วันนี้ก็ได้ฤกษ์ดีที่จะปล่อยทริปชิลล์ๆอีกทริป
ที่อยากชวนทุกคนไป
หลายคนอาจจะไปมาแล้ว (ไปซ้ำก็ได้นะ)
หลายคนอาจจะยัง (งั้นลองไปดูมั้ย?)
ประเทศไทยเป็นประเทศนึงที่มีวันหยุดยุบยิบไปหมด
ไหนจะวันสำคัญต่างๆ ไหนจะวันชดเชยอีก
80% ของนักเดินทางที่ทำงานประจำ
มั่นใจว่านั่งหาข้อมูลวันหยุดปี 60 มานั่งจองตั๋วเครื่องบินกันแล้วแน่ๆ
ซึ่งเราก็ 1 ในนั้น 55555555555555
อ่ะกลับมากาญฯ ก๊อนนนน
คือที่เกริ่นเรื่องวันหยุดไม่ใช่อะไร
เห็นว่าเดี๋ยวก็จะมีหยุด 3 วัน
เผื่อใครยังไม่ได้มีแพลนไปไหน มาลองไปกาญฯดูมั้ย
สนุกเหมือนกันน้า
“กาญจนบุรี"
ทริปสั้นนี้เรามาในแนวคอนเซ็ปต์
“หนีงานไปกาญฯแปป"
ก็แค่หนีงานไปเที่ยวแปปนึง เดี๋ยวก็กลับ
สั้นๆ 3 วัน 2 คืน .
แค่อยากพักสายตาจากหน้าคอมแปปนึง
หรือเบรคการประชุมที่วุ่นทั้งวันชวนน่าปวดหัว
แล้วก็วางงานที่อยู่ตรงหน้าลงอย่างช้าๆ
ชวนเพื่อน ชวนแฟน
ออกไปรับลมธรรมชาตินอกเมืองบ้าง
เพราะฉะนั้นสถานที่ท่องเที่ยวของเราก็จะป็นแบบชิลล์ๆ
ไม่ได้เป็นที่แปลกประหลาดน่าค้นหาอะไร
มีที่เที่ยวแลนด์มาร์กสลับกับที่กิน
ละก็หากิจกรรมสนุกๆทำกัน
เราเพียงแค่ไปแบบสบาย สบาย
ให้ใจได้ผ่อนคลาย เท่านี้จริงๆ
การเดินทาง
รถยนต์ส่วนตัว : ขับรถไปประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง
ระยะทางอยู่ที่ 220 กิโลเมตร
(จากกรุงเทพฯ ถึงรักน้ำรีสอร์ท)
ที่พัก
รักน้ำรีสอร์ท : บ้านมัลดีฟส์แฝด 6,000 บาท/1 คืน (โปรโมชั่น)
แบ่งเป็น 2 หลังติดกัน พักได้หลังละ 2 ท่าน
เราไปกัน 4 คน ตกคนละ 1,500 บาท/1 คืน
ที่กิน
ร้านอาหารคุณลุง ริมแคว
ร้านครัวธรรมชาติ
ที่เที่ยว
เขื่อนศรีนครินทร์
ปางช้างทวีชัย
สะพานข้ามแม่น้ำแคว
กล้อง
Fuji : Xm-1 และ Iphone 6
Day1
ออกเดินทางจากกรุงเทพประมาณ 10 โมง
แวะทานอาหารเที่ยงข้างทาง
ซึ่งขออภัยไม่ถ่ายรูปร้านมา
และจุดหมายแรกของเราคือ
“วัดถ้ำเสือ กาญจนบุรี"
อยู่ต.ม่วงชุม อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
ถึงก่อนที่พักเราประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งได้ถ้ามาจากกรุงเทพฯ
ถ้าใครจะไป ควรแวะก่อนเข้าที่พักนะ
ที่อยากไปเพราะว่าเจอรูปใน ig มา คิดในใจแบบ
"เห้ยยยย วัดที่ไหนเนี่ยยยย..?"
"พระองค์ใหญ่มาก มีแบ็คกราวเป็นทุ่งหญ้าแบบพาโนราม่า"
“ในไทยจริงอ่อ.."
