สวัสดีเพื่อนๆทุกท่านครับ ครั้งนี้ผมจะพาไป กิน เที่ยว พักผ่อน ที่พัทยาและสัตหีบกันครับ ทริปนี้ผมเริ่มต้นเดินทางจากนครราชสีมาด้วยรถยนต์ส่วนตัว ต้องบอกว่าเป็นครั้งแรกของการขับรถเที่ยว เพราะปกติจะอาศัยรถทัวร์หรือไม่ก็สายการบินต้นทุนต่ำในการเดินทาง ครั้งนี้ที่เลือกจะขับรถเที่ยวเองเพราะต้องการความสะดวกและความคล่องตัว
รายละเอียดของทริป
ระยะเวลา 4 วัน 3 คืน
ที่พัก Cape Dara Pattaya
ที่เที่ยว เกาะแสมสาร, ฟาร์มแกะพัทยา และ J-Park ศรีราชา
ที่กิน The Sky Gallery Pattaya, ศรีนวล ซีฟู้ด, Surf & Turf Pattaya และ Hako Ramen @J-Park
Day1
ผมเริ่มออกเดินทางจากนครราชสีมาตั้งแต่ 06:30 เพื่อหลีกเลี่ยงรถติดในช่วงวันหยุด ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง ก็เข้าสู่เขตเมืองพัทยา มองไปที่นาฬิกา 11:30 พอดีท้องก็เริ่มหิวจึงคิดว่าน่าจะหาอะไรทานกันก่อนที่จะไปที่พัก อย่ามัวรอช้าเปิด GPS เพื่อมุ่งตรงไปยังร้าน“The Sky Gallery Pattaya"กันเลย
The Sky Gallery Pattay
เป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่บนหน้าผา ร้านเปิดโล่งรับลมทะเล เต็มไปด้วยร่มไม้และพืชสีเขียว ช่วยเติมความชุ่มชื่นและสดชื่นให้กับปอดได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ที่นั่งมีให้เลือกหลากหลายแบบ ทั้งโต๊ะเก้าอี้แบบมาตรฐาน หรือจะเป็นเก้าอี้แบบโซฟา และถ้าอยากนั่งสบายๆก็สามารถเลือกนั่งกับพื้นหญ้าเทียมได้เช่นกัน
บาร์น้ำตั้งอยู่ใกล้กับทางเข้า
ที่นั่งมีให้เลือกหลากหลาย มองเห็นวิวทะเลทุกที่นั่ง
จุดเด่นของที่นี้คือพื้นที่สีเขียวและมีร่มไม้จากต้นไม้ใหญ่ค่อยพังแดด
วิวจากร้านอาหาร
อาหารและเครื่องดื่มที่นี้มีให้เลือกทั้งอาหารไทย และอาหารฝรั่ง แต่วันนี้ผมเลือกสั่งอาหารฝรั่งทุกจาน มักกะโรนี
สปาเก็ตตี้และเฟรนฟาย โดยความคิดเห็นส่วนตัวคงต้องกล่าวว่า รสชาติอาหารอยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ (3/5 ดาว) ในเรื่องของราคานั้นอยู่ในระดับมาตราฐาน 100 – 200 บาท และที่คุ้มสุดๆ คือการทานอาหารไปพร้อมกับการชมวิวทะเลที่ต้องบอกว่า ประทับใจอย่างยิ่ง
หลังจากอิ่มหนำสำราญกับมื้ออาหารและทิวทัศน์ที่สวยงามกันแล้ว ผมจึงมุ่งหน้าต่อไปยังที่พัก ที่จะเป็นจุดปักหลักในการท่องเที่ยวของผมในครั้งนี้ “Cape Dara The Beachfront Resort Pattaya" โรงแรมที่ผสมผสานอย่างลงตัวของทั้งความเป็นโรงแรมและรีสอร์ท ตัวโรงแรมตั้งอยู่สุดเขตพัทยาเหนือเลยไปอีกนิดก็เป็นหาด
วงอำมาตย์ โรงแรมมีตัวตึกอยู่2ตึก คือตึกหลักที่ตั้งสูงเด่นกว่า 20 ชั้น และ ตึก Beachfront ที่อยู่ถัดลงมา (จากในภาพตึก Beachfront คือตึกที่โดนต้นมะพร้าวบัง)
