สวัสดีครับวันนี้คู่รักตะลอนทัวร์จะพาเข้าไปเดินเล่นในป่า หลังจากติดใจความสนุกความเหนื่อยของเขาหลวงสุโขทัย เลยขอเดินป่ากันอีกรอบ ทริปนี้ เป็นการเดินป่าตามหาหัวใจกลางผืนป่าใหญ่ในจังหวัดตาก นั้นก็คือน้ำตกรูปหัวใจ ปิตุ๊โกร หรือเปรโต๊ะลอซู หรือมีหลายชื่อที่จะเรียกกัน ที่ต้องเดินเข้าไปในป่า รวมระยะทางทั้งหมดน่าจะเกือบ20 กิโลได้ รวมทั้งขึ้นดอยมะม่วงสามหมื่นทริปนี้เดินทางไปกัน 8 คน ค่าใช้จ่าย 3000 กว่าบาทได้ ใช้บริการของคำสิงห์โฮมสเตย์ 3วัน 2คืนช่วงวันแม่ 12-14 ส.ค. ที่ผ่านมาครับ กับทริปที่มาพร้อมพายุฝนลมหมอกตลอดทริป ไปดูกันเลยว่าสนุกสุดมันส์แค่ไหน และความประทับใจของลูกหาบหมู่บ้านกุยเลอตอ


ตารางทริปคร่าวๆ

ออกเดินทางคืนวันที่ 11 มาถึงคำสิงห์โฮมสเตย์อุ้มผางตี 5 วันที่ 12 นั้งรถกระบะไปเริ่มเดินเท้าที่หมู่บ้านกุยเลอตอ เดินลัดเลาะบุกป่าลุยโคลน ไปถึงน้ำตกรูปหัวใจ และ นอนแคปตีนทางขึ้นดอยมะม่วงสามหมื่น

วันที่ 13 เดินขึ้นดอยะม่วงสามหมื่น แล้วเดินลงกลับออกมา แวะเที่ยวชมหมู่บ้านกุยเลอตอ แล้วกลับที่พักคำสิงห์โฮมสเตย์

วันที่14 ตื่นแต่เช้าไปดูหมอกที่ดอยหัวหมด ออกเดินทางกลับแวะ บ้านครูซัน-อุ้มเปี้ยมหมู่บ้านศูนย์อพยพ-ร้านกาแฟโรชาที่พบพระ-ตบด้วยก๋วยเตี๋ยวบ้านดินที่แม่สอด และจบทริปที่สะพานแขวนเมืองตาก

ฝากเพจเล็กๆไว้ด้วยครับแวะคุยเรื่องเที่ยวได้ที่ เหลี่ยมพาเที่ยว

ก่อนอ่านแวะชมคลิปก่อนได้ครับ

รูปทั้งหมดถ่ายจาก Nikon D5300 18-140 และ Gopro hero 4 silver



เริ่มเดินทาง สมาชิก 8 คนรถ 3คัน มี2คันแรกออกแต่กลางวัน คันนึงไปรอที่คำสิงห์แต่กว่าจะถึงก็5ทุ่ม ส่วนพี่อีกคันไปรอที่แม่สอดรอขึ้นอุ้มผางพร้อมคันของผม รอบนี้ผมไม่ได้ขับขอโดดติดรถพี่อีกคนมา ช่วงนี้ทริปเยอะหมุนไม่ทัน555 ขับมาเองเปลืองน้ำมัน มาด้วยกันดีกว่าประหยัด คันผมออกจาก กทม. 6 โมงเย็น ตามประสาวันหยุดยาวรถมากมาย กว่าจะหลุดอยุธยา ฝ่าฝันมาถึงแม่สอด เที่ยงคืนกว่าๆ แวะรับแฟนพี่เจ้าของรถเขามาทำงานที่แม่สอดอยู่แล้วเดินทางต่อ ลุยอีก1219 โค้ง ถนนมาอุ้มผางแคบมากขับๆไปเจอแต่วัวนอนกันกลางถนน ต้องระวังให้ดี แต่ผมนั้งช่วยดูทางไปสักพักก็หลับซะงั้นตื่นอีกทีอ้าวถึงคำสิงห์โฮมสเตย์แล้ว555 นานๆจะเป็นคนนั้งก็เลยเมาแอร์หลับเลย ถึงคำสิงห์ ตี 5 กว่าๆ ก็ลุงกับป้าให้เอาของมาเก็บที่ห้องเตรียมแพคของและให้นอนกันซักงีบตื่นมากินข้าวเช้ากัน8โมง

