันก็ไม่มีอะไรมากแต่ก็เป็นแลนด์มาร์คหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าเมืองฉงชิ่งตั้งอยู่บนภูเขานั่นเอง ถ่ายรูปเสร็จก็เดินออกอีกฝั่งที่เป็นตึกชั้น 1 ได้เลย
นั่ง Metro ต่อไปยัง Liziba สถานีรถไฟวิ่งทะลุตึก อันนี้พอมาถึง ถึงกับแปลกใจ คนเยอะมากกกกกก มารอดูรถไฟวิ่งทะลุตึก ซึ่งเป็นตัวสถานี Liziba เลยที่อยู่บนตึก ด้านล่างสถานีจะเป็นร้านขายของที่ระลึกมากมาย เดินลงมาจากสถานีก็หลายชั้นอยู่ ส่วนด้านบนของสถานีเป็นอาคารพักอาศัย วันที่เรามาร้อนมาก ทนร้อน และคนเยอะไม่ไหว ถ่ายรูปเสร็จก็หนีฝูงชนเลยค่ะ
หลังจากนั้นเราเลยเลือกที่จะจบวันนี้ด้วยเมืองโบราณ ฉือซี่โข่ว (Ciqikou Ancient Town) นั่ง Metro ต่อจากสถานี Liziba ได้เลยแล้วมาลงที่สถานี Ciqikou ออกจากสถานีก็เห็นวิวเมืองโบราณเลย ที่นี่เป็นอาคารโบราณ มีเสน่ห์ และสวยงามมากๆ ของขาย และของกินเยอะมากเช่นกัน ตั้งแต่เดินเข้ามามีร้านต่างๆ ยื่นของกินให้ชิมไม่หยุดหย่อน เมืองโบราณที่นี่ตั้งอยู่บนเขาตามสไตล์ของฉงชิ่งเค้าละ ดังนั้นการเดินชมเมืองก็จะมีการเดินขึ้นๆ ลงๆ เป็นธรรมดา แต่ไม่หนักหนาอะไร เดินได้สบายๆ เราใช้เวลาที่นี่นานพอสมควร เพราะมีอะไรให้ชื่นชมเยอะมาก มีวัดโบราณตั้งอยู่บนเข้าด้วย มาร้านชาให้แวะนั่งพักจับชาไสตล์จีนอยู่หลายร้านเหมือนกัน เดินเล่นจนพอใจก็ตัดสินใจกลับ วันนี้เป็นวันที่เหนื่อยมากอีกวัน เพราะเดินเยอะ และอากาศร้อน แต่ก็ได้ความประดับใจเยอะมากเช่นกัน
จบด้วยมื้อค่ำที่ร้านหม้อไฟสไตล์ฉงชิ่ง ดูรีวิวมาว่าหม้อใหญ่มาก แต่จะใหญ่แค่ไหนเราคนเดียวก็จะสู้ เพราะมาถึงถิ่น ไม่กินไม่ได้ค่ะ แถวๆ Jiefangbei และ Hondyadong มีร้านหม้อไฟเยอะมากให้เลือก วันนี้เราเลือกร้าน หม่าล่าทัง ฮั่วกัว (丁孃孃火锅) ปักหมุดตามชื่อร้านมาเลยค่ะ ร้านนี้มีเมนูให้เลือกหลากหลาย ส่วนใหญ่เป็นเนื้อนะ ไม่มีหมู ใครไม่ทานเนื้ออาจต้องเป็นเป็ด หรืออย่างอื่นแทน เรามาคนเดียวสั่งเนื้อมาแค่ 2 จาน กับผัก พนักงานแนะนำว่ามาคนเดียวให้สั่งแค่ 4 อย่างก็พอเดี๋ยวกินไม่หมด แล้วก็เป็นตามนั้น กินไม่หมด 5555 หม้อไฟเผ็ดมาก ขนาดเราสั่งเผ็ดน้อยแล้วนะ แต่คุณป้าพนักงานก็คอยช่วยอย่างดี ขนาดพูดกันคนละภาษา ยังรอด
วันสุดท้ายเราเก็บตกสถานที่ต่างๆในเมืองเช่นเคยเริ่มต้นด้วยการนั่ง Metro ไป Raffle City เป็นอาคารแฝด อันนี้เราก็ตาม Xiao Zhan มาเหมือนกัน แต่ถ่ายคนละมุม ที่นี่ก็มีร้านให้ Shopping เยอะนะ แต่เรามาตอนเช้า เพราะไม่ได้กะว่าจะ Shopping อยู่แล้ว
