รอบนี้ปิงไปเที่ยวยุโรปยาวๆ 3 สัปดาห์ 5 เมือง 5 ประเทศค่ะ ได้แก่ โคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก, อัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์, เวนิส ประเทศอิตาลี, เวียนนา ประเทศออสเตรีย และ ซานโตรินี ประเทศกรีซ
ใครยังไม่ได้อ่านรีวิวเมืองแรก “โคเปนเฮเกน”
ก็ไปอ่านได้เลยที่ลิงก์นี้ https://tinyurl.com/3c4y8y3m
ปิงเที่ยวไป 5 วัน 23 พิกัด ในงบ 29,XXX บาท
ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบินค่ะ : )
ส่วน “อัมสเตอร์ดัม” ปิงยกให้เป็นเมืองที่ชอบที่สุด
ในทั้งหมด 5 เมืองที่ไปมารอบนี้เลย! สถานที่ท่องเที่ยว
และกิจกรรมในเมืองนี้มีหลากหลายมาก นอกจาก
พิพิธภัณฑ์ชื่อดังอย่าง Van Gogh museum แล้ว
เมืองนี้ยังมีสวนสัตว์ที่สวยที่สุดที่ปิงเคยไปมา *O*
มีย่านริมคลองสุดเก๋ ให้เราได้ไปเดินเล่น ทานอาหาร ฯลฯ
แล้วถ้าจะไปตามรอยทริปนี้ต้องใช้เงินเท่าไหร่คะคุณปิง?
มาค่ะ ปิงจะแจกแจงค่าใช้จ่าย ให้ โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยน
1 EUR = 38.80 บาท และนี่คือค่าใช้จ่ายสำหรับ 2 คนนะ
เดี๋ยวตอนท้ายจะสรุปและหารให้อีกทีค่ะ…
1) ค่ากิน 546.98 EUR = 21,222.824 บาท
2) City card (ใช้เข้าชมสถานที่ต่างๆ + เดินทางในโซน city center) 250 EUR = 9,700 บาท
3) ค่าเดินทาง (ในส่วนที่นอกเหนือจาก city center) 99.8 EUR = 3,874.24 บาท
4) ค่าเข้าสถานที่ต่างๆ ที่ไม่รวมใน City Card (Van Gogh Museum 52 EUR, Fabrique des Lumieres 26 EUR, Royal Palace Amsterdam 25 EUR) รวม 103 EUR = 3,996.4 บาท
5) โรงแรม 5 คืน (คืนแรกไปถึงเย็น เพราะเดินทางจากโคเปนเฮเกน) 984.16 EUR = 38,185.408 บาท
6) City Tax จ่ายที่โรงแรมตอนเช็คอิน 75 EUR = 2,910 บาท
* ค่าใช้จ่ายไม่รวมตั๋วเครื่องบิน อยู่ที่ 79,888.872 บาท
หารสอง เหลือคนละ 39,944.436 บาท
ขออธิบายเพิ่มเติม ว่าค่ากิน เรากินทั้งคาเฟ่
ร้านหรู ร้านไทย แมคโดนัล ปนๆกันนะคะ
และค่าใช้จ่ายที่เอามาคำนวณ ยังไม่รวมค่าช้อปปิ้ง
หรือค่าของฝากนะคะ อันนี้แล้วแต่คนเลย : )
ส่วนค่าเครื่องบิน อย่างที่บอกว่า ปิงเดินทางมาจากโคเปนเฮเกน
และจะไปเวนิสต่อ เลยไม่ได้เอามาคำนวณด้วยค่ะ
ถ้าใครอยากไปตามรอยทริปอัมสเตอร์ดัม ก็หาเป็นตั๋ว
ไป-กลับ กรุงเทพ-อัมสเตอร์ดัม เอานะ ^^
ทริปยุโรป 3 สัปดาห์รอบนี้ เป็นทริปฮันนีมูน
ของปิงกับแฟนค่ะ >//< ขอบคุณทุกคนที่ติดตามปิง
ตั้งแต่ทำเพจ Bliss Out There แรกๆ จนถึงตอนนี้เลย : )
ขอฝากอีกเรื่องก่อนเข้ารีวิวค่ะ…
ทุกคนสามารถซื้อ City Card ได้ที่เว็บไซต์นี้เลย
https://www.iamsterdam.com/en/tickets/i-amsterdam-city-card
มีให้เลือกตั้งแต่ 24 – 120 ชั่วโมง
ที่ปิงซื้อคือแบบ 120 ชั่วโมงค่ะ เที่ยวได้ 5 วันจุกๆ
ราคา 125 EUR ต่อคน ซึ่งรวมการเดินทางในตัวเมือง
และค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆไว้มากมาย : )
พอซื้อแล้ว ให้โหลดแอพ I amsterdam city card
มาไว้บนมือถือ เพราะระหว่างทริปเราจะต้อง
เปิดตั๋วบนแอพ ในการ scan ขึ้นรถต่างๆ และ เข้าชมสถานที่ค่ะ
วันแรกปิงมาถึงอัมสเตอร์ดัมช่วงเย็น
จากสนามบิน ต้องนั่งรถไฟไปสถานี Zaandam
ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใกล้โรงแรมของเรา และไม่รวม
อยู่ใน City Card ค่ะ เราเลยต้องซื้อตั๋วรถไฟ
จะซื้อที่เครื่อง(แบบในรูป)หรือซื้อที่เคาน์เตอร์ก็ได้
ถ้าซื้อที่เครื่องจะต้องใช้เหรียญหรือบัตรเครดิตเท่านั้นค่ะ
เที่ยวนี้ 2 คน 12.60 EUR ค่ะ : )
easyHotel Amsterdam Zaandam
ตลอดเวลา 5 คืน ในอัมสเตอร์ดัม เราพักที่โรงแรมนี้ค่ะ
ซึ่งอยู่ใกล้สถานี Zaandam และห่างจาก city center
ประมาณ 15 – 20 นาที ถ้าเดินทางด้วยรถไฟ…
ที่เราเลือกพักนอกเมือง เพราะค่าที่พักถูกกว่าในเมืองมาก
และก็ยังถือว่าเดินทางสะดวกค่ะ อีกอย่างคือย่าน Zaandam
เป็นย่านที่มีตึกสีๆรูปทรงแปลกๆ ที่คนชอบมาถ่ายรูปกัน
ทำให้รอบๆมีร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ครบครันค่ะ
ใครจะมาเที่ยวตาม อยากให้ทำใจนิดนึง
ว่าทุกอย่างมันแพงกว่าบ้านเราหมดค่ะ : D
อย่างโรงแรมนี้ (ประมาณ 3 ดาว) เราพักห้อง
Standard Double Room ขนาด 14 ตร.ม.
ราคาคืนละ 7,6XX บาท หารกันเหลือคนละ 3,8XX บาท
และไม่รวมอาหารเช้าค่ะ * นี่ขนาดเราเลือกพักนอกเมืองแล้วนะ!
ห้องอาบน้ำเป็นแบบฝักบัว สะอาดสะอ้านดีค่ะ
เข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์นี้นะ https://www.easyhotel.com/hotels/netherlands/amsterdam/amsterdamzaandam
NOK NOK Thai Food
กว่าเราจะถึงโรงแรม เช็คอินเสร็จก็จะสองทุ่มแล้วค่ะ
ร้านอาหารแถวนั้นที่ยังเปิดอยู่มีไม่เยอะ เราเลย
เข้าร้านไทยเลย55555555 ใครที่เพิ่งมาอ่านรีวิวนี้
อย่าเพิ่งงง ว่าทำไมมาวันแรก ปิงทานอาหารไทยเลย55555 ปิงไปโคเปนเฮเกนมาก่อนแล้ว 5 วันค่ะ >//<
ไปอ่านรีวิวโคเปนเฮเกนได้ที่ลิงก์นี้ https://tinyurl.com/3c4y8y3m
ส่วนร้าน NOK NOK เป็นร้านเล็กๆ
ที่นั่งไม่เยอะค่ะ เสิร์ฟเมนูคลาสสิก อย่างข้าวผัด
ผัดกะเพรา ผัดไทย ผัดซีอิ๊ว แกงเขียวหวาน ฯลฯ
แต่ละอย่างก็เลือกได้ว่าจะเอาเนื้อหมู/เนื้อวัว/เนื้อไก่/ ซีฟู้ด
เราสั่งเป้นข้าวผัดกุ้ง กับ อกเป็ดทอดกระเทียม
อร่อยทั้งสองจานค่ะ มื้อนี้หมดไป 36.65 EUR
หรือประมาณ 1,400 บาท! *O*
โอเค มาถึงอัมสเตอร์ดัมแล้วสินะ55555555
อันนี้เว็บไซต์ของร้านนะคะ เผื่อใครอยากดู
https://www.noknokthai.nl/en/
Zaandam Station
มาเริ่มเช้าวันแรกกันเลย! เราพักในย่านนี้ทั้งที
จะไม่เดินเล่น ถ่ายรูปหน่อยก็คงไม่ได้ เพราะ Zaandam
เป็นย่านที่มีอาคารรูปทรงน่ารักๆและสีสันสดใสค่ะ
Zaandam เป็นที่รู้จักในนาม “เมืองเลโก้“
ใครไม่ได้พักแถวนี้ จะแถวมาเดินเล่น ถ่ายรูปก็ได้นะ : )
นั่งรถไฟจากสถานี Centraal Station มาไม่ถึง 20 นาทีค่ะ
Anook Bakehouse
ก่อนจะไปเที่ยว เรามาเติมพลังกันก่อนที่ Anook Bakehouse!