เช้ามาก็ประทับใจเนื่องจากเราเลือกทัวร์แบบ นอนในป่าคืนเดียว นอนที่โฮมสเตย์อีกคืนคนละ 2200 บาท รวมอาหาร 6 มื้อแต่เรามาถึงแต่เช้าลุงกับป้าก็เลยแถมอาหารมื้อเช้านี้ให้อีกรวมเป็น 7 มื้อ ที่สำคัญบริการดีทั้งทริปครับ 2200 บาทคุ้มมากๆ

มีแกงจืดอีกอย่างไม่อิ่มก็เติมได้ แจ่มมากๆ



หลังจากกินอิ่มทำธุระตอนเช้าเรียบร้อยก็เตรียมลุยกันได้แล้ว เราต้องนั้งกระบะคันนี้ต่อไปอีกชั่วโมงกว่าๆเพิ่อไปเริ่มเดินเข้าป่าที่หมู่บ้านกุยเลอตอ

เริ่มเดินทาง ช่วงแรกๆก็เส้นทางปกติ

หลังๆก็จะเป็นหลุ่มเป็นบ่อซะส่วนใหญ่ประมาณนี้

เด้งๆดึ๋งดั๋ง กันสักพักพร้อมสายฝนตอนรับกันตกๆหยุดๆตลอดทาง

มาหน้าทางเข้าหมู่บ้านตกใจคนอะไรเยอะแยะ ที่แท้เป็นลูกหาบในหมู่บ้านกุยเลอตอครับ ก็เพราะวันนี้เป้นช่วงวันหุดยาววันแม่ แน่นอนคนมาเดินป่าเยอะมากๆ ลูกหาบเลยมารอเพียบครับ เห็นไหมครับสายฝนเป็นเม็ดๆตั้งแต่เริ่มทริปเลย

อันนี้เราถ่ายไปเรื่อยสรุปเป็นพี่ลูกหาบ 3 คนนี้แหละที่ดูแลทีมเราและที่คืนนี้ได้คุยได้รู้เรื่องราว น่ารักๆของหมู่บ้านกุยเลอตอชนเผ่า ปกากะญอ ไม่แน่ใจพิมชื่อชนเผ่าถูกไหมขออภัยไว้ด้วยครับ คนถือหมวกพี่จอคลี คนเสื้อดำพี่วันชัย คนเสื้อน้ำเงิน ไม่ทราบชื่อคนนี้พูดฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่องเลยไม่ได้คุยกันเลย ส่วนคนหลังของอีกทีม

เลยมาอีกประมาณ200เมตร จุดเดินเท้าเข้าไปเอ้าฝนหยุดซะงั้น

ได้เวลาเริ่ม ประมาณ 10.40น. ถ่ายรูปรวมกันหน่อย อ้อ ราคา2200 นี้เราต้องแบบกระเป๋าสำพาระเองนะครับลูกหาบจะแบกอาหารเต็นถุงนอนให้เฉยๆ แนะนำว่าเตรียมไปให้น้อยที่สุดเอาเท่าที่จำเป็น เพราะต้องเดินไกลมากๆๆ อีกข้อแนะนำรองเท้าผมใช้สตั้ดดอยคู่ละ 120 ใช้ดีมาก จากที่เคยอวดสรรพคุณไปแล้วทริปเขาหลวง ทริปนี้ยังใช้งานได้ดี ทั้งทริปมีลื่นล้มแค่ครั้งเดียว ไม่แรงมาก ช่วยลดกำลังเราได้มากครับจิกทุกก้าว

หลังจากเริ่มเดินด้วยความฟิตเต็ม100 เดินมาได้แค่ 200 เมตร ฝนก็ตกอีกแล้วจ้าา เลยรีบใส่เสื้อกันฝนกันแล้วก็ตลอดทั้งวันทั้งคืนยันออกจากป่า ฝนก็ตกกันเดี๋ยวตกเดี๋ยวหยุดตลอดเวลา เหมือนไม่เคยตกกันเลยหรือยังไง5555 ก็นะมาเที่ยวป่าหน้าฝนจะหนีฝนได้ยังไง

เดินทางช่วงแรกตอนรับด้วยลำธาร ไม่สูงมากชุ่มฉ่ำ


ออกจากลำธารก็เป็นดินโคลนเยี่ยงนี่ มันดูดสะใจมากพอเหยียบแล้วมันดูดลงมิดถึงตาตุ่ม ต้องใช้แรงยก 555 สนุกมากครับช่วงนี้ผมชอบมาก ตามหาแถวบ้านไม่มีให้เล่นนะแบบนี้