ส่วนของเคาน์เตอร์เช็คอินและล็อบบี้นั้นไม่ได้ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ แต่ก็กลับไม่รู้สึกร้อนแต่อย่างใด ส่วนหนึ่งคงต้องยกความดีความชอบให้กับผู้ออกแบบ เนื่องจากห้องโถงที่ยกเพดานสูงและเปิดโล่ง ทำให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ท่านสามารถเดินทะลุจากเคาน์เตอร์เช็คอินไปยังล็อบบี้และสระว่ายน้ำได้ในทันที ผมเข้าเช็คอิน
ประมาณ 14:00 เจ้าหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสและเป็นกันเอง ใช้เวลาดำเนินการและอธิบายรายละเอียดต่างๆไม่เกิน 5-10 นาที ผมก็ได้คีย์การ์ดและพร้อมที่ขึ้นสู่ห้องพักกันแล้ว
ส่วนต้อนรับและเคาน์เตอร์เช็คอิน
ล็อบบี้แบบเปิดโล่งรับลมทะเล
ชมล็อบบี้โรงแรมแบบ 360 องศา (คลิกลิ้งค์ด้านล่าง)
https://theta360.com/s/i6THldJ7dwRNxZBJfd2mum20y
ร้านขายขนมเค้ก
ร้านสะดวกซื้อและ Kid room สำหรับน้องๆหนูๆ
จริงๆในวันที่ทำการจองผ่าน Booking.Com ผมได้เขียนในส่วนของห้องผมไว้ว่า “ขอห้องที่สูงที่สุดในroom typeและหันหน้าไปทางหาดพัทยา" แต่วันที่เข้าพักห้องที่ได้หันหน้าไปทางหาดวงอำมาตย์ อันนี้ไม่ว่ากันครับ เพราะช่วงที่ผมเข้าพักเป็นวันหยุดยาวและทัวร์จีนเข้าพักพอดี คิดว่าโรงแรมคงทำดีที่สุดแล้ว
ครั้งนี้ผมได้พักชั้น 19 ซึ่งก็เป็นไปตามคำขอ เพราะโรงแรมมี 20 กว่าชั้น ได้พักชั้น 19 ผมก็โอเคกับวิวที่อยากได้แล้ว หลังจากออกจากลิฟท์จะมีทางเดินแยกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งนึงหันหน้าไปทางหาดพัทยาและอีกฝั่งหันหน้าไปทางหาดวงอำมาตย์ …ตามมาดูห้องพักของผมกันเลย
ครั้งนี้ผมจองเป็นห้อง Deluxe Corner Room เป็นห้องที่ราคาสูงถัดขึ้นมาจากห้อง Deluxe Room ซึ่งเป็นห้องราคาถูกที่สุดของโรงแรม เนื่องจากเป็นห้องที่อยู่ในส่วนมุมทำให้ได้พื้นที่ในส่วนของมุมตึกเพิ่มขึ้นมาพอสมควร ใครของหรืออุปกรณ์เยอะคงจะถูกใจ เพราะมีพื้นที่ให้วางและเก็บของเหลือเฟือ
ห้อง Deluxe Corner Room
ตรงส่วนเตียงนอนอาจจะดูแคบไปนิด แต่2คนเดินสวนกันได้สบายๆ
เตียงนอนอีกมุม
Day bed
โต๊ะเขียนหนังสือ
เตียงที่ถูกจัดไว้อย่างสวยงาม พร้อมเป็ดน้อยไว้ลอยในอ่างน้ำ
อ่างล้างหน้า
ฝักบัวอาบน้ำและโถส้วมพร้อมสายชำระ
อ่างอาบน้ำพร้อมวิวหาดวงอำมาตย์
ชมห้อง Deluxe Corner แบบ 360 องศา (คลิกลิ้งค์ด้านล่าง)
https://theta360.com/s/sWk7EwnIEgrCAECPVrWKYP1Xg
หลังจากสำรวจที่พักกันเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาของอาหารค่ำ วันนี้ผมตัดสินใจไปเดินเล่นและทานข้าวเย็นที่ Central Festival Pattaya Beach โดยทางโรงแรมมีรถตุ๊ก ตุ๊ก ค่อยให้บริการรับ-ส่ง จากโรงแรมไปส่งยังวงเวียนปลาโลมา และจากจุดนั้นก็สามารถที่จะโบกรถ2แถวไปยังที่อื่นๆได้ต่อ ส่วนรอบของรถรับ-ส่ง จะวนมารับและส่งแขกทุกๆ 15 นาที หรือถ้ามาถึงจุดรอรถก่อนเวลาก็สามารถโทรแจ้งกับทางโรงแรมให้ส่งรถมารับก่อนได้ โดยเบอร์โทรจะอยู่ในใบตารางเวลาเดินรถ (ขอได้จากพนักงานที่เคาน์เตอร์) แต่บริการรถรับ-ส่งจะให้บริการถึงแค่เที่ยงคืนเท่านั้น
