เชียงคานเงียบเกิน หาเรื่องไปหนองคาย


[บันทึกสด การเดินทางของข้าพเจ้า]


ติดตาม Page ของผู้เขียน ชมภาพ และการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว http://facebook.com/omeoyou



จากตัวเมืองเลยหลังจากเยือนภูบ่อบิด (http://pantip.com/topic/35329482) ก็มุ่งหน้ามาเชียงคาน ถึงแม้จะรู้สึกว่า หลังจากนี้ฝนจะไม่ปราณีเราอีกแล้ว ซึ่งลางสังหรนี้ไม่ผิดเลย แต่ผมคิดไว้แต่แรกแล้วตั้งแต่เริ่มออกเดินทางครั้งแรก ๆ ว่า ผมอยากจะไปแต่ละที่ในทุกฤดู อย่างน้อยปีละ 3 ครั้งถ้าทำได้ เพราะเชื่อว่านอกฤดูท่องเที่ยวของที่ ๆ นั้น ก็อาจจะมีวิวที่แปลก สวยงาม และสร้างความประทับใจให้เราได้



วิวระหว่างการเดินทางมาเชียงคาน เห็นแบบนี้ก็คิดดีใจว่า เที่ยวหน้าฝนก็ดีแบบนี้แหละ เขียว หมอกปลายยอดเขา



เกิดมาผมเพิ่งเคยเห็นป้ายระวังเต่าข้ามถนน - -’



ถึงที่พักที่เล็งไว้ ‘บ้านเฮา’ (https://goo.gl/maps/mhdwSsmL3TF2) ขอพัก 4 วัน 3 คืน (30 มิ.ย. ถึง 3 ก.ค.) ต่อรองราคาขอลดราคาได้คืนละ 400 บาท สำรวจสถานที่แล้ว ok จริง ๆ ผมสนใจตรงที่ป้าเจ้าของที่พักแกก็เป็นไกด์อยู่แล้ว แกน่าจะแนะนำเรื่องสถานที่เที่ยวในบริเวณได้บ้างไม่มากก็น้อย อีกอย่างห้องก็เป็นส่วนตัวอย่างมาก กว้าง และมีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม



ชาวบ้านก็คงใช้ชีวิตตามปกติของเขา ผู้เฒ่าผู้แก่มักจะออกมานั่งเล่นหน้าบ้าน มองคนเดินผ่านไปผ่านมา



เก็บของเสร็จก็ลองเดินสำรวจเชียงคานครั้งแรกในชีวิต ผมพอจะเดาได้ว่า บ่ายสามกลางวันพฤหัส เชียงคานจะเงียบเหงาไม่มากก็น้อย แต่ก็ต้องการดูสภาพแวดล้อมรอบ ๆ เผื่อไว้ก่อนเมื่อถึงเวลาถ่ายภาพจริง ที่พักของผมให้บริการจักรยานฟรี ก็ปั่นไปรอบ ๆ



ใกล้ได้เวลาโรงเรียนเลิก รถโรงเรียนจอดกันเป็นแถวยาว



ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่คิด นอกจากบ้านเรือนที่สวยงาม มีการควบคุมดูแล และสร้างไว้สวยมาก แต่ก็ไม่มีกิจกรรมอะไรให้ผมสนใจมากนัก ครั้นจะถ่ายตึกรามบ้านช่องตอนนี้ เวลากลางวันก็ดูจะไม่ค่อยเหมาะ แสงแข็ง แสงกดลง และทำให้ภายในบ้านมืดเกิน มันทำให้ผมว่าง ไม่มีอะไรทำ



เลยเริ่มหาข้อมูลสถานที่น่าสนใจ จะได้แวะไปถ่ายรูป หาข้อมูลใน Google หาไปหามาไปสุดใจภาพ ๆ หนึ่ง เป็นภาพแม่น้ำโขงแยกออกเป็นสองเส้นละมั้ง รีบเข้าไปดูข้อมูล อ่านดูจึงรู้ว่า มันเป็นภาพที่ถูกถ่ายจากวัดผาตากเสื้อในหนองคาย “เฮ้ยไม่ไกล” ผมคิดในใจทั้ง ๆ ที่ไม่เช็คข้อมูลอะไรให้ละเอียด ทั้งที่จริง ๆ มันก็ถือว่าไกลนะ