ออกจากโคลนลงลำธารอีก ช่วงนี้ฝนตกๆหยุดๆตลอดครับไม่ค่อยได้เอากล้องใหญ่ออกมาเลย แคปจากวิดิโอในโกโปรเอา

ช่วงแรกเป็นทางดินโคลนส่วนใหญ่ยังไม่ชันแต่ต้องใช้แรงขาพอสมควรเพราะมันดูดอย่างที่บอก

ฝนตกข้อดีอีกอย่างคือเดินไม่ร้อนครับชุ่มฉ่ำกันตลอดทำให้ไม่ค่อยหิวน้ำเท่าไหร่

ผ่านทั้งไร่ข้าวโพดทุ่งนา

ข้ามน้ำก็มี ขากลับพรุ่งนี้เดินข้ามตรงนี้ไม่ได้น้ำสูงขึ้นเยอะเลยต้องไปอ้อมข้ามไมไผ่

เดินมาเที่ยงกว่าๆเลยแวะกินข้าวกลางวันริมน้ำตกเล็กๆ

กล้องเริ่มเป็นฝ้า หยิบเข้าๆออกเจอละอองฝน มื้อนี้เป็นกระเผาหมูไข่ดาว ห่อใบตอง อร่อยมากเยอะด้วยหรือว่าเหนื่อยจนหิว 555

หลังจากพักกินกัน 20 นาทีได้ ก็เดินต่อหลังจากตรงนี้ทางเริ่มโหดเข้าป่าทึบดิบขื้น คดเคี้ยวขึ้นลงเขาอยู่สักพักตอนนี้เริ่มไม่มีใครคุยกันแล้วเดินกันไม่หยุด แต่ผมหยุดเพราะเหนื่อย555 เครื่องยังไม่ร้อน อากาศมันเย็นฝน เดินกันมาพักใหญ่ๆ ก็มาถึงน้ำตกตรงนี้ที่เราแวะพักกันอีกรอบ

เหนื่อยแล้วตอนนี้

สภาพแต่ละคนตอนนี้ เปียกปอนกันหมดแต่ยังยิ้มได้ มีน้ำเย็นๆให้ชื่นใจ

พักจนหายเหนื่อยก็ลุยกันต่อหลังจากข้ามสะพานนี้ไปก็เริ่มของจริงแล้วทั้งขึ้นทั้งลงไม่หยุด ไม่รู้เมื่อไหร่จะถึงพักแล้วพักอีก

จนในที่สุดเราก็มาถึง น้ำตกรูปหัวใจที่ตามหามาเสียนาน เหนื่อยมากๆกว่าจะถึง เราใช้เวลาเดินกัน 3.30 ชม. ครับ สวยใหญ่อลังการมาก โชคยังดีพอมาถึงตัวน้ำตก ฝนหยุดได้ประมาณ 10 นาทีให้เรายกกล้องใหญ่มาถ่ายได้ หลังจากนั้นก็ตกลงมาอีกอย่างแรงเลย ไปดูรูปเลย

ยิ่งใหญ่แค่ไหน ถามใจเธอดู

มาถึงแล้วต้องเช็คอินท่าคู่รักตะลอนทัวร์



ชื่นชมได้ไม่นาน ฝนชุดใหญ่ก็มา โชคดีจริงๆที่ยังได้เก็บภาพทัน

หลักจากดูน้ำตกเสร็จต้องเดินขึ้นไปอีก 45 นาทีเพื่อไปยังแคมป์ของเราคืนนี้ ฝนแรงมากๆพอมาถึง ที่แคมป ลูกหาบคนต่างวุ่นเพราะ ลมพายุฝนแรงมากๆ โหมกระหนำอยู่ชั่วโมงกว่า ผ้าใบปลิวหลุดกันลูกหาบวิ่งกันวุ่นเลย ในใจเราก็กลัวไม่เคยอยู่ในป่าที่มีฝนลมแรงขนาดนี้ เดี๋ยวลมก็พัดหอบเหมือนผ้าใบจะหลุดเสียงดังน่ากลัวมาก แต่สักพัก ลุงคำสิงห์ก็ขึ้นมาถึงลุงแกมากับกรุ็บใหญ่ แกบอกเดี๋ยวสักพักก็หยุดไม่ต้องตกใจ พร้อมยื่นมะม่วงดองสูตรเด็ดของโปรดลุง อร่อยจริงๆอร่อยจนกลับมาที่พักบอกป้าว่าลุงให้ให้มาขอมะม่วงดองกิน อร่อยมาก555