ภาพจาก Google Street View
Day2
วันนี้ตั้งใจไว้ว่าจะพาแฟนไปเที่ยวเกาะแสมสาร ก่อนหน้านี้เลยค้นหารีวิวและข้อมูลมาอย่างหนัก แต่พอถึงเวลาเดินทางจริง ก็มักจะมีข้อผิดพลาดในการเดินทางซึ่งมันก็เรื่องปกติและเป็นเสน่ห์อย่างนึงของการเดินทางท่องเที่ยว…..มาเริ่มวันที่ 2 กันเริ่มดีกว่าครับ
จากที่พัก(พัทยา)เดินทางโดยรถยนต์ไปยังพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย ใช้เวลาโดยประมาณ 75 นาที(ถนนโล่ง) โดยใช้เส้นทางถนนสุขุมวิท(สาย3) ผมตื่นตั้งแต่ตี 3 เพื่ออาบน้ำและเตรียมของอีกเล็กน้อยก่อนโทรและเดินไปเคาะห้องแฟน เพราะจะต้องออกจากพัทยาตั้งแต่ตี 4 เพื่อให้ไปถึงจุดรับบัตรคิวประมาณตี 5:15 น. ระหว่างทางก็เกิดเรื่องผิดผลาดขึ้นเล็กน้อย เพราะโทรศัพท์มือถือเจ้ากรรมของผมดันจับสัญญาณ GPS ได้บ้างไม่ได้บ้างทำให้ต้องหยุดรถหาสัญญาณ GPS เป็นระยะๆ จนสุดท้ายต้องปลุกแฟนที่หลับอยู่เบาะข้างคนขับ เพื่อนำ iphone มาใช้แทน จากปัญหาเรื่อง GPS ทำให้มาถึงจุดรับบัตรคิวช้ากว่ากำหนดประมาณ 15 นาที แต่ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ เวลา 05:30 น. ผมมาต่อแถวรับบัตรคิว ในใจคิดว่าน่าจะได้คิวเลขหลัก 2 ตัว (99) แต่ปรากฎว่าได้คิวที่ 316 และ 317 (ตอนนั้นในใจจึงเกิดคำถามว่า “คิวแรกพวกพี่มากันกี่โมง") แต่ที่น่าชื่นชมคือการบริหารจัดการของเจ้าหน้าที่ทหารที่ทำได้เป็นอย่างดี ทุกคนต่อแถวอย่างเป็นระเบียบเพื่อรอรับบัตรคิว 1 คนต่อ 1 บัตรคิว เป็นภาพที่หาดูได้ยากในสังคมช่วงนี้
นักท่องเที่ยวมาเข้าแถวเพื่อรอรับบัตรคิว
ผมได้คิวที่ 316และ317
เวลาประมาณ 6โมงเช้า แต่นักท่องเที่ยวก็ยังคงทยอยกันมาต่อแถวรอรับบัตรคิวอย่างเนืองแน่น
พระอาทิตย์ขึ้นที่ตำบลแสมสาร
สะพานปูนทอดยาวไปในทะเล สามารถใช้สะพานนี้เดินไปยังท่าเรือได้ แต่จะอ้อมกว่าเดินบนถนน
ชมพระอาทิตย์ ณ ตำบลแสมสารแบบ 360 องศา (คลิกที่ลิ้งด้านล่าง)
https://theta360.com/s/d0AqVGVxwrmmifrayHdyJymSi
หลังจากถ่ายรูปเล่นกันจนพอใจแล้ว ก็ถึงเวลาอาหารเข้าซึ่งทางพิพิธภัณฑ์มีร้านอาหารและร้านกาแฟคอยให้บริการ รวมถึงร้านขายของที่ระลึกของหน่วยบัญชาการส่งครามพิเศษทางเรือ(SEAL) ให้ซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านหรือฝากเพื่อนฝูงได้ด้วย ร้านจะตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับจุดที่รับบัตรคิว แต่ครั้งนี้ผมไม่ได้ใช้บริการร้านอาหารของทางพิพิธภัณฑ์ เนื่องจากได้ขอให้ทางโรงแรมจัดเตรียมอาหารเช้าใส่กล่องไว้ให้แล้ว
กล่องอาหารแข็งแรงสวยงาม จับถือสะดวก
ในกล่องมาขนมปัง ไข่ต้ม แซนวิช ผลไม้ น้ำผลไม้และน้ำดื่ม 1 ขวด (กินหมดนี้ถึงกับอืดกันเลยทีเดียว)