เส้นทางที่ผมใช้ไปวัดผาตากเสื้อ โดยเริ่มต้นจากเชียงคาน ไม่ไกล ๆ ปาไปเกือบ 2 ชั่วโมง



เส้นทางที่ใช้เป็นเส้นทางเรียบริบน้ำโขง เคยได้ยินหลายคนบอกว่า ถนนเส้นนี้ก่อนถึงอำเภอปากชมเป็นถนนที่สวยงาม ผมว่ามันสวยดี แต่ไม่ได้จอดถ่ายมากนัก เพราะ ณ ตอนนั้น ผมต้องรีบเพื่อไปให้ทันพระอาทิตย์ตกดินที่วัดผาตากเสื้อ



จุดชมวิวหนองปลาบึก มีที่จอดรถให้ชมแม่น้ำโขงที่มีลักษณะเป็นเกาะแก่งเล็ก ๆ



ยิ่งขี่ไปยิ่งนานก็ทำให้รู้ว่าตัวเองคิดผิดที่ว่า มันไม่ไกล แต่ในที่สุดผมก็เห็นวัดตั้งบนผาโดดเด่นมาก รีบขี่ขึ้นไป คิดว่าอย่างไงก็ทันพระอาทิตย์ตกแน่แล้วละ วันนี้ดวงดีที่เห็นแสงอาทิตย์ด้วย ฟ้าไม่ถึงกับปิด



วัดผาตากเสื้อตั้งอยู่บนเขาเห็นได้แต่ไกลตั้งแต่อยู่บนถนนเส้นหลัก



ถนนหนทางระหว่างทางไปวัดดีมาก ๆ และสวยมาก ๆ ยิ่งตอนช่วงก่อน 18.00 น. แสงเลียพื้นต่ำ ทำให้ดูสวยงาม ทางชัน และไกลพอสมควร แต่ไม่มีปัญหาอะไร เพราะถนนเป็นยางมะตอยเหมือนเพิ่งจะทำใหม่ได้ไม่กี่เดือน



ทางเข้าวัดที่ติดป้ายไว้ชัดเจนว่าเปิด - ปิดตอน 6.00 - 18.00 น.



แต่เมื่อผมไปถึงก็เซ็งนิด ๆ ปนขำตัวเองที่อุตส่าห์รีบมา เพราะคนปิดประตูวัดเพิ่งเดินจากประตูไปเห็นหลังอยู่แว๊บ ๆ วัดมีเวลาเปิด - ปิด 6.00 - 18.00 น. เลยได้แต่ถ่ายรูปรถคู่กับประตูมาแทน ก่อนจะรีบเดินทางกลับ เพราะตอนดึก ๆ ถนนน่าจะมืด ตอนนี้ 18.00 น. ถ้าขี่ช้า ๆ ก็น่าจะถึงเกือบ 20.00 น. หรือเกินกว่านั้นซักหน่อย ต่างจังหวัดคงมืดมากสำหรับถนนระหว่างหมู่บ้าน



ขี่รถกลับระหว่างทางได้เกินครึ่งไปซักหน่อย ฝนเทลงมาอย่างหนัก และถนนก็มืดแล้ว อากาศเย็นพอสมควร พยายามขี่รถเกาะรถยนต์คันที่มีความเร็วพอ ๆ กับเราเพื่อความปลอดภัย เพราะไฟรถยนต์จะมองเห็นกว้างกว่าผมมาก กว่าจะถึงที่พักก็เกือบ 20.00 น.นั้นแหละครับ เปียกเละเทะ เข้าที่พักก็อาบน้ำเตรียมตัวนอน เพราะวันรุ่งขึ้นกะว่าจะไปขึ้นภูทอกซะหน่อย เล็งไว้ตื่น 4.30 น.