เท่านั้นยังไม่พอ ลุงบอกหนาวๆแบบนี้ต้องจัดน้ำแก้หนาวสูตรเฉพาะของลุงอีก รสชาติดีเยี่ยมถูกใจ เหล้าต้มเหล้าป่า ที่นี้มันอร่อยจริงๆ แต่จริงๆผมแวะซื้อข้างทางมาแล้วล่ะแต่รสชาติไม่อร่อเท่าของลุง

สักพักประมาณ5โมง ฝนก็หยุดลงจริงๆ ลมสงบ ลูกหาบและลุงก็จัดเตรียมที่นอนให้เรา ขึงผ้าใบกันฝนให้เสร็จสรรพเราก็กางเต็นกันอย่างทุลักทุเล เลาะเทอะเฉอะแฉะไปหมด 555


สักพักเย็นๆ ลูกหาบก็เอาเข้าเย็นมาให้ มีหลายอย่างรสชาติอร่อยถูกใจครับมื้อนี้ แล้วฝนก็ตกอีกแล้ว พรำๆ กินข้าวกลางสายฝนหยดที่ขอบผ้าใบกระเด็นใส่เรามันได้รสชาติจริงๆครับ

หลังจากอิ่มข้าวกันแล้วก็นั่งคุยล้อมวงการตามประสา ดื่มน้ำแก้หนาวไปพลางๆสักพักพอมืดสาวๆเขาก็ล้าขาขอตัวไปนอนกันเหลือแต่หนุ่มนั่งโม้กันสักพัก แล้วก็มีพี่ลูกหาบมาร่วมวงกับเรา คราวนี้แหละยิ่งสนุก พี่เขาก็เอาน้ำแก้หนาวสูตรเฉพาะของเขามาให้ชิมอีก คุยไปคุยมา ก็ได้เห็นมุมมองน่ารักๆของพี่ๆลูกหาบมุมมองที่เราไม่เคยรู้ พี่ๆเขาเล่าว่าเขาก็เคยไปทำงานที่กรุงเทพที่ระยอง เหมือนกันไปทำตามๆกันได้2-3 ปี แต่เบื่อ ได้เงินเยอะแต่เบื่อก็เลยกลับมาทำงานที่บ้านทำสวนทำไร่ทำนา ใช้ชีวิตง่ายๆไม่ต้องมีเงินทองมากมายดีกว่า ที่นี้เขาคนรวยวัดกันที่วัวนะครับเห็นพี่จอคลีเขาว่างั้นว่าใครมีวัวเยอะก็แปลว่ารวย มิน่าเลยเห็นวัวเยอะแยะเต็มไปหมดตลอดทาง พี่เขายังบอกอีกว่าคนในหมู่บ้านเขาไม่มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันเลย วัยรุ่นหนุ่มสาวก็ไม่เที่ยวกลางคืน ก็แน่ละจะมีที่ไหนให้ไปเที่ยว แต่เขายังบอกอีกนะว่ายิ่งเรื่องผู้หญิงยิ่งไม่มีทะเลาะกัน ถ้าเกิดมีหนุ่มชอบสาวคนเดียวกันเขาจะคุยเปิดอกกันเลยแล้วถามผู้หญิงว่าชอบใคร ถ้าฝ่ายหญิงเลือกแล้วอีกคนก็จะถอยออกมาลูกผู้ชายสุดๆ และอีกหลายเรื่องที่คุยกันสนุกสนานมาก ทำให้เรารู้สึกประทับใจในความเป็นอยู่การดำเนินชีวิตของพี่ๆเขาจริงๆ แถมพี่เขายังบอกว่าพรุ่งนี้ก่อนกลับต้องแวะไปเที่ยวบ้านเขาก่อน และยังชวนเรานอนกับพี่แกอีกคืนด้วย แต่น่าเสียดายเรานอนด้วยไม่ได้เพราะในทัวร์ผมต้องกลับไปนอนที่โฮมสเคย์เพราะรถจอดอยู่ที่นั้น คุยกันสนุกสนานจนถึง 4 ทุ่ม ก็เลยแยกกันนอน