หลักจากทานอาหารเสร็จก็เหลือเวลาอีกนิดหน่อยให้นั่งพัก ก่อนที่จะต้องไปรอเจ้าหน้าที่เรียกคิวเพื่อซื้อตั๋วไปเกาะแสมสาร
เวลา 07:00 น. คือเวลาเริ่มเรียกคิวจำหน่ายตั๋ว ในตัวอาคารจำหน่ายตั๋วมีเก้าอี้นั่งและเครื่องปรับอากาศ สามารถเข้าไปนั่งรอเรียกคิวได้เลย แต่ในวันที่ผมไปนั่น คิวที่ 1 – 10 เรียกแล้วไม่มา โดยเจ้าหน้าที่จะเรียกซ้ำประมาณ 2-3 ครั้ง ถ้าไม่แสดงตัวก็จะข้ามไปเรียกคิวถัดไปทันที
บรรยากาศภายในตัวอาคารจำหน่ายตั๋ว (คลิกที่ลิ้งค์ด้านล่าง)
https://theta360.com/s/3Kdv78pR4otAMO8C726d4bIeK
เนื่องด้วยเกาะแสมสารเป็นพื้นที่อุทยาน ทำให้ต้องจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะไปเที่ยวที่เกาะ โดยเกาะแสมสารสามารถรับนักท่องเที่ยวได้ 500 คน/วัน (สูงสุด 800 คน/วัน ในช่วงวันหยุดยาว) เที่ยวเรือรับ-ส่ง มีเป็นรอบๆ โดยแต่ละรอบจะห่างกันประมาณ 1 ชั่วโมง สามารถเลือกรอบเรือขาไปได้ (ถ้ารอบนั้นยังไม่เต็ม) โดยให้แจ้งรอบเรือที่ต้องการแก่เจ้าหน้าที่จำหน่ายตั๋ว ส่วนรอบเรือขากลับเข้าฝั่งก็มีทุกๆ 1 ชั่วโมงเช่นกัน โดยใช้เรือลำเดียวกับที่มาส่งนักท่องเที่ยวขึ้นเกาะ โดยรอบเรือกลับฝั่งรอบสุดท้ายคือ 4 โมงเย็น
ตํ่วราคา 300 บาท (ตั๋วออกแบบสวยดีครับ)
แถวขึ้นเรือข้ามไปเกาะแสมสารและเกาะขาม โดยเรือไปเกาะแสมสารและเกาะขามนั้น จะใช้ท่าเรือเดียวกันแต่ไปคนละลำ ดังนั้นให้ฟังเจ้าหน้าที่ประกาศเรียกดีๆ และยื่นตั๋วให้เจ้าหน้าที่ตรวจจะได้ไม่ขึ้นเรือผิดลำ
ตอนขึ้นเรือจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลและพยุงขณะที่ก้าวลงเรือ
สวนกับเรือที่กำลังพานักท่องเที่ยวไปดำน้ำ
ใช้เวลาไม่นานเรือก็เทียบท่าที่เกาะแสมสาร หลังจากขึ้นฝั่งนักท่องเที่ยวทุกคนจะได้เข้ารับฟังการบรรยายของเจ้าหน้าที่ เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของเกาะแสมสารและพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย
รายละเอียดของเกาะ เช่น มีหาดจำนวนกี่หาด ที่มาของชื่อหาด กิจกรรมที่มีบนเกาะ รวมถึงระเบียบและข้อกำหนดต่างๆบนเกาะ
จุดสำหรับนั่งฟังเจ้าหน้าที่บรรยาย ถึงความเป็นมา รายละเอียดของเกาะ และข้อกำหนดต่างๆเมื่ออยู่บนเกาะ
(ข้อสังเกตส่วนตัว ช่วงเวลาที่ผมไปนั่น จะเริ่มมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวเกาะแสมสารบางแล้ว ส่วนใหญ่ที่เจอคือทัวร์จีน ฝรั่งเห็นบ้างประปลาย แต่เหมือนมาเที่ยวกับเพื่อนชาวไทยเป็นกลุ่มเล็กๆ แต่ป้ายต่างๆบนเกาะยังคงมีแต่ภาษาไทย โดยเฉพาะป้ายเตือนและป้ายแจ้งข้อห้ามต่างๆยังคงมีแต่ภาษาไทยเท่านั้น)