เป็นร้านเบเกอรี่โฮมเมด ทำกันสดๆในครัวที่ร้านเลย : )
ด้านในตกแต่งได้น่ารัก โฮมมี่ + tropical นิดๆ
สาวๆต้องชอบร้านนี้ค่ะ เพราะโทนสีครีม ส้มอ่อน พีช
มันเข้ากันสุดๆ <3 แค่เดินเข้าไปก็ได้กลิ่นเบเกอรี่หอมๆแล้ว ^^
และเขามีให้เลือกเยอะม๊ากกกก ทั้งเค้ก พาย ทาร์ต คุ้กกี้ ฯลฯ
และมีทั้งรสคาว รสหวานนะ เขามี ชา กาแฟ ด้วยค่ะ
สั่งมาทานคู่กับเบเกอรี่ได้เลย
จาก Zaandam เรานั่งรถไฟมาที่ Centraal Station
(เสียค่ารถไฟ 8.2 EUR / 2 คน ทุกครั้งที่เข้าเมือง)
จากนั้นต่อบัสสาย 52 นั่งไป 3 ป้าย และเดินต่ออีกนิดหน่อยค่ะ
ตาม Google Map ไปได้เลย!
IG ร้าน : anookbakehouse
https://www.instagram.com/anookbakehouse/
Website : https://www.anookbakehouse.com/
ในร้านมีที่นั่งเป็นชั้นลอยค่ะ มีที่นั่งไม่เยอะ
แนะนำว่าอย่าไปวันเสาร์ อาทิตย์ เพราะร้านค่อนข้างดัง
เดี๋ยวจะไม่ได้นั่งเอา ^^ ส่วนตัวชอบ mood&tone
ของร้านมาก แสงธรรมชาติส่องเข้าร้าน ถ่ายรูปสวย <3
เราสั่งโดนัทเคลือบน้ำตาล, เลม่อนทาร์ต
และ ขนมปังไส้ครีมกิมจิ ทานคู่กับ
Chai Latte และ Matcha Latte ค่ะ
ทุกอย่างอร่อย เราชอบทาร์ตสุด!
มันหวานอมเปรี้ยวลงตัว แต่ตัวกิมจิก็ว้าว
เพราะไม่เคยกินครีมที่มีรสเป็นของคาวแบบนี้
มื้อนี้หมดไป 21.5 EUR หรือประมาณ 800 บาทค่ะ : D
Rijkmuseum
จาก Anook เรานั่งรถราง และเดินต่ออีกนิดก็จะถึง
Rijkmuseum ค่ะ ที่นี่คือพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเนเธอร์แลนด์
พิพิธภัณฑ์นี้มีอายุมากกว่า 200 ปี ที่จัดแสดง
ตั้งแต่เรื่องราว ประวัติศาสตร์ ของประเทศ ในแต่ละยุค
แต่ละสมัย ไปจน สิ่งของ เครื่องใช้ งานศิลปะจากแต่ละยุค
และเขารวบรวมงานจากศิลปินระดับโลกไว้มากมาย
อย่างปิงไม่ได้แพลนไว้ว่าจะดูโซนไหนบ้าง ไปดูเอาหน้างาน
ว่ามีโซนอะไรบ้าง และไล่ดูไปเรื่อยๆ จนครบ 3 ชั่วโมง
แล้วก็พบว่า เรายังดูไม่ถึงครึ่งเลยค่ะ! 555555555
ใครอยากดูให้ครบ ควรมาสัก 2 วันเต็ม >//<
แต่ย้ำว่า ต้องมาจริงๆ เพราะที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่
ใหญ่ที่สุดในเนเธอร์แลนด์ และค่าเข้ารวมอยู่ใน
City Card เรียบร้อย ไม่ต้องซื้อเพิ่มค่ะ
เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่ 9.00 – 17.00 น.
เข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์นี้เลย
https://www.rijksmuseum.nl/en/
TEN good food café
เสร็จจาก Rijkmuseum ก็บ่ายแล้วค่ะ
เราเลยหาร้านอาหารใกล้ๆ แล้วก็เจอร้านนี้
ต้องบอกก่อนว่าย่านที่ Rijkmuseum อยู่
ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆอีก เช่น Van Gogh Museum,
Stedelijk Museum และ Moco Museum ด้วย
เวลาแพลนทริป เราควรมาย่านนี้ไปเลย 1 วันค่ะ : D
ส่วนร้าน TEN good food café
ก็อยู่ในตึกเดียวกับ Stedelijk Museum
ร้านค่อนข้างใหญ่ เพราะรองรับนักท่องเที่ยวเนอะ
เมนูที่ขายคือเบสิคมากๆ เป็นพวกแซนวิช
Fish&chips, เบอร์เกอร์, Toastie ฯลฯ
ใครไปช่วงเที่ยง บ่าย ก็ทำใจนิดนึงค่ะ ร้านยุ่งมาก
อาหาร เครื่องดื่ม รอนาน และรสชาติกลางๆค่ะ
IG ร้าน : tenamsterdam
https://www.instagram.com/tenamsterdam/
Website : https://www.tenamsterdam.nl/englishhome
เราสั่งเป็นซุปผักรวม fish&chips และน้ำเปล่า
มื้อนี้ 35 EUR หรือประมาณ 1,350 บาท
รสชาติไม่คุ้มราคา แต่ถือว่าสะดวกค่ะ ไม่ต้องเดินไกล
Stedelijk Museum
จาก TEN good food café เดินมาที่
Stedelijk Museum ได้เลย อยู่ติดกันค่ะ
ที่นี่คือ พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ที่มีนวัตกรรมล้ำสมัย
ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก! ด้านในมีทั้งผลงานของงศิลปินระดับโลก
และศิลปินชาวดัตช์ ตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 19 จนกระทั่งถึงปัจจุบัน
ในพิพิธภัณฑ์คือกว้างมาก ถ้าจะเดินให้หมด วันนี้ก็ไม่ได้ไปไหนแล้ว : D
มีให้ดูทั้งงานภาพถ่าย ภาพวาด งานประติมากรรม
โปสเตอร์ งานกราฟฟิก ฯลฯ แต่ที่เราชอบที่สุดคือ
งานประเภท Installation และ งานเสียง+ภาพเคลื่อนไหว
มีให้ดูค่อนข้างเยอะ เทียบกับหลายๆที่ที่ปิงเคยไปค่ะ : )
ที่นี่ไม่มีค่าบริการเพิ่ม รวมอยู่ใน City card แล้ว
เข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์นี้เลย
https://www.stedelijk.nl/en
MOCO Museum
จาก Stedelijk เดินมาอีกนิดนึงก็จะถึง MOCO ค่ะ
เห็นอาคารเล็กๆแบบนี้ แต่ข้างในว้าวมากนะ *O*
โดยเฉพาะคนที่ชอบงานศิลปะ ห้ามพลาดเด็ดขาดด!
พิพิธภัณฑ์ MOCO มีแค่ 3 แห่งทั่วโลก นั่นคือ
อัมสเตอร์ดัม ลอนดอน และ บาเซโลนาค่ะ
มันคือพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่และร่วมสมัย ที่จัดแสดง
ผลงานของศิลปินดังๆ อย่าง Andy Warhol,
Roy Lichtenstein และ Banksy ศิลปินข้างถนน
ที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งในโลก! ช่วงที่ปิงไป (ก.ค. 2567)
มีทั้งงานภาพวาด งานกราฟฟิก และ Digital & Immersive Art
บอกเลยว่า ถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอเพลินมากๆค่ะ >//<
ที่สำคัญ เราไม่ต้องเสียค่าเข้าชม เพราะรวมอยู่ใน city card แล้ว!
ใครอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมก็เข้าไปดูเว็บเขาได้เลย
https://mocomuseum.com/
ในรูปนี้ คือผลงานของ Robbie Williams มาพร้อมคอนเซ็ปต์
Pride and Self-Prejudice เป็นภาพและข้อความ
เรียบง่าย ที่ชวนให้เราคิดเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพจิต
ของคนในยุคปัจจุบัน บางชิ้นงานมีความตลกร้าย
แต่ดูไปก็ขำไป อมยิ้มไป เพราะปิงเชื่อว่าทุกคนน่าจะเคยมีความคิด
แบบที่ Robbie Williams นำเสนอค่ะ : )
ถึง Banksy จะเป็นศิลปินชื่อดัง
แต่เขาก็ไม่เปิดเผยตัวตนค่ะ ทั้งนี้งานศิลปะของเขา
เป็นเอกลักษณ์มากจนเขาดังไปทั่วโลก ใครมา MOCO
ก็จะได้เห็นผลงานดังๆของเขาด้วย อย่างเช่น Laugh Now,
Girl with Balloon, Flower Thrower ฯลฯ
ส่วนที่เป็น Digital & Immersive Art
ก็มีหลายห้องอยู่ค่ะ ทั้งแสง สี เสียง ถูกใจสาวๆแน่นอน! <3
China Sichuan Restaurant
มื้อเย็นวันนี้ เราไปฝากท้องที่ร้านอาหารจีนเสฉวน
ในย่าน China town ของอัมสเตอร์ดัมค่ะ
จาก MOCO Museum เรานั่ง Tram สาย 2
และเดินต่อเกือบ 10 นาทีค่ะ เราเดินเล่นอยู่รอบๆย่านนี้
ดูเมนูหลายๆร้านและสุดท้ายก็จบที่ร้านนี้ค่ะ : )
ต้องบอกว่า China town ที่นี่ เล็กมากเลยเมื่อเทียบกับ
เยาวราชบ้านเรา55555555 เป็นถนนเล็กๆเส้นหนึ่ง
และบนถนนนั้นก็มีทั้งร้านอาหารจีน ไทย ญี่ปุ่น ปนๆกัน
เรามารู้ทีหลังว่า ร้านนี้เป็นร้านอาหารจีนเสฉวนร้านแรก
ในอัมสเตอร์ดัม เปิดมาตั้งแต่ค.ศ. 1991 ค่ะ!
เมนูมีให้เลือกเยอะมาก เมนูเล่มใหญ๊ากกก!555555
ติ่มซำ ของทอด ของนึ่ง ซุป ก๋วยเตี๋ยว มีหมดเลย
อาหารอร่อยมาก และ พนักงานบริการดีค่ะ
ใครมาเที่ยวแล้วคิดถึงอาหารเอเชีย ก็จัดได้! : D
IG ร้าน : sichuanamsterdam
https://www.instagram.com/sichuanamsterdam/
เมนูที่เราลอง คือ หมูสามชั้นในซอสพริก
จานนี้คือ unhealthy สุดๆ แต่ก็ฟินสุดๆเช่นกันค่ะ
เขาเสิร์ฟเย็นนะ แต่ทานคู่กับข้าวร้อนๆ คือดีงาม!
อีกจานคือก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ซุปเสฉวน รสชาติเข้มข้น
เนื้อนุ่มกำลังดี ทั้งปิงและแฟนชอบจานนี้มากๆค่ะ : p
Latte Bar Amsterdam
เช้าวันที่สองในอัมสเตอร์ดัม เราไปทานกาแฟและเบเกอรี่
ที่ร้าน Latter Bar Amsterdam ค่ะ
*** ขอดอกจันท์ 3 ล้านดอกเลย ว่าตอนที่หาข้อมูล
มาทำรีวิว ปิงเห็นใน Google Map ว่าร้านเขาปิดถาวร!
เพิ่งไปมาเดือนก.ค. เอง ตอนทำรีวิวเดือนต.ค. ปิดแล้ว T_T
ดังนั้นขอให้ข้อมูลคร่าวๆนะคะ ไม่ต้องไปตามนะ…
ร้านค่อนข้างใหญ่ มีที่นั่งเยอะ ตกแต่งได้โคซี่มาก
จริงๆเราชอบร้านนี้เลย เสียดายที่เขาปิด T_T
เมนูกาแฟก็มีให้เลือกหลายอย่าง Latte, Espresso,
Flat White มีหมดเลย หรือจะเป็นเมนูซิกเนเจอร์
ของทางร้านก็มีค่ะ เช่น BANANA PARADISE,
PIKACHU เราลอง CARAMEL DREAM ไป
คล้ายๆ Caramel macchiato ค่ะ หอมดีๆ
ขอแปะ IG ร้านไว้ให้ เผื่อเขากลับมาเปิด…
https://www.instagram.com/lattebaramsterdam/
ARTIS Amsterdam Royal Zoo
ขอยกให้ที่นี่เป็นสวนสัตว์ที่สวยที่สุดที่เคยไปมาค่ะ!
ปิงชอบการออกแบบและตกแต่งโซนต่างๆมาก
มันไม่ใช่สวนสัตว์ธรรมดาๆ ที่เอาสัตว์มาไว้ในกรง
แต่ละโซนคือสวยและน่าถ่ายรูปมาก! ที่นี่ทำให้แบตกล้องปิงหมด…
ที่อื่นๆที่ไปวันนี้ เลยต้องใช้มือถือถ่ายค่ะ : D
เขาจัดแสดงสัตว์มากกว่า 750 สายพันธุ์
มีทั้งโซน indoor และ outdoor แต่ละโซน
มีป้ายให้ข้อมูลต่างๆ มีพนักงานดูแลทั่วถึง มีร้านอาหาร
ร้านขนม กระจายอยู่รอบๆสวนสัตว์ค่ะ เผื่อใครหิว ^^
และเช่นเคย เราไม่ต้องจ่ายค่าเข้าชม เพราะมันรวมอยู่ใน city card แล้ว
นอกจากใครอยากจ้างไกด์ ก็ไปติดต่อที่เคาน์เตอร์หน้าทางเข้าได้ค่ะ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บนี้นะ https://www.artis.nl/en/
เป็นสวนสัตว์ที่ร่มรื่นมาก เขาปลูกไม้ดอกไม้ประดับไว้ทั่วเลยยย
ใครมาเที่ยวกับน้องๆหนูๆ ควรพามาที่นี่สุดๆค่ะ >//<
เป็นสถานที่ที่ทำให้ใจฟูมากๆ <3
เราได้เห็นสัตว์หลายชนิดเลยที่สวนสัตว์ที่ไทยไม่มี
เขามีโชว์พิเศษจากแต่ละโซนด้วยนะ ใครไม่อยากพลาด
ก็วางแผนกันดีๆ เข้าไปดูตารางโชว์ได้ในลิงก์นี้ค่ะ
https://www.artis.nl/en/what-do/agenda-and-activities/daily-schedule/
ป.ล. ลืมบอกตั้งแต่ต้นรีวิว ว่าใครอยากตามรอยทริปนี้
แนะนำให้ออกกำลังกายก่อนไปเที่ยวนะคะ… เพราะเราเดินเย๊อะมาก!
วันหนึ่งไป 4 – 6 ที่ เราเองยังเหนื่อยเลยค่ะ55555555
หรือจะลอกแพลนสถานที่ไป แล้วเอาไปกระจายๆ เที่ยววันละ 1 – 3 ที่ก็ได้ค่ะ : D
Café Koosje
เราเดินรอบสวนสัตว์ ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงค่ะ
แล้วเราก็มาทานมื้อเที่ยงที่คาเฟ่ใกล้ๆกับ
ทางเข้าหลัก (main entrance) ของสวนสัตว์
เพราะภายในสวนสัตว์ ยังมีอีก 2 พิพิธภัณฑ์ที่เราเข้าได้ฟรี!