พวกผมนอนกันในเต็นส่วนพี่ๆเขาอ่ะหรอ นี้นอนในรูปข้างล่างนี้แหละพอเรากินแยกย้ายกันพี่เขาก็นอนตรงนี้เลยนอนขดกันทั้งคืน อืดมากๆทุกคน แล้วกลางคืนใช้ว่าจะนอนสบาย ฝนตกตลอดจ้า ยิ่งกลางดึกขนาดผมนอนในถุงนอน สักพักหลังแฉะๆ ฝนตกตลอดทำให้พื้นมันแฉะทะลุขึ้นมาเรียว่านอนกันกลางน้ำเลยละคืนนี้ แต่นับถือพี่ๆลูกหาบจริงๆนอนกันได้ยังไงไม่มีอะไรรองเลยนอนกับผ้าใบเลย


หลังจากนอนกันจนเต็มอิ่ม ตื่นเช้ามาพร้อมสายหมอก

เช้ามาลุงกับพี่ๆเขาก็จัดเตรียมอาหารเช้าให้เรา

ที่นี้มีน้ำร้อนให้นะครับใครจะกินกาแฟ อย่าทำแบบพี่เขาคนนี้นะ

ด้วยอารมณ์ป่ามาเต็มจะกินกาแฟง่ายๆมันก็กระไรเลยเป็นที่มาของกาแฟเทียนไข 5555

ยังดีที่สุดท้ายน้ำก็ร้อนหมดเทียนไปประมาณ ครึ่งโหล รอบหน้าไม่เอาแบบนี้นะ5555

หลังจากกินข้าวเสร็จแล้วก็ทำภารกิจส่วนตัวให้เรียบร้อยเตรียมขึ้นดอยมะม่วงสามหมื่น หนึ่งในนั้นคือการขี้นั้นเอง เรื่องขับถ่ายเป็นเรื่องสำคัญแล้วผมก็ค่อนข้างมาตรงเวลา หลังอาหารเช้าทุกที

ช่วง เหลี่ยมพาขี้ในเช้านี้ ต้องขอบอกว่าได้อรรถรสมากๆ การขี้ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาตลอดเวลาดูจากรูปผมต้องใช้เสื้อกันฝนคลุมหัวด้วย พร้อมการนั้งยองๆแล้วขับถ่ายโดยต้องเล็งให้ดีอย่าให้มันเปราะเลอะขอบไม่ไผ่เห็นใจคนมาใช้ต่อบ้างงง แต่ที่พีคสุดๆคือตอนที่สายตาเรามองลงไปในบ่อจะพบเห็นเศษซากอารยธรรมต่างๆของผู้ใช้บริการก่อนหน้านี้ พร้อมกลิ่นที่โฉยขึ้นมาเตะจมูก โอ้โหยย สุดบรรยาย ต้องมาลองกันด้วยตัวเองครับสุดยอดมากๆ

หลังจากพร้อมแล้วก็เริ่มลุยได้เลย จากที่คุยกับพี่จอคลีเมื่อคืนเขาบอกว่าจุดที่มีสัญญาณคือจุดที่2ที่มีธงชาติด้วย เราเลยตั้งใจว่าจะไปจุดนั้น


ทางเดินจากแคมป์ขึ้นมาขอบอกว่าดิ่งขึ้นอย่างเดียว เลาะขอบหน้าผา เสียดายฝนมันตกตลอดถ่ายได้แค่โกโปรวิวที่มองจากหน้าผาสวยมากหมอกลอยไปลอยมาเห็นเขาเขียวๆ มีน้ำตกอยู่ข้างหลัง

แล้วก็เดินไต่ขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงจุดแรก จุดนี้พี่เขาบอกว่าแค่หมื่นเดียวจุดที่2ยังอีกไกล แต่พอถึงจุดนี้พายุฝนก็ถล่มอีกคราวนี้แรงมากๆทั้งลมทั้งฝน น่ากลัวมาก

มีคลิปให้ดูถึงความแรงของพายุฝนและลมแต่ยังดีไม่มีฟ้าผ่า มีแค่ลมแรงมาก และหมอกก็แปบๆก็พัดปกคลุมสายน้ำตก แล้วทางไปจุดที่2พี่เขาว่าค่อนข้างชันและอันตรายกว่านี้เราเลยตัดสินใจกันว่าจะหยุดแค่จุดนี้เพราะถ้าเดินต่อไปแล้วอันตรายและฝนแบบนี้คงไม่ได้เห็นอะไร ตรงนี้จะคล้ายๆกันเลยหยุดถ่ายรูปกันแค่ตรงนี้





