ไหนๆช่วงนี้กระแสการเที่ยวลาวด้วยรถไฟกำลังมา
เราขอหยิบทริปเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2024 มาเล่าให้ฟังหน่อย ทริปนี้เที่ยวกับเพื่อนที่ทำงาน ไปกัน 5 คน ปักหมุดที่เวียงจันทร์และหนองคาย ในเวลา 3 วัน 2 คืน
ทริปนี้มันเกิดขึ้นเพราะคำว่า "พาไปกินเบียร์ลาวหน่อยสิ"
ก็เลย อ่ะ!! ไปสิ เราเคยไปทริปเวียงจันทร์-หลวงพระบางมาแล้วรอบนึง รอบนี้ไปแค่เวียงจันทร์ก็ไม่น่าจะยากอะไร บวกกับภาษาลาว ของถนัดเลย คุ้นหู ฟังออกอยู่แล้ว
เราไปช่วงวันหยุด 1-3 มิถุนายน 2567
เดินทางคืนวันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม 2567 โดยขึ้นรถไฟด่วนพิเศษ CNR ขบวน 25 สระบุรี-หนองคาย ขึ้นที่สถานีสระบุรี เป็นรถไฟนอน เวลา 22.23 น. (ค่อนข้างตรงเวลา เลท 5 นาที)
รถไฟมาถึงสถานีปลายทาง จังหวัดหนองคายตอน 6.25 น.
เราก็ไปล้างหน้า แปรงฟัน แล้วก็เดินไปถามราคารถสกายแลปเพื่อนั่งไปด่านพรมแดนหนองคาย ราคาคนละ 50 บาท 5 คนก็ 250 บาทถ้วน หน้าตารถก็ตามนี้ค่ะ
พอถึงด่านพรมแดนหนองคาย ต้องเอาพาสปอร์ตไปปั๊มออกก่อน มี 2 แบบ คือเจ้าหน้าที่ปั๊มออกให้กับแบบสแกน เจ้าหน้าที่แนะนำเราไปตรงสแกน แต่สแกนไม่ได้ค่ะ 5555 ติดอยู่เกือบ 10 นาที สุดท้ายเจ้าหน้าที่เลยเปิดให้ พอออกไปก็ซื้อตั๋วรถบัสเพื่อข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว คนละ 35 บาท รถออกทุก 10-15 นาที เดินทางประมาณ 10 นาที
พอถึงพรมแดนลาวบ้านท่านาแล้ง เวียงจันทน์ เราต้องกรอกแบบฟอร์มเข้าเมืองแนบให้เจ้าหน้าที่พร้อมพาสปอร์ต+ค่าธรรมเนียม 20 บาท (เขียนนามสกุลก่อนชื่อนะคะ)
ข้างต้นคือรูทการเดินทางปกติ แต่ของเราคือหลังจากถึงด่านพรมแดนหนองคาย มีคุณลุงคนลาวมาถามว่าจ้างเค้าเพื่อไปส่งโรงแรมเลยหรือเปล่า พวกเราลองคำนวนดูแล้ว เสียค่าเดินทางคนละ 200 บาท 5 คน 1,000 บาท แต่ส่งที่โรงแรมเราเลย
ซึ่งถ้าเราไปรูทปกติ เราต้องซื้อตั๋วรถทัวร์ ตั๋วปอ. 41 เข้าเมืองลาว คนละ 30 บาท รถออกทุก 30 นาที เดินทางประมาณ 30-40 นาที ลงที่ตลาดเช้าลาวแล้วจ้างรถมาที่โรงแรมอีกที (เราเลยเลือกจ้างคุณลุงแทน ซื้อความสะดวกและส่วนตัวไป)
คุณลุงจะเริ่มรับเราที่พรมแดนลาวบ้านท่านาแล้ง เวียงจันทน์ เพราะฉะนั้นเราจะนั่งบัสข้ามแม่น้ำมาเองก่อน แต่แล้วเหมือนความตลกมันก็เริ่มขึ้นตรงนี้ คือ รถคุณลุงยางรั่วค่ะ 555555555 พวกเราก็ยืนงงๆกันว่าเราจะเทคุณลุงไปรถปกติ หรือจะรอ แต่พอเห็นหน้าคุณลุงแล้วก็ อ่ะ.. พวกหนูรอก็ได้ โดยเราไปรอกันที่คาสิโนค่ะ 555 ประมาณชั่วโมงกว่าๆ ได้-เสียกันไปคนละ 100-200 บาท แต่เราได้ค่าาาา
หลังจากนั้นเราก็ออกเดินทางกัน
มีแวะแลกเงินกับแวะร้านของฝากนิดหน่อย เรามาถึงโรงแรมตอนประมาณ 9.30 น.
