คราวก่อนเราได้รีวิว “มาเรียนภาษาอังกฤษที่เซบู ตั้งแต่ต้นจนจบ” ไปแล้วนะคะ
สำหรับ Blog นี้ เราจะมารีวิวแบบเจาะลึกกับการเรียนที่โรงเรียน Cebu Blue Ocean Academy (CBOA) บนเกาะแมคตัน ที่อยู่ติดกับเกาะเซบูใหญ่กันบ้าง ว่าการมาเรียนโรงเรียนบนเกาะ Mactan นั้น แตกต่างจากการเรียนในตัวเมืองเซบูอย่างไร!
สำหรับทริปนี้ เราอยู่ที่โรงเรียนในเมืองเซบูเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ก่อนจะย้ายมาเรียนที่ Cebu Blue Ocean Academy บนเกาะ Mactan หรือบนเกาะเดียวกับที่สนามบินเซบูตั้งอยู่ เป็นเวลา 4 สัปดาห์ค่ะ ซึ่งในทริปนี้ เราก็ได้รับการสนับสนุนจาก KPG Learn เอเจนซี่ของโรงเรียนสอนภาษาที่ฟิลิปปินส์และทางโรงเรียนสอนภาษาค่ะ
สำหรับ Blog นี้ เราจะไม่พูดถึงเรื่องทั่วๆ อย่างการเดินทางมาเซบู / การลงทะเบียนเรียนแล้วน้า ถ้าอยากอ่านตามไปอ่านที่ Blog นี้ หรือสอบถามทาง KPG Learn ได้เลย
เริ่มที่ว่า เกาะ Mactan คือเกาะที่ตั้งหลักของสนามบิน แมคตัน-เซบู ฉะนั้นโรงเรียนของเราก็จะอยู่ใกล้สนามบินมาก แค่ประมาณ 20-30 นาทีเท่านั้น
การเดินทางบนเกาะแมคตันค่อนข้างสะดวกกว่าเซบูมากๆ เพราะว่ารถ Jeepney บนเกาะนี้ วิ่งทางเดียว ไม่มีหลายสาย ไม่วุ่นวาย โดยบริเวณซอยเล็กๆ ที่ไม่มี Jeepney จะมีรถสามล้อบริการทั้งแบบเหมาะและแบบแชร์ ในราคาเริ่มต้นที่ 10 เปโซเท่านั้น หรือถ้าขี้เกียจต่อรถ เราก็เรียกรถมอไซค์อย่าง Maxim หรือโบกวินแล้วต่อรองราคาที่พอใจเอาได้เลย ข้อเสียหลักๆ เลยก็จะมีแค่ถ้าอยากเข้าเมือง หรือไปห้างใหญ่ๆ ใช้เวลาจากที่ CBOA ประมาณ 1-1.30 ชั่วโมง
Cebu Blue Ocean Academy ตั้งอยู่ในย่าน Maribago ค่ะ ตรงนี้เรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวบนเกาะนี้เลย ฉะนั้นหายห่วงเรื่องร้านอาหาร คาเฟ่ ซุปเปอร์มาเก็ต ร้านขายยา สปา ต่างๆ ไปได้เลย ตรงนี้มีครบ ในระยะเดินเพียง 1-5 นาที แต่ถ้าอยากจะเลยไปเดินเล่นหรือซื้อของแถว LG Garden Walk หรือ Mactan New Town ก็สามารถนั่งรถ Jeepney ไปได้เพียง 13 เปโซ หรือว่าจะเรียกแทกซี่ไปก็ได้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10-15 นาทีเท่านั้น
มาพูดถึงเรื่องเรียนกันบ้าง
ส่วนตัวเราชอบหลักสูตรที่โรงเรียน Cebu Blue Ocean Academy มากๆ เพราะว่าที่โรงเรียนนี้เขาทำหนังสือเรียนเองทั้งหมดตั้งแต่ level 1-10 เลย ซึ่งโรงเรียนนี้หนังสือจะใกล้เคียงกับของโรงเรียน PINES ที่บาเกียว (เป็นโรงเรียนในเครือเดียวกัน) แต่ว่าหนังสือและบทเรียนจะไม่เหมือนกันหมดเลยทีเดียวนะคะ (เดี๋ยวเรามารีวิว PINES อีกที)
โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนขนาดเล็กไม่ใหญ่มาก มีนักเรียนประมาณ 150 คน ห้องเรียนมีทั้งหมด 2 ชั้น ตึกเรียนแยกออกมาจากหอพักในบริเวณใกล้กัน บรรยากาศแบบโคซี่ๆ ทำให้คุณครูและนักเรียนที่นี่ค่อนข้างสนิทกันค่ะ