ร้าน Café Koosje ค่อนข้างกว้างค่ะ
แต่คนก็เยอะพอสมควร ตอนเราไปคือต้องรอ
ทั้งตอนสั่งอาหาร รออาหาร และ รอคิดเงิน…
แต่ไม่โกรธ เพราะอาหารอร่อยมาก : p
เราสั่งมาเป็น Dutch pancake กับ Steven salad
Dutch pancake เราก็เพิ่งเคยทานครั้งแรกที่ร้านนี้ค่ะ
มันเหมือนแป้งแพนเค้กแต่บางกว่า และเขาเสิร์ฟมา
เป็นวงใหญ่ๆเลย เราสั่ง topping เพิ่มเป็นเบค่อน
ราดน้ำผึ้งลงไปนิดนึง คือ หวาน เค็ม ลงตัวมาก
ส่วนสลัดก็เป็นผักหลายๆอย่าง มีอะโวคาโด แฮม อกไก่
ไข่ และน้ำสลัดเป็น lemon mayonnaise
อร่อย และให้เยอะมากๆค่ะ มื้อนี้หมดไป 24 EUR
หรือ 931 บาท ถือว่าถูกกว่ามื้ออื่นๆค่ะ : )
IG ร้าน : cafe.koosje
https://www.instagram.com/cafe.koosje/
MICROPIA
Micropia เป็นพิพิธภัณฑ์จุลชีววิทยา นำเสนอเกี่ยวกับ
สิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก ที่เราอาจจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เช่น
แบคทีเรีย เชื้อรา เห็ด หรือ พวกสัตว์ที่ขนาดเล็กมากๆ…
ปกติปิงไม่ใช่คนชอบวิทยาศาสตร์เลย แต่อยู่ที่นี่ได้เป็นชั่วโมงๆ
เพราะเขานำเสนอข้อมูลๆต่างๆแบบ interactive
เหมือนเราได้เล่นเกม และท่องไปในโลกของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก
(ใครเคยดูหนังเรื่อง Ant Man น่าจะเข้าใจ5555555)
ส่วนตัวชอบที่เขามีกล้องจุลทรรศน์ ให้เราส่องดูสิ่งต่างๆ
และเรายังได้เห็นนักวิทยาศาสตร์ตัวจริงทำงานในห้องทดลอง
ผ่านกระจกใสด้วยค่ะ ว้าวมาก!
ค่าเข้ารวมอยู่ใน city card เรียบร้อยแล้ว
อันนี้เว็บไซต์ เผื่อใครอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ : )
https://www.micropia.nl/en/
สนุกมากกกก มีให้ดูตั้งแต่ของกินของใช้ในชีวิตประจำวัน
ที่ประกอบด้วยจุลินทรีย์ชนิดต่างๆ ไปจนถึงแบคทีเรีย เชื้อรา
เชื้อไวรัส ที่เราเจอในชีวิตประจำวัน เช่น หมอนที่สกปรก แปรงสีฟันที่ไม่ได้ล้าง ฯลฯ
บอกเลยว่า ดูพิพิธภัณฑ์นี้เสร็จ จะอยากทำความสะอาดบ้านขึ้นมาทันที5555555555
GROOTE Museum
ยังอยู่กันใน ARTIS Zoo ค่ะ แต่เป็นอีกอาคารนึง
Groote Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ interactive
ที่นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของมนุษย์ สิ่งมีชีวิต และโลก
เพื่อให้เราเข้าใจที่มาที่ไปของโลกปัจจุบัน เข้าใจความสัมพันธ์
และความเชื่อมโยงของเรากับคนรอบตัว / เรากับสิ่งแวดล้อม
ที่บอกว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ interactive เพราะเราจะได้
ทดสอบเสียงของเรา ทดสอบอารมณ์ความรู้สึกของเรา
ได้ดู ฟัง หรือแม้แต่ดมกลิ่น… เข้าไปแล้วเพลินมากค่ะ : D
ค่าเข้าชมรวมอยู่ใน city card แล้วนะ ต้องจัด!
เข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์นี้ค่ะ
https://www.grootemuseum.nl/en/discover
Hortus Botanicus
จาก Groote Museum นั่ง tram สาย 14
มา 1 ป้าย แล้วเดินต่ออีกนิดหน่อยก็ถึง Hortus Botanicus ค่ะ
ที่นี่เป็นสวนพฤกษศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก *O*
มีพันธุ์ไม้ให้ดูกว่า 4,000 ชนิดค่ะ และเขาแบ่งโซนไว้
สวยงาม เดินดูได้เพลินๆเลย ที่ชอบสุดคือเรือนผีเสื้อ
ที่เราจะได้เห็นผีเสื้อดื่มน้ำหวานจากดอกไม้/ผลไม้ >//<
อีกโซนที่ชอบคือเรือนกระจกที่ปลูกไม้เขตร้อนชื้น
อย่าง กระบองเพชร ต้นปาล์ม ถ่ายรูปออกมาสวยม๊ากกก!
ที่นี่เหมาะจะมาเดทกับแฟนสุดๆเลยค่ะ
และอีกเช่นเคย ไม่เสียค่าเข้า เพราะเรามี city card
ขอแปะลิงก์เว็บไซต์ไว้ให้นะคะ : )
https://www.dehortus.nl/en/
ใครชอบต้นไม้ ดอกไม้ มาที่นี่ อาจจะไม่ได้ออกค่ะ55555
ร่มรื่นมาก ดูเพลินมากๆเลย มีพันธุ์ไม้แปลกที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนด้วย : D
Jordaan
อัมสเตอร์ดัม มีคลองยาวรวมกันกว่า 100 กิโลเมตร
และคลองเหล่านี้ทำให้เมืองมีชีวิตชีวา เป็นที่มาของ
การค้าขาขายและวัฒนธรรมในอัมสเตอร์ดัม และหนึ่งใน
คลองที่ห้ามพลาดเลยถ้าคุณได้ไปเที่ยวอัมสเตอร์ดัม
ก็คือ Jordaan ค่ะ ! ย่านนี้มีทั้งแกลอรี่ ร้านอาหาร
บาร์ คาเฟ่ ร้านขายงานฝีมือ ร้านขายเสื้อผ้า ครบ!
และด้วยความที่เป็นย่านริมคลอง ร้านอาหาร/คาเฟ่
ก็จะเปิดให้คนนั่งโซน outdoor คือมันชิลล์มากๆ :’)
ใครมาตาม google map จากสถานี Centraal
ก็เดินมาได้เลย แล้วก็เดินไปจนกว่าจะเมื่อยเลยค่ะ
เพราะเขาไม่ได้มีแค่ถนนเส้นที่ติดคลองนะ
เราเดินเข้าซอย เลี้ยวซ้าย-ขวา ก็มีร้านค้าอีก
ถ่ายรูปเพลินสุดๆไปเลย <3
เราเดินมั่วๆ แบบปล่อยใจ ไร้จุดหมายมาก555555
ผ่านร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านขายของมากมายค่ะ
และถ้าเข้ามาในซอยที่ไม่ได้อยู่ริมน้ำ ก็เหมือนจะเป็น
ย่านที่อยู่อาศัยด้วย เพราะมีพวก townhome/apartment เยอะมาก
OSAKASAN
เราเดินกันจนเหนื่อย ก็ตัดสินใจทานมื้อเย็นในย่าน Jordaan ค่ะ
แล้วก็มาจบที่ร้านอาหารญี่ปุ่นเล็กๆ เจ้าของร้านเป็นคนฮ่องกง
แต่ชอบอาหารญี่ปุ่นมาก และก็มาอยู่อัมสเตอร์ดัมตั้งแต่เด็ก
คุณลุงเป็นคนทำทุกอย่างเองในร้านค่ะ นางยังบอกอีกว่า
พวกเราโชคดีมากที่ไม่ได้ตั้งใจมาร้าน แต่ได้กิน เพราะ
