สวัสดี เกาะเต่า
ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่านี่เป็น Blog แรกของเราในการรีวิวการท่องเที่ยวในแบบ Lifestyle ของเราเอง เราชอบเที่ยวทะเลเป็นที่สุด เวลาได้มองทะเล ฟังเสียงคลื่นมันทำให้เราหายเหนื่อย มีกำลังใจที่จะก้าวเดินต่อไป 555+
เกาะเต่าอยู่ในเขตพื้นที่อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี และนี่เป็นครั้งแรกที่เราได้มาเกาะเต่า การมาเยือนครั้งนี้ก็เพื่อไปพักผ่อน ฟังเสียงคลื่น หาดทราย สายลม และ สองเรา 웃유 ก่อนเดินทางก็เช็คสภาพอากาศกันซะหน่อย ดูแล้วอากาศดีเราไปช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ แต่แล้ว......วันที่เราไปดันเจอฝนตกไป 2 วันทำให้ทริปที่วางไว้ต้องปรับเปลี่ยนไปตามสภาพอากาศ ฝนแปดแดดสี่จริงๆเลย 555+
การเดินทาง ของเราสองคน
เราใช้บริการของ สุวรรณทีทัวร์ ขึ้นรถที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ ล้อหมุนสามทุ่ม ถึงชุมพรประมาณตีสามครึ่ง นั่งๆนอนๆรอรถของทางบริษัทเรือที่จองไว้มารับเวลาตีห้า เพื่อเดินทางไปขึ้นเรือ โดยครั้งนี้เราไปกับ เรือเร็วลมพระยา มีเรือออกจากชุมพร วันละ 2 รอบคือเวลา 07.00 น. และ 13.00 น. ใช้เวลาเดินทาง 1.45 ชม. ก็ถึงจุดหมายปลายทางคือ เกาะเต่า ขากลับจากเกาะเต่าไปชุมพร ก็มี 2 รอบคือเวลา 10.00 น. และ 14.00 น.
- ค่ารถจากสถานีรถไฟชุมพรส่งท่าเรือเร็วลมพระยา คนละ 100 บาท
- ค่าเรือเร็วลมพระยา คนละ 600 บาท (ถ้าจองไปกลับเหลือ 1150 บาท)
- ค่าเดินทางจาก กทม.- ชุมพร คนละ 328 บาท (สุวรรณทีทัวร์)
จริงๆบริการของเรือเร็วลมพระยา เขามีเริ่มต้นจาก กทม. ด้วยนะ แต่ต้องไปขึ้นรถที่ถนนข้าวสาร สะดวกสบายดี ใครสนใจลองติดต่อได้ตามนี้เลยจร้าาาาา ☸ เรือเร็วลมพระยา ☸
เรือออกจากท่าแล้ว แอบมองแบบเหงาๆ เรานั่งชั้นบนสุดรับลมยามเช้า แดดไม่ร้อน ดีสุดๆไปเลย
เที่ยวเมืองไทยเหมือนไปเมืองนอกจริงๆ มีแต่ต่างชาติแทบจะ 99.99%
ถึงแล้ว เกาะเต่า....เย้ๆๆ
เรามาถึงเกาะเต่าเกือบๆ 09.00 น. เรือจะแวะส่งนักท่องเที่ยวที่เกาะนางยวลก่อน แล้วต่อด้วยเกาะเต่า ก่อนจะไปเกาะพงันและสมุย ในที่สุดก็ถึงวันนี้อากาศดีสุดๆ เดินมองหาพนักงานชูป้ายรีสอร์ทสิรออะไร อยู่ไหน...เอ่ย!!! "SaiDaeng" เดินวนไปสิครับ เจอแล้วก็ขึ้นรถใช้เวลาไปรีสอร์ทไม่นาน 15 นาทีก็ถึง เราพักกันที่ ทรายแดง รีสอร์ท เกาะเต่า (SaiDaeng Resort)
ต้อนรับด้วย Welcome Drink น้ำอะไรไม่รู้แต่อร่อยและสดชื่นมาก
ห้องพักเราเอง โซน C อยู่ใกล้ Reception สระว่ายน้ำ หาดทรายและห้องอาหาร เรียกว่าสะดวกสุดๆ ห้องใหญ่มากมองออกจากเตียงก็เห็นวิวทะเลได้เลย ถ้าใครได้พักโซน A หรือ B ก็จะเดินลึกเข้าไปแถวจุดชมวิว (viewpoint) สงบแต่แอบไกลไปหน่อย
Beach Bar พร้อมบริการต่างๆอยู่ที่จุดนี้ สำหรับนักท่องเที่ยวที่พักที่นี่.........ฟรีจร้า*
ด้านหน้าหาดของเรา เหมาะกับการดำน้ำดูปะการังและฝูงปลา ส่วนใครชอบอาบแดดก็มารับ Vitamin Sea ได้ตลอดทั้งวัน กิจกรรมพายเรือคายัค snorkeling บลาๆๆๆ ก็ตามสบายเลย
*เฉพาะอุปกรณ์ต่างๆ ยกเว้นเครื่องดื่มและอาหารไม่ฟรีนะ
จุดเด่นของที่นี่อีกอย่าง คือ Water Slide ตอนเราไปไม่ได้เล่นเพราะปิดปรับปรุงอยู่
ทรายแดง รีสอร์ท ยังมี viewpoint ให้ชมพระอาทิตย์ขึ้นดูวิวแบบ 360° เลยก็ว่าได้ และเกาะเล็กๆที่เห็นคือเกาะฉลาม จะมีเรือมาจอดให้นักท่องเที่ยวได้ดำน้ำดูฉลามวาฬ บริเวณเกาะแห่งนี้ใกล้ๆกับรีสอร์ทเรา