Routine ของเราก็คือตื่นประมาณ 6.00-6.30 น. นั่งดูพระอาทิตย์และชมทะเลยามเช้า (ถ้าอยากดูพระอาทิตย์ขึ้นต้องตื่นประมาณตี 5) จากห้องของเราเป็นห้อง Seaview ชั้น 7 วิวดีมากๆ แบบมากๆ เปิดม่านให้แสงลอดมาหน่อยแล้วก็ทำกิจวัตรยามเช้า
ก่อนจะลงไปกินข้าวประมาณ 7.50 น. แล้วก็เข้าเรียนตอน 8.00 น. ห้องพักกับโรงเรียนอยู่ในบริเวณเดียวกันแต่คนละตึก จะมีลานตรงกลางกั้น ส่วนห้องอาหารและคาเฟ่จะอยู่บริเวณชั้น 1 ของตึกเรียน
พอเรากินข้าวเสร็จก็เดินขึ้นชั้น 2-3 ไปเรียนตามตารางได้เลย เรียนคาบละ 45 นาที พัก 10 นาที วันหนึ่งเราจะมีเรียน 7 คาบ ส่วนตัวเราไม่ชอบเรียนตอนบ่าย ก็เลยขอให้ทางโรงเรียนขยับตารางเรียนมาอัดตอนเช้า 4 คาบและหลังกินข้าว 3 คาบ และเป็น self-study ช่วง 2 คาบสุดท้าย ทำให้เราได้เลิกเรียนตอน 15.10 น. ทุกวันค่ะ ส่วนวันศุกร์แต่ละคาบจะเรียนแค่ 40 นาที ทำให้เวลาทั้งหมดร่นลงมาอีก ทั้งนี้ก็เพราะที่โรงเรียนจะมีกิจกรรมตอนเย็นหลังเลิกเรียนนั่นเอง รวมถึงเผื่อใครจะไปเที่ยวช่วงวันหยุดก็จะได้มีเวลาเพิ่มมากขึ้นในการเดินทางด้วย
คอร์สที่เราเรียนจะมีคาบเรียนเดี่ยว 5 คาบ แล้วก็มีคาบกลุ่มอีก 2 คาบ ซึ่งคาบกลุ่มของที่นี่เป็นกลุ่มเล็กทั้งหมด คือมีนักเรียนเพียง 2-4 คนเท่านั้น เราจะได้พูดคุยเรียนรู้ภาษาไปพร้อมๆ กับความแตกต่างทางวัฒนธรรมของเพื่อนๆ ด้วย ทั้งเรื่องของการตีความ ความเข้าใจ สำเนียง รวมไปถึงการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่างๆ
ส่วนคาบเรียนเดี่ยวทั้ง 5 คาบ ก็จะมีทั้ง 4 ทักษะให้เราฝึก แต่หนังสือของที่นี่จะไม่ได้แยกเป็น ฟัง-พูด-อ่าน-เขียน ชัดเจนแบบนั้น แต่จะเป็นบางอันเรียนเรื่องศัพท์/สำนวน บางอันมีผสมกัน 2 ทักษะ รวมถึงบางเล่มที่เน้น Grammar ไปเลยก็มี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ level ของเราด้วยค่ะ แต่สิ่งนึงที่เราชอบมากๆ ของโรงเรียนนี้คือ หนังสือเรียนมันย่อยมาแล้ว ไม่เหมือนเล่มใหญ่ๆ ที่เราคุ้นเคยกัน เหมือนกับว่าอะไรที่เราเรียนวันนี้ พรุ่งนี้เราก็ได้ใช้เลย คือมันใกล้ตัวและดีงามมากๆ
การเรียน Reading ที่นี่ และที่โรงเรียนอื่น จะไม่ได้เรียนแค่การอ่านจับใจความเหมือนที่เราคุ้นเคย แต่การอ่าน คือการอ่านออกเสียง และต้องทำความเข้าใจไปพร้อมๆ กัน ในคาบเรียนวิชาอ่าน เราก็จะได้ฝึกการออกเสียงให้ถูกต้องด้วย แล้วครูทุกคนคือเป๊ะมากเรื่องการออกเสียง บางคำคือออกวนไป 5 นาทีเลยกว่าจะผ่าน ><
โรงเรียนนี้ ไม่ได้มีรั้วกั้นกำแพงสูงเหมือนโรงเรียนอื่น แต่จะมี รปภ ดูบริเวณทางเข้าโรงเรียน (แชร์พื้นที่กับโรงแรมและอีกโรงเรียนหนึ่ง) และตรวจเข้มตรงจุดที่เข้าอาคารเรียนค่ะ ซึ่งพอเราไม่มีเรียน หรือระหว่างช่วงเบรก เราสามารถออกไปข้างนอกได้ตามสบายเลย แล้วเขาจะเช็กเราอีกทีตอน 22.00 น. หรือ 4 ทุ่ม ว่าเรากลับมาที่ห้องหรือยังแค่นั้นเอง!
เมนูอาหารของที่นี่ ทาง Manager ของเราจะมีส่งอัปเดทให้ทุกวันจันทร์ ดังนั้นเราจะรู้ว่ามีอาหารอะไรบ้างในแต่ละวัน อย่างบางวันช่วงเย็น ถ้าเราไม่ได้ออกไปไหน หรือไม่ได้ไปไหนไกล เราก็จะกลับมากินข้าวเย็นที่โรงเรียนได้
อาหารที่ Cebu Blue Ocean จะเสิร์ฟแบบตักไว้ให้เป็นจานๆ เราสามารถเลือกหยิบสิ่งที่อยากกินได้ ซึ่งถ้ากินแล้วไม่อิ่มก็วนไปหยิบเพิ่มได้เช่นกัน อาหารที่โรงเรียนค่อนข้างมีเมนูหลากหลาย เปลี่ยนไปเรื่อยๆ และทุกๆ วันพุธเย็น จะมีเมนูพิเศษด้วย อย่างเช่น อาหารฟิลิปปินส์ อาหารเกาหลี ผลไม้ ฯลฯ สำหรับเรา 4 สัปดาห์ที่อยู่ก็ไม่เบื่อนะ และรสชาติอาหารค่อนข้างดีเลยทีเดียว จะมีบางอย่างจืดๆ ไปบ้าง แต่รวมๆ เทียบกับอาหารโรงเรียนอื่นๆ เราให้ที่ 8/10 ค่ะ ถึงหน้าตาดูหน้าเบื่อ แต่จริงๆ แล้วรสชาติถูกปากนะเออ : )
หอพัก ห้องพักทั้งหมดของ CBOA จะใช้ห้องพักชั้นบนของโรงแรม EGI Resort ค่ะ ซึ่งจะแบ่งเป็นชั้นแยกออกมาจากแขกที่พักทั่วไป
ชั้นด้านบนสุดโรงเรียนเพิ่งทำเป็น Business Lounge และห้องออกกำลังกายวิวทะเล คือดีงามมาก
ต้องบอกก่อนว่าที่นี่เป็น 1 ในไม่กี่โรงเรียนที่นักเรียนสามารถเดินลงทะเลได้เลย โดยจากหอพักถึงหน้าหาดเดินเพียงแค่ 2 นาทีเท่านั้น แค่เดินผ่านสระว่ายน้ำ 3 สระใหญ่ไปก็ถึงเลย! ซึ่งบริเวณสระน้ำก็ชิลมาก และเราสามารถมาใช้บริการได้เหมือนกัน
ภายในห้องพัก เราพักห้องคู่ Seaview ชั้น 7 ห้องกว้างขวาง มีระเบียงตากผ้าได้ วิวสวยมาก
เปิดประตูให้ลมโชยเข้ามาได้ตลอดทั้งวัน ห้องสว่างด้วยแสงธรรมชาติ มีโต๊ะเขียนหนังสือ มีชั้นวางของหัวเตียง มีตู้เย็น ตู้เก็บของ และมีอ่างล้างจานด้วย ส่วนห้องน้ำก็มีแบ่งเป็นโซนเปียก-แห้ง และมีอ่างอาบน้ำด้วย โดยห้องพักจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาทำความสะอาดสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
ส่วนเสื้อผ้าเราก็สามารถนำไปส่งห้องซักผ้าในบริเวณโรงเรียนได้เลย ที่นี่ซักผ้าไวมาก ส่งเช้าได้ตอนบ่ายเลย ค่าใช้จ่ายครั้งละ 150 เปโซ (ซัก+อบ ไม่เกิน 7 กก.)