ปกตินางจะเปิดตามอารมณ์5555555 เพราะนางอายุเยอะแล้ว
และก็ไม่ได้ทำการตลาดบน social media ใดๆ
ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มา คือเห็นรีวิวตามเว็บไซต์ต่างๆค่ะ
เราสั่งไป 3 อย่าง ก็อร่อยทั้ง 3 อย่างเลย
และคุณลุงดูแลดีมากจริงๆ ใครไปเที่ยวแล้วคิดถึงอาหารเอเชีย
อย่าลืมแวะไปทักทายคุณลุงนะคะ : )
ดูรูปเพิ่มเติมใน Google Map นะ
https://maps.app.goo.gl/ByeVC4SZ6qP7BECu9
เราสั่งเป็นเกี๊ยวซ่า สลัดผักรวม+สาหร่าย
กับ okonomiyaki ค่ะ ตัวเกี๊ยวซ่า
หนังกรอบแบบกัดดัง “แกร๊บ” 55555
เราชอบน้ำสลัด homemade Japanese soya
ปิดท้ายด้วยพิซซ่าญี่ปุ่น นุ่ม หนึบ กำลังดี ให้ไส้เยอะค่ะ : p
มื้อนี้หมดไป 47.30 EUR ประมาณ 1,800 บาท
ราคาแอบแรงเพราะเราทานน้ำเก็กฮวยมีฟองด้วย อิอิ
เช้าวันที่สามในอัมสเตอร์ดัม ฟ้าเปิด อากาศดีสุดๆ : D
ขอเล่าหน่อยว่า ปิงไปช่วงเดือนก.ค. ซึ่งเป็นหน้าร้อนค่ะ
แต่อยู่มาสามวัน อุณหภูมิอยู่ที่ 13 – 17 องศา เซลเซียส
ใครมีแพลนจะไปช่วงนี้ อย่าลืมเอาเสื้อกันหนาวไปเผื่อค่ะ
ที่แรกที่เราจะไปวันนี้คือ Eye Film Museum
จาก Zaandam นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Centraal
และเดินมาขึ้นเฟอร์รี่ข้ามฟากค่ะ จากนั้นเดินต่ออีกนิดหน่อย : )
ป.ล. มื้อเช้าเราทาน McDonald ใกล้ๆสถานีค่ะ มื้อไหนทานแมค จะไม่มีรูปประกอบนะ55555
Eye Film Museum
ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับภาพยนตร์ค่ะ ใครเรียน/ทำงานสายนี้
ห้ามพลาดเลย! มีจัดแสดงตั้งแต่วิวัฒนาการของกล้อง
การถ่ายรูป การถ่ายวิดีโอ และ ประวัติศาสตร์ของวงการภาพยนตร์
ที่นี่ยังมีโรงหนังขนาดย่อม ที่ฉายหนังเก่าๆ หรือหนังนอกกระแสหลักด้วย
แต่กิจกรรมที่ทำให้ปิงอยากมาที่นี่ คือ “Flip Book” ค่ะ
มันคือ หนังสือภาพถ่าย รวมภาพที่เราถ่ายภายในเวลา
ไม่กี่วินาที ด้วยใช้ชัตเตอร์ที่เร็วมากๆ ปริ้นท์ออกมาเป็นเล่ม
และพอเราเปิดหนังสือแบบเร็วๆ เราจะเห็นเป็นภาพเคลื่อนไหวค่ะ <3
ใครมาฮันนีมูนเหมือนคู่ปิง ตัว flip Book นี่เป็นของที่ระลึกที่ดีมากๆเลย
ค่าทำ Flip Book 7.95 EUR หรือประมาณ 300 บาท
ส่วนค่าเข้า eye Film Museum รวมอยู่ใน city card แล้วค่ะ
เข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.eyefilm.nl/en/flipbook/946413
เราไม่ได้เรียน/ทำงานสายฟิล์ม ยังรู้สึกอินเลย ^^
นิทรรศการบางส่วนจะเป็นนิทรรศการชั่วคราวนะคะ
ใครอยากเช็คตารางก่อนไปก็เข้าเว็บนี้เลย https://www.eyefilm.nl/en
เดินชมพิพิธภัณฑ์/ดูหนังเสร็จแล้ว ก็มานั่งจิบกาแฟ
ดูวิวแม่น้ำต่อได้ ที่คาเฟ่ใน Eye Film Museum เลยค่ะ
ร้านใหญ่มากกกก มีทั้งโซน indoor และ outdoor
ร้านเปิด-ปิดแต่ละวันไม่เท่ากันนะ เข้าดูข้อมูลได้ที่ลิงก์นี้ค่ะ
https://www.eyefilm.nl/en/restaurant
THIS IS HOLLAND
สารภาพว่า ที่นี่ไม่ได้อยู่ในแพลนเราเลย แต่มันอยู่ติดกับ
Eye Film Museum เลยลองเอาชื่อมาเสิร์ช
แล้วก็พบว่ามันคือ 5D flying experience หรือ
ประสบการณ์การบินแบบ 5 มิติ *O* เลยลุย!
รวมเวลาการเข้าชมทั้งหมด 1 ชั่วโมงค่ะ โดยช่วงแรก
จะเป็นการชมวิดีโอแนะนำเรื่องราว ประวัตศาสตร์ของเนเธอร์แลนด์
ซึ่งบอกเลยว่า วิดีโอทำดีมากๆ ไม่น่าเบื่อ ดูเพลินมาก ได้ทั้งความรู้และความสนุก!
พอดูวิดีโอจบ เขาก็จะพาเราไปที่ห้องบิน ซึ่งห้องนี้เขาห้ามถ่ายรูป/วิดีโอค่ะ
เหมือนเราไปนั่งอยู่บนเครื่องบิน แล้วบินชมประเทศเนเธอร์แลนด์
ซึ่งวิดีโอที่ฉายขนาดบิน เป็นฟุตเทจจริง ที่ทีมงานไปถ่ายตามสถานที่ต่างๆ
และเสียง กลิ่น ลม น้ำกระเด็น effect ต่างๆ คือทำให้เรารู้สึก
เหมือนบินอยู่จริงๆ มันดีมากๆค่ะ แนะนำให้มา!!
ค่าเข้ารวมอยู่ใน city card เรียบร้อยแล้ววววว
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์นี้ https://www.thisisholland.com/en/
Box Sociaal Jordaan
เรามาทานมื้อเที่ยงกันที่ Box social ค่ะ
เขาบอกว่าร้านนี้เป็น All-day Australian Brunch
และมี 2 สาขา คือ Plantage กับ Jordaan
เรามาที่สาขา Jordaan ซึ่งร้านค่อนข้างเล็กค่ะ
แนะนำว่าอย่าไปช่วงเที่ยง-บ่าย หรือถ้าจะไปควรจองโต๊ะก่อน
เมนูมีไม่เยอะ ส่วนใหญ่จะเป็นแซนวิช เบอร์เกอร์ หรือ toast
แต่เขาเอามาทำแบบฟิวชั่นค่ะ เราจำชื่อเมนูเป๊ะๆไม่ได้
แต่ประมาณ Jay Fai’s omelette / ไข่เจียวเจ๊ไฝ
เป็นเบเกิ้ลกับไข่เจียวกุ้ง เสิร์ฟกับผัก มะม่วงสด dressing
เผ็ดๆ เค็มๆ เล็กน้อยยย อร่อยดี แต่รสชาติไม่ได้ใกล้เคียงกับเจ๊ไฝเลย55555
ส่วนแฟนเราลองเป็น Sweet hot chicken
คือไก่ทอดซอสหวาน เผ็ด เสิร์ฟบนแพนเค้กกับเฟรนซ์ฟรายส์ค่ะ
เราสั่งเครื่องดื่มเป็น chai latte มื้อนี้หมดไป 40 EUR ถ้วน
หรือประมาณ 1,500 บาท
ป.ล. เขาเปลี่ยนเมนูเรื่อยๆนะ ใครไปตามอาจจะไม่เจอเมนูที่เราสั่งแล้วค่ะ
IG ร้าน : boxsociaal
https://www.instagram.com/boxsociaal/
Van Gogh Museum
จาก Box Sociaal เรานั่ง tram สาย 5 มา 4 ป้าย
แล้วเดินต่ออีกนิดหน่อยก็ถึง Van Gogh Museum ค่ะ
จะอยู่ใกล้กับ Stedelijk Museum ที่เรามาวันแรกของทริปเลย
** ขอบอกก่อนว่า ที่นี่ไม่ได้รวมอยู่ใน City Card นะคะ
ต้องจองตั๋วผ่านเว็บไซต์เท่านั้น ไม่มีการไปซื้อตั๋วที่ Museum นะ
