" เมื่อลมหนาวหวนมา.. จะตื่นจากหลับใหล "

ท่อนเพลงส่วนหนึ่งของบทเพลง "มาตามสัญญา" ของพี่ปู พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ กระตุ้นอยู่ในความรู้สึก ในยามที่ผิวของร่างกายเรา ได้สัมผัสกับสายลมของฤดูหนาว..

เมื่อทุกหัวใจรวมตัวกันอีกครั้งในฤดูหนาว การเดินทาง มาตามสัญญา ของพวกเราผองเพื่อนก็เริ่มต้นขึ้นเสมอ.. ตั๋วเครื่องบินจากสายการบินติดปีก ในราคาโปรโมชั่น ทำให้พวกเราเดินทางกันสะดวกร่างกาย สบายกระเป๋าสตางค์ เป้าหมายจากปลายสายลมหนาว ก็ยังเป็น "เชียงใหม่" อีกครั้ง..

การเดินทางขึ้นสู่ดอยอินทนนท์ในเดือนพฤศจิกายน ของพวกเรามาพร้อมกับความหวังที่จะได้สัมผัสกับสภาพอากาศที่หนาวเย็น คืนนั้นเราเดินทางไปพักแรมกันที่ "น้ำตกห้วยทรายเหลือง" ที่ตรงนี้มีบ้านพักและลานกางเต้นท์ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว ในตอนกลางคืนพวกเราล้อมวงนอนชมดาวตกกัน คนนั้นเห็น อีกคนไม่เห็น หัวเราะ ดื่มเบียร์ สรวลเสเฮฮากันจนดึกดื่น

" น้ำตกห้วยทรายเหลือง " มีความงดงามมาก ขนาดของน้ำตกมีขนาดสูงใหญ่ สายน้ำค่อนข้างเชี่ยวและไหลแรง ทางเจ้าหน้าที่ของดอยอินทนนท์ ได้ติดป้ายแจ้งไว้ว่า ห้ามลงเล่นน้ำบริเวณนี้ เพราะค่อนข้างอันตราย สำหรับฉันนั้น แค่ได้เพียงยืนมองขนาดและความงามของน้ำตกแห่งนี้ก็คงเพียงพอแล้ว สวยเสียจนเก็บภาพไม่ได้อย่างที่ดวงตาเรามองเห็น น้องชายราสต้าของเราบอกว่า ความงามบางอย่างเราก็ควรเก็บไว้ในความทรงจำ..

หลังจากเราพักแรมกันที่น้ำตกห้วยทรายเหลืองจำนวนหนึ่งคืน ฉันตั้งนาฬิกาปลุกตัวเองตอนเช้าในเวลาตีห้า และลุกขึ้นมาปลุกพร้อมป่วนเพื่อนๆ ให้เร่งออกไปดูทะเลหมอกที่ "กิ่วแม่ปาน" หลังจากรวมพลและดื่มกาแฟยามเช้ากันกว่าจะเรียบร้อย ก็เลยเวลาไปเกือบแปดโมงเช้า จึงออกเดินทางจากที่พักขึ้นไปที่กิ่วแม่ปาน พอถึงกิ่วแม่ปาน ก็ทำการซื้อตั๋วค่าเข้าเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปานกับทางอุทยาน พร้อมด้วยจองตัวไกด์ท้องถิ่นตัวน้อยที่ไว้คอยเดินเป็นเพื่อนและให้ข้อมูลท้องถิ่นของกิ่วแม่ปานไปกับพวกเราด้วย

"เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน" มีระยะทาง 3.2 กิโลเมตร ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 2,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล อยู่ในเขตดอยอินทนนท์ เปิดให้เที่ยวชมได้ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-มิถุนายน ของทุกปี

เมื่อเราเดินผ่านเส้นทางที่เป็นป่าดิบชื้นนี้ ฉันได้ยินเสียงที่เรียกว่า " เสียงของป่า" มีเสียงนก เสียงลำธาร เสียงลม เสียงต้นไม้โยกเสียดสีกัน เป็นเพื่อนระหว่างเดินทาง ..

เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปานนี้ การเดินทางไม่ค่อยลำบาก เดินได้เรื่อยๆ เหนื่อยก็พักดื่มน้ำบ้าง เราเดินผ่านดิน ผ่านหิน ผ่านป่า ผ่านลำธาร ผ่านน้ำตก ฉันรู้สึกว่าธรรมติของที่นี่ก็ยังสมบูรณ์ดีอยู่ ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ช่วยกันรักษาสภาพธรรมชาติของที่นี่ไว้ โดยมีช่วงเวลาให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม และช่วงเวลาที่ปิดป่ากิ่วแม่ปานเพื่อฟื้นฟูสภาพป่าไม้ให้ได้พักฟื้นบ้าง


ระหว่างทางเดินฉันเห็นมอสสีเขียวสด และต้นเฟิร์นป่า ขึ้นอยู่มากมาย เดินอยู่ในนี้รู้สึกสบาย เย็นฉ่ำ ต้นไม้ ใบไม้ เขียวขจี ดีจัง พอเราเดินมาสักพัก ก่อนจะออกสู่เนินเขาของกิ่วแม่ปาน เราจะได้พบเนินเขา ที่มีลักษณะเป็น ทุ่งหญ้ากึ่งอัลไพน์ ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษของดอยอินทนนท์ ต้นหญ้าที่มีสีทองอร่าม ปลิวพริ้วไหวตามสายลม โยกไปโยกมา สบายตา..

พอเราเดินออกมาจากป่าดิบ สู่ทุ่งหญ้าเนินเขานี้ จำต้องรู้สึกยิ้มกว้าง อยากจะวิ่งโลดแล่นในทุ่งหญ้า อากาศดีมากๆ แสงแดดอ่อนๆกำลังดี ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าร้อนมากเกินไป มองไปไกลๆ เหมือนว่าเราจะไม่ผิดหวัง ทะเลหมอกที่เราคาดหวังว่าจะได้พบ กำลังรอเราอยู่ไกลลิบๆ

"กิ่วแม่ปาน" มีตำนานเล่าขานว่าเป็น ป่าสองมุม บนสันเขา ด้วยลักษณะ ลาดเขาด้านล่างเป็นเชิงดอยที่มีอากาศร้อนชื้น จึงมีพันธุ์ไม้ใบกว้างและไม้ยืนต้นโตเร็วเป็นจำนวนมาก ส่วนบนสันดอยมีหมอกปกคลุม แดดส่องน้อยกว่าจึงเป็นพันธุ์ไม้ใบเล็กพุ่มเตี้ยเสียมากกว่า บริเวณแถบนี้จึงเรียกว่า "ป่าร้อน ป่าหนาว"

จุดชมวิว กิ่วแม่ปาน.

" หินคู่รัก " ตรงกลางหินคู่รัก มีก้อนหินรูปหัวใจด้วย

ที่นี่ มีกุหลาบหินพันปี จะคอยออกดอกอวดโฉมสีแดงสด ในทุกๆ ฤดูหนาว พวกเราเดินเล่น ชมวิว ชมบรรยากาศของสายหมอกอยู่นาน เร่งเติมอ๊อกซิเจนเข้าปอดไว้ให้มากๆ ก่อนจะกลับเมืองกรุงเทพรมควัน

"กิ่วแม่ปาน" ป่าสองมุมบนสันเขา แห่งยอดดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ สถานที่แห่งนี้ยังคงอยู่ในความทรงจำเสมอสำหรับฉัน และเมื่อสายลมแห่งฤดูหนาวพัดมา เรื่องราวและบรรยากาศในวันนั้น ก็หวนกลับมาให้เราได้ยิ้มไปกับมันอีกครั้ง สถานที่ที่มีต้นไม้ ป่าไม้สีเขียวชุ่มฉ่ำ ท้องฟ้าสีฟ้าพาสเทล ทุ่งหญ้าสีเหลืองทองที่พริ้วไหวตามสายลม สายหมอกสีขาวที่ไหลจากขอบฟ้ามาห่มเมืองด้านล่างไว้ แสงแดดอ่อนๆที่กระทบพอให้อุ่นกาย หากมีโอกาส เราคงได้กลับมาพบกันอีก.


นักเดินทางทุ่งดอกไม้.

เดือนพฤศจิกายน 2558

ความคิดเห็น