โดยเกาะแสมสารจะมีหาดที่เปิดให้นักท่องเที่ยวทำกิจกรรมและพักผ่อน อยู่ด้วยกัน 2 หาด คือหาดเทียน(หาดที่เรือเข้าเทียบท่า) และหาดลูกลม กิจกกรรมมีให้เลือกหลากหลายไม่ว่าจะเป็นดำน้ำชมความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติใต้ทะเล แต่ถ้าไม่อยากเปียกก็สามารถใช้บริการเรือท้องกระจกแทนได้ บนเกาะมีเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติโดยให้ไปลงชื่อไว้ แล้วจะมีเจ้าหน้าที่ประกาศเรียกตามรอบเวลาแต่ถ้าขี้เกียจเดินบนเกาะก็มีจักรยานให้ยืมปั่น
โดยกิจกรรมส่วนใหญ่ต้องลงชื่อจองคิว เพราะก่อนจะออกไปดำน้ำเจ้าหน้าที่จะสอนการลอยตัวและการหายใจโดยใช้อุปกรณ์ดำน้ำเบื้องต้นก่อน อุปกรณ์ดำน้ำจะถูกแช่น้ำยาฆ่าเชื้อก่อนที่จะวนมาให้นักท่องเที่ยวกลุ่มถัดไปมาใช้ต่อ
รถรับ-ส่ง ระหว่างหาดเทียนไปหาดลูกลม
ถ้าอยากรับลม และเพิ่มความเร้าใจ แนะนำให้เลือกนั่งรถกระบะไปยังหาดลูกลม
ป้ายหาดลูกลม
ชายหาดลูกลม มีเตียงผ้าใบและเพิงพักให้บริการ ถ้าเตรียมเสื่อมาก็สามารถนำมาปูนั่งพักใต้ร่มไม้ได้
ทรายขาวละเอียด น้ำทะเลสีฟ้าใส ไม่แพ้หมู่เกาะทางภาคใต้เลยครับ
เอารูปมายืนยันครับ ว่าน้ำใสมากกกกกก
ถ้ากลัวดำก็มีเตียงผ้าใบให้นอนรับลมทะเล
ร้านค้าและจุดลงทะเบียนดำน้ำ
หาดลูกลม
บรรยากาศหาดลูกลมแบบ 360 องศา (คลิกลิ้งค์ด้านล่าง)
https://theta360.com/s/kkS5CEJJzHtWewxjGGYIKulqm
ใช้เวลาอยู่บนหาดลูกลมประมาณ 2 ชั่วโมง ผมก็ตัดสินใจนั่งรถกลับมาที่หาดเทียน เพื่อเก็บภาพของหาดเทียน และเตรียมตัวกลับฝั่งด้วยเรือรอบบ่าย 2
หาดเทียนเกาะแสมสาร
มาทะเล จะพลาดไม่ได้กับการถ่ายรูปคู่ชิงช้าไม้
ท่าเทียบเรือบนหาดเทียน
บรรยากาศหาดเทียนแบบ 360 องศา (คลิกลิ้งค์ด้านล่าง)
https://theta360.com/s/d6hbhGWQwyZ2pqaH7ohokJf5Y
ถึงเวลาขึ้นเรือกลับเข้าฝั่งแล้วครับ หลังจากนี้เดี๋ยวผมจะพาไปทานอาหารทะเลเจ้าประจำของผมกัน
พิกัด GPS พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย (จุดขายตั๋วไปเกาะแสมสาร)
ทางเข้าจะเป็นประตูทางด้านซ้ายของภาพนะครับ
ออกจากแสมสารมาเวลาประมาณ 14:45 น. ก็ต้องเผชิญกับรถติดอย่างหนักเนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดยาว
ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าบนถนนก็มาถึงร้าน"ศรีนวลซีฟู๊ด" ทุกครั้งที่ผมมาเที่ยวพัทยาจะต้องแวะมาทานร้านนี้ ถ้าให้นิยามคงจะนิยามร้านนี้ว่า “อาหารอร่อย คุ้มราคา บรรยากาศดี" แนะนำว่าให้มาถึงร้านประมาณ 4 โมงเย็น สั่งอาหารมานั่งทานแบบสบายๆเพราะคนยังไม่เยอะ หลังจากอิ่มแล้วก็เดินไปถ่ายรูปพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าบนสันเขื่อนกันคลื่นที่อยู่ติดกับร้าน (ค่าอาหารมื้อนี้ ประมาณ 1,2xx บาท รายการอาหารตามรูปด้านล่าง ข้าวเปล่า1จาน น้ำ2ขวด น้ำแข็ง1ถัง)
ปลาทอดน้ำปลา
กรรเชียงปูนึงจานโต
ข้าวผัดปู
ต้มยำกุ้งเล็ก ให้กุ้งมา8-9ตัว แต่วันที่ไปทานทำน้ำข้น ข้นไปนิดนึง
ที่นั่งมีให้เลือกทั้งแบบในร่ม(พัดลม,แอร์) และกลางแจ้ง
