เขาว่ากันว่า ทะเลจะช่วยเยียวยาทุกอย่าง
เฮ้ยทำไงดี เงินไม่มีแต่อยากไป เนี่ยแหละจุดเริ่มต้นทริปของเรา..
05:00 เอ้กอีเอ้กเอ้กกกกก
เสียงอย่างกับไก่ทั้งเล้ารวมใจกันขัน
แต่มันไม่ใช่
นั่นเสียงนาฬิกาปลุกเพื่อนเราเอง
สะดุ้งตื่นกันแทบไม่ทัน
โอเคค่ะะะ รีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัวเดี๋ยวนี้
06:00 เราก็มาโผล่ที่นี่ MRTไงจะใครล่ะ
คาดเดาว่าน่าจะเป็นคันแรกของเช้าวันนี้
เงียบประหนึ่งว่าเหมากันมาทั้งคัน
ใช้เวลาประมาณ20นาที เราก็มาโผล่..
สถานีรถไฟบางซื่อ
จุดเริ่มต้นของการเดินทางวันนี้
เอ้ออออ จริงๆแล้วรถรอบนี้ขึ้นที่สถานีหัวลำโพงก็ได้นะ
รอบ06:30เลยยย
แต่เราไม่ เพราะอยากลองขึ้นที่อื่นดูบ้าง
ป่าวหรอก ขี้เกียจค่ะะะ จะนอนนน
เลยเลือกบางซื่อละกัน
ที่นี่ก็มีพนักงานคอยประกาศอยู่ตลอด
ถ้ามาก่อนเวลา ไม่ตกรถไฟแน่นอน
แต่ถ้ามาสายก็ ลาก่อยยย
ปู๊นปู๊นนนน~
06:50 รถไฟก็มาหาพวกเรา
จอดรับไม่กี่นาที นางก็แล่นต่อทันที
ทันใจจริงๆ
รถไฟที่เรานั่งกันในวันนี้ เป็นรถไฟนำเที่ยว มีค่าเสียหาย 120 บาท/คน รวมทั้งขาไป-กลับไว้แล้ววว สามารถเลือกลงได้ 3 สถานี คือ ชะอำ หิวหิน และสวนสนประดิพัทธ์ ระหว่างทางยังมีแวะนครปฐมให้30นาทีด้วยนะ รู้ยัง
อากาศวันนี้คือดีงามมากกกก
จุดๆนั้นคือรู้สึกว่า คุ้มละวันนี้
แต่ก็นะ ยังไม่พอหรอก
บ้ายบายยย เจ้ากรุงเทพ แบร่ๆ
08:00
เริ่มหิวละอะเด้
เสียใจด้วยนะพักพวก รถไฟสายนี้ไม่ได้มีของขึ้นมาขายหรอก
แต่ไม่ต้องกลัวอดตายนะคะ
เพราะเขาจะให้เราวิ่งลงไปเลือกซื้อกันเองตามใจชอบ
ที่ไหนนะเหย๋อ ก็นครปฐมไง
นี่แหละนะ ข้อดีของรถไฟนำเที่ยว
ตลาดพระปฐมเจดีย์
หุยยยย ขอบอกเลยว่า ไก่ทอดร้านนี้เด็ดมาก
เด็ดจริงจัง กรอบนอกนุ่มในไปอีกกกก
นี่นั่งพิมพ์อยู่น้ำลายจะไหลล้า
ใครไม่กินนี่บอกเลยว่า พลาด พลาดดดด พลาดดดดดด
บรรยากาศตลาดยามเช้าบวกกับอากาศแบบนี้
ดีต่อใจและกระเพาะมากๆค่ะ
แต่ด้วยเวลาที่บีบคั้นสุดๆ
เพราะเขาจะแวะที่นี่แค่30นาทีเท่านั้น
เราเลยต้องเลือกว่าจะกินหรือจะถ่ายรูป
ซึ่งแน่นอนว่า
กินสิค่ะะะ รอไรหล่ะ
และเจ้าพวกนี้ก็เป็นสิ่งที่เราหามาได้ในเวลาอันน้อยนิดนั้น
พีคสุดคือเพื่อนกำลังจะซื้อไอติม
แต่ได้ยินประกาศว่ารถไฟใกล้จะออกจากสถานีแล้ว
แทบจะกระโดดขึ้นรถไฟกันเลยทีเดียวเชียว
หลังจากสุมหัวกินกันจนอิ่มแล้ว
ก็จะมีพนักงานประจำรถไฟคอยประกาศรายละเอียดต่างๆ
ว่ารถจอดที่ไหนอะไรยังไง