กระทู้รีวิวเก่า เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว


บันทึกสด 29 มิ.ย. 2559 [เมืองเลย ภูบ่อบิด หน้าฝน หมอกและดาวบนดิน] (http://pantip.com/topic/35329482)


บันทึกสด 28 มิ.ย. 2559 [เมืองเลย หลง มันส์ เหนื่อย เปียก ประทับใจ น้ำใจ] (http://pantip.com/topic/35324083)

บันทึกสด 25 - 26 มิ.ย. 2559 [แรกเยือนเมืองเลย ประทับใจถนนลอยฟ้า] (http://pantip.com/topic/35316607)

ยอยักษ์ ตักตะวัน ทะเลน้อย ควายน้ำ นกอพยพ ต้นลำพู - ทะเลน้อย - พัทลุง (http://pantip.com/topic/34977668)

สะพานไม้สุดชิว วิถีชาวมอญ - สะพานมอญ - สังขละบุรี - กาญจนบุรี (http://pantip.com/topic/34907371)

ชมทะเลหมอก ชิมน้ำใจที่เขาพะเนินทุ่ง - เขาพะเนินทุ่ง - อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน - เพชรบุรี (http://pantip.com/topic/34582338)

อ่างเก็บน้ำบางพระ สวรรค์นักปั่นจักรยานหาก๊วนรู้ใจ - อ่างเก็บน้ำบางพระ - ชลบุรี (http://pantip.com/topic/35208447)



Page ถ่ายภาพ แนะนำสถานที่เที่ยวของผม https://www.facebook.com/omeoyou/

เชียงคานหน้าฝน วัดพระพุทธบาทภูควายเงิน


ปกติแล้วผมจะไม่นอนตื่นสายเวลาออกเดินทาง แต่ครั้งนี้ตื่นสายสุด ๆ เพราะไปตั้งโทรศัพท์ให้ปลุกผิดเวลา ตื่นมาก็เกือบ 6 โมงเช้าแล้ว เลยตัดสินใจออกมาเดินชมเชียงคานยามเช้าที่ฝนเพิ่งจะหยุดตกไปไม่นาน ถนนหนทางยังเปียกอยู่เลย



ที่นี่นักท่องเที่ยวมาตักบาตรกันน้อย ไม่เหมือนสะพานมอญที่นนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยจะมาตักบาตรร่วมกับชาวมอญ (http://pantip.com/topic/34907371) แต่ชาวบ้านของเชียงคานก็ยังคงตักบาตรกันตามปกติ นักท่องเที่ยวออกมาปั่นจักรยานเล่น เดินเล่นกันให้เห็นเรื่อย ๆ แต่ไม่เยอะมากนัก



เจ้าเหมียวดำ ไม่ยอมขยับไปไหนทั้ง ๆ ที่เพื่อน ๆ ของมันเดินออกจากถนนไปทำโน้นทำนี่กัน จะว่ามันบาดเจ็บก็ไม่น่าใช่ เห็นนั่งตากฝนพร่ำ ๆ แบบนั้นอยู่นาน



ชาวบ้านออกมาหาปลา เบื้องหลังคือวิวจากฝั่งลาว



นักท่องเที่ยวออกมาเดิน หรือปั่นจักรยานให้เห็นทั่วไปตอนเช้า ๆ



ชาวบ้านมารอพระตักบาตร บางร้านค้าในเชียงคานยังคงเปิด และมีบริการขายชุดตักบาตรด้วย



ร้านส่วนใหญ่ปิดในตอนเช้า แต่ร้านขายของฝากบางร้านก็ยังเปิดอยู่



สกายแล็ป รถสามล้อไม่ได้เอามาใช้โดยสารอย่างเดียว มันถูกดัดแปลงมาเป็นรถบรรทุกสารพัดสิ่งมีให้เห็นทั่วเมืองเลย



ที่พักที่เชียงคานส่วนใหญ่ โดยเฉพาะแถบถนนคนเดิน และทางเดินเรียบโขงมักจะมีจุดเด่น สวยงามน่าเข้าพักผ่อน แต่ที่พักริมโขงส่วนใหญ่จะมีราคาที่พักสูง ส่วนใหญ่จะ 500 ขึ้นไปทั้งนั้น