สันเขื่อนกันคลื่นอยู่ติดกับร้านอาหาร สามารถเดินขึ้นไปชมวิวพระอาทิตย์ตกได้
มองจากตรงนนี้จะเห็นเมืองพัทยา
บรรยากาศพระอาทิตย์ตก ณ ร้านศรีนวลซีฟู๊ด 360 องศา (คลิกลิ้งค์ด้านล่าง)
https://theta360.com/s/syJKgDJ9qHDTqnbqlFU11aZsK
หลังจากอิ่มหนำสำราญกับอาหารรสอร่อยและวิวพระอาทิตย์ตกสุดฟินกันแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางกลับที่พัก
เมื่อถึงที่พักต่างคนต่างแยกกันไปนอน สำหรับผมหัวถึงหมอนก็หลับเลย เพราะเหนื่อยกับการตื่นตั้งแต่ตี 3 และเผชิญกับรถติด แต่ก็ต้องบอกว่าเป็นวันที่ใช้เวลาได้คุ้มค่ามาก
Day3
เริ่มต้นเช้าวันที่ 3 ของทริปอย่างสดใส ด้วยการตื่นนอนเวลา 8:30 น. เพราะร่างกายยังคงเพลียกับการอดหลับอดนอนเพื่อไปต่อแถวรับบัตรคิวซื้อตัวไปเกาะแสมสาร วันนี้เป็นวันแรกที่จะได้ลองชิมอาหารเช้าของโรงแรม Cape Dara
พอลงลิฟท์เดินมาถึงห้องอาหารปุ๊บ ก็ต้องตกใจกับจำนวนแขกที่นั่งรับประทานอาหารอยู่ก่อนแล้ว อาจเพราะลงมาช้าและวันนี้เป็นวันอาทิตย์ทำให้แขกเยอะเป็นพิเศษ ทั้งคนไทยและกลุ่มทัวร์จากต่างประเทศ เจ้าหน้าจึงต้องขยายพื้นที่นั่งรับประทานอาหารเพิ่ม ซึ่งที่ผมได้นั่งวันนี้จะเป็นซอกระหว่างตึกอยู่ติดกับสระว่ายน้ำ เป็นอันว่าวันนี้ตื่นสายเลยไม่ได้นั่งทานอาหารเช้าไปชมวิวทะเลไป
ส่วนเมนูอาหารเช้าของที่ Cape Dara ค่อนข้างหลากหลาย มีทั้ง ไทย ฝรั่ง ญี่ปุ่น และเวียดนาม
อาหารเช้ารสชาติตามมาตรฐานโรงแรมชั้นนำทั่วไป แต่มีพิซซ่าญี่ปุ่นเพิ่มมาด้วย
ขนมปังเวียดนาม
ถ่ายรูปมายืนยันว่านั่งทานอาหารตรงซอกตึกจริงๆ
หลังจากทานอาหารอื่มแล้วก็ยังคงพอมีเวลาให้มาเดินย่อยอาหารที่ชายหาดกันนิดหน่อย ก่อนกลับห้องเตรียมตัวไปเที่ยวฟาร์มแกะกันต่อ
ชายหาดของโรงแรมค่อนข้างเงียบสงบ แต่ไม่เหมาะแก่การเล่นน้ำ เพราะส่วนใหญ่เป็นโขดหิน
ชายหาดหน้าโรงแรมแบบ 360 องศา (คลิกที่ลิ้งค์ด้านล่าง)
https://theta360.com/s/qxdnPI3UzV52VrKFn3w50it9w
โรงแรมมีสระว่ายน้ำ 2 ที่ ในรูปเป็นสระที่อยู่ถัดลงมาด้านล่าง อยู่ติดกับหาดมากที่สุด (สามารถใช้บริการได้ทั้ง 2 สระ)
ชมพระอาทิตย์ตกแบบ 360 องศา จากสระน้ำของโรงแรม (คลิกที่ลิ้งค์ด้านล่าง)
https://theta360.com/s/amcyx5oBPHcInyVMKU0lWMvLQ
โปรแกรมของวันนี้คือไปเที่ยวฟาร์มแกะและหาของกินอร่อยๆทาน และปิดท้ายด้วยการกลับมาเล่นน้ำที่โรงแรม
จากพัทยาไปฟาร์มแกะ ใช้เวลาขับรถประมาณ 25 นาที หรือมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร
ค่าบัตรเข้าชมคนละ 50 บาท และหางตั๋วยังสามารถนำไปแลกอาหารเพื่อป้อนแกะได้ด้วย
อาคารจำหน่ายตั๋ว
ด้านข้างของอาคารตกแต่งได้น่ารัก เหมาะแก่การถ่ายภาพเป็นที่ระลึกครับ
แน่นอนว่า มาฟาร์มแกะก็ต้องเจอแกะ
ตัวนี้หน้าตาโหดไปนิดนึง
นำหางตั๋วไปแลกต้นหญ้ามาให้อาหารแกะได้ครับ แต่ถ้าจะป้อนนม ราคาขวดละ 20 บาท
