เลยในฤดูที่ไม่มีภูกระดึง


[บันทึกสด การเดินทางของข้าพเจ้า]


ติดตามผลงานอื่น ๆ ได้จาก Page https://web.facebook.com/omeoyou



ต่อให้ไม่สนใจก็คงต้องเคยได้ยินชื่อภูกระดึงของจังหวัดเลย แต่ ‘บันทึกการเดินทางของข้าพเจ้า’ ในจังหวัดเลยครั้งนี้ไม่มีภูกระดึงเลยซะงั้น คงเพราะนิสัยการตัดสินใจอะไรเร็ว ๆ และการวางแผนเดินทางแบบหลวม ๆ ของผมเอง



อย่างแรก ภูกระดึงปิดเพื่อให้ธรรมชาติฟื้นฟูตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.ถึง 30 ก.ย. ของทุกปี ผมคิดในใจว่า ไม่เป็นไรหรอก ภูกระดึงนั้นมีข้อมูลเยอะ ต่อให้เดินดุ่ม ๆ เข้าไปก็ไม่หลงได้ง่าย ๆ ไว้มาคร่าวหน้าก็ได้



อย่างที่สอง ผมไปได้ยินเรื่องเทศกาลผีตาโขนเข้าจากเพื่อนอีกคนที่ถามถึงว่า “ไปเลย ไปดูผีตาโขนหรอ” นั้นเป็นที่มาที่ทำให้ผมสนใจจะอยู่เลยยาวตั้งแต่ 25 มิ.ย. ซึ่งเป็นวันที่นัดไปบ้านเพื่อนที่จังหวัดเลย ไปจนถึงวันที่ 7 ก.ค. 2559 ซึ่งเป็นวันแห่ขบวนผีตาโขนใหญ่ที่สุด



ปัญหาก็เกิด เพราะระยะเวลาที่อยู่ที่เลยนานเกือบครึ่งเดือน จะไปไหนละทีนี้



ช่วงแรก 25 - 28 ไม่ต้องคิดมาก ค้างบ้านเพื่อน หาถ่ายภาพแถว ๆ บ้านเพื่อนไปพลาง ๆ แต่พอแยกย้ายกับเพื่อนในวันที่ 28 นั้นจะเป็นอย่างไง ผมแค่วางแผนว่ามีที่ไหนที่ผมพอจะไปได้บ้าง แล้วไว้ไปหาความเหมาะสมที่จะไปเอาอีกทีในวันนั้น



ฝนไม่ร้ายกับผม


25 มิ.ย. 2559 ตื่น 1.20 น. เตรียมของไว้ก่อนแล้วเลยไม่รีบมากนักก่อนจะไปหาเพื่อนที่บ้านเพื่อนแถวเจริญนคร (กรุงเทพ) เพื่อนออกเดินทางกันจริง ๆ ตอนตี 3 โดยเพื่อนผมซ้อนมอเตอร์ไซค์ผมไป ข้าวของผม รวมทั้งอุปกรณ์กล้องใส่ไว้ในกล่องหลังรถ และแพ็คติดไว้บนกล่อง ส่วนของเพื่อนไม่มีอะไรนอกจากโน๊ตบุ๊คใส่เป้วางไว้บนตักแทน



โดยใช้เส้นทางไปทางรังสิต ฝนก็เริ่มตกตั้งแต่ดอนเมือง แต่วัดใจกันไป คิดว่าคงจะขี่พ้นกลุ่มฝนได้ไม่นาน และก็เป็นจริง เพียง 10 นาทีเราก็ผ่านฝน ตรงไปสระบุรี ลพบุรี เพชรบูรณ์ โดยที่แวะกินข้าวที่เพชรบูรณ์ในปั้มน้ำมัน ซึ่งไม่เจอฝนอีกเลย



ความประทับใจในระหว่างทาง


เช้าวันถัดมา ด้วยความที่ว่าติดใจถนนลอยฟ้า และเมื่อวานก็ยังถ่ายรูปได้ไม่ทั่ว จึงตัดสินใจออกจากที่พักตอน 6.30 น. โดยประมาณ วิ่งย้อนกลับไปถ่ายมุมต่าง ๆ ที่น่าสนใจ



เข้าสู่เพชรบูรณ์ อากาศก็เย็นลงพอสมควร และมีภาพทิวเขาที่มีเมฆปกคลุมให้เห็นอยู่เนือง ๆ ลมเย็น ๆ ปะทะตัวทำให้เรารู้สึกสบายใจบอกไม่ถูก โดยเฉพาะช่วงที่เข้าสู่ถนนเส้น 2016 ซึ่งเป็นถนนที่เชื่อมระหว่างเพชรบูรณ์กับเลย เป็นถนนที่ไต่ขึ้นไปบนยอดเขาที่อยู่ในทิวเขา และก็ลัดเลาะไปมา ซึ่งมันสวยงามขนาดที่ผมอดไม่ได้ที่จะกลับมาเก็บภาพเหล่านี้ใหม่อีกครั้งในเช้าวันถัดมา (เช้าวันที่ 26 มิ.ย. 2559) เพราะตอนเดินทางมาในช่วงวันที่ 25 มิ.ย. นั้นได้เก็บภาพไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น



วิวของภูหอ หรือบางคนรู้จักในนาม ฟูจิเมืองเลย แต่มุมนี้ไม่ได้ถ่ายจากภูป่าเปาะที่ทางการผลักดันให้เป็นจุดชมวิวฟูจิเมืองเลย ผมถ่ายจากถนนเส้น 2016 นั้นแหละครับ เพราะมันก็อยู่แถวนั้น แค่คนละมุมกับภูป่าเปาะ



ตอนขี่กลับไปที่พักหลังจากถ่ายรูปจบแล้ว ก็เห็นภูหอ หรือฟูจิเมืองเลยอีกรอบ แต่หลายคนอาจจะแปลกใจว่า ทำไมพื้นที่บนยอดมันดูแคบ ๆ นั้นเป็นเพราะมุมด้านนี้ของภูหอจะดูแคบครับ ขับต่อไปคุณจะเห็นภูหอหน้าตัดใหญ่ ๆ เอง



ถนน 2016 ผมจะเรียกชื่อมันว่าถนนลอยฟ้าก็ไม่ผิด ถ้าได้ไปเห็นด้วยตาจะรู้สึกถึงความสดชื่นของอากาศเย็น ๆ แม้ในช่วงกลางวันก็ตาม ทิวเขาช่วงนี้ส่วนใหญ่แล้วจะกลายเป็นเขาหัวโล้น และกลายเป็นพื้นที่เกษตกรรม ซึ่งส่วนใหญ่จะปลูกข้าวโพด ถึงจะไม่ถูกต้องที่พื้นที่ป่าหายไปกลายเป็นเขาหัวโล้นชวนสะท้อนใจ แต่ก็ต้องยอมรับว่า วิวบางจุดถ้าเรามองเจาะเข้าไปก็รู้สึกว่าสวยงามแปลกตา สีแดง ๆ ส้ม ๆ ของดินเขาหัวโล้น สลับกับสีเหลืองของพืชพันธุ์บางอย่าง สีเขียวของป่าไม้ ต้นไม้ที่เหลืออยู่ และสีฟ้าของท้องฟ้า มันดูสวยงามในความสะท้อนใจนั้น



บนถนนสาย 2016 จะมีจุดชมวิว นักท่องเที่ยวไม่เยอะนัก แต่ก็เห็นตลอดครับ



วิวภูเขาหัวโล้นบ้าง พื้นที่เกษตรบ้าง มีป่าบ้าง สวยไปอีกแบบ สะท้อนใจไปอีก ก็ว่ากันไป แต่อากาศดี สดชื่น เย็น ๆ แต่เช้า ๆ จะถ่ายรูปแล้วภาพไม่ชัดนัก เพราะไอน้ำ ไอหมอกเยอะ



นี่ก็ภาพจากจุดชมวิวครับ



เช้า ๆ ที่ผมย้อนกลับไปถ่ายรูปบบถนนเส้นนี้ พบกับไอ้น้ำ ไอหมอกจำนวนมาก ทำให้ภาพจะดูไม่ค่อยชัดเจนมากนัก แต่ถ้ามองด้วยตาเปล่าก็จะรู้สึกสบาย ๆ เย็น ๆ



รถแท็กเตอร์วิ่งขึ้นที่ชันเพื่อไปทำไร่ ทำสวนบนภูเขาหัวโล้น



ด้านซ้ายนี้บ้านร้าง เห็นมันสวยดี ผมถึงกับยอมขับกลับมาตามหามุมของภาพนี้ 2 รอบ



บางจุดของถนนจะมีจุดแวะพัก จุดชมวิวภูหลวงที่ทางการทำไว้ให้ ผมพบนักท่องเที่ยวตลอดที่วิ่งผ่านจุดนี้ 3 รอบ ถึงจะมีแค่ 1 -3 คันรถ แต่จุดชมวิวนี้ไม่ได้รับการผลักดันให้เป็นที่รู้จักมากนัก ผมเดาเอาว่า นักท่องเที่ยวขับรถผ่านแล้วเห็นว่าสวยจึงจอดแวะกันเสียมากกว่า เพราะถนนเส้นนี้ ถึงจะอยู่ในชนบท บนยอดเขา แต่กลับมีรถวิ่งไปมาตลอดเรื่อย ๆ ทุก ๆ 2 นาทีเป็นอย่างมาก



จุดนี้ของถนนสาย 2016 จะอยู่บนยอดเขา ทำให้เรารู้สึกเหมือนถนนลอยฟ้า



เพื่อนผมเล่าให้ฟังว่า คนที่จะเข้ากรุงเทพ ถ้าใช้รถส่วนตัวมักจะใช้เส้นทางนี้กัน ส่วนรถทัวร์จะวิ่งเส้นทางไปจังหวัดชัยภูมิแทน



วิวยอดภูหลวงในวันที่เมฆฝนตั้งเค้า มุมมองจากไร่มันสัปปะหลังในพื้นที่ของบ้านเพื่อน


พิกัดจุดถ่ายรูป https://goo.gl/maps/ddSYVD2tPm32



พอถึงบ้านเพื่อนที่เป็นหมู่บ้านในอำเภอวังสะพุงก็พักผ่อนเล็กน้อยก่อนจะออกมาถ่ายรูปแนวเขาที่เรียกว่า ‘ภูหลวง’ ซึ่งมีหมอกปกคลุมอยู่บนยอดที่มีลักษณะเฉพาะตัว คือ บนยอดบางช่วงจะเป็นที่โล่งมีต้นไม้ขึ้นไม่มาก และมีหินปรากฎเป็นชั้น ๆ สวยงาม ตัวภูหลวงเป็นแนวเขายาวไม่ถึงกับมากนัก แต่จะอยู่ติดกับภูหอ หรือที่หลายคนจะรู้จักในชื่อ ‘ฟูจิเมืองเลย’ เพราะภูหอตรงยอดนั้นเป็นที่ราบขนาดใหญ่ลักษณะคล้ายภูเขาไฟฟูจิ



ช่วงนี้ทางหน่วยพิทักษ์ป่าปิดไม่ให้เราขึ้นภูหลวง ซึ่งทางขึ้นตรงหน่วยพิทักษ์ป่า เพื่อนผมบอกว่าเป็นทางที่คนนิยมขึ้น ส่วนเส้นทางอื่นก็มีคนในพื้นที่บางจุดที่เขาก็ขึ้นกันไปหาของป่าบ้าง นั้นทำให้ผมไม่ได้ขึ้นไปสัมผัสที่ราบบนภูหลวง



ฝนมาเป็นสาย เห็นแต่ไกล ภาพแบบนี้หาดูได้ยากในเมือง เพราะมันไม่โล่งมากพอที่จะสังเกตุเห็นได้ง่าย ๆ



ตลอดเวลาที่ผมสั่งเกตุอยู่ 2 วัน บนยอดภูหลวงจะมีหมอก หรือกลายเป็นเมฆอยู่เกือบตลอดเวลา เวลาฝนก่อนตัวก็มองเห็นเป็นเมฆดราม่า ๆ อยู่บนยอดภูมาก่อนแต่ไกล และเห็นฝนตกเป็นทางมาแต่ไกล ภาพแปลกตาซึ่งต้องมองเห็นในที่โล่งกว้าง ๆ แบบนี้ สำหรับเด็กกรุงเทพอย่างผม หาดูได้ยาก และประทับใจเสมอ ทั้งที่คนในพื้นที่คงไม่ได้คิดว่ามันน่าประทับใจอะไร



เพื่อนที่เดินทางซ้อนท้ายรถผมมา และผมก็นอนบ้านเขา



เราคุยกันว่า จะโดนฝนไหมเนี้ย เพื่อนบอกว่าอีกนาน แต่หลังจากจบคำไม่ถึงนาที เริ่มมีเม็ดฝนปลิวมา ถึงแม้ว่าสายบนกลุ่มหลักจะอยู่ไกลมาก แต่ลมที่นั้นแรงมาก ทำให้เม็ดฝนบางส่วนปลิวมาไกลมาก



จากนี้คือความมั่ว


พรุ่งนี้ (27 มิ.ย. 2559) เพื่อนผมจะต้องไปธุระกับทางบ้านเขา หมายความว่า ผมจะต้องตระเวณหาที่ถ่ายภาพเอาเองแถวนี้ เพื่อนผมพูดถึงอำเภอหนองหินบ่อย ๆ ผมก็เลยกะว่าจะแวะไปที่นั้นซักหน่อย เพราะเห็นมีแหล่งท่องเที่ยวอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าจริง ๆ ผมจะไม่ได้สนใจที่นั้นเท่าไหร่นักก็ตาม



และเมื่อเข้าวันที่ 28 มิ.ย. 2559 วันที่ผมต้องแยกกับเพื่อน เพื่อนผมจะเดินทางกลับกรุงเทพ ส่วนผมต้องตัดสินใจว่าจะอยู่ต่อรอถ่ายภาพงานผีตาโขนในวันที่ 7 ก.ค. หรือจะกลับกรุงเทพเลย ถ้าอยู่ต่อ ความมั่วในแผนหลวมสุด ๆ ที่วางไว้ในการตะลุยเมืองเลยก็จะเกิดขึ้น คงต้องรอดูอีกที ว่าอะไรจะมาดลใจผม ให้ไปต่อ หรือกลับกรุง

กระทู้รีวิวเก่า เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว


ยอยักษ์ ตักตะวัน ทะเลน้อย ควายน้ำ นกอพยพ ต้นลำพู - ทะเลน้อย - พัทลุง (http://pantip.com/topic/34977668)


สะพานไม้สุดชิว วิถีชาวมอญ - สะพานมอญ - สังขละบุรี - กาญจนบุรี (http://pantip.com/topic/34907371)

ชมทะเลหมอก ชิมน้ำใจที่เขาพะเนินทุ่ง - เขาพะเนินทุ่ง - อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน - เพชรบุรี (http://pantip.com/topic/34582338)

อ่างเก็บน้ำบางพระ สวรรค์นักปั่นจักรยานหาก๊วนรู้ใจ - อ่างเก็บน้ำบางพระ - ชลบุรี (http://pantip.com/topic/35208447)เดี๋ยวมาอัปเดตกระทู้นะครับ อาจจะนานหน่อย เพราะเพิ่งกลับถึงที่พัก (บ้านเพื่อน) หลังจากไปเดินขึ้นเขาที่มีน้อยคนนักที่จะรู้จัก (ยกเว้นคนพื้นที่) ชื่อของมันคือ ภูโปก สูง 1160 เมตรได้ ถนนบัดซบ เกิดมารถไม่เคยล้มมาก่อนในชีวิต ขึ้นภูนี้ เล่นไป 2 รอบ ตะคริวผมไม่ค่อยกินขา แต่มาภูนี้ กินแล้วกินอีก ทั้งน้อง ทั้งข้างขา



แต่ สวย ประทับใจ เย็น วันนี้โชคดีหลายอย่างในความบัดซบ ฝนตกหนัก แวะเข้าบ้านชาวบ้าน ชาวบ้านเลี้ยงข้าว พาไปถ่ายรูปหลังบ้าน มุมแถวโค้ง 100 ศพ (เลยขึ้นมาหน่อย) สำหรับทางไปภูเรือ ซึ่งต้องไปหลังบ้านคนนี้เท่านั้น



เจอคนใจดีเอาน้ำให้ระหว่างเดินขึ้นภูที่เปลี่ยนชีวิต จากไม่เคย (รถล้ม) เป็นเคย (รถล้ม) แล้วทะลึ่งขึ้นไปโดยไม่มีน้ำซักขวด พี่ชาวไร่ใจดี เอาน้ำให้



รับรองว่าคุ้มครับ กับการตามผมขึ้นไปภูโปก หวังว่าโทรศัพท์เจ้ากรรม จะจดพิกัดได้แม่นยำ แต่ใครขึ้นไป แล้วคิดจะไปนอนบนนั้น คิดให้ดี ผมไม่รับรองความปลอดภัย เพราะผมเห็นโป่งดิน มีมูลสัตว์ บนยอดเขาเลี้ยงวัว แต่กันคอก ใครขึ้นไปต้องปิดคอก เพราะอะไร ถ้าเป็นสัตว์ป่ากินเนื้อ จะซวยเอา ควรสอบถามเข้าหน้าที่ของภูหลวง (ขับรถเลยไปอีกหน่อย จะเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูหลวง ซึ่งตอนแรกกจะไปที่นี่ แต่ว่าที่นี่ปิดฟื้นฟูป่า)บันทึกต่อไปมาแล้วนะครับ ตามลิงก์ไปเลยครับ http://pantip.com/topic/35324083

ความคิดเห็น