นอกเวลาเรียน ส่วนตัวเราแทบไม่เคยอยู่เฉยเลย เรียกว่าออกไปข้างนอกตลอด ทั้งไปเดินเล่นซุปเปอร์มาเกต ไปร้านกาแฟ หรือว่าไปบริเวณลานกิจกรรมอนุสาวรีย์ลาปู-ลาปู ตรงนี้บรรยากาศช่วงเย็นคือดีมาก
ส่วนที่เที่ยวบนเกาะ Mactan ก็เช่น
- Mactan Shrine ที่เป็นลานและอนุสาวรย์บางช่วงตรงนี้จะมีจัดงานอาหารหรือกิจกรรมต่างๆด้วย
- 10,000 Roses ร้านคาเฟ่ที่มีลานสวนดอกกุหลาบจำลองให้ถ่ายรูป
- Island Hopping แบบชิลๆ ไม่ต้องนั่งรถไกล แทบจะเดินไปท่าเรือได้เลย ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 1,500-2,500 เปโซ
- คาเฟ่ / บาร์ริมทะเล
- Resort Day Use เป็นอีก 1 กิจกรรมยอดฮิตเลย ที่นี่จะมีทั้งโรงแรม/รีสอร์ท และสวนน้ำเปิดให้บริการในช่วงกลางวันถึงเย็นๆ ซึ่งในแพคเกจส่วนใหญ่จะเป็นรวม 1 มื้ออาหารแบบบุฟเฟต์ และการใช้สระว่ายน้ำและ facilities ของโรงแรม
- เรียนดำน้ำลึก SCUBA - ชุมชนนักดำน้ำของที่นี่เดินจาก CBOA ไปถึงได้เลย - โดยรวมๆ แล้วค่าเรียนดำน้ำที่นี่ถูกกว่าที่ไทย ค่าคอร์สประมาณ 7-8,000 บาทเท่านั้นเอง ใครที่มีบัตรอยู่แล้วอยากมาเรียน Specialty เพิ่มก็ได้เช่นกัน จะแตกต่างจากที่ไทยก็ตรงที่ว่าที่นี่ต้องเรียนเป็นภาษาอังกฤษ หรือภาษาเกาหลีเท่านั้น เพราะยังไม่มีครูคนไทยมาอยู่ที่นี่ฮะ!
- เรียน Freedive - อันนี้ไม่แน่ใจราคา แต่ก็ถือว่าสะดวกมากๆ เพราะจากโรงเรียนสามารถเดินไปเรียนได้ แล้วด้วยความที่ภูมิประเทศของบริเวณนี้เป็นทะเลแบบตื้นกว้างๆ ก่อนจะเป็นผาหัก จึงเหมาะสำหรับการเรียนและการเทรนมากๆ แถมบริเวณใกล้ๆ กับ CBOA นอกจากปะการังแล้ว ตรงนี้ยังมีฝูงปลาซาดีนให้ดูด้วยน้า
ชีวิตในแต่ละวันของการเป็นนักเรียน Full time ของเราก็จะเป็นแบบนี้วนไปค่ะ
สำหรับใครที่ยังมีคำถามเพิ่มเติม สามารถสอบถามเราหรือติดต่อ KPG Learn ที่ Line@: @KPGLearn ได้เลยนะคะ
#เจอนั่นJourney #CBOA #CebuBlueOcean #เรียนภาษาอังกฤษที่ฟิลิปปินส์ #เรียนภาษาที่ฟิลิปปินส์ #เรียนภาษาอังกฤษกับครูฟิลิปปินส์ #ก้อปันกัน #korpungun #KPGLearn #เรียนภาษาที่เซบู
เจอนั่น Journey
วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2567 เวลา 12.09 น.