ฟาร์มแกะไม่ได้มีแต่แกะนะครับ ม้า หมู เต่า อัลปากา นก ก็มีให้ดูนะครับ
มีซุ้มเกมส์ให้เล่น และมุมถ่ายรูปสวยๆเยอะเลยครับ
บรรยากาศภายในคอกแกะ (คลิกที่ลิ้งค์ด้านล่าง)
https://theta360.com/s/fKCMxOsRvNccK1TxfXcae8eWa
หลังจากให้อาหารแกะและป้อนนมลูกหมูกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เวลาก็ล่วงเลยมาเที่ยงกว่าๆพอดี ท้องร้องด้วยกันทั้งคู่ เพราะพลังงานถูกใช้ไปจนหมดกับการเล่นกับแกะ ป้อนนมลูกหมู และถ่ายรูปตามจุดต่างๆภายในฟาร์ม จุดหมายถัดไปก็คือ ร้าน Surf & Turf Pattaya เพื่อไปนั่งกินอาหารเที่ยงชิลๆริมชายหาด
ใช้เวลาบนถนนประมาณ 25 นาที ก็ถึงร้าน Surf & Turf เนื่องจากร้านอยู่ติดชายหาด ทำให้ต้องขับรถเข้าตรอกซอกซอยแคบๆบ้างเป็นบางช่วง ที่จอดรถกว้างขวางและจากที่จอดรถเดินลงไปทางชายหาดไม่กี่เมตรก็ถึงร้าน ตัวร้านเป็นแบบเปิดโล่งรับลมทะเล มีทั้งที่นั่งในตัวร้าน และที่นั่งริมชายหาด เมนูมีทั้งอาหารฝรั่ง ไทย หรือจะทานของหวานเป็นจานหลักเลยก็ได้ อาหารทุกจานถูกจัดวางมาอย่างสวยงาม(เหมาะแก่การอัพลงโซเชียล) รสชาติอร่อย บรรยากาศดี คุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป
โซฟาตัวใหญ่และนุ่ม ทานข้าวอิ่มนอนรับลมต่อได้เลย
ทุกโต๊ะเห็นวิวทะเล (ยกเว้นบางโต๊ะในตัวอาคาร)
อาหารไทยก็มี (ข้าวผัดน้ำพริกปลาทู)
หอยอบชีส
ชีสยืดๆหอยตัวเต็มๆคำ
นอนชมวิวทะเลระหว่างรอของหวานที่เพิ่งสั่งไป
จริงๆเมนูของหวานมีเยอะมากเลยครับ แต่ไม่รู้ว่าจะทานอะไรดี จึงเกิดการสั่งแบบสูงสุดคืนสู่สามัญ
มุมต่างๆของร้าน
รับชมภายในร้าน SURF & TURF PATTAYA แบบ 360 องศา
https://theta360.com/s/sIJ7HjquOvYMcgqsrxcwPA7HA
https://theta360.com/s/40qjqwIo2soYfrETAhGD2yas0
หลังจากทานมื้อเที่ยงจนอิ่ม ก็มุ่งตรงกลับที่พักเพื่อไปเล่นน้ำและเดินเล่นริมชายหาดรอดูพระอาทิตย์ตก
ชายหาดหน้าโรงแรมตอนน้ำลด จะเห็นว่ามีแต่โขดหินไม่เหมาะแก่การเล่นน้ำทะเลเท่าไหร่
หาดวงอำมาตย์ยามค่ำคืน ถ่ายจากระเบียงห้อง จริงๆถ้าได้วิวทางหาดพัทยา คงจะมีแสงสีมากกว่านี้
หลายๆท่านอาจสงสัย ว่าทำไมไม่มีรูปร้านอาหารที่ทานตอนเย็นหรอ ต้องบอกเลยว่างบหมดครับ แวะร้านสะดวกซื้อข้างทางซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและน้ำหวาน เข้ามาทานเป็นอาหารเย็น
Day4
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของทริปพัทยาแล้วครับ ตารางและกำหนดการของวันนี้สบายๆ ช่วงเช้าเก็บของลงกระเป๋า และพักผ่อนตามอัธยาศัย สายๆก็เริ่มเดินทางออกจากพัทยาแวะเที่ยวและทานข้าวเที่ยงที่ J-PARK เป็นอันจบทริปนี้ครับ
วันนี้ตื่นเช้าหน่อย เพื่อมาเก็บภาพพระอาทิตย์ขึ้น
ห้องอาหารของโรงแรมหันหน้าออกทะเล มีทั้งแบบเปิดโล่งรับลมทะเลและห้องแอร์ให้เลือกนั่ง