วิวถนนเดินเรียบโขงกับหมอกภูเขา วิวแบบนี้ฤดูอื่นอาจจะหาดูได้ยากแม้หน้าหนาวก็ตาม แต่กับหน้าฝนนั้นเห็นจนเบื่อกันเลยทีเดียว



เดินถ่ายรูปสักพักใหญ่ก็ไปขอพรที่วัดเชียงคาน หรือวัดหอสองนาง เพราะลุงที่ช่วยดูแลบ้านพักเล่าให้ฟังว่า วัดนี้บริจาคขอพรห้ามเกิน 1 บาทแล้วจะได้ผล จริง ๆ แล้วผมเป็นคนไม่เชื่อเรื่องดวง ถึงแม้ว่าจะตอบไม่ได้ว่า ปรากฎการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้น มันก็ควรเรียกว่าดวงไม่ใช่หรือ แต่คิดว่าคนเราถ้าจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ มันน่าจะเกี่ยวกับความพยายามของตัวเองด้วยเป็นหลักด้วย แต่โอกาสก็เป็นเรื่องสำคัญนะ โอกาสมันใช่ดวงหรือเปล่า



โดยรวมของวัดเชียงคาน ซึ่งอยู่ติดริมโขง ตัววัดไม่กว้างมากนัก



ผมขอพรที่นี่



วิวริมโขงของวัดเชียงคาน



รอบ ๆ โบสถ์ของวัดจะมีรูปปั้นพระเกจิอาจารย์ดัง ๆ หลายรูปตั้งพร้อมบทสวดบูชาไม่ซ้ำกัน



พระที่ตั้งอยู่ด้านบอกตัวอาคารของวัดเชียงคาน



หลังจากขอพรเรียบร้อยผมก็เดินทางไปวัดพระพุทธบาทภูควายเงินตามคำแนะนำของเพื่อนผม เขาบอกว่าที่วัดนี้ก็อยู่บนภูเขา แต่ผมไม่คาดหวังเรื่องวิมากนัก เพราะที่นี่ไม่ได้มีชื่อเสียงเด่นชัดเรื่องนี้เหมือนวัดผาตากเสื้อ



ที่นี่ถนนอาจจะไม่ดีเท่ากับทางขึ้นไปวัดผาตากเสื้อ แต่ถนนก็ไม่ได้ถึงกับแย่อะไรมากมาย รถทุกประเภทขึ้นได้ ทางชันพอสมควรแต่ไม่ไกลมาก



ผมเห็นเมฆมาแต่ไกล รู้เลยว่าฝนจะต้องตกแน่ ก็ขอให้ไปถึงก่อนแล้วค่อยหาที่หลบฝนรอฝนหยุดก็ยังดี



ตอนไปถึงก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรให้ถ่ายรูปมากนัก เพราะส่วนตัวผมไม่ค่อยได้ถ่ายภาพวัดวาอารามบ่อยนัก ถ่ายรูปไปได้แป๊บเดียวฝนก็ตก แต่ผมก็ยังยืนถ่ายรูปต่อไป โดยได้ร่มจากร้านค้าในวัดที่ขายทั้งน้ำ และขนม



จริง ๆ วัดนี้ก็ปิดเวลาเดียวกันกับวัดผาตากเสื้อ แต่ที่นี่ไม่ได้มีนักท่องเที่ยวแวะมามากเหมือนวัดผาตากเสื้อ และไม่เข้มงวดมากนัก ป้าที่ขายของอยู่ก็ไม่ได้ไล่ผมลง แถมยังให้ร่มผมเพื่อนเดินถ่ายรูปกลางสายฝน