https://www.vangoghmuseum.nl/en
ค่าเข้าคนละ 22 EUR ยังไม่รวมค่า Audio guide คนละ
3.75 EUR ซึ่งเราแนะนำให้ซื้อค่ะ เพราะใน Audio
จะอธิบายที่มาของแต่ชิ้นงาน / เรื่องราวของ Van Gogh
อย่างละเอียดมาก บวกกับ จำนวนคนเยี่ยมชมเยอะ
ถ้าเราไปรอต่อคิวอ่านป้ายทีละรูป จะใช้เวลานานมากๆค่ะ
Vincent Van Gogh เป็นศิลปินชาวดัตช์ที่มีผลงานโดดเด่น
และทรงอิทธิพลต่อวงการศิลปะทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นภาพวาด
Self-Portrait ตัวเอง หรือ ภาพที่มีชื่อเสียงมากๆ อย่าง
Starry Night, Sunflowers, The Bedroom ฯลฯ
ก็มีให้ชมที่นี่ค่ะ รวมถึงเรื่องราวของ Van Gogh ก่อนจะกลายมาเป็น
ศิลปินชื่อดัง เขาก็เรียบเรียง timeline มาให้แบบจัดเต็ม : )
Van Gogh เป็นศิลปินลัทธิ Post-Impressionism
ความโดดเด่นของชิ้นงานของเขา อยู่ที่ฝีแปรงที่ทรงพลัง
และการเลือกใช้สีที่ถ่ายทอดอารมณ์/ความรู้สึกได้
โดยเฉพาะการใช้สีโทนร้อน คู่กับโทนเย็น ที่ต่างกับ
ศิลปินจำนวนมากในสมัยนั้น และทำให้งานของเขาเป็นเอกลักษณ์
ภายในพิพิธภัณฑ์ยังมีของส่วนตัวของ Van Gogh หรือ
แม้แต่จดหมายที่เขาเขียนถึงครอบครัว ในช่วงเวลาต่างๆ
เพื่อให้เราเข้าใจถึงที่มา/ความรู้สึก ที่เขามีต่อชิ้นงานในช่วงนั้นๆมากขึ้นด้วย
* ขอย้ำว่า ถ้ามาอัมสเตอร์ดัม ต้องมาที่นี่ค่ะ *
ด้านหนึ่งของผนังใน museum จะเป็นการ
ฉายผลงานของ Van Gogh ค่ะ ขนาดใหญ่เลย
รูปจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ดูเพลินมาก : )
และร้านขายของที่ระลึกของที่นี่คืออลังการมากค่ะ
อะไรที่เรานึกออก เป็นของที่ระลึกได้ เขามีหมด
และเป็นการเอาลายเส้น/ชิ้นงานของ Van Gogh มาทำ
น่าซื้อฝากเพื่อน/ครอบครัวมากๆค่ะ <3
XIAN Delicious Food
ปิดท้ายวันที่สามด้วยอาหารจีน ^^
ถ้าสังเกต จะเห็นว่าเราทานอาหารเอเชียทุกวัน555555
ใช่ค่ะ เพราะปิงชอบอาหารเอเชียมากกว่าอาหารฝรั่ง
ใครจะไปตามทริปนี้ ถ้าชอบอาหารฝรั่ง อาจจะต้องหาข้อมูลเพิ่ม
นิดนึงนะคะ : D จาก Van Gogh Museum
นั่ง Tram สาย 12 มาป้ายเดียว แล้วเดินต่ออีกหน่อย ก็ถึงค่ะ
ร้านนี้เป็นร้านอาหารจีนที่ขายก๋วยเตี๋ยวเป็นหลักค่ะ
มีทั้งก๋วยเตี๋ยวน้ำ ก๋วยเตี๋ยวแห้ง ก๋วยเตี๋ยวผัด ส่วนเมนูอื่นๆ
ก็เช่น เกี๊ยว ยำแตงกวา ของทานเล่น ฯลฯ
เราสั่งก๋วยเตี๋ยวผัดใส่หมูกรอบ รสชาติคล้ายๆผัดซีอิ๊วค่ะ
เส้นเหนียว นุ่มมาก อร่อยค่ะ อีกจานเป็นก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น
ซอสเผ็ด เค็ม กำลังดี ทั้งเราและแฟนเลิฟจานนี้มาก <3
ค่าเสียหายมื้อนี้ 35.75 EUR หรือประมาณ 1,400 บาทค่ะ
IG ร้าน : https://www.instagram.com/xiandeliciousfoods/
Dappermarkt
เช้าวันที่สี่ในอัมสเตอร์ดัม ^^
เชื่อมั้ยว่า สามวันที่ผ่านมา เราเก็บไปแล้วเกิน 20 พิกัด!
บอกแล้วว่า ใครจะตามรอยทริปนี้ ออกกำลังกายด่วนๆค่ะ >//<
จาก Zandaam เรานั่งรถไฟมาลงที่สถานี Amsterdam Muiderpoort
แล้วเดินต่อเกือบ 10 นาที ก็จะถึงตลาด Dappermarkt ค่ะ
ที่นี่เป็นตลาดนัดบนถนนเส้นหนึ่ง ร้านค้าต่างๆก็จะอยู่บนถนนเลย
มีขายตั้งแต่เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ ไปจนถึง เสื้อผ้า ของใช้ในบ้าน ฯลฯ
มี food truck บ้างค่ะ แต่ไม่เยอะ ใครกลัวทานที่นี่ไม่อิ่ม
จะทาน Mcdonald มาก่อนแบบปิงก็ได้ค่ะ ประหยัดดี55555
จากที่ดู ตลาดนี้มีความคล้าย JJ บ้านเราอยู่นะ แต่หน้าตาพ่อค้าแม่ค้า
เส่วนใหญ่ เหมือนจะไม่ใช่คนดัตช์ค่ะ ดูแขกๆ/middle east นะ
อย่างเสื้อผ้าผู้หญิงก็จะเป็นเสื้อคลุม ปิดทั้งตัวซะเยอะ
เราไม่ได้อะไรติดมือมาเลย ไปเอาบรรยากาศเฉยๆค่ะ : )
ที่นี่เปิดจันทร์ – เสาร์ 9.00 – 17.00 น. นะ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บนี้ค่ะ https://www.dappermarkt.nl/english-information/
เราลอง poffertjes/โปฟเฟอร์เจิส ไป มันคือมินิแพนเค้กของชาวดัตช์
แป้งนุ่ม ฟู และสามารถเลือกหน้า/topping ได้ เราสั่งเป็น original
ที่โรยน้ำตาลไอซิงมาค่ะ อร่อยดีค่ะ ราคา 4 EUR เท่านั้น : p
Royal Palace Amsterdam
ที่นี่คือพระราชวังหลวงแห่งอัมสเตอร์ดัม สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 17
เคยเป็นศาลากลางยาวนาน 150 ปี ก่อนที่จะกลายเป็น
พระราชวังของกษัตริย์หลุยส์ นโปเลียน และปัจจุบันกลายเป็น
สถานที่จัดงานของราชวังดัตช์ และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมค่ะ
ด้านในตกแต่งได้สวยงามและประณีตมากๆ ทั้งเฟอร์นิเจอร์
รูปปั้น ภาพวาด โคมไฟระย้า และ ของโบราณอื่นๆ
ที่นี่ไม่ได้เปิดให้เข้าชมทุกส่วนนะคะ ที่เข้าชมได้จะเป็น
ห้องโถง ห้องรับแขก ห้องทานอาหาร บางส่วนเท่านั้น
ซึ่งก็หรูหรา อลังการ มากๆค่ะ ช่วงที่ปิงไปเขามีจัดแสดง
ชิ้นส่วนที่นำมาจากหลังคา หรือ ส่วนอื่นๆภายนอกอาคารด้วย
โดยมีวิดีโอ เป็นผู้เชี่ยวชาญในศิลปะแขนงนั้นๆมาอธิบาย
ถึงความสำคัญของแต่ชะชิ้น พร้อมกับวิธีที่เขาดูแลรักษา
หรือซ่อมบำรุง ให้ชิ้นส่วนเหล่านั้นยังอยู่กับอาคารได้จนถึงทุกวันนี้
งานปั้น งานแกะสลักตามผนัง คือละเอียดมาก!
