ทริปนี้เกิดจากการจองแพคเกจ ของแพ500ไร่ ล่วงหน้า 1 ปี จนวันนี้ก็ครบกำหนดที่จะไปได้
ซึ่งเราจองวันที่ 10 - 11 เมษายน โดยคืนแรก พักแพ อีกคืนพักเดอะนิน เนื่องจากทริปนี้เราตั้งใจขับรถไปเองจากศรีราชา เลยต้องวางแผนเที่ยวรายทางกันด้วย จากแพคเกจ 2 คืนเลยกลายเป็น 5 คืน
ปล 1 รูปเยอะมาก
ปล 2 รูปที่พัก ไม่ได้ถ่ายมาทุกที่
ปล 3 รีวิวนี้ พิมพ์ไปเรื่อยๆ ลงรูปเรื่อยๆ นะครับ
เราเริ่มต้นที่ศรีราชา โดยนัดแนะกันว่าออกเดินทางเวลา 3:00 เพราะเลี่ยงรถติดที่ กทม.
ซึ่งเราทำเวากันได้ดีพอควร จนมาเช้าที่ปราณบุรี เลยแวะทานอาหารเช้าในตลาด
เนื่องจากเช้ามาก เราเลยตัดสินใจแวะเมืองประจวบ โดยไปขึ้นเขาช่องกระจก
อยากจะบอกว่า ลิงเยอะมากมายแถมขวางทางเดิน ขี้ลิงก็เหม็นเอาเรื่อง เราเลยขึ้นไปนิดหน่อยพอเห็นวิว
ถ่ายรูปเสร็จก็ลงเลย
เจอลิงหน้ากลัวเราเลย ไปดูค่างแว่นกันแทน ที่เขาล้อมหมวกในกองบิน 5 การเข้าไป เนื่องจากเป็นพิ้นที่ยุทธการ เลยต้องแลกบัตรและกลับทางเดิม
แต่ปีก่อนนี้ไม่ต้องแลก ที่เที่ยวด้านในก็มี พิพิธภัณฑ์ เขาล้อมหมวก และอ่าวมะนาว
ส่วนพิพิธภัณฑ์ เห็นเปิดแอร์แต่เข้าไม่ได้ ไม่รู้ทำไม แต่เราก็ถ่ายรูปบริเวณเรือนไม้ของนายทหารเก่า
ส่วนนี้เป็นค่างแว่น ค่างที่นี่ สุภาพเรียบร้อยดีไม่เข้ามาแย่งอาหาร เขาจะเข้ามารับจากมือแบบนิ่มนวล
เวิ้งอ่าวมะนาวมองจากมุมเขาล้อมหมวก
จริงๆที่เขาล้อมหมวกมีกิจกรรมเดินขึ้นเขาด้วย แต่เขาจะให้ขึ้นแค่บางวันเท่านั้น รายละเอียดลองค้นดูได้ครับ
หลังจากถ่ายรูปค่างชมวิว รับลมเย็นๆ ก็เริ่มคิดถึงอาหารเที่ยงต่อ เพราะอาหารเช้าหมดไปตั้งแต่ขึ้นเขาช่องกระจกกันแล้ว
เราก็ขับไปเรื่อยๆ แล้วแวะร้านอาหารอิสลามที่เคยกิน เป็นร้านบ้านๆ แต่รสชาดดี ราคาถูก ร้านจะอยู่ เลยหว้ากอไปหน่อย
กินเสร็จ เราก็ไปกันต่อ จนถึงชุมพรที่เราตั้งใจจะพักกัน
แต่เนื่องจาก ถึงตั้งแต่ บ่าย 3 เราเลยเปลี่ยนใจไปต่อสุราษฎร์ เลยดีกว่า
ไปถึง เราก็เข้าที่พัก ที่ The one โดยรวมก็ใช่ได้ที่พักรวมอาหารเช้า 850 ต่อคืนพัก 2 คน
ส่วนตอนเย็นเราเดินไปกินที่ตลาดศาลเจ้า ซึ่งเหนื่อยเอาเรื่องเลยทีเดียว
ขากลับเลยขึ้นรถซึบารุ คนละ 20 บาท (เข้าใจว่าตลอดสายในเมือง)
ไลน์อาหารเช้าที่ เดอะวัน
ทานอาหารเช้าเสร็จ เราก็เิดนทางไปเตรียมตัวที่ สำนักงานแพ500ไร่ ใช้เวลาเดินทางจากสุราษฎร์ 1 ชม