ฝนเทลงมาหนักพอสมควรเลย แต่ผมก็ยืนถ่ายรูปต่อไปเพราะได้ร่มจากป้าที่ขายขนมอยู่ในวัด



ที่นี่เคยมีควายเงินอาศัยอยู่ นั้นคือคำบอกเล่าต่อ ๆ กันมา จึงได้ชื่อเป็นชื่อวัด



ด้านบนสุดจะมีพระองค์ใหญ่พอสมควรตั้งอยู่



ฝนตกได้สักพักหนึ่งก็หยุด ผมพยายามหามุมก็สังเกตุเห็นว่าเหนือเจดีย์ครอบพระพุทธบาทมีรุ้งขึ้นด้วย จริง ๆ มันขึ้น 2 ชั้นเลยนะ แต่ชั้นที่ 2 ที่อยู่สูงขึ้นไปเล็กน้อยดูจาง ๆ ในรูปผมสามารถเร่งให้รุ้งขึ้น 2 ชั้นได้ แต่ภาพมันจะไม่ดูเป็นธรรมชาติ ก็เลยไม่ได้เร่งให้มันขึ้นในรูป จะว่าไปมองด้วยตาเปล่าก็ไม่เห็นนะถ้าไม่สังเกตุดี ๆ



ฝนหยุดตก พระอาทิตย์ก็กำลังจะตก



รุ้งปรากฎให้เป็นรางวับสำหรับผู้อดทนรอคอย



เจดีย์ครอบพระพุทธบาทที่นี่สวยนะครับ สะอาด และมีป้าอีกคนยืนเฝ้าคอยขายเครื่องไหว้บูชาให้ด้วย แล้วก็ด้านบนจะมีกรงเลี้ยงกระต่ายด้วยครับ ที่ร้านค้าขนมก็มีขายอาหารกระต่ายให้นักท่องเที่ยวด้วยครับ



กรงกระต่ายขนาดใหญ่ไม่น้อย มีกระต่ายอยู่น่าจะไม่ต่ำกว่า 30 - 50 ตัวได้ละมั้ง



ผมถ่ายรูปที่นี่อยู่พักนึงก็กลับมาเชียงคานเพื่อเก็บบรรยากาศเชียงคานยามหัวค่ำของวันศุกร์ ผมพอรู้ว่าวันนี้จะมีนักท่องเที่ยวเยอะกว่าวันธรรมดา แต่คงสู้วันเสาร์ไม่ได้แน่ อย่างไงผมก็ต้องมาเก็บภาพไว้เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่างระหว่างวันเสาร์ และวันอื่น ๆ



เชียงคานในคืนวันศุกร์


นักท่องเที่ยวหนาตาขึ้น ร้านรวงก็ยังคงเปิดไปตามปกติ แต่บางร้านก็ไม่ได้เปิด ผู้คนเดินกันบางตา คืนนี้ผมหาร้านส้มตำกินหลังจากที่ชีวิตนี้ไม่ได้กินส้มตำอร่อย ๆ มานานตั้งแต่เด็ก ๆ ละ หวังว่าที่นี่จะทำให้สมหวัง แต่ก็ไม่สมหวัง 555



พี่คนนี้ผมเห็นมาร้องเพลงทั้งวันนี้ และวันเสาร์เลย เสียงใช้ได้เลยครับ



ร้านนี้เห็นมีคนพูดถึงบ่อย แต่ผมไม่ได้เข้าไปลอง



นักท่องเที่ยวกับมุมถ่ายรูปมีให้เลือกเยอะแยะ



มีตู้ ATM พร้อมให้กดในถนนคนเดินเลย



ผมลองปั่นจักรยานไปทางถนนริมโขงตอนหัวค่ำดู สำหรับวันศุกร์ที่นี่เงียบสงบมาก ดูจะมากไปซักหน่อยด้วยซ้ำ



กินอิ่ม ได้รูปมาเล็กน้อย เชียงคานยังไม่ตื่นเต็มที่สำหรับวันศุกร์ในความคิดของผม แต่ไม่ได้กังวลอะไร เพราะวันเสาร์คงคึกคักแน่ ๆ ผมรู้อย่างนั้น วันนี้ผมรีบนอนเร็ว เพราะกลัวพลาดตื่นสายไม่ได้ไปภูทอกอีก

ภูทอก กับรอยยิ้ม และชีวิตชีวาเชียงคานในคืนวันเสาร์


วันนี้ไม่พลาด ตื่นแต่เช้า ขี่รถออกไปเรื่อย ๆ ไม่รีบร้อน เพราะรู้ดีว่าไปถึงเร็วแน่ ๆ ภูทอกนั้นอยู่ไม่ได้ไกลจากเชียงคานเท่าไหร่เลย แต่ถนนระหว่างทางไปภูทอกต้องระวังนิดนึง เพราะเป็นหลุมเป็นบ่อพอสมควร