ถ้าเทียบกับพวกสถานที่ที่ปิงไปในโคเปนเฮเกน
ประเทศเดนมาร์ก ปิงว่าศิลปะของชาวดัตช์
จะเรียบง่าย ลวดลายน้อยกว่า แต่มันดูหรู ดูแพง
ใครมีแพลนจะไปโคเปนเฮเกนด้วย ก็อย่าลืมไปอ่าน
รีวิวนี้ค่ะ https://tinyurl.com/3c4y8y3m
สุดท้าย Royal Palace Amsterdam
มีค่าเข้าชมคนละ 12.5 EUR นะ แนะนำให้
จองผ่านเว็บไซต์ไป จะดีกว่าไปต่อแถวจองหน้างานค่ะ
https://www.paleisamsterdam.nl/en/visit/
Da Filippe
ออกมาจาก Royal Palace ฝนก็ตกพอดี
เราเลยหาอะไรง่ายๆทานแถวนี้ค่ะ ซึ่งร้าน Da Filippe
เดินไปแค่ 4 นาทีก็ถึงแล้ว เป็นร้านอาหารอิตาเลียนเล็กๆ
เสิร์ฟเมนูพาสต้ากับพิซซ่าโฮมเมดค่ะ ทำโดยคุณลุง
ชาวอิตาลี ที่ย้ายมาอยู่อัมสเตอร์ดัม คุณลุงน่ารักมาก
ดูแลพวกเราดีสุดๆ เราสั่ง Carbonara กับ
Bolognese ไป จานแรกแอบจืดไปนิดค่ะ
ส่วนจานสองอร่อย ลงตัวมาก ซอสมะเขือเทศหวาน เค็มนิดๆ
มื้อนี้หมดไป 32 EUR หรือ ประมาณ 1,200 บาท
ร้านไม่มี Instagram นะ ไปตาม map ได้เลย
ดูรูปเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์นี้ https://g.co/kgs/EAyuuiq
van Wonderen Stroopwafels
กินของคาวแล้ว ก็มาต่อด้วยของหวานค่ะ
จาก Da Filippe เดินมาร้านนี้แค่ 5 นาทีเท่านั้นเอง
ขอเล่าก่อนว่า Stroopwafels คือขนมที่ทำมาจาก
วาฟเฟิลแผ่นบาง 2 แผ่นประกบกัน และสอดไส้ด้วยคาราเมล
ด้านนอกมี topping หลากหลาย เช่น ช็อกโกแลต,
มาชเมลโล่, คอนเฟลก ฯลฯ ซึ่งเป็นขนมชื่อดังของเนเธอร์แลนด์ค่ะ
ที่จริงในอัมสเตอร์ดัมมีร้านที่ขาย Stroopwafels หลายร้าน
แต่เราเลือกร้านนี้เพราะอยู่ใกล้นะ : ) เราสามารถเลือก
ไซส์ Stroopwafels ได้ ซึ่งปิงแนะนำให้เลือก s, m
เพราะมันหวานม๊ากกกก555555 ถ้าชิ้นใหญ่ไปกินไม่หมดค่ะ
แสบคอค่ะ!55555 กับปิงไม่แนะนำร้านนี้เลยเพราะพนักงาน
มารยาทไม่ค่อยดี หน้าเหวี่ยง และปิงว่าเขา racist ค่ะ
เพราะตอนปิงเข้าไปสั่ง มีคนนั่งทานอยู่ในมุมนึงของร้าน
แต่พอมาคนนั้นไป เราไปนั่งต่อ ตะโกนใส่เราว่า “don’t sit!”
แบบ “ห้ามนั่ง” ตะโกนมาจากเคาน์เตอร์คิดเงิน เสียงดุมาเลย
พอเรายืนกินไปสักพัก มีคนขาว 2 คนมานั่ง จนเรากินเสร็จ เดินออก
ก็ไม่มีใครว่าอะไรค่ะ… เราอาจจะคิดไปเองนะ แต่ไม่ประทับใจอย่างแรง T_T
Fabrique des Lumières
จากร้าน Stroopwafels นั่ง tram สาย 19 มา
8 ป้าย หรือประมาณ 10 นาที แล้วเดินต่ออีกนิดหน่อย
ก็จะถึง Fabrique des Lumières ค่ะ
ที่นี่จัดแสดง digital art บนกำแพงสูง 17 เมตร!
เขาเอาภาพวาด/งานศิลปะชื่อดังมาทำเป็นวิดีโอ
ฉายไปบนกำแพง พร้อมใส่ดนตรีประกอบ! แสง สี เสียง จัดเต็ม
อลังการมาก และกระตุ้นจินตนาการของเรามากค่ะ : D
** เป็นอีกที่ที่ปิงแนะนำจริงๆ ว่าต้องไป มันควรค่าแก่การไป
ถึงจะไม่รวมอยู่ใน city card ก็เถอะ… ปกติค่าเข้าอยู่ที่
คนละ 17 EUR ค่ะ แต่ถ้าเรามี city card จะลดเหลือ 13 EUR
ต้องจองล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์เท่านั้นนะ
https://www.fabrique-lumieres.com/en/online-ticketing
และแต่ละช่วง เขาแสดงงานของศิลปินคนละคนกัน
อย่างตอนที่ปิงไปจะเป็นงานของ Van Gogh กับ Mondriaan ค่ะ
เขาเอาภาพวาดมาทำให้ดูมีชีวิต เคลื่อนไหวได้
เล่นกับแต่ละองค์ประกอบ และใส่เพลงให้เราเกิดความรู้สึกร่วม
ในแต่ละรอบ จะมีเวลา 1 ชั่วโมงค่ะ อย่านั่งดูอยู่แค่มุมเดียวนะ
เดินดูให้ทั่ว เพราะแต่ละจุด มีลูกเล่นไม่เหมือนกัน และเวลา 1 ชั่วโมง ผ่านไปเร็วมากๆค่ะ : )
O TEMBA Ramen
และแน่นอน ไม่มีวันไหน ไม่กินอาหารเอเชีย55555555555
แง๊… ใครรักอาหารฝรั่ง อย่าเพิ่งอันฟอลปิงนะค้า >//<
ร้าน O TEMBA เป็นร้านราเมน layout ของร้านค่อนข้างแปล
เพราะมีทั้งชั้นลอย และชั้นใต้ดินเลย ผนังรอบๆร้านเพ้นต์ด้วยสีสันสดใส
ใครมาตอนกลางคืนก็จะได้ฟีลบาร์หน่อยๆ เพราะเขาเสิร์ฟแอลกอฮอลด้วย
นอกจากราเมนแล้ว เขายังมีของทานเล่น อย่าง เกี๊ยวซ่า มันฝรั่งทอด ฯลฯ
ในรูปคือ Special Ramen หรือเมนูพิเศษที่ทางร้านเปลี่ยนทุกๆ 2 สัปดาห์ค่ะ
เราได้เป็นราเมนแกงกะหรี่ เสิร์ฟกับไข่ กุ้งเทมปุระ และ ผัก
จานนนี้เข้มข้นมาก เผ็ดน้อยค่ะ อีกจาน (ไม่มีรูป) เป็น Tonkotsu
น้ำซุปใส ใส่ black garlic กับ หมูสามชั้น อร่อยไม่แพ้กันค่ะ
แต่จานนี้กินไปเรื่อยๆเริ่มเค็ม : p มื้อนี้รวมน้ำเปล่า หมดไป 44.4 EUR
หรือประมาณ 1,700 บาท ราคาค่อนข้างแรงค่ะ
IG ร้าน : otemba.ramen
https://www.instagram.com/otemba.ramen/
BOOM CHICAGO
ใครชอบดูเดี่ยวไมโครโฟน ต้องมาที่นี่!!
ปิงเป็นคนนึงที่ชอบดูเดี่ยวไมโครโฟนตั้งแต่เด็ก เริ่มจากดูคนไทยนี่แหละ
ตอนไปเรียน-ทำงานที่ออสเตรเลีย ปิงก็เริ่มดูเดี่ยวเป็นภาษาอังกฤษ
ส่วนใหญ่จะเป็นของอเมริกาค่ะ แล้วก็ชอบมาตลอด
ที่ Boom Chicago เป็นที่ให้กำเนิดนักแสดงตลก/ดารา/พิธีกรมากมาย
พวกเขาเริ่มจากการมาเดี่ยวไมโครโฟนที่นี่แหละ *O*
วันธรรมดา เปิดตั้งแต่ 18.00 น. ส่วนวันเสาร์ อาทิตย์ เปิดตั้งแต่ 12.00 น. ค่ะ
แต่ละวันมีโชว์ไม่เหมือนกันนะ เข้าไปเลือกได้ที่เว็บเขาเลย
https://boomchicago.nl/shows/
ตอนปิงไป เลือกเป็นโชว์ Double Trouble คือเป็นการ
เดี่ยวไมโครโฟนแบบ 2 คน คู่กัน ได้ดูด้วยกัน 2 คู่ค่ะ
ช่วงที่ชอบมากเลยคือ improv คือไม่มีบท เป็นการเล่นสด
และInteract กับคนดู เราไม่รู้จะอธิบายยังไงว่ามันตลกมาก…
เพราะเขาก็ไม่ให้อัดวิดีโออ่ะเนาะ เอาเป็นว่า ปิงและแฟน ขำจนร้องไห้ทั้งคู่ค่ะ >//<
ใครที่ชอบดูเดี่ยวภาษาอังกฤษคือต้องมาจริงๆ เรายังอยากกลับไปอีกเลย!
ป.ล. ราคาแต่ละโชว์ไม่เท่ากัน แต่ถ้ามี city card จะได้ส่วนลดค่ะ
เราไปซื้อหน้างาน 2 คน เหลือ 22.90 EUR หรือ เกือบ 900 บาท
ซึ่งพอเข้าไปแล้ว ก็สั่งเครื่องดื่มที่บาร์ เอาไปดื่มตอนดูโชว์ได้
LERA
วันสุดท้ายในอัมสเตอร์ดัมแล้วทุกคนนนน!
คืนนี้เรามีไฟล์ทบินไปเวนิส ประเทศอิตาลี เที่ยว 21.55 น.