วันนี้แขกค่อนข้างน้อย นั่งทานได้แบบสบายๆ
เมนูอาหารเช้าบางส่วนของโรงแรม
แวะเที่ยว J-PARK ศรีราชา เป็นที่สุดท้ายก่อนตีรถยาวกลับบ้านเกิดเมืองนอน (ชื่อเต็ม J-Park Sriracha Nihon Mura เปิดบริการทุกวัน เวลา 10:00 – 22:00น.) J-PARK เป็นแหล่งรวมของร้านอาหารญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น ซูชิ
ราเมง ชาบู และเทปันยากิ รวมถึงร้าน Daiso ที่มีสินค้าราคาเริ่มต้น 60 บาทให้เลือกซื้อด้วย จุดน่าสนใจอีกจุดหนึ่งของที่นี้คือ การออกแบบสถานที่และตัวอาคารแบบญี่ปุ่น ทำให้มีมุมสวยๆหลากหลายมุมให้ทั้ง ตากล้องมืออาชีพ ตากล้องมือสมัครเล่น และเหล่านัก Selfie แวะเวียนมาเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก
ป้าย J-PARK สูงเด่นเป็นสง่า ทำให้มองเห็นได้แต่ไกล
การตกแต่งอาคารและสถานที่แบบญี่ปุ่น
HAKO RAMEN คือร้านอาหารที่ผมเลือกฝากท้องในเมื่อเที่ยงนี้ โดยตัดสินใจจากที่ผมชอบทานราเมงและที่โคราชไม่มีร้านนี้ให้ทาน
หน้าร้าน HAKO RAMEN
เปิดประตูร้านเข้ามาก็เจอ ง.งู 2 ตัววิ่งมาชนกันเลย (งง) เพราะวิธีสั่งอาหารที่นี้จะค่อนข้างแปลกและแตกต่างนิดนึง โดยมีวิธีสั่งอาหารดังนี้ เมื่อท่านเข้ามาในร้าน จะเห็นป้ายเมนูอาหารขนาดใหญ่อยู่ทางด้านซ้าย และจะมีธงติดตัวเลขและกล่องพลาสติกติดตัวเลขอย่างละ2กล่องวางอยู่ข้างๆธง ให้ท่านนำป้าย (สีแดง คืออาหาร สีน้ำเงินคือเครื่องดื่ม) ที่ห้อยอยู่หน้าเมนูอาหารที่ท่านต้องการทาน นำมาใส่ไว้ในกล่อง กล่องแรกใส่ป้ายสีแดง กล่องถัดไปใส่ป้ายสีน้ำเงิน เมื่อเลือกได้เป็นที่พอใจแล้ว ให้นำทั้ง2กล่องไปส่งให้แก่พนักงาน และนำธงที่มีเลขไว้วางไว้ที่โต๊ะที่ต้องการนั่ง เป็นอันเสร็จพิธี หลังจากนั้นไม่นานก็รออาหารมาส่งที่โต๊ะได้เลย
จำชื่อเมนูไม่ได้ แต่รสชาติออกเค็ม อร่อยดีครับ
ส่วนชามนี้เป็นแบบแห้งครับ ตีไข่ลวกให้แตกจะเพิ่มความคลุกคิกในการรับประทาน
เมนูทานเล่น
ชมภายในร้าน HAKO RAMEN แบบ 360 องศา (คลิกลิ้งค์ด้านล่าง)
https://theta360.com/s/3pn9uQ08R1nItXkDnBhy0zjvg
หลักจากอิ่มกับอาหารมื้อหลักกันเรียบร้อยแล้ว ก็มาทานของหวานกันต่อกับร้าน Soft Corner ร้านตกแต่งสวย มี Soft Cream ให้เลือก 4 รส คือ รสนม รสช็อกโกแลต รสส้ม และรสชาเขียว สามารถเลือก Topping เพิ่มเติมได้
ร้าน Soft Corner
ร้าน Soft Corner
รสช็อกโกแลตและส้ม
ส่งท้ายทริปนี้ด้วยการ เดินเลือกซื้อของในร้าน Daiso ครับ
ร้านอาหารญี่ปุ่นบางส่วน ใน J-PARK
ชม J-PARK แบบ 360 องศา (คลิกลิ้งค์ด้านล่าง)
https://theta360.com/s/pOk2Zy7HdYhuOJX5QOXcuLjc4
ขอบพระคุณทุกท่านและทุกคอมเม้นที่ติดตามอ่านครับ ^_^
FB:
https://www.facebook.com/Backpackergraphy/
Backpackergraphy
วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 เวลา 08.13 น.