ด่านที่เราจะต้องโดยสารรถชาวบ้านพาขึ้นภูทอกอีกทอด



ผมถึงภูทอกประมาณตี 5 ตรงด่านห้ามขึ้นเปิดทำการแล้ว มีรถสองแถวจอดรอแล้ว 1 คัน นักท่องเที่ยวไม่สามารถขึ้นไปเองได้ จะต้องนั่งรถโดยสารขึ้นไป โดยเปิดให้บริการตั้งแต่ตี 5



ในสมัยก่อนที่นี่ปิดไม่ให้ขึ้นในช่วงฤดูร้อน แต่ปัจจุบันเปิดให้ขึ้นชมได้ทุกวัน โดยมีค่าบริการรถสองแถวโดยสารคนละ 25 บาท แต่ว่าผมมาถึงเร็วเกินไป ลุงอยากให้ผมรออีกซักหน่อยคงมีนักท่องเที่ยวมา



ลุงเห็นผมมองท้องฟ้าบ่อย ๆ ก็เลยเอ่ยถามว่าจะรีบขึ้นหรอ ผมก็บอกว่าผมขึ้นไปเพื่อถ่ายรูป อยากสำรวจพื้นที่ และถ่ายแสงรุ่งเช้าก่อน ลุงก็ขอให้ผมซื้อตั๋วขึ้น 2 ใบแทน ซึ่งผมก็ยินดี แล้วพาผมขึ้นไปคนเดียวเป็นคนแรก



รถที่ผมนั่งขึ้นมา บนภูยังมืดอยู่มาก



หมอกค่อนข้างหนา แต่ก็ยังไม่ถึงกับคลุมตัวจนมองไม่เห็นอะไรเลย



นั่งรถเพียงไม่กี่นาทีก็ถึงยอดภูซึ่งมีความสูงเกือบ 500 เมตร ผมนั่งสำรวจที่ถ่าย ถ่ายรูปนิด ๆ หน่อย ๆ เพราะว่าหมอกลงค่อนข้างเยอะ สักพักเดียวก็มีนักท่องเที่ยวชุดแรกขึ้นมาเป็นกลุ่มจากกรุงเทพ ซึ่งผมได้มีโอกาสพูดคุยกับน้อง ๆ เขาในภายหลังด้วย น่ารักกันมาก ๆ



นักท่องเที่ยวกลุ่มแรกมาแล้ว



ฟ้าเริ่มสว่างขึ้น นักท่องเที่ยวก็มาเพิ่มเรื่อย ๆ ผมได้มีโอกาสคุยกับลุงที่ทำงานให้บริการอยู่ที่ภูทอก ลุงบอกว่า ช่วงนี้คนมาน้อยไม่เหมือนหน้าหนาว ปกติมีรถให้บริการ 20 - 30 คัน แต่เมื่อถึงช่วงปลายปีจะต้องเพิ่มรถอีก 20 คัน แล้วรถไม่ได้พักเลย วิ่งขึ้นลงตลอดเวลา นักท่องเที่ยวถึงกับต้องยืนต่อคิวขึ้นรถด้วยซ้ำ เพราะในวันหนึ่ง ๆ ช่วงหน้าหนาวคนมาเที่ยวเป็นหมื่นคน แต่ในฤดูฝน วันนี้คือวันเสาร์ คนน่จะเยอะสุดของช่วงนี้ แต่ก็ตีไปว่าน่าจะมีคนมาชมประมาณ 300 - 500 คนต่อวันเท่านั้น



ในช่วงเช้ามืดนั้น หมอกคลุมยอดดอยจนหมดทำให้มองไม่เห็นวิวอะไรเลย แต่รอไปจนสว่างเต็มที่ ก็เริ่มเห็นวิวด้านล่าง แล้วมีช่วงที่หมอกลงไปเป็นทะเลหมอกขนาดพอสมควรด้วยครับ แต่ก็เป็นทะเลหมอกได้แค่สักพักนึงเท่านั้นก่อนจะกลายเป็นหมอกคลุมตัวเราอีกรอบ



