ไปเที่ยว "เลย" กันมั้ยตัวเอง เป็นประโยคคำสั่งนะ ไม่ใช่ประโยคทำถาม 55555 ทริปนี้เริ่มจากความอยากไปสโลวไลฟ์ที่เมืองเล็กๆ ที่ชื่อว่า "เชียงคาน" ตอนแรกแฟนก็เหมือนจะไม่พาไปก็เกือบตัดใจไปแล้วนะ แต่ว่างๆ ก็ส่องไปเจอเพจแบกกล้องเที่ยวลงรีวิวที่พักเปิดใหม่ที่เชียงคาน พอเห็นแล้ว เห้ยยยย!! มันใช่อ่ะ ที่พักสไตล์แคมปิ้ง นอนสบายแต่ได้อารมณฺ์นอนเต๊นท์ แล้วพอเห็นว่าช่วงงาน ททท.มีโปรลดเหลือ 1500 มือนี่ลั่นเลยจ้าาา โทรไปจองพร้อมโอนเงินไปเรียบร้อย 5555 ตอนแรกก็ไม่ได้วางแผนอะไรไว้เลยกะว่าเที่ยวไปเรื่อยๆ เรื่องที่พักคืนที่สองเดี๋ยวไปหาเอาข้างหน้า แต่โชคก็เข้าข้างสาวบ้าเที่ยวงบน้อยคนนี้ เมื่อฟลุ๊คได้รางวัลที่พักฟรีจากเพจ "กินเพลิน เดินเที่ยว" ต้องขอกราบงามๆ นะคะที่ทำให้ทริปนี้เกิดขึ้นได้สมบูรณ์แบบ พล่ามมาเยอะพอละ ไปเริ่มกันเลยดีกว่าเนอะ ทริปนี้เราเลือกออกเดินทางช่วงกลางคืนเพื่อให้เหลือเวลาเที่ยวเยอะๆ ออกจากบ้านที่ชลบุรีประมาณห้าทุ่ม 18/12/2016 ไปถึงภูเรือเช้าพอดี อากาศตอนนั้นค่อนข้างหนาวนะ

รอรถสองแถวอยู่นาน หนาวก็หนาว กลัวจะไปไม่ทันแสงเช้า เลยตัดสินใจเดินไปกันค่ะ

อากาศดีๆ เดินมองธรรมชาติระหว่างทางไปเพลินๆ แปปเดียวถึงแล้วจ้า ถาพที่เห็นตรงหน้าทำให้เผลอร้องว้าววว เสียงดังมาก

อยากจะอยู่ให้นานกว่านี้ แต่พอแดดยิ่งแรงก็ยิ่งร้อน แถมหิวข้าวมากๆ เลยต้องโบกมือลาแล้วยอดภูเรือ ลงมาข้างล่างผ่านลานคริสต์มาสก็แวะถ่ายรูปสักหน่อย หน่อยเดียวจริง ๆ 55555

ด้วยความที่หิวมาก เจออะไรก็แวะๆ กินๆ ไปก่อน พออิ่มท้องแล้วก็ลุยกันต่อ มุ่งหน้าสู่เชียงคาน

วิวระหว่างทาง เห็นแล้วก็อดใจไม่ไหว แวะๆๆๆ

ใช้เวลาไม่นานนัก GPS ก็พาเราลัดเลาะป่าเขา และทางแคบชันมาถึงเชียงคานจนได้ และเราก็เจอปัญหาพอมาถึงที่พักเป็นเวลาสิบโมง แต่ที่พักให้เช็คอินได้บ่ายสอง เราจึงส่งแรงกดดันไปยังพนักงานต้อนรับว่าเราขับมาจากชลบุรียังไม่ได้นอนทั้งคืนและตอนนี้ก็ไม่ไหวแล้วค่ะ ร่างกายต้องการปะทะเตียงมากๆ พร้อมส่งสายตาเว้าวอนไปให้ สักพักคุณพนักงานก็ใจดีเปลี่ยนห้องให้เราเข้าพักห้องที่ว่างในตอนนั้นเลย เราจึงได้เข้าเช็คอินตั้งแต่เวลาสิบโมงดีงามมากๆ ว่าแล้วก็ไปชมกันเลยค่ะ ขอแนะนำที่พักใหม่เอี่ยม สไตล์แคมปิ้ง บรรยากาศดีเว่อวังติดริมแม่น้ำโขง เดอะแคมป์เชียงคาน คาน คาน คาน...

ตอนที่เช็คอินเราจะได้รับกระเป๋าผ้าใบเล็กๆ ข้างในมีกุญแจเต๊นท์ คูปองอาหารเช้า และก็มีคูปองแลกชิฟฟ่อน ได้กระเป๋ามาแล้วก็เข้าไปข้างในกันเถอะะะะะ

ไปดูบรรยากาศริมแม่น้ำกันบ้างเนอะ

และในส่วนของครีมคาเฟ่

เดินถ่ายรูปเล่นกันพอสมควรละ ถึงเวลาไปสำรวจห้องพักของเราคืนนี้แล้ว Typ ที่เลือกก็ไม่ต้องคิดมากอันไหนถูกสุดเอาอันนั้น 55555 และนี่คือหน้าตาของ Eco garden camp tent (วิวธรรมชาติ)

สิ่งอำนวยความสะดวก : แอร์ ตู้เย็น ทีวี มินิบาร์ฟรี ตู้เซฟ ไม่มีห้องน้ำในตัว แต่ไม่ต้องกังวลเลยนะ ห้องน้ำรวมก็ดีงามมากๆ

นี่ไงๆ ห้องน้ำ แยกโซนชายหญิงอย่างดี ภายในแยกห้องอาบน้ำและห้องสุขาออกอย่างเป็นสัดส่วน แถมยังมีห้องแต่งตัวอีกด้วยนะ

เดินสำรวจจนเหนื่อย ก็แวปไปพักสายตาสํกงีบ ตื่นมาอีกที่ก็เย็นสะแล้ว เรามีแพลนปั่นจักรยานไปถนนคนเดินกัน ที่พักอยู่ห่างจากถนนคนเดินกิโลกว่าๆ เอาวะพอไหว ว่าแล้วก็เช่าจักรยาน เค้าคิด 3 ชม. 50 บาท แต่เราไปแค่ 2 ชม. พี่เค้าก็ไม่คิดเงิน ดี้ดี

ทำเป็นเล่นไป ทั้งหอบทั้งเหนื่อยแวะพักตรงนี้ก่อน

ตะวันลาลับขอบฟ้า ท้องก็ร้องจ้อกๆ อีกละ ไปลุยถนนคนเดินดีกว่า

ถ่ายไปเรื่อย เข้าสู่โหมดของกินกันบ้าง ผัดไทยเจ้าดัง อร่อยสมคำล่ำลือ

เป็นรูปที่มีทุกบ้าน

กินจนพุงกางแล้วก็ปั่นกลับ ทางมืดอยู่นะแต่ก็ไฟทางเป็นระยะๆ ปั่นบ้างเข็นบ้างไม่นานก็ถึงที่พัก

เช้านี้เราจะไปดูทะเลหมอกที่ภูทอกกัน จริงๆ นอนไม่ค่อยหