TRIP 2 : 08-10 SEP 2016
เชียงคาน
Start : ก่อนออกเดินทาง
ทริปนี้เริ่มจากความตั้งใจว่าจะแบคแพคลุยเดี่ยวค่ะ ดูรีวิวจากหลายๆที่แล้วรู้สึกว่า เชียงคานนี่แหละไปง่ายดีและน่าจะปลอดภัยสำหรับผู้หญิงตัวน้อยๆที่ไปเที่ยวคนเดียวด้วย
- การเดินทาง
โดยในการเดินทางครั้งนี้เราเลือกนั่งรถทัวร์ของบขส.ค่ะ วางแพลนไว้ว่าไปถึงเชียงคานเช้าพอดี
เลยเลือกรถรอบ 20.00น. ราคาตั๋ว 419 บาท
(สภาพตั๋วที่ค่อนข้างยับไปหน่อย)
โชคดีที่คันที่ขึ้นเป็นรถคันใหม่ของบขส.พอดี ไม่แย่อย่างที่คิดไว้ค่ะ ตลอดทางนั่งสบายมาก
เบาะเอนได้ 165 องศา มีที่เสียบสายUSBชาร์ตแบตด้วย
ระหว่างที่รถออกพนักงานที่ดูแลบนรถ ก็นำเสบียงขนมเล็กๆน้อยๆพร้อมผ้าห่มมาแจกค่ะ
รถวิ่งได้จนถึงประมาณ 5 ทุ่มครึ่ง รถก็จอดแวะลงพักกินข้าวรอบดึกกัน
หางตั๋วสามารถนำไปแลกอาหารได้นะคะ มีพวกซาลาเปา ข้าวต้ม ก๋วยเตี๋ยว ลูกชิ้น ให้เลือกได้ตามสบาย
- ถึงเชียงคาน
เวลาประมาณ 6 โมงเช้าก็มาถึงเชียงคาน มีสกายแลป(ตุ๊กๆ)คอยบริการอยู่
ถ้าใครมีที่พักอยู่แล้วหรือไม่อยากเดินก็ใช้บริการกันเลยค่ะ
แต่เราเดินค่ะ! เพราะว่าอยากจะ walk in หาที่พักที่ถูกใจเรา เนื่องจากไม่อยากใช้งบบานปลาย
โดยที่พักเชียงคานมีให้เลือกหลายแบบหลายราคาด้วยกัน ระหว่างสองข้างทางมีที่พักให้เลือกเยอะมาก
เยอะจนเลือกไม่ถูก เราเดินวนไปวนมาทะลุซอยนี้ออกซอยนั้นเป็นว่าเล่น
เดินหาสักพัก เราก็ตัดสินใจพักที่ 'บ้านต้นโขง' ค่ะ (พิกัดอยู่ระหว่าง ซอย 3-4)
บรรยากาศการตกแต่งถูกใจมากรู้สึกสบายๆเหมือนอยู่บ้าน ส่วนในเรื่องราคาก็โอเค
และด้วยความขี้เกียจที่จะเดินหาอีกเลยจบลงที่นี่นี่แหละค่ะ
เราจองไป 2 คืนด้วยกัน 800 บาท มีค่ามัดจำกุญแจอีก 300 บาท
ภายในห้องก็ตามรูปเลยค่ะ ห้องที่เลือกเป็นห้องน้ำรวมนะคะอยู่ด้านนอก
(แต่เอาจริงๆมีเราใช้แค่คนเดียว เพราะคนอื่นมีห้องน้ำในตัวหมด TwT)
บรรยากาศริมระเบียง นอกโซนห้องพักค่ะ
หลังจากที่เราเก็บของเข้าที่พักแล้ว เราก็เดินหาร้านเช่าจักรยานเพื่อปั่นไปหาอะไรอร่อยๆกินเป็นมื้อกลางวันค่ะ
ออกมาจากที่พักไม่ทันไรเราก็เจอพี่2คนที่เป็นแฟนกันรอบที่2ค่ะ(ก่อนหน้านี้เจอพี่เค้าตอนที่เราเดินหาที่พัก)
เลยได้มีโอกาสคุยกันนิดๆหน่อยๆ พี่เขาชื่อพี่ก้องและพี่ออยค่ะ
คุยได้สักพักได้ใจความว่าพี่เขาจะไปหาอะไรกินพอดีก็เลยชวนเราไปด้วย
ด้วยความที่เราเองก็ไม่ได้วางแพลนอะไรไว้เลยตามๆพี่เค้าไปค่ะ
มื้อกลางวันนี้เราฝากท้องไว้ที่ร้าน 'ศรีพรรณโฮมสเตย์' ค่ะ หลายๆรีวิวแนะนำมา เลยต้องมาโดน
เมนูแนะนำที่เราว่าอร่อยและดีมากกก คือ ยำผักกูด กับ ต้มยำปลาคัง ค่ะ แซ่บถึงเครื่องดี