ช่วงนี้แถวบ้านตาขุนทำถนน ตอนแรก ก็มองไม่เห็นเท่าไหร่ ดีน้องที่ร่วมทางมองเห็น
พอ 9 โมงก็เริ่มทริป จุดแรกเป็น สันเขื่อนรัชชประภา
ไปลงเรือต่อ แวะบริเวณ ทางเข้าไกด์ก็จะเล่าประวัติไปเรื่อยๆ
แวะจุดที่ใครๆก็ต้องแวะ เขาสามเกลอ
ถึงจุดนี้เราเดินทางกัน 1 ชม
ดูปริมาณเรือซะก่อน
จากเขาสามเกลอ เราเดินทางอีก 45 นาทีก็จะถึง ที่พักเราที่ไกลสุดในบรรดาแพเอกชน
มาถึงก็กินอาหารเที่ยงกันเลย แต่ผมไม่ได้ถ่ายรูปมา
กินอาหารเสร็จถ้าไม่ไปทำกิจกรรมเสริม ก็ต้องนอนที่ห้องพัก ซึ่งยังไม่เปิดแอร์ เพราะไฟฟ้าจะได้จากเครื่องปั่นไฟ
ทางรีสอร์ทเลยจะเปิด ช่วงกลางคืนเท่านั้น
ประมาณ 3 โมงเย็น ทางรีสอร์ทมีอาหารว่างให้
ส่วนถ้าใครไม่กลัวร้อนก็พายเรือคายัคได้
รูปรีสอร์ทช่วงเย็นครับ
ลืมบอกอีก 1 ไฮไลท์ ที่นี่ สปาฟิช เราจุ่มขาลงไปได้เลย ไม่ใช่กระจกนะครับ แล้วโปรยอาหารปลาได้เลย
บางทีปลาก็มาดูดนิ้วเท้า ดีเหมือนกัน จุดนี้อยู่ที่แพหลัก ตรงกลางเลย
ภาพรีสอร์ทยามกลางคืน มีทางช้างเผือกให้ดูด้วย
ช่วงเช้า โปรแกรมคือไปนั่งเรือชมหมอก ชมสัตว์กัน
โดยจะมีกาแฟขนมปังให้กินกัน ก่อนออกเรือ
วิว วันนี้เจอ นกเงือก กับชะนี
จากชมหมอกเราก็กลับแพ กินอาหารเช้า แล้วเช็คเอาท์
จากนั้นก็ขึ้นฝั่งเพื่อไปเดอะนินต่อ
ขึ้นฝั่งทางแพ ก็พาไป กินขนมจีน ที่ร้านซุ้มกระดังงา โดยขับรถตามกันไป
ซึ่งทางในตัวเมืองค่อนข้างจะซับซ้อน ถ้าไม่เช็คให้ดีอาจจะพลัดหลงได้ ซึ่งในกลุ่มผมก็มีหลงไปคันนึง
(จริงๆทางทัวร์ไม่แนะนำให้ขับตามเท่าไหร่)
กินขนมจีนเสร็จ เราก็ไปต่อที่พระธาตุศรีสุราษฎร์
กว่าจะถึงเดอะนินก็เกือบ 5 โมงเย็น เพราะแวะซื้อของบ่อยมาก
เลยมีเวลาเล่นน้ำทะเลนิดหน่อย
นี่เป็นรูปห้องพัก กลุ่มเราได้บ้านเรือ ห้องสวยแต่ขึ้นนอนลำบากเพราะที่นอนต้องปีนขึ้น
ชายหาดส่วนตัวและสะอาดมาก น้ำก็ใส
อาหารเย็นก็มีซีฟู้ด รสชาดกลางๆครับ
พอเช้าตรู่ก็ตื่นมาถ่ายรูปทางช้างเผือกกันต่อ
พระอาทิตย์ขึ้นก็ เก็บแสงเช้า
ชมบรรยากาศเสร็จก็รับอาหารเช้ากันก่อน ออกเรือไปดูโลมา
พอเรือเริ่มออกเราก็สามารถมองหา โลมาได้เลย แต่จนถึงเกาะนุ้ยนอกเราก็ยังไม่เจอ
หรือว่าเราจะอดดู .. พอขึ้นเรือ คนขับบอกว่าใกล้ๆมีคนเจอโลมาแล้ว เราก็ไปตามเลย แต่พอถึง
โลมาหนีไปหมดแล้ว
คนขับเรือเลยบอกงั้นกลับนะครับ ถ้าโชคดีอาจจะเจอระหว่างทางและระหว่างทางกลับ เราก็เจอเรือกลุ่มนึงจอดลอยลำ
เราเลยไม่รอช้า เข้าไปจอดด้วย