เราเลยยังมีเวลาเที่ยวอีกทั้งวันค่ะ ^^ เราเช็คเอ้าท์และ
ฝากกระเป๋าเดินทางไว้ที่ lobby ของโรงแรม จากนั้น
นั่งรถไฟมาลงสถานี Centraal แล้วเปลี่ยนไปขึ้น Metro
มาลงที่สถานี De Pijp จากนั้นเดินต่ออีก ไม่ถึง 5 นาทีค่ะ
ร้าน LERA เป็น specialty matcha
เสิร์ฟเมนูมัทฉะสุดครีเอทีฟ ที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน อย่าง
Sweet Berries Matcha Latte, Peanut Butter
and Strawberry Matcha Latte และ
Pistachio Cloud Matcha Latte นอกจากนี้ยังมี
เมนูขนมอย่าง matcha almond croissant,
matcha cookies, matcha cheesecake ฯลฯ
ในร้านยังขายผงมัทฉะพรีเมี่ยมและอุปกรณ์ทำมัทฉะ
ให้เราซื้อกลับไปทำเองที่บ้านด้วย <3 ปิงชอบร้านนี้มาก
ร้านก็ดีไซน์มินิมอล ถ่ายรูปสวยทุกมุมเลย วัยรุ่นเทสดี ต้องมา!
IG ร้าน : lera.matcha
https://www.instagram.com/lera.matcha/
เราลอง Pistachio Cloud Matcha Latte
คือชอบม๊ากกกกกก ตัวโฟมนุ่ม เนื้อละเอียด หอม Pistachio
และพอคนให้เข้ากับมัทฉะ มันนัวสุดๆเลย >//<
ส่วนแก้วขวาคือ Peanut Butter and Strawberry
Matcha Latte หวาน มัน แบบแปลกๆ แต่ก็อร่อยดีค่ะ
2 แก้ว โดนไป 13.8 EUR หรือประมาณ 500 บาท
(ที่นี่ กาแฟแก้วละ 200 – 250 บาท คือปกติค่ะ)
ใครเป็น matcha lover ห้ามพลาดร้านนี้เลย!
SAINT-JEAN Bakery
เราเที่ยวหนักกันมาหลายวันแรก วันนี้เลยตกลงกันว่า
จะเที่ยวแบบชิลล์ๆพอค่ะ : ) จาก LERA
เรามาต่อกันที่ SAINT-JEAN Bakery
เป็นร้านเบอเกอรี่โฮมเมดชื่อดัง ที่เราเห็นคน local
รีวิวกันเยอะม๊ากกกก ร้านเล็กนิดเดียว มีที่นั่งไม่เยอะ
ตอนเราไปถึงคิวยาวออกมาข้างร้าน รอคิวประมาณ 20 นาทีค่ะ
พอถึงคิวเราเลือกและสั่งตรงเคาท์เตอร์ได้เลย
แต่วันเมนูไม่เหมือนกัน นอกจากบางตัวที่ขายดีจริงๆ
จะมีทุกวัน และหมดเร็วมากค่ะ เราตั้งใจไปกิน Pistachio
ก็หมดตั้งแต่ยังไม่ครึ่งวันเลย T_T เลยลองเป็นตัว
Seasonal bun ไส้เบอร์รี่แทนค่ะ แป้งนุ่ม ไส้เยิ้ม
ราคาชิ้นละ 4-6 EUR นะ ใครจะไปตามรอย แนะนำให้ไปเช้าๆค่ะ
IG ร้าน : saintjean.nl
https://www.instagram.com/saintjean.nl/
ที่นั่งมีเท่าที่เห็นในรูปเลยค่ะ…
แนะนำให้ซื้อ takeaway แล้วไปหาที่นั่งทานแถวนั้นนะ : )
H’ART Museum
เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Amstel ในอัมสเตอร์ดัม
รวบรวมผลงานศิลปะที่มีชื่อเสียงจากทั่วโลกมาจัดแสดง
เป็นนิทรรศการชั่วคราว และเปลี่ยนไปเรื่อยๆค่ะ
โดยมี Museum Van De Geest หรือ Museum of the Mind
เป็นส่วนหนึ่งของอาคารด้วย ในโซน Museum of the mind
จะบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ / เหตุการณ์สำคัญของมนุษย์
เพื่อให้เราเข้าใจการทำงานของสมองของเรา และ สิ่งที่อยู่ในจิตใจของเราด้วย
เข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์นี้ค่ะ
https://museumvandegeest.nl/english-information/
ส่วนของ H’ART Museum ก็แบ่งออกเป็น
Amsterdam Museum wing และ Kandinsky ค่ะ
ไม่ต้องเสียค่าเข้าชม เพราะรวมอยู่ใน city card แล้วค่ะ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.hartmuseum.nl/en/
ในส่วนของ Amsterdam Museum wing
นำเสนอเรื่องราวประวัติศาสตร์ดั้งเดิมของอัมสเตอร์ดัม
มี collection เป็นวัตถุต่างๆกว่า 100,000 ชิ้น
เช่น เสื้อผ้า จาน ชาม เครื่องประดับ ฯลฯ ส่วนที่เป็น
นิทรรศการชั่วคราวก็จะเปลี่ยนหัวข้อไปเรื่อยๆ ตอนที่เราไป
เป็นการบอกเล่ามุมมองของคนที่อาศัยอยู่ในอัมสเตอร์ดัม
เช่น เรื่องคนไร้บ้าน ความหลากหลายทางเชื้อชาติ
ถ่ายทอดออกมาเป้นงานศิลปะ หรือ วิดีโอสั้นๆค่ะ
ส่วนโซนที่เป็นการจัดแสดงงานศิลปะ ตอนที่เราไป เขาจัดแสดงงานของ
Wassily Kandinsky ศิลปินสมัยใหม่ ที่เป็นที่รู้จักจาก
ภาพวาดนามธรรม เต็มไปด้วยรูปทรงต่างๆ ในงานมีผลงานของเขา
กว่า 60 ชิ้น ที่บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของเขาได้อย่างดี
ใครชอบงานศิลปะ และสนใจมาที่ H’ART Museum เข้าไปดู
ข้อมูลในเว็บไซต์เขาก่อนก็ได้ ว่าช่วงที่เราจะมา มีนิทรรศการที่เราสนใจมั้ย : )
https://www.hartmuseum.nl/en/
Phu Thai
จบทริปด้วยอาหารไทยที่คิดถึง :”D
ร้านนี้เพื่อนปิงที่อยู่อัมสเตอร์ดัมแนะนำมาค่ะ
ว่ารสชาติถูกปากคนไทย กินแล้วเหมือนได้บินกลับไทย!
เป็นร้านเล็กๆ มีที่นั่งไม่มาก ไม่ได้ตกแต่งอะไรมากมาย
แต่อาหารทำถึง! เมนูมีหลากหลายค่ะ ทั้งทอด ผัด
ต้ม ยำ แกง ก๋วยเตี๋ยว ฯลฯ ใครมาเที่ยวแล้วคิดถึงอาหารไทย
มาร้านนี้ได้เลย! เราสั่งลาบหมู กับ ผัดซีอิ๊วไป อร่อยทั้งคู่
แต่ต้องขอกราบลาบหมูจานนี้ เพราะอร่อยกว่ากินที่ไทยอี๊ก55555
ร้านเปิด 12.00 – 21.30 น. นะคะ ขอแปะ IG ร้านให้ค่ะ
https://www.instagram.com/phuthaithaitakeaway/
จบทริปอัมสเตอร์ดัม 5 วัน 33 พิกัด สุดจึ้ง!!
เที่ยวคุ้มค่าตั๋วม๊ากกกกกกก >//< ใครชอบรีวิวละเอียดๆแบบนี้
อย่าลืมไปตามอ่านรีวิว “โคเปนเฮเกน เดนมาร์ก” ด้วยค่ะ
เที่ยว 5 วันเหมือนกัน แต่วันสุดท้ายไม่เต็มวัน ^^
ลิงก์นี้ https://tinyurl.com/3c4y8y3m
สุดท้าย ฝากติดตาม 𝐁𝐥𝐢𝐬𝐬 𝐎𝐮𝐭 𝐓𝐡𝐞𝐫𝐞 ให้ครบทุกช่องทางด้วยน้า ^^
FB : https://www.facebook.com/BlissOutThere/
IG : https://www.instagram.com/blissoutthere/
TikTok : https://www.tiktok.com/@blissoutthere
YouTube : https://www.youtube.com/c/BlissOutThere
Website : https://blissoutthere.com/
แล้วเจอกันในรีวิวต่อไปปปป ขอบคุณค่ะ : D
Bliss Out There
วันอังคารที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2567 เวลา 17.59 น.