โรงแรมชื่อ "Riverside Hotel" ไม่ไกลจากริมโขง ห้องอยู่ชั้นบน เป็นห้องใหญ่ มี 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ และห้องโถง มีระเบียงดาดฟ้าด้วย วิวดี ราคา 1 คืน คือ 2,409,000 กีบ (ประมาณ 3,500 บาท)
พักผ่อนกันสักชั่วโมง เราก็พร้อมตะลุยเวียงจันทร์กันแล้ว
เราทานข้าวกลางวันที่ "ร้านขอบใจเด้อ" อยู่ไม่ไกลจากที่พัก ร้านเปิด 7.00-21.00 น. เราเป็นลูกค้ากลุ่มแรกเลย มีทั้งโซนแอร์และ Outdoor อาหารมีหลายแบบ แล้วคือกินกันเร็วมาก น่าจะหิว TT แกงอ่อมหมูรสชาติเข้มข้นกว่าที่ไทย ปอเปี้ยะ ไส้อั่ว กับอื่นๆ รสชาติใกล้กันเลย
แล้วเดินย้อนมาแวะที่คาเฟ่ร้านดัง "KICKS CAFE Laos"
ร้านคาเฟ่น่ารักมาก อยู่ชั้นสอง เป็นอาคารไม้มีระเบียงนั่งชิลๆได้ด้วย ก็สั่งกันไปคนละแก้ว เมนูที่แปลกแต่รสชาติดีคือ Ninja Coco คือเป็นช็อกโกแลตใส่นมและงาดำ นัวๆดีค่ะ อีกอันที่กินชื่อ Coco เข้มข้นมาก ถูกใจสายช็อกโกแลตแน่นอน ร้านน่ารัก ตกแต่งดี ถ่ายรูปได้ทุกมุม ราคาเครื่องดื่มแก้วละ 45,000-55,000 กีบ (ประมาณ 85-100 บาท)
ยังค่ะ ยังไม่อิ่ม 5555 ไปต่ออีกร้าน ทั้ง 3 ร้านนี้เราเดินทั้งหมดนะคะ อากาศร้อนนิดหน่อย แต่ต้นไม้เยอะ ถัดมาคือร้าน "Naked Espresso Misay" เราสั่งเค้กมากินค่ะ 2 ชิ้น ร้านใหญ่ เห็นฝรั่งหลายคนมานั่งทำงาน รสชาติเค้กชีสอาจจะเข้มนิดนึง 2 ชิ้น 78,000 กีบ (ประมาณ 140 บาท)
หลังจากอิ่มท้อง (มันควรอิ่มแหละค่ะ 1 ร้านข้าว 2 คาเฟ่) เราก็เหมารถสกายแลปไปพระธาตุหลวงเวียงจันทน์
โดยทั่วไปแล้วคนขับคิดที่คนละ 40,000 กีบ 5 คน 200,000 กีบ (ประมาณ 370 บาท) จะคันไหนเราก็ได้ราคานี้ เพียงแต่ขนาดรถอาจจะแตกต่างกันไป
พอถึงพระธาตุหลวงเวียงจันทน์ ก็พบกับสีทองอร่ามเลย
"พระธาตุหลวงเวียงจันทน์ (พระเจดีย์โลกะจุฬามณี)"
ศาสนสถานที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศเลย ค่าเข้าคนละ 30,000 กีบ (ประมาณ 60 บาท) เปิด 2 ช่วง 8.00-12.00 น. และ 13.00-17.00 น.
ประวัติคร่าวๆ คือเป็นพระธาตุที่เก่าแก่มากๆ ตามตำนานกล่าวไว้ว่า พระธาตุหลวงสร้างขึ้นพร้อมกับการสร้างเมืองเวียงจันทน์ สันนิษฐานว่าสร้างในช่วงปี พ.ศ.238 โดย บุรีจันอ้วยล้วย หรือ พระเจ้าจันทบุรีประสิทธิศักดิ์ เจ้าเหนือหัวผู้ครองนครเวียงจันทน์พระองค์แรก ต่อมาปี พ.ศ. 2109 สมัย สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช หลังจากที่พระองค์ได้ย้ายราชธานีจาก หลวงพระบาง มาเป็น นครเวียงจันทน์ ได้ 6 ปี ก็มีราชโองการให้สร้างองค์พระธาตุหลวงขึ้นมาใหม่ครอบองค์เก่า
เราไม่ได้เข้าข้างใน ชื่นชมพร้อมอุดหนุนไอติมรถเข็นอยู่ข้างนอก
ท้องเริ่มจะหิว.... อีกแล้วหรอ??