จากนั้นเราก็เดินย้อนกลับมาเพื่อจะไป Huguang Guild Hall เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับ 4A .....เหมือนเดิมจ้า ปักหมุดจาก map เลย เดินประมาณ 1 กิโลเมตรกว่าๆ ที่นี่เป็นกลุ่มอาคารโบราณ ด้านในเป็นพิพิธภัณฑ์จุดเด่นจะอยู่ที่ตัวกลุ่มอาคารสีเหลืองสดใส สวยงามมากๆ มีค่าเข้า 25 หยวน (ถ้าจำไม่ผิด เราลืมอ่ะ) สามารถ scan QR code โดยใช้ Alipay เลือกประเภทบัตรเข้าชม และจ่ายตังได้เลย วันนี้นักท่องเที่ยวที่มาเป็น กรุ๊ปทัวร์เยอะมาก เราเลยใช้เวลาด้านนอกเป็นส่วนใหญ่ เริ่มจากเดินไปขึ้นลิฟแก้วตรงสะพาน แล้วไปถ่ายรูปวิวของกลุ่มอาคารโบราณสวยๆ บนสะพาน ตรงนี้แนะนำเลยมาถ่ายรูปกันนะ แล้วก็เดินถ่ายรูปรอบๆ ด้วยเป็นสถานที่ ที่ชอบอีกที่หนึ่งเลย
ถัดมาไปต่อจุดเช็คอินของชาวเนตแบบเราๆ รับรองไม่มีนักท่องเที่ยวที่เป็นกรุ๊ปทัวร์มากวนใจ นั่นคือร้านหนังสือ Zhongshuge Bookstore สาขาเมืองฉงชิ่ง นั่ง Metro มาเหมือนเดิมจ้า ร้านหนังสือนี้ตั้งอยู่ในอาคารเป็นเหมือนห้างสรรพสินค้าเก่า Zodi Plaza (เก่าจริง เกือบร้างแน่ะ) ที่นี่เป็นร้านหนังสือที่สวยงามมาก ด้วยการออกแบบที่เก๋มากเ ถ่ายรูปออกมาสวยมาก แต่ร้านแอบเล็กกว่าที่คิด มาถ่ายรูปที่นี่ต้องเงียบๆ นะ เพราะมีคนที่เค้ามาใช้บริการอ่านหนังสืออยู่ด้วย
ไปต่อที่ห้าง The Ring แลนด์มาร์คใหม่ของชาวฉงชิ่ง ห้างนี้ใหญ่พอสมควรเลย จุดเด่นของเค้าคือมีสวนพฤกษศาสตร์ขนาดย่อมๆ อยู่ในห้างด้วย ต้นไม้ของที่นี่น่าสนใจมาก มีการปลูกต้นไม้ลอยฟ้า เราสามารถเดินชมได้ไนแต่ละชั้น ความสูงของสวนพฤกษศาสตร์นี้ก็กินพื้นที่ประมาณ 7 ชั้น นอกจากถ่ายรูปแล้วที่นี่ร้าน Shopping และร้านอาหารก็เยอะมากเช่นกันจ้า
ฉงชิ่งยังมีเมืองโบราณอีกนะ วันนี้จะพาไป สือปาที อยู่ไม่ไกลจาก Jiefangbei มากนัก สือปาทีแปลว่าบันได 18 ขั้น ที่นี่เป็นสถานที่สำคัญในสมัยสงครามโลก ที่จีนต้องต่อสู้กับญี่ปุ่น นอกจากหมู่บ้านทรงโบราณ ร้านขายของเยอะแยะมากมาย และบันได 18 ขั้น ที่ตอนนี้ได้รับการปรับปรุงแล้วนั้น ที่นี่ยังมีอุโมงค์ที่ใช้เป็นที่หลบระเบิดในสมัยสงครามโลก ซึ่งปัจจุบันจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมได้ฟรีอีกด้วย สือปาทีมีนักท่องเที่ยวที่เป็นวัยรุ่นมาถ่ายรูปกันเยอะ อาจเพราะอยู่ในเมือง และสถานที่ ตัวอาคารต่างๆก็กำลังปรับปรุง และสร้างใหม่อีกมากมาย เป็นอีกที่ที่แนะนำให้มาเช็คอินค่า
ปิดท้ายทริปนี้ด้วยบะหมี่ฉงชิ่งแถวโรงแรม เดี๋ยวจะหาว่าเรามาไม่ถึงฉงชิ่ง แต่พอสั่งจะจ่ายเงิน ดัน scan QR code ไม่ผ่าน คุณเจ้าของร้านเลยช่วยเปิด QR ใหม่ให้ scan เลยรอดไปได้ บะหมี่ฉงชิ่งอร่อยมาก เส้นเล็กๆ นุ่มๆ และก็เผ็ดมากด้วย 555
เรานอนโรงแรมอีกคืนหนึ่ง เช้าถึงเดินทางกลับค่ะ จะได้ไม่รีบร้อน ทริปนี้ถือว่าคุ้มมาก ฉงชิ่งยังมีอะไรให้เที่ยวอีกเยอะเลย เรายังอยากไปเดินพวก Street Art แต่เวลาไม่พอ เพราะฉงชิ่งถือเป็นเมืองแห่ง Street Art เลยก็ว่าได้ จะต้องได้มาอีกแน่ๆ