วิวด้านหน้าหาด ยามค่ำคืน
หิวแล้วไม่รอช้า เราตั้งใจฝากท้องน้อยๆไว้กับทางรีสอร์ทตลอดทริปนี้ อาหารเช้าเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ ที่ขาดไม่ได้คงจะเป็น เบคอน แฮม ไส้กรอก และขนมปัง เมนูไข่ต่างๆ นม โยเกิร์ต ผลไม้ เรียกว่าครบเลยก็ว่าได้ เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 07.00-10.00 น. ส่วนมื้อเที่ยงและเย็นก็สั่งตามใจชอบเลย แต่เมนูอาหารที่นี่ค่อนข้างน้อยและราคาสูงพอสมควร แต่ที่เรากินแล้วชอบคงยกให้ ปลากระพงทอดยำมะม่วง และไก่ผัดเม็ดมะม่วง แนะนำๆ
เราพักคืนแรกอากาศดี ท้องฟ้าแจ่มใส พักผ่อนได้เต็มที่ พรุ่งนี้เช้าตั้งใจจะออกไปพายเรือดำน้ำ กิจกรรมบลาๆๆ แต่ฝันนั้นต้องสลายไปในพริบตา เมื่อมีเมฆฝนเข้ามา บดบังพระอาทิตย์ให้จากไป ฝนตกทั้งวันแถม WiFi ใช้ไม่ได้ ได้นอนพักผ่อนในห้องสมใจเลย 555 ร้องไห้แพร๊บๆๆ T^T ☁ ☁
แพลนที่คิดไว้
- วันแรกเดินสำรวจรอบๆรีสอร์ท เก็บภาพบรรยากาศ
- วันที่สองไปเล่นสไลด์เดอร์ สระว่ายน้ำ พายเรือคายัค ดำนำดูปลา ถ่ายดาว ทางช้างเผือก
- วันที่สามเราจะไปเกาะนางยวลทั้งวัน ขากลับแวะทานอาหารหน้าท่าเรือ
แพลนที่ได้ทำ
- วันแรกอากาศดีสำรวจรอบรีสอร์ท เก็บภาพบรรยากาศ
- วันที่สองฝนตกหนัก ฟ้าและลมแรง นอนพักผ่อนทั้งวัน อดเล่นสไลด์เดอร์ปิดปรับปรุง คลื่นลมแรง เมฆเต็มฟ้าดาวไม่มี
- วันที่สามฝนตกอีกแล้วแต่ลมไม่มีดีไป อดไปเกาะนางยวล ได้เล่นน้ำ พายเรือคายัค ดำนำแทนก็ยังดี
ห๊ะ! อะไรนะ!!! ม้ายๆๆ
คืนที่สามแล้วหรอไวเหมือนโกหก จะต้องกลับเข้าเมืองกรุงไปสูดมลพิษแล้วหรอเนี่ย เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปไวเสมอ วันที่เราต้องกลับท้องฟ้าแจ่มใส นั้นไงๆ เป็นไปตามที่เราคิด วันเรามาและวันเรากลับอากาศดีสุดๆ ☀เยี่ยมจริงๆ รอช้าทำไมรีบทานอาหารเช้าและเช็คเอ้าท์เพื่อให้ได้ไปเกาะนางยวล โชคดีที่เราจองเรือขากลับไว้รอบ 14.00 น. ทำให้เรายังได้ไปเที่ยวเกาะนางยวลตามตั้งใจ ไม่รอช้ากระโดดขึ้นรถ ลุยๆ
ถึงแล้ว นางยวล....เย้ๆๆ
เรารีบเดินไปฝากกระเป๋าไว้กับร้านระเบียงไม้ รีสอร์ทแนะนำว่าเอาไปฝากไว้ได้ อยู่ตรงท่าเรือและจุดจำหน่ายตั๋วเรือเร็วลมพระยา ฝากเสร็จรีบไปขึ้นเรือเพื่อไปเกาะนางยวล จากเกาะเต่าไปเกาะนางยวลใช้เวลา 15-20 นาทีก็ถึง ที่เกาะนางยวลให้คนภายนอกเข้าได้เวลา 10.00 - 17.00 น. เท่านั้น ค่าธรรมเนียมขึ้นเกาะ สำหรับคนไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท ไม่รอช้าเรารีบเดินไปยัง viewpoint เผื่อเก็บภาพวิวก่อนที่นักท่องเที่ยวจะเยอะ เราใช้เวลาอยู่บนเกาะนางยวล 2 ชม. นัดเรือมารับเราตอนเที่ยงพอดี เสียดายมีเวลามาน้อยไป ครั้งหน้าเราจะไม่พลาดมานอนที่เกาะนางยวลแน่นอน
SEY GOODBYE KOH TAO & CHUMPHON
หลังจากกลับจากเกาะนางยวล ก็มารับกระเป๋าที่ฝากพร้อมเติมพลังกันซะหน่อย ถึงท่าเรือชุมพรก็รีบไปขึ้นรถเพื่อไปยังสถานีรถไฟชุมพร เรามาสถานีรถไฟเพื่อแวะอาบน้ำหาของกิน พร้อมเตรียมเดินทางกลับเมืองกรุง ขากลับเราไม่ได้กลับรถไฟนะจ๊ะ เรากลับโดยรถสุวรรณทีทัวร์ เหมือนเดิม รอบเวลา 21.00 น. แล้วพบกันใหม่
MARSHMELLO
วันจันทร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 22.22 น.