รักสามเศร้าา

ชื่นใจจริงๆครับได้ขึ้นมาเห็นถึงจุดดนี้ก็ฟินมากแล้ว ทั้งสายลมสายหมอกที่ปะทะตัวไม่ใส่มันแล้วเสื้อกันฝน เย็นสะใจชื่นใจมากๆ

ขาลงก็ฟินครับ หมอกมากมาย ทีมผมโชคดีมาถึงจุดนี้ชุดแรกครับเช้านี้คนเลยยังไม่เยอะถ่ายรูปสบาย ขาลงนี้เดินสวนคนเยอะมากคนกำลังเดินขึ้นไปดอยสามหมื่นเหมือนกัน แต่หลังจากผมเริ่มเดินลงฝนก็หนักอีกแล้ว

หลังจากพวกเราเดินลงมาถึงแคมป์แล้ว เราก็ขอลงกันเลย ทำให้อาหารอีกมื้อทีลุงกำลังทำยังไม่เสร็จเราเลยขอแค่มาม่าแล้วก็ไก่ทอดที่เสร็จแล้วก็ได้ ขาลงนี้คนละเรื่องเลยครับพี่เขาพาลงอีกทาง ดิ่งลงอย่างเดียวเลยคิดในใจ ถ้าขึ้นทางนี้ตายแน่ แต่ทีมเมื่อวานลุงพาขึ้นมาทางนี้นะไม่ได้ผ่านน้ำตกก่อนแบบเรา ชันมากๆ แต่เราขาลงแล้วสบายๆ


ลงมาถึงไร่ข้าวโพดฝนหยุดแล้วได้ถ่ายรูปหน่อย


มาดูสาวๆบ้างๆ


ถ่ายไปถ่ายมากล้องฝ้าขึ้นอีกละ 555

จนมาถึง แคมป์ข้างล่างแล้วแวะกินข้าวกลางวันกันประมาณบ่ายโมงได้มื้อนี้ก็ง่ายๆครับ บรรยากาศหนาวๆซดมาม่าร้อนๆ

จนในที่สุดพวกเราก็นำตัวเองมาได้แล้ว เป็นเรื่องราวความทรงจำในป่าที่น่าจดจำมาก และพวกเราจะไม่ลืมที่นี้แน่นอน แต่ยังไม่จบครับ เราจะไปต่อกันที่หมู่บ้านกุยเลอตอที่พี่จอคลีเขาบอกต้องไปให้ได้

จากศาลาเมื่อวานเข้ามาไม่ไกลก็ถึงตัวหมู่บ้านครับ ที่ที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ครับ จะติดต่อตามหาใครพี่เขาว่าให้ติดต่อผู้ใหญ่บ้านได้

นี่ครับบ้านพี่จอคลี มาถึงเขาก็บอกให้ขึ้นมาเลยเราก็ตัวเลาะก็ไม่กล้าขึ้นพี่เขาก็บอกให้ขึ้นเลยไม่ต้องเกรงใจ

ถึงบนบ้านก็เจอเมียแก ก็ชวนคุยชวนกินข้าวอีก แต่เราไม่ได้กินแกก็ยังให้ลองชิมปลาฝีมือเมียแก อร่อยสะด้วยครับ พี่เขายังบอกมารอบหน้าขับมาหาเขาที่บ้านได้เลยยินดีต้อนรับเสมอมานอนได้เลยที่บ้าน ประทับใจมากๆ ครับ


ไม่เท่านั้นที่นี้ยังมีสะพานข้ามแม่น้ำเล็กๆสวยๆ เรียกลำธารดีกว่า หลายคนคงไม่เคยเข้ามาอาจจะไม่เคยเห็น

พี่คงคิดในใจไม่น่ามากับไอเหลี่ยมเลย ลำบากปวดร้าวไปทั้งตัว 555 พูดเล่นนะทุกคนแฮปปี้ชอบทริปนี้มากๆ

วิถีชาวบ้าน


จากนั้นก็โบกมือลาพี่จอคลี และหมู่บ้านกุยเลอตอ กลับความทรงจำมากมายที่เกิดขึ้นที่นี้ในป่าแห่งนี้ ที่ให้พิมพ์ก็ไม่เข้าใจแน่นอนต้องมาสัมผัสกันด้วยตนเองครับ