และทันใดนั้นเอง ฝูงโลมา ก็มาโชว์ตัว ดำผุดดำว่าย กันหลายตัวเลย
เรียกว่าดูกันเพลินมากๆ
ส่วนรูปที่ขึ้นโชว์สูงๆ ผมแคปมาจากวิดีโอ
กลับมาถึงรีสอร์ท ก็เช็คเอาท์ ถือเป็นการปิดทริป ของแพ500ไร่
ส่วนของเรายังไม่จบเพราะจะไปต่อที่คีรีวง
โดยเราจองโฮมสเตย์ไว้ที่ เพ็ชรคีรีโฮมสเตย์ คนละ 350 บาทรวมอาหารเย็น
ที่พักก็เหมือนไปนอนบ้านญาติต่างจังหวัดครับ อาหารก็อร่อยใช้ได้ ไม่เผ็ดมาก
มีจักรยานที่ฝากให้เช่าคันละ 50 บาท
ช่วงเย็นเราได้ขี่จักรยาน ไปสำรวจก็ได้เจอที่พักเปิดใหม่ แต่ไม่ใช่แนวโฮมสเตย์แล้ว
ชื่อ หนำชายคลอง มีห้องแบบกระท่อม คืนละ 700 นอนได้ 2 คน มีห้องน้ำ รวมอาหารเช้า
กับเป็น ตู้คอนเทนเนอร์ดัดแปลง คืนละ 1,200 มีทีวีแอร์ น้ำอุ่น ห้องน้ำ
ผมไม่ได้พักนะครับ แค่ขอเข้าไปถ่ายรูปดื้อๆ
จากที่สังเกตุ คีรีวง เริ่มจะมีที่พักแบบนี้เพิ่มขึ้นมา พอสมควรแล้ว และรถก็เยอะมาก เจอรถติดเป็นระยะๆ
ห้องแอร์
ไหนๆ ก็มาแล้วเก็บภาพ คีรีวง กันหน่อย
มีช้างด้วยนา
ช่วงสายๆ ตอนแรกก็ว่าจะซื้อของฝากแล้วชมบรรยากาศ แต่เมื่อเจอกับอากาศ และปริมาณรถแล้ว เราจึงออกจากคีรีวงกันตั้งแต่ 10 โมง
โดยขากลับเราวิ่งไปทาง อ.ลานสกา แล้วตรงไปสุราษฎร์ เพื่อไปพักที่ชุมพร ก่อนกลับ
เนื่องจากตอนแรกคิดว่าจะไปพักที่ปราณ แต่ดูระยะแล้วน่าจะถึงมืด เลยมาลงเอยที่ชุมพร
ก่อนถึงชุมพรเราก็มาแวะสวนนายดำ แหล่งรวมส้วมแบบต่างๆ และชิมกาแฟในถ้วย ชักโครก
ที่พักชุมพรเราจองไว้ที่ ธนิสา รีสอร์ท คืนละ 800 รวมอาหารเช้า
ที่พักดูดี ห้องกว้างขวางมาก อาหารเช้าก็โอเค
โปรแกรมช่วงเย็น เราไปชมวิวกันที่จุดชมวิวเขามัทรี ที่อยู่ไม่ห่างมากนั้น
ตอนไปถึง เนื่องจากมีรถมาก เลยมีเจ้าหน้าที่คอยกักรถ รอให้มีที่ว่างก่อนถึงจะปล่อยรถขึ้นไป
วิวจะมี 2 แบบ คือด้านเมืองจะมองเห็นแม่น้ำ อีกด้านเป็นทะเล มองเห็นหาดทรายรี
อาหารเย็นเราลงไปที่ร้านเจ้อ่าง ที่หาดทรายรีแต่คนเยอะเลย รอนานมาก
ช่วงเช้าเราไปแวะชมโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ จังหวัดชุมพร ก่อนที่จะกลับ
วันสุดท้ายเราขับรถยาวจากชุมพรเจอรถติดบ้างนิดหน่อย แต่ก็ถึงบ้านเวลา 6:30 เป็นอันจบทริป
สรุปไปกัน 4 คน ค่าใช้จ่ายรวมทุกอย่าง หัวละ 7,100 บาท
ขอบคุณที่เข้ามาชมนะครับ พบกันใหม่โอกาสหน้า
Sinard Narktubtee
วันอังคารที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 19.33 น.