การเดินทางครั้งนี้ทำให้รู้ว่เลยา การเดินทางคนเดียวไม่ได้แย่เสมอไปนะ มันก็มีทั้งผิดพลาดบ้าง หลงบ้าง เหงาบ้าง แต่เราก็ได้ประสบการณ์ดีๆ ได้มิตรภาพดีๆระหว่างทาง ......ต้องขอบคุณความกล้าของเรานะ
เราสรุปการเดินทางในฉงชิ่ง แบบของเรามาไว้ให้ เผื่อใครอยากตามรอย.... อย่างที่บอกไปตอนต้นว่าเราใช้ Metroman ร่วมกับ Baidu map เลย Metroman เป็นภาษาอังกฤษ สามารถเลือกสถานีต้นทางและปลายทางได้เลย เค้าก็จะบอกว่าต้องเปลี่ยนสายที่ไหนด้วย ส่วน Baidu map จะบอกการเดินทางภาพรวม ว่าต้องเดินยังไง บอกสายรถเมล์ สาย Metro รวมถึงทางออกว่าควรออกทางไหน แต่ข้อเสียของ map จะไม่มีภาษาอังกฤษเลย จีนล้วน ดังนั้นอาจต้องเอามา แปลใน app แปลภาษาอีกที หลักๆ คือ 2 อันช่วยกันเวิร์คค่า
- Bindun Langyi Hotel (Chongqing Jiefangbei Hongyadong)
Metro สาย 2 สถานี Linjiangmen ทางออก 3 ออกมาแล้วเดินย้อนมาหน่อย เดินข้ามถนนมาก็จะเจอโรงแรม
- Hongyadong
Metro สาย 6 Chongqing Grand Theatre ทางออก 2 ออกมาก็เดินตามผู้คนมาได้เลย หรือจะเปิด Baidu ก็ได้
- อุทยานแห่งขาติหลุมฟ้า 3 สะพานสวรรค์ (Three Natural Bridge)
เราซื้อ One Day Trip (อุทยานแห่งขาติหลุมฟ้า 3 สะพานสวรรค์ + น้ำตก + อาหารกลางวัน) โดยเราให้โรงแรมเป็นคนติดต่อให้ ราคา 338 หยวน + ค่าเข้าโดยใช้เส้นทางใหม่ (ลิฟ+สะพานกระจก) 50 หยวน
- วัดหลัวฮั่น (Louhan Temple)ค่าเข้า 20 หยวน
เวลาทำการ 8.00-17.00 น.
เราเดินจากโรงแรมโดยใช้ Baidu map ค้นหา 罗汉寺 (copy paste เอาน้า)
หรือ Metro สาย1 หรือ สาย 6 ลงสถานี Xiaoshizi ทางออก 6
- Chongqing Art Gellery
เวลาทำการ อังคาร-อาทิตย์ 9.00 – 16.30 น.
Metro สาย1 หรือ สาย 6 ลงสถานี Xiaoshizi ทางออก 6 หรือจะเดินแบบเราก็ได้
- สถานีรถไฟวิ่งทะลุตึก Liziba
Metro สาย 2 Liziba แล้วเดินออกมาก็เจอเลยค่า
- ฉือซี่โข่ว (Ciqikou Ancient Town)
Metro สาย 1 สถานี Ciqikou ออกมาก็เห็นเมืองโบราณเลย
- Raffle City
Metro สาย 1 สถานี Chaotianmen ทางออก 6 เดินมาหน่อยก็จะเห็นตึกแล้ว
- Huguang Guild Hall
Metro สาย 1 หรือสาย 6 สถานี Xiaoshizi ทางออก B2 แนะนำให้เปิด Baidu map ตอนเดินนะ เพราะแอบเดินยากถ้านั่ง Metro มา (ตามความเห็นเรานะ) จะได้ไม่หลง
หรือ เดินแบบเราก็ได้ ถ้าไป Raffle City มาก่อน
- Zhongshuge Bookstore
Metro สาย 2 สถานี Yangjiaping ทางออก 2 เดินอกมาเจอมุมถนนเลี้วซ้ายไปก็จะเจอ Zodi Plaza อยู่อีกฝั่งของถนนค่ะ
- The Ring
Metro สาย 5 สถานี Chongguang ทางออก 1
- สือปาที
Metro สาย 1 สถานี Qixinggang ทางออก 11 หรือเลือกออกตรงที่เขียนว่า สือปาที เลยก็ได้ค่ะ
Manglugg
วันพุธที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2567 เวลา 13.25 น.