แนะนำที่เที่ยวพอเป็นพิธี
สุดท้ายก็ขายของค่ะ555555555
เป็นเหมือนสินค้าพรีออเดอร์นะคะ
สั่งตอนนี้ ได้กินตอนขากลับนู้น
มีทั้งหม้อแกง ทองหยิบทองหยอด ก๋วยเตี๋ยวราชบุรี
เรียกได้ว่าตั้งแต่ของหวานยันของคาว
คนส่วนใหญ่ก็ซื้อกลับไปเป็นของฝากกัน
รถไฟก็วิ่งเต้นมาเรื่อยๆ
นี่ก็หลับบ้างตื่นบ้างตามประสาเด็กกำลังโต
10:40 สถานีปลายทางสวนสนประดิพัทธ์
พอลงมาจากรถไฟปุ๊ป
ทุกคนก็มุ่งหน้ากันไปยันทะเลทันทีทันใด
ประหนึ่งว่าถูกดูดด้วยแม่เหล็กขนาดใหญ่
แต่นี่ก็ยังลีลากันอยู่ตรงรางรถไฟ
ไปได้ละค่ะ ไปปป้
แค่ข้ามถนนมาก็จะเจอ
โครงกระดูกเจ้าวาฬบรูด้า ยืนรอต้อนรับอยู่
นี่ก็ยืนวิจัยกับเพื่อนอยู่ว่า
เอ้ะ ของจริงปะนะ
เอ้ะ นิ้วมันขาดไปหรือสั้นอยู่แล้วนะ
เพื่อนก็บอกว่ามันสั้นอยู่แล้วๆ นี่ก็เถียงๆๆ
จนนางยกมือตัวเองขึ้นมาเทียบแล้วถามว่า เข้าใจยัง..
สั้นกว่ากระดูกบรูด้าก็นิ้วก้อยเพื่อนเรานี่แหละ อุ่ย
ที่นี่มีบังกะโลด้วยนะ
แต่นี่ไม่ได้พักกัน เลยไม่ได้ถามรายละเอียดเลย ขอโต้ดดด
ถึงละเว้ยยยยย
ทันทีที่เท้าเหยียบทราย ได้ยินเสียงทะเล
เข้าใจแล้วแหละว่าทะเลเยียวยาได้ทุกอย่างจริงๆ
หน้าหาดยาวสุดลูกหูลูกตาลูกหมาลูกแมว
แต่เขาบอกว่าเดินถึงกันได้หมด
และเราก็เป็นพวกชีพจรลงตีนกันสะด้วยสิ่
เห็นนั่นไหมมมม เขาลูกนั้นนะ
เจ้าเขาตะเกียบ
นั่นหน่ะจุดหมายปลายทางของเราวันนี้เอง
ส่วนใหญ่ถ้าถามว่าทะเลคู่กับอะไร
คำตอบก็คงจะเป็นต้นมะพร้าว
แต่ที่นี่แปลกดี ต้นสนเต็มไปหมดเยยยย
เหนื่อยๆก็นั่งพักใต้ต้นสนกันได้ตลอดทาง
แต่นี่ไม่ได้พักนะคะ เพื่อนแค่แวะบีบสิวเฉยๆ
โถ่ววว หมดกันบรรยากาศ
แวะถ่ายรูปกันไปบ้างตามสเต็ป
ทำตัวเป็นกุลสตรีรักต้นไม้ใบหญ้า
ปล่อยให้สีเขียวกับสีฟ้ารักษาความเหนื่อยล้า
เดินไปเรื่อยๆ เจ้าเขาตะเกียบก็ดูใหญ่ขึ้นแล้ววว
มีกำลังใจสุด
แล้วก็ระหว่างทางที่เดินมา คนน้อยมากกก
เหมือนคนส่วนใหญ่จะกระจุกตัวกันอยู่แค่หน้าหาดนั้น
สำหรับคนที่ตามหาชายหาดที่สงบร่มเย็น ต้องโดนพูดเลยย
จากการที่เพื่อนไปนั่งเล่นสักดงไม้ใบหญ้าหนึ่ง
นางก็ได้ของที่ระลึกมาเป็นหญ้าเจ้าชู้จิ๋วๆ
เลยต้องวุ่นวายกับการแกะออก
ส่วนเพื่อนที่ดีอย่างเรา ก็ต้องช่วยเพื่อนป้ะะะ
เยี่ยม
พอเข้ามาใกล้เจ้าเขานี่
ก็เจอกับมหกรรมความฝรั่งและร้านอาหารบลาบลา
มีกิจกรรมให้เลือกทำเยอะแยะเต็มไปหมด
ตั้งแต่ขี่ม้ายันเรือเจ็ท
แน่นอนว่าเพื่อนเราพุ่งเข้าใส่ทันที
รถขายไอติม..