ค่าเสียหายรวมๆหมดไป 500 กว่าบาท
หลังจากที่กินของคาวเสร็จ เราก็เดินมาหาร้านของหวานต่อค่ะ
จบลงที่ร้าน 'สองผัวเมีย' ค่ะ บรรยากศดีและถูกใจมาก ด้านในมีโปสการ์ดขาย
มีเครื่องดื่มหลากหลายให้บริการ คอกาแฟต้องห้ามพลาดเลยค่ะ
เพราะที่นี่มีหลายเมนูแปลกใหม่ ชนิดที่ว่าเลือกกันตาลายเลยทีเดียว
เมนูที่เราสั่งมา คือ ฟูจิซัง โกโก้ปั่น แล้วก็ชาพีชค่ะ
มีน้องเหมียวด้วย คนรักแมวต้องห้ามพลาดเลยนะคะ
หลังจากที่อิ่มท้องกันแล้ว พวกเราทั้ง 3 คน ก็เลยวางแพลนกันว่าจะไปเที่ยวด้วยกัน
โดยพี่ก้องและพี่ออยขับรถส่วนตัวกันไปค่ะ เราก็เลยอาศํยติดไปเที่ยวด้วยเกือบจบทริปเลยค่ะ
ที่แรกที่เราไปคือ 'แก่งคุดคู้' พอดีช่วงที่เราไปเป็นช่วงที่น้ำขึ้นสูง
ถ้าอยากจะมาเที่ยวแบบสามารถเดินลงไปได้เนี้ยต้องมาช่วงหน้าแล้ง ประมาณเดือน ก.พ.-เม.ย. ค่ะ
กิจกรรมในช่วงนี้ที่มีก็จะเป็นล่องเรือริมแม่น้ำโขงดูฝั่งลาวค่ะ ไหนๆก็มาแล้วเลยจัดสักหน่อย
ราคา 800 บาท /1ชม. แต่เราเลือกแค่ 30 นาที 400 บาท ค่ะ พอให้หายอยาก
จากนั้นไปกันต่อที่ 'วัดพระพุทธบาทภูควายเงิน' ทางขึ้นไปวัดค่อนทางลาดชันเลยทีเดียวค่ะ
สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดแห่งนี้ ก็คือ รอยพระพุทธบาท และยังมีพระเจ้าใหญ่พุทธฉัพรรณรังสีพระพุทธ
ที่ประดับประดาไปด้วยเศษกระจกชิ้นเล็ก ใครไปต้องห้ามพลาดนะคะ (แต่เราไม่ได้เดินเข้าไปถ่ายรูปได้แต่มองอยู่ไกลๆ)
นอกจากนี้ยังมีกระต่ายน่ารักๆและจุดชมวิวที่สวยงามให้ได้เที่ยวชมอีกด้วยค่ะ
หลังจากนั้นแพลนต่อไปของพวกเราคือการไปดูพระอาทิตย์ตกนั่นเองค่ะ เลยหาข้อมูลว่าไปดูที่ไหนดี
จนมาเจอที่ 'วัดภูช้างน้อย' ที่เค้าบอกว่าเป็นอีกจุดที่สวยงาม แล้วก็ไม่ไกลกันมากเท่าไหร่
ไม่รอช้าเราก็รีบขับรถไปให้ทันเวลา ประมาณเกือบๆ 6 โมงเย็นเราก็มาถึงพอดีค่ะ
มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่มากประดิษฐานอยู่ เราจะสามารถมองเห็นองค์พระจากด้านล่างก่อนจะขึ้นมาที่วัดแห่งนี้ได้เลยค่ะ
เมืองเชียงคานมุมสูงจากจุดชมวิววัดภูช้างน้อยค่ะ
หลังจากที่พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไป พวกเราก็แยกย้ายกันกลับที่พักค่ะ
บรรยากาศที่พักตอนกลางคืนที่ดูแตกต่างจากตอนกลางวันอย่างสิ้นเชิง รู้สึกได้มาพักผ่อนจริงๆเลยค่ะ
จากนั้นมากินลมชมวิวกันต่อที่ระเบียงซะหน่อย
ดูเวลาตอนนี้ก็เกือบจะ 1 ทุ่มแล้ว แต่ยังเห็นแสงของพระอาทิตย์รำไรๆอยู่เลย
หลังจากพักผ่อนจนหายเหนื่อยแล้ว เราก็มาเดินถนนเชียงคานต่อค่ะ
บรรยากาศเชียงคานตอนกลางคืนดูคึกคักผิดกับตอนกลางวันเลย