เราตั้งใจจะไปกินร้านร้านแซ่บสะเดิดแถวๆนั้นที่ดู GPS มา แต่หาไม่ได้เจอ ได้ร้านนี้แทน ชื่อร้านอะไรก็ไม่มั่นใจค่า 5555 แต่เมนูเยอะมาก!!!!! ราคาไม่แพงด้วย อาจจะดูบ้านๆหน่อย
เมนูจิ้มลูกชิ้น เลิศมาก ลูกชิ้นรวมราดน้ำจิ้ม ท็อปด้วยกระเทียมเจียว ผักชีใบยาว น้ำหูน้ำตาไหลสั่งโค้กกันแทบไม่ทัน 555
เสร็จแล้วเราก็เรียกรถสกายแลปกลับไปโรงแรมกัน
โดยจะให้จอดแวะที่ "ประตูชัยเวียงจันทน์"
ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานสงครามโลก สถาปัตยกรรมผสมผสานของศิลปะล้านช้างกับฝรั่งเศส
สร้างขึ้นปี 2505 เป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะที่มีต่อฝรั่งเศสตอนสงครามปลดปล่อยเอกราชช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สมัยก่อนชาวลาวเรียกอนุสาวรีย์ ต่อมาเปลี่ยนเป็นประตูชัย มีค่าขึ้นชมด้านบน 2,000 กีบ พวกเราไม่ได้ขึ้นไป อยู่ข้างล่างสัก 10 นาทีแล้วก็กลับ เป็น Landmark ที่มีชื่อเสียงและสวยมากเลย
พอกลับมาถึงโรงแรม ก็พักของจริงเลยค่ะ แล้วฝนก็ตกหนักมากๆด้วย หลับกันไปคนละชั่วโมง 2 ชั่วโมง ก่อนที่จะตื่นไปเดินเล่นริมโขง ที่เป็นตลาดมืดกัน
จากนั้นก็ไปหาข้าวเย็นทานกันค่ะ
เลือกอยู่หลายที่ที่ทำการบ้านมา สรุปไม่ผ่านเลย 555
ได้ร้านใกล้โรงแรม ชื่อ "Red Door" เพราะเดินผ่านแล้วน้องเด็กเสิร์ฟบอกว่ามีโปรเบียร์นะพี่ ทาวน์ละ 99,000 กีบ ก่อน 19.00 น. (ทาวน์ละ 2 ลิตรแค่ 180 บาทเอง!!!) เท่านั้นแหละมองหน้ากันเดินเข้าร้านเลย 5555 ใจง่ายสุดๆ
อิ่ม อร่อย เพลงดีมากกกกกกกกก!!! เปิดเพลงไทย 90% มีเพลงลาวนิดหน่อย เด็กเสิร์ฟบริการดีมาก ร้านคนเต็มเร็วมาก เราสั่งกันเปรมมาก เบียร์ 2 ทาวน์ กับแบบขวดอื่นๆมาลอง อาหารรสชาติก็อร่อย เราสั่งมาเยอะมาก ทั้งแบบข้าว แบบกับแกล้ม กินเพลินเชียว
แนะนำร้านนี้มากๆเลยนะคะ อยากให้ทุกคนมาลอง แถมลูกค้างานก็ดีด้วย 555 ห้องน้ำคือเว่อร์วัง สะอาดและตกแต่งสวยเลยทีเดียว ระหว่างทานที่ร้าน ก็มีเกมส์มาให้เล่นลุ้นรางวัลอีกด้วย เราอยู่ที่นี่ถึงประมาณ 3 ทุ่มกว่าๆ หมดไป 951,000 กีบ (ประมาณ 1,700 บาท) ถูกมากกกก ^^
แล้วก็ไปต่ออีกร้าน ร้านดังที่เห็นมาในรีวิวคือ "TIT Kafe"
อาจเพราะเราไปกันดึกแล้ว ที่เต็มเกือบหมด สั่งมาคนละแก้วเฉยๆ บวกกับเริ่มจะดึกและง่วงกัน เลยกลับกันหลังจากนั่งที่นี่ได้สักชั่วโมงนึง ปิดจบวันแรกแบบครบรสชาติมาก ทั้งที่ท่องเที่ยว ร้านข้าวแบบร้านอาหารและร้านบ้านๆ คาเฟ่ และร้านเหล้า
เช้าวันถัดมา ตื่นสายๆมาทานข้าวเช้าที่โรงแรม ซึ่งเมนูอาหารค่อนข้างเยอะเลย แบบ American breakfast แบบข้าวราด มีเฝอ มีขนมปัง ชา กาแฟ ครบเลย ถือว่าฝากท้องมื้อเช้าไว้ที่โรงแรม ก่อนจะไปเก็บของ และ Check-Out