"สวยนั่งฟรี หุ่นดีครึ่งราคา"
พี่ร้านเจ็ทสกีได้กล่าวไว้5555555
ก็ถามๆเขาว่าที่เขามีกิจกรรมอะไรไหม
เขาก็บอกว่ามีไหว้พระกับจุดชมวิว
แต่เราไม่ได้ไปไหว้พระกัน เพราะกลัวจะตกรถไฟสะก่อน
วิ่งมานั่งเล่นกันอยู่ตรงจุดชมวิวนี้
ก็เห็นมีพ่อลูกคู่หนึ่ง พากันออกไปตกปลาด้วย
ต้องบอกว่าหน้าหนาวกับทะเลนี่เป็นของคู่กันจริงๆ
เพราะแดดวันนี้อ่อนมากๆ อย่างกับรู้ใจ
ดำไหมค่อยไปว่ากันอีกที
ถึงเวลาเดินกลับแล้ววว
บ้ายบายยยเจ้าเขาตะเกียบ ไว้จะมาเยี่ยมใหม่นะ
ฝากรอยเท้าไว้เป็นที่ระลึก
ป่าวหรอก นี่ลงผิดทาง แล้วหลอกล่อเพื่อนลงมาเปื้อนด้วยกัน5555555
ระหว่างทางเดินกลับก็ไปวิ่งราวหมาชาวบ้านมาตัวนึง หลอกกก
ฝรั่งเขาให้ลองเล่นเฉยๆ
ตอนแรกก็แซวๆเล่นกับเพื่อนว่าพุดเดิ้ลปะว้าา
สรุปว่าใช่จริงด้วย
นี่คงเป็นพุดเดิ้ลที่ตัวใหญ่ที่สุดที่เคยเจอมาในชีวิตนี้เลยก็ว่าได้
เดินมาอีกนิดก็ เอ้ะ ไรอะะะ
เคยเจอแต่นอนแล้วฝัง แต่นี่คือ ว้อททท
น้องน่ารักกก อยากจะลองทำมั่งนะ
แต่คงลำบากทั้งคนขุดทั้งตัวเอง
พอกลับมาถึงหน้าหาดที่เราเคยจากไป
ก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาทันที
เฮ้อ ไม่ตกรถไฟแล้วเรา
แถมเหลือเวลาอีกตั้งชั่วโมงนึงแหนะ
นั่งพักให้หายเหนื่อยแล้วไปหาอะไรกินดีกว่าา
กินจนอิ่มแล้วก็เดินตามคู่พ่อลูกมารอรถไฟ
แล้วก็เป็นเวลาเดียวกับที่แบตกล้องโบกมือบ้ายบายให้พอดี
อย่างกับรู้เวลา
รวมทั้งหมด 660/2 = 330 บาท
อุ้ย เกินมา 30 บาท ไม่เป็นไรโนะะ
จะเห็นกันแบบชัดๆว่าหนักไปที่กินอย่างเดียว
นอกจากค่ารถไฟก็กิน แล้วก็กิน555555
ส่วนตัวเราชอบที่นี่นะ
มาแล้วสบายใจสบายกระเป๋า
แต่เขาว่ากันว่า ไม่ให้เชื่ออะไรใครง่ายๆ
ต้องลองออกจากบ้านมาพิสูจน์ด้วยตัวเองดูนะ
สิงหาคม
วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 13.10 น.