รอบนี้หมอกคลุมตัวนานมากจนถึงสายมาก ๆ นั้นแหละครับ หมอกถึงหมดไปแล้วเห็นวิวทั่วไป



ในช่วงที่หมอกเริ่มเปิด



มุมถ่ายคู่กับป้ายมีอยู่หลายป้ายให้เลือกถ่ายคู่ด้วยครับ



ระหว่างที่นั่งรอหมอกก็ได้คุยกับนักท่องเที่ยวน้อง ๆ ที่มากันเป็นกลุ่ม รู้สึกดีที่มีคนคุยด้วย และสนใจว่าเรามาถ่ายภาพทำอะไร ซึ่งน้อง ๆ บางคนก็ like เพจผมด้วย ^ ^ (ขอบคุณที่ติดตามครับ)



หมอกเริ่มลงและจับตัวเป็นทะเลหมอก นี่คือเพิ่งเริ่ม



ทะเลหมอกเริ่มเกิด



ทะเลหมอกเกิดเต็มตัว



บางมุมจะมองเห็นพื้นด้านล่างอยู่ใต้ทะเลหมอกด้วย



มีหนุ่มสาวเป็นแฟนกันคู่หนึ่งได้นั่งคุยกับผมอยู่จนกลายเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ลงภูทอกด้วยกัน คุยกันอยู่นานมาก น้องเขาเดินทางท่องเที่ยวบ่อยมาก ๆ เพราะช่วงเวลาเรียนเทอมนี่คงจะเอื้อให้มีเวลาว่างติดกันเยอะในแต่ละสัปดาห์ น้องเขาบอกว่าเที่ยวทุกสัปดาห์เลย ก็ได้ติดต่อกันหลังจากนั้นอีก หวังว่าจะได้มีโอกาสเดินทางไปด้วยกันนะครับ เพราะผมชอบที่น้องเขาโพสต์ท่าตอนถ่ายรูปมากครับ



น้องสองคนที่ออกเดินทางทุกสัปดาห์ คุยกันอยู่นานมาก และลงภูด้วยกันเป็นกลุ่มสุดท้าย



วัดพระใหญ่


ระหว่างที่ว่าง ผมลองไปวัดพระใหญ่ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแนะนำของที่นี่อีกจุดหนึ่ง แต่ผมสนใจวิวแม่น้ำเลยบรรจบกับแม่น้ำโขงมากกว่า แต่ไม่คาดหวังอะไรมากนัก เพราะคิดว่าน่าจะมีต้นไม้บังแน่



ไปถึงก็เป็นไปตามคิด คือต้นไม้บังวิว แต่ตัวองค์พระยืนเด่นเป็นสง่าสวยงามไปอีกแบบ อีกอย่างถ้าว่างก็ควรแวะมาไหว้พระก็ดีครับ ไม่ได้ไกลจากเชียงคานมากนัก ถนนหนทางก็ทำไว้ดีครับ



แถวนี้เขาขุดทรายจากแม่น้ำโขงมาขายกันด้วยนะ



ผมสังเกตุเห็นบันไดลงไปข้างล่าง ดูก็รู้ว่ามันน่าจะลงไปลึกพอสมควร จริง ๆ ช่วงนี้ผมรู้สึกแปลก ๆ ที่หัวเขาขวาอยู่ด้วย แต่ก็เอาวะ มาแล้วก็ลองลงไปดู



482 ขั้นเห็นจะได้ ไม่ได้ชันอะไรมาก ปัญหาอยู่ที่ว่าร้อนชื้นอบอ้าวมากกว่า ไม่รู้ว่าเพราะฝนตก หรือเพราะอะไร



ชาวบ้านจับกุ้งกัน



ลงไปเกือบสุด บันไดก็ขาดดื้อ ๆ แล้วเป็นทางดินชันมาก ๆ ฝนตกทำให้ดูแล้วว่าลงไปคงมีลื่นซึ่งไม่ใช่ปัญหาเลยสำหรับการเปื้อนโคลน เพราะแค่นี้ก็เปื้อนไปเยอะแล้ว ปัญหาคือแล้วผมจะขึ้นอย่างไงมากกว่า จึงไม่ได้ลงดินไปจนถึงตลิ่งโขง