ก่อนกลับแวะ 1 คาเฟ่ คือ "Joma Bakery Café Nam Phou" เป็นคาเฟ่ที่มีหลายสาขา เราเคยไปที่หลวงพระบาง สั่งมาเยอะเลย รสชาติขนมอร่อยแต่น้ำเราว่าจืดไปนิดนึง เค้ก 3 น้ำ 5 หมดไป 399,000 กีบ (ประมาณ 730 บาท)
แล้วเราก็เดินไปตลาดเช้าเพื่อขึ้นรถกลับไปฝั่งหนองคาย
แอบแวะพิพิธภัณฑ์เวียงจันทร์ ค่าเข้าคนละ 30,000 กีบ (ประมาณ 55 บาท) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมของเก่าโบราณ ทั้งพระพุทธรูป เหรียญต่างๆ
ถึงเวลาโบกมือบ๊ายบายเวียงจันทร์ พวกเราขึ้นรถบัสกลับไปที่พรมแดนลาวบ้านท่านาแล้งเวียงจันทน์ ทำเรื่องออกจากลาว (เอาพาสปอร์ตแนบใบ Immigration+เงิน 20 บาท) และนั่งรถบัสกลับมาที่ด่านพรมแดนหนองคาย ซื้อของฝากก่อนไปเข้าตม. ปั๊มพาสปอร์ตกลับเข้าฝั่งไทย
เป็นอันจบทริป 2 วัน 1 คืนที่เวียงจันทร์
พอเข้าฝั่งหนองคายก็เหมารถไปส่ง "ร้านกาเฟเวียด"
ทานกลางวันแล้วเข้าที่พัก "ฮักเคียงโขง หนองคาย โฮสเทล"
ที่นี่เป็นโรงแรมที่น่ารักมาก บ้านไม้ 2 หลัง ดัดแปลงเป็นบ้านพัก เราจองทั้งหลังเลย ราคาต่อคืน 2,754 บาท ชั้นบนมี 4 ห้องนอน ชั้นล่าง 1 ห้องนอน มีห้องโถง และห้องน้ำรวมถึงมีอ่างน้ำอันบิ๊กเบิ้มด้วย ที่นี่มีจักรยานให้ปั่นฟรี ประตูมีระบบล็อก
จุดอ่อนที่เราเจอน่าจะเป็นเรื่องไฟตก ถ้าเราเปิดเครื่องทำน้ำอุ่นพร้อมแอร์ ไฟอาจจะติดๆดับๆ กับแอร์ขนาดเล็กไปหน่อย ต้องใช้เวลาวอร์มเครื่องถึงจะเย็น ที่เหลือเราว่าโอเคเลย ถ้ามากับเพื่อนเยอะๆ อยู่ได้เป็น 10 คน สนุกเป็นส่วนตัวมาก
เราออกไปทานข้าวเย็นที่ "ร้านดีดีโภชนา"
แล้วกลับมานั่งคุยเล่นกันที่ที่พัก เพราะว่าฝนตก แล้วก็แยกย้ายกันนอน เพราะว่าเราต้องตื่นเช้ากลับรถไฟ เลยไม่ได้ทำอะไรมากฝั่งหนองคาย เอาไว้ไปแก้ตัวใหม่รอบหน้าล่ะกัน 555
เช้าวันที่ 3 เราตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า โดยเราบอกที่พักไว้ว่าเราขอมื้อเช้าตอน 6 โมง ซึ่งที่พักก็น่ารักมากกก จัดให้แบบเต็มอื่ม และหลากหลายมาก โดยคุณป้าจะมีใบกระดาษมาให้เลือกว่าอยากทานอะไร เป็นมื้อหลัก แถมเบิ้ลไม่อั้น อยากกินอีกก็บอกป้าได้เลย เรียกว่าจุกกันตั้งแต่เช้า 555
แล้วก็ให้ที่พักเรียกรถสกายแลปให้ เพื่อที่เราจะได้ไปขึ้นรถไฟกลับรอบ 7.45 น. เป็นรถไฟด่วน ขบวน 76 หนองคาย-สระบุรี (รถไฟนั่งแอร์)
นั่งยาวๆถึงสระบุรีตอน 14.54 น. โดยที่ไม่ต้องกลัวหิวนะคะ บนรถมีคนมารับออเดอร์ข้าวด้วย เรานั่งดูซีรีย์ยาวๆเลย ตอนผ่านเขื่อนป่าสักฯ มีวิวสวยๆของเขื่อนกับน้องวัวมาฝากด้วย
จะเรียกว่าเป็นทริปสั้นๆก็ได้ หลักๆคือตะเวนกินในเวียงจันทร์ ก็ค่อนข้างครบรส
ไว้จะพาไปเที่ยวใหม่อีกนะคะ ^^
ฝากติดตามที่ Readme #AnywhereIGobyThita #ฐิตา
Twitter: @AnywhereIGo2
ฐิตา
วันพุธที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2567 เวลา 13.00 น.