บ๊ายบาย

กลับมาถึงที่พักอาบน้ำแต่งตัวมีอาหารรอเราแล้ว มื้อนี้อร่อยๆเช่นเคย

หลังจากกินแล้ววันนี้ก็นั้งดื่มดำโม้กันไปจนถึง เกือบเที่ยงคืน บรรยากาศก็เช่นเคยมีฝนตกเบาๆแต่วันนี้ต่างจากเมื่อคืนเพราะมีที่นอนนุ่มๆสบายรออยู่

ตั้งปลุกตี 5 ถ้าฝนตกก็คงอดไปดูสรุปฝนตกเลยนอนต่อแต่นอนสักแปบตี5.25 เสียงฝนเงียบ ก็เลยไปดอยหัวหมดกัน รอบนี้ก็เหมือนเดิมรถกระบะคันเดิมออกมาพาเราไป จุดแรกพาไป กม.13 ครับ

เดินขึ้นมาหน่อย แต่หมอกอยู่ไกลเลือเกินแล้วฝนก็ลงเม็ดอีกแล้วด้วย

เดินลงๆ เดี๋ยวย้อนไป กม.8


วันนี้ดูท่าจะไม่เห็นพระอาทิตย์แล้ว แต่มีหมอกให้ดูด้วยบางๆ

หมอกมีเป็นหย่อมๆ

แค่ได้มองเขา เราก็ชื่นใจ

บรรยากาศแบบนี้มันต้องจับโปเกม่อนนน


ปิกาปิ้กาจู เกาะกระแสเสียหน่อยย อิอิ แต่มีให้จับเยอะจริงๆนะบนดอยหัวหมดอยู่แปบเดียวจับไป4ตัว


อยู่สักพัก หมอกเริ่มมาเรื่อยๆมาน้อยๆก็สวยไปอีกแบบครับ

กลับมาถึงที่พัก ก็ซัดข้าวเช้าเตรียมตัวเดินทางกลับได้แล้ว มื้อเช้า เป็นข้าวต้มครับ หลังจากกินข้าวอิ่มก็เก็บของขึ้นรถ กราบสวัสดีป้าและพี่ที่คำสิงห์โฮมสเตย์ทุกคนที่บริการเป็นอย่างดีประทับใจมากและราคาก็ไม่แพง คุ้มมากๆครับ เดี๋ยวทริปหน้า มาตาก ว่าจะมาทีลอซูจะใช้บริการคำสิงห์โฮมสเตย์อีกแน่ๆครับ


ออกจากโฮมสเตย์ 9โมงกว่าๆมาถึงอุ้มผางไม่แวะไม่ได้เลย บ้านครูซัน

เป็นทั้งร้านของฝาก ร้านกาแฟ มีมุมให้ถ่ายเล็กๆน้อยๆหลายมุมครับ แต่ก็นั้นแหละครับอย่างที่บอก ฝนตกอีกและ


ของฝากเยอะแยะมากมายนะครับแต่ไม่รู้จะซื้ออะไร ก็เลยเขียนโปสการ์ดไปฝากคุณแม่หน่อยทริปนี้หนีแม่มาเที่ยวทุกคน 555

รอรับได้เลย







ออกจากบ้านครูซันก่อนจะก้าวออกจากอุ้มผางขอถ่ายรูปกับหลักกิโลกันซักกะหน่อย สภาพรถแต่ละคันเยินจริงๆ



ความสวยงามของดินแดนลอยฟ้า มันเป็นอย่างงี้

ได้เวลาลุยกันต่ออีก1219โค้ง รอบนี้เป็นกลางวันแต่ใช่ว่าจะขับง่ายกว่าขามากลางคืนนะครับเพราะหมอกลงจัดมาก กลางคืนขับง่ายกว่าเพราะจะมองเห็นไฟรถชัดถ้ามีรถสวนมา

หมอก หมอก หมอก แวะเข้าห้องน้ำกลางทางคือตรงไหนก็ไม่รู้

มอสเยอะมากกเขียวๆๆๆ


นึกว่ามาริโอ้

ผ่านศูนย์อพพยพ อุ้มเปี้ยบก็แวะหน่อย ตรงนี้ฝนหยุดอีก

สวยมากครับ


ใส่หมวกกุเละเข้ากับบรรยากาศ 555

เลยอุ้มเปี้ยมมาหน่อยก็เจอจุดพักรถใหญ่ เลยพักหาไรกินรองท้อง มาม่าขนมจีบซาลาเปา พอถึงตรงนี้เอ้าฝนตกอีกและแรงใหญ่เลย โอ้ยทริปนี้เจอแต่ฝน