เห็นเสียงคนพูดคุยกัน ชะโงกอยู่พักนึงก็เห็นชาวบ้านจับอะไรอยู่แถวตลิ่ง เห็นมีอยู่หลายคน แต่ไม่แปลกใจเลย เพราปากแม่น้ำแต่ละที่ก็มักจะมีการทำประมงไม่มากก็น้อย เพราะความสมบูรณ์ของพื้นที่ปากน้ำนั้นแหละ



มารู้ทีหลังว่าชาวบ้านเขาหากุ้งกันจากตรงนั้น กุ้งเยอะมาก พอคุยกับชาวบ้านสักพักผมก็กลับมาเตรียมพบเชียงคานในคืนวันเสาร์



เชียงคานในวันครึกครื้น



สมแล้วที่เป็นวันเสาร์ วันที่คนออกเดินทางกันมากที่สุดของสัปดาห์ ที่ทางเดินริมโขงดูคึกคักมาก ผู้คนเดินกันทั่วไปทั้งที่ปกติจะสงบเงียบมาก



จุดนั่งพัก มีนักท่องเที่ยวซื้อขนมมานั่งกินรับลมจากแม่น้ำโขงกันเยอะ



แม้ว่าจะยังไม่มืดแต่ถนนคนเดินกลับเริ่มคึกคักเสียแล้ว



แน่นอนวันนี้ผมเปลี่ยนอาหารเย็นมาเป็นอาหารตามข้างทางถนนคนเดิน ไม่แพง แต่เห็ดเข็มทองพันด้วยแฮมราคาไม่ถูกอย่างที่คิด 3 ไม้ 60 บาท แล้วก็ซื้อข้าวเหนียวปิ้ง ซึ่งเรียกว่า ‘ข้าวจี่’ อร่อยดีเหมือนกัน แต่กินใกล้หมดแล้วแอบเอียนนิด ๆ ผมยังซื้อปาท่องโก๋ยัดไส้กล้วยด้วย อร่อยมาก



อ่อลืมบอกไปว่าตอนกลางวันผมไปกินจุ่มนัวที่ซอย 10 ด้วย ร้านนี้เคยได้ยินชื่อเสียง ผมแวะไปหาถึง 3 รอบเพราะไม่รู้เวลาร้านเปิด สรุปคือถ้าไปหลังบ่าย 3 ก็จะปิดร้านไปแล้ว ขายดีพอสมควรเลย รสชาติอร่อยดีครับ



ร้านปิ้งต่าง ๆ



ข้าวจี่ขายตามข้างทาง



ร้านปาท่องโก๋ยัดไส้ มีไส้หลายแบบให้เลือก แต่ไส้กล้วยหอมอร่อยนะครับ



ผู้คนคึกคัก ร้านต่าง ๆ ก็เปิดเต็มที่กว่าเมื่อวนอย่างเห็นได้ชัด ร้านบางร้านเมื่อวานเงียบเหงา แต่พอมาวันนี้ร้านอาหารดัง ๆ ก็มีคนเต็ม หรือมีการเข้าคิวด้วย



แต่ก็ยังมีมุมเหงา ๆ บางมุมในเชียงคานสำหรับฤดูฝนที่นักท่องเที่ยวไม่ได้ล้นเหมือนหน้าหนาว หลุดจากถนนออกไปไม่กี่เมตรก็เงียบเหงาแล้ว ร้านบางร้านเจ้าของก็นั่งอยู่เฉย ๆ นานจนเหงา คงเฝ้ารอเต็มที่จริง ๆ ก็ช่วงเข้าหน้าหนาวที่นักท่องเที่ยวจะล้นเต็มไปทุกซอยนั้นแหละครับ



มุมเหงา ๆ ที่ห่างจากถนนคนเดินไปแค่ 5 - 10 เมตรเท่านั้น



4 วัน 3 คืนที่เชียงคานในฤดูของความสงบ เขียว และหมอก

ความคิดเห็น