เห็นบ้านไม้ ร้านค้าเรียงรายที่เปิดไฟสว่างไสวทั่วตลอดทางเดิน ยิ่งทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นขึ้นเยอะเลยค่ะ
สำหรับใครสายชิลอยากมานั่งดื่มด่ำบรรยากาศพร้อมเสียงเพลงดนตรีเพราะๆและจิบแอลกอฮอลชิลๆ
ที่นี่ก็มีร้านหลายให่้เลือกเลยค่ะ เปิดกันดึกๆดื่นๆเลยก็มี
เช้าวันสุดท้ายของเชียงคาน เรารีบตื่นมาใส่บาตรข้าวเหนียวกับพี่ก้องและพี่ออยตอนเกือบๆ6โมงเช้า
ก่อนที่จะขับรถไปยัง 'ภูทอก' แต่เพราะรีบนี่แหละค่ะ เลยไม่ได้ทันได้ถ่ายรูปตอนใส่บาตรเลย
หลังจากใส่บาตรเสร็จก็รีบขับรถมาจอดที่ตีนภูเพื่อต่อรถขึ้นไปยังภูทอกค่ะ
เสียค่ารถขึ้นภูคนละ 25 บาท ใครที่เอารถมาก็เสียค่าที่จอดอีก 20 บาทค่ะ
ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีเราก็ขึ้นมาถึงภูทอกแล้ว
วันนี้โชคดีมากที่อากาศค่อนข้างชื้นและเย็นจากฝนเมื่อวาน
เลยทำให้เห็นทะเลหมอกที่สวยงามแบบนี้
ประมาณเกือบ 7 โมง พระอาทิตย์ก็เริ่มขึ้นมาแล้วค่ะ
ปิดท้ายทริปนี้ด้วยทะเลหมอกฟินๆก่อนกลับ จริงๆตั้งใจว่าจะเที่ยว 2 วัน คือ 10-11 แล้วค่อยกลับตอนเช้าวันที่ 12
แต่แพลนดันเปลี่ยนทุกอย่าง เพราะพี่ก้องพี่ออยขับรถพาเราเที่ยวเก็บที่เที่ยวแถวเชียงคานเกือบหมดแล้ว
บังเอิญที่พี่ก้องและพี่ออยจะขับรถลงไปกรุงเทพพอดี พี่ๆเขาก็เลยชวนเรากลับด้วย ไอ้เราก็ใจง่ายค่ะดันกลับด้วยซะงั้น
ที่พักที่จองไว้ 2 คืน เลยต้องแคนเซิลไป 1 คืน
ทริปนี้ตั้งใจว่าเที่ยวแบคแพคลุยเดี่ยวคนเดียวเหงาๆ แต่กลายเป็นทรืปที่ไม่ต้องเหงาอีกต่อไปค่ะ
ต้องขอบคุณพี่ก้องพี่ออยมากๆค่ะที่ทำให้รู้ว่ามิตรภาพดีๆเกิดขึ้นระหว่างการเดินทางได้จริงๆ
การได้พูดคุยแลกเปลี่ยน ระหว่างการเดินทางกับเพื่อนร่วมทางที่เราไม่รู้จักมาก่อน
มันก็ให้ความรู้สึกในการเที่ยวที่แปลกใหม่ไปอีกแบบเหมือนกัน
เชื่อแล้วค่ะว่าการท่องเที่ยวสามารถเปิดมุมมองและโลกใบใหม่ให้กับเราได้จริงๆ
การเที่ยวทริปนี้มันทำให้เรากล้าที่จะเผชิญโลกภายนอก ทำให้เราโตขึ้น
และกล้าที่จะออกจะโลกใบเดิมของเราเพื่อก้าวไปสู่โลกอีกใบที่สวยงาม ซึ่งมีมิตรภาพดีๆรอเราอยู่ที่ปลายทาง
หวังว่ารีวิวเล็กๆน้อยๆของเราทริปนี้จะทำให้ทุกคนได้ค้นเจอโลกอีกใบที่สวยงามในมุมมองของตัวคุณเองนะคะ
สรุปค่าใช่จ่าย (ไม่รวมค่าอาหาร) รวม 904 บาท
ค่ารถมาเชียงคาน 419 บาท (ค่ารถขากลับฟรี เพราะติดรถเค้าไป)
ค่าที่พัก 400 บาท
ค่ารถขึ้นภู 25 บาท/คน
ค่าชุดอาหารใส่บาตร 60 บาท/ชุด
*ใครที่มาเองไม่มีรถ สามารถใช้บริการสกายแลปนำเที่ยวได้นะคะ
ราคาและสถานที่เที่ยวสามารถคุยตกลงกับสกายแลปได้เลยค่ะ
ploywipa
วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 03.00 น.