ออกจากจุดพักรถคราวนี้หมอกจัดหนักกว่าเดิมทั้งฝนทั้งหมอกระยะมองเห็น 50 เมตรได้ ต้องค่อยๆไปกัน พอเลยหมอกมาอ้าวฟ้าใสอีกแล้ว 555 แต่วิวสองข้างทางนี้สวยมากๆ แต่น่าเสียดายถนนแคบไม่สามารถจอดลงไปถ่ายรูปได้ถ้าเป็นมอไซค์คงจะได้จอดกันทั้งทาง

มาถึงอำเภอพบพระฟ้าใสไร้ฝนแดดออก แวะเติมกาแฟกันหน่อยที่ร้านกาแฟโรชา

แปลงดอกไม้หน้าร้านมีเต่าทองด้วย


เป็นร้านกาแฟที่บรรยากาศดีวิวงามมากๆ


มีมุมให้ถ่ายเพียบเลย




มาดูของหวานมั้งน่าตาหน้าทานรสชาติก็โอเคครับ




ได้เวลาเดินทางต่อ

ลงมาถึงแม่สอดเขาบอกว่าให้แวะร้านนี้เลย ก๋วยเตี๋ยวบ้านดินมีหลากหลายเมนู

แต่ละเมนูโอน่ากินมากก ชามใหญ่ 50 บาทเอง


ซัดกันไปคนละชาม2ชามตามความหิว อร่อยมากครับร้านนี้ แนะนำเลย

หลังจากแวะส่งพี่ที่แม่สอดเราก็เดินทางกลับ ก่อนกลับแวะอีกก จอดกันทั้งวันแหละมีไรผ่านก็จอดหมด แม่สอด วิว ศูนย์รวมเหล่ายอดมนุษย์


ยอดมนุษย์เยอะมากแต่ดูเหมือนจะชอบสไปเดอร์แมนเป็นพิเศษมีเยอะเหลือเกิน

ก็อตซิล่าก็มา


หลังจากออกจากแม่สอดวิวก็เจอฝนลมแรงอีกแล้วดินสไลด์ตลอดเส้นทาง จนมาถึงเมืองตากฝนก็หยุดลง

ปิดท้ายทริปนี้กันด้วยสะพานแขวนเมืองตากยามเย็น




ปิดทริปอย่างสวยงาม พอถึงเมืองตากก็ไม่เจอฝนเลย เหมือนว่าอยู่กันคนละโลก ที่ผ่านมามีแต่ฝนลมหมอก พอถึงตากยัน กทม. อากาศปกติทุกอย่าง ธรรมชาตินี่เหนือความคาดเดาจริงๆครับ

ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพประมาณ เที่ยงคืนกันได้ครับทริปนี้

สรุปค่าใช้จ่าย

ค่าทัวร์3วัน2คืนอาหาร 7มื้อ นอนป่า1คืนนอนโฮมสเตย์1คืน คนละ 2200 บาท

ที่เหลือเป็นค่าน้ำมัน+แก้สของรถแต่ละคัน ถ้าวีออสที่ผมมากัน คนละไม่เกิน 2000

ที่เหลือเป็นค่ากินกาแฟกับข้าววันกลับอีก ไม่กี่มื้อ รวมๆแล้วผมหมดไป 3000กว่าบาทครับทริปนี้คุ้มค่ามากๆ


จบไปอีกหนึ่งทริปครับเป็นทริปแห่งความทรงจำเลยเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่าง 3 วันที่ผ่านมานั้น ให้เล่าให้ฟังยังก็คงจะไม่เต็มที่ครับอยากให้ทุกคนมาลองชีวิตแบบนี้สักครั้ง สำหรับบางคนอาจจะขยาดการเที่ยวแบบนี้ไปเลยหรือบางคนอาจจะชอบเสน่ห์ของการเที่ยวแบบนี้ก็เป็นได้ อย่างเช่นผมที่รู็สึก มีความสุขมากถึงแม่จะเหนื่อยแค่ไหน เป็นรสชาติชีวิตที่หาไม่ได้ง่ายๆแน่นอน ประสบการณ์แบบนี้

แล้วพบกันใหม่กับคู่รักตะลอนทัวร์ ทริปหน้ายังคงอยู่น้ำตก แต่เป็นน้ำตกอะไรเดี่ยวไปดูกันครับ สวัสดีครับ

ความคิดเห็น