เลยกดเข้าไปดู Location ปรากฏว่าอยู่
ก า ญ จ น บุ รี นี่เอง
ก็ไม่รอช้า เก็บรวบรวมลิสต์เอาไว้
เป็น 1 ในสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องแวะตอนไปกาญฯ
เป็นวัดที่มีพระองค์ใหญ่ที่สุดในจังหวัดกาญจนบุรีอีกด้วย
และด้านบนที่เห็นนั้นบนเขาเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อชินประทานพร
มาดูความสวยของวัดกัน คือดีจริงงงงง
ก่อนที่จะขึ้นไปดูวิวด้านบน มีวิธีขึ้น 2 วิธีด้วยกัน
ทำได้ทั้งเดินขึ้นบันไดนาคด้านหน้า ที่มีจำนวน 157 ขั้น
หรือจะใช้บริการรถรางไฟฟ้าก็ได้ ราคาเพียง 10 บาท
ซึ่งเราเลือกรถราง 5555
แต่ก็ไม่ใช่ว่าขึ้นรถรางแล้วจะถึงเลยนะ
ต้องเดินเข้าไปในวัด และวนขึ้นบันไดวนไปอีก
ก็วนกันไปค่ะ
และที่สำคัญได้มีโอกาสทำบุญ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ
ถือเป็นฤกษ์งามยามดีก่อนไปเที่ยวอีกด้วย
ภายในวัด
ตอนเราไป ยังตกแต่งภายในไม่เสร็จดี
เค้ากำลังโชว์ลวดลายบนฝาผนังกันอยู่เลย
พอขึ้นบันไดวนมาเรื่อยๆ ก็จะพบกับ.... วิวที่เรารอคอย ....
ท๊าดาาาาา
ข้อมูลการเข้าชม
เปิดให้เข้าชมได้ทุกวัน
จันทร์ - ศุกร์ : เวลา 8.30 - 16.30 น.
เสาร์ - อาทิตย์ : เปิดเวลา 8.00 - 16.30 น.
หลังจากไหว้พระ ทำบุญ ถ่ายรูปแบบสมใจแล้ว...
ก็รีบบึ่งไปที่พักทันที แต่ก่อนจะถึงที่พักนั้น ก็มัวแต่แวะข้างทางถ่ายรูป
ประมาณว่า ข้างทางก็ชิคได้!
และแล้วเราก็มาถึงที่พัก
ซึ่งที่ๆเรามาพักนั้นมีชื่อว่า...
"รักน้ำ รีสอร์ท"
เป็นรีสอร์ทแบบบ้านพักลอยน้ำ
เหนือเขื่อนศรีนครินทร์ บรรยากาศมีเนินเขาล้อมรอบ
มีกิจกรรมทางน้ำให้เล่นหลากหลาย เช่นพวกเรือคายัค , เจทสกี , สปีดโบ๊ท หรือ
เครื่องเล่นเบาะนิ่ม ที่มีสไลด์เดอร์พุ่งลงน้ำอะ55555
แถมตอนเย็นเลือกได้ด้วย
ระหว่างไปรับประทานอาหารเย็นบนแพลากรอบเกาะกลางน้ำ
หรือจะเลือกทานอาหารเย็นในบรรยากาศชิลล์ๆ
นั่งดูพระอาทิตย์ตกดินที่รีสอร์ทก็ได้
แต่ถ้าใครเลือกนั่งแพออกไปทานข้าว
ขอให้จองกับโรงแรมไว้ก่อน
ทางโรงแรมเค้าก็จะ book ไว้ให้
และความชักช้าของเราเอง.. เราเลยต้องเลือกที่จะอยู่
เพราะมัวแต่แวะนู่นนี่
ถ่ายรูปข้างทางสาระพัด ร่ำไรสุดดดดดด
เลยเช็คอินเลท...แล้วก็จองแพไม่ทัน...
แต่อีกสาเหตุหนึ่ง คาดว่าเป็นสาเหตุหลักก็คือเรามัวแต่
!! ตะลึง !!
และตื่นตาตื่นใจกับความสวยงามที่อยู่ตรงหน้า
นี่คือวิวหลังบ้านที่เรานอนอะแกร!!!!!
เห้ยมันดีต่อใจจริงจริงงงง ดูสิดูสิ
ไม่ทำไรเลยนอกจากเทกระจาด เก็บกระเป๋า
เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วออกไปถ่ายรูปทันที
คือ 15 นาทีนั้นเกือบร้อยรูปได้5555555555555555
และก็นั่งเรื่อยเปื่อยโกรกลมกันไป
นี่ก็คือต้นเหตุทำให้เราอดไปล่องแพทานข้าวเย็นกัน
แต่!!!! ในความโชคร้ายก็มีความโชคดีเกิดขึ้น
เราก็กินข้าวเย็นนั่งมองพระอาทิตย์ตกดินลับขอบฟ้า
ที่รีสอร์ทกันแทน โรแมนติกเฉย!
แถมก่อนหน้านั้นยังมีเวลาไปเล่นกิจกรรมทางน้ำอีกมากมาย
หลักๆที่เล่นเลยนะ คือ เครื่องเล่นเบาะนิ่มอย่างที่บอกด้านบน
เห้ยเล่นไปฮาไป คือลื่นเว่อ กว่าจะไต่ขึ้นไปก็เหนื่อยเว่อ ยวบยาบเว่อ ขำเว่อ5555555
จะบอกว่าห้องนอนเรามีระเบียงริมน้ำ!
ประจวบเหมาะกับการนั่งชิลล์สำหรับค่ำคืนนี้เลย
ให้ดูห้องนอนก่อน
และนี่ก็คือระเบียงในบ้าน
ชิลล์ไปยาวๆ
Day2
ตื่นมากินข้าวเช้า ซึ่งข้างๆห้องกินข้าวจะมีบ่อเลี้ยงปลาคาร์ฟขนาดใหญ่อยู่
และปลาคาร์ฟก็เยอะมาก ก.ไก่ล้านตัว
เป็นอีก 1 Signature ของรีสอร์ทนี้เลยก็ว่าได้
คือเค้ามีบริการขายอาหารปลา
เราก็ไปซื้อกันมา จริงๆแล้วอยากให้ทุกตัวได้กินครบนะแต่.....
ความแย่งกันกินของพวกนาง ก็ไม่รู้ต้องช่วยยังไง
ได้แต่หว่านอาหารปลาให้กระจายทั่วๆ
นางก็กรูกันเข้ามาจ่ะ น้ำก็กระเด็นไปจ้าาาา
#เอนจอยเฟร่ออออ
ช้าก่อน! สัตว์ในรีสอร์ทยังไม่หมดเพียงเท่านี้
มีน้องจำพวกหนึ่งกรูกันเข้ามาในบ่ออีกฝั่งจ้า!!!!
มากันทั้งครอบครัวจ้า!!!!
นี่ว่าเหมือนนางชวนเพื่อนข้างบ้านมาด้วยอะ
555555555555555555555555
ดูรูปดิ นางมาจริงๆ
ให้อาหารนางได้ด้วยนะ แบบใกล้ชิดสุดๆ
ซึ่งนางกินอาหารปลาได้ คือเราเข้าไปถามพี่ที่เค้าขายอาหารปลา
ว่า..
เรา : 'พี่คะๆ อาหารเป็ดซื้อตรงไหน?'
พี่คนขาย : 'ซื้อนี่แหล่ะน้อง มันกินอาหารเดียวกับปลา'
เรา : จริงดิพี่5555555
คิดในใจ น้องๆที่นี่กินง่ายอยู่ง่าย
อยู่บ่อเดียวกับที่คนเล่นกีฬาในน้ำ
กินอาหารเดียวกับปลาคาร์ฟ เอ้ออออออ
จากนั้นเราก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน เดินเล่น ถ่ายรูปวิวรอบๆอีกครั้งก่อนจะออกไปเที่ยวต่อกัน
แต่ก่อนจะไปอีกที่ เราได้แวะไปกินข้าวก่อนที่
"ร้านอาหารคุณลุง ริมแคว"
แต่ขออภัยจริงๆ ด้วยความหิวโหยหรืออะไรไม่แน่ใจ
ทำให้เราไม่ได้ถ่ายรูปกันมาเลย
จากนั้นเราก็แวะไป “จุดชมวิวเขื่อนศรีนครินทร์" กัน
#อลังการงานสร้าง
พระอาทิตย์กำลังจะตกพอดี
สวยแบบพีคคคคคคคคคค
Day 3
เอาจริงชีวิตนี้ยังไม่เคยขี่ช้าง555555555555555
ไหนๆก็ไหนๆเอาหน่อยละกัน หากิจกรรมสันทนาการในกาญฯทำก่อนกลับ
ที่นี่มีปางช้างเยอะเหมือนกัน เราก็ดูๆตามป้ายนะเอาจริงๆ
"ปางช้างทวีชัย กาญจนบุรี"
ค่าใช้จ่าย 200 บาท/คน/20 นาที
และเราก็ขึ้นช้าง มีน้องมารับถึงที่เลย นั่ลล้าคคคคคค
และช้างที่นี่แต่ละตัวจะมีชื่อ
ตัวที่เราขี่ชื่อ กาญจนา กับสุริยา
หลังจากขี่ช้างจับตั๊กแตนกันเสร็จแล้ว
เราจะพาทุกคนไปทานร้านเด็ดกัน นั่นก็คือ
“ร้านครัวธรรมชาติ"
เมนูที่เราสั่งได้แก่
/ แกงส้มผักบุ้งสอดไส้กุ้ง 120 /
/ ห่อหมกปลาทูทอด 150 /
/ ไข่เจียวหมูสับ 60 /
/ ทอดมันปลากราย 80 /
/ ปูผัดผงกะหรี่ 250/
/ ข้าว 40 /
/ น้ำ 20 /
ปล.
เราชอบเมนูแกงส้มผักบุ้งสอดไส้กุ้งมากๆ
คือเค้าจะเอากุ้งสอดเข้าไปในก้านผักบุ้งทุกก้านเลย
รสชาติก็แซ่บกำลังดี อร่อยถูกปากจริงเชียว
แกงส้มผักบุ้งสอดไส้กุ้ง
ปูผัดผงกะหรี่
ไข่เจียวหมูสับ
หลังจากอิ่มหนำสำราญกับอาหารกันไปเป็นที่เรียบร้อย
เราก็ลุยต่ออีกซักที่ก่อนกลับ
ซึ่งเราก็แวะไป “สะพานข้ามแม่น้ำแคว"
เนื่องจากว่าเราดูหนังเรื่องนึงชื่อว่า
'The Railway Man' มา
ชื่อไทยคือ แค้นสะพานข้ามแม่น้ําแคว .
ใครเคยดูบ้าง?
เป็นหนังดราม่าอิงประวัติศาสตร์ที่สร้างจากเรื่องจริง
คือแบบตีแผ่เรื่องราวด้านมืดและความโหดร้ายในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2
ที่ทหารประจำกองสื่อสารของสหราชอาณาจักร
ถูกญี่ปุ่นจับตัวไป
และบังคับให้เป็นแรงงานในการสร้างทางรถไฟ
สายมรณะที่กาญจนบุรี
ประมาณนี้อะๆๆๆ
แล้วแบบอินมากอะ เลยอยากมาดูสถานที่ถ่ายทำ
คล้ายๆว่ามาตามรอยก็ว่าได้
ระหว่างที่ถ่ายรูปไป จู่ๆก็มีรถไฟวิ่งมา
เหมือนเค้าจะมีสัญญาณเตือนก่อนให้หลบ
ตรงนั้นก็คือจะขอบข้างทางให้หลบนะ
เออใกล้ชิดรถไฟดีแฮะ
ชิดว่าหัวลำโพงอีก 555555
วิ่งผ่านไปเลยต่อหน้าต่อตา มีเด็กๆที่อยู่ในรถไฟโบกมือไปมา
และแล้วก็หมดเวลาสนุกแล้วสิ
อ้อ! พวกเรามีสรุปค่าใช้จ่ายหลักๆให้ด้วยนะ
ไม่จำเป็นต้องเที่ยวตามเราทั้งหมด
หรือจ่ายเหมือนกันทั้งหมด
ลองนำไปปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม
ของแต่ละคนจะดีกว่า
สบายๆเนอะ
แต่ถ้าอยากตามรอยกันก็ยินดีมากๆเลยฮะ
3 วัน 2 คืนสั้นๆเติมพลังให้กับร่างกาย
.
กลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง ทำงานหาเงินไปเที่ยว เฮ้!
ก็ขอบคุณสำหรับทุกๆคนที่ติดตาม Blogger ตัวเล็กๆอย่างพวกเรา TRIP'LE
เรา 3 คนขอฝากเนื้อฝากตัว
มีอะไรอยากแนะนำพวกเรา เราพร้อมรับทุกคำติชม
สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อน พบกันใหม่ทริปหน้า
ฝากติดตามด้วยน้าา
CONTACT
FACEBOOK :
https://www.facebook.com/tripleXanywhere/
IG : @triplexanywhere
TRIP'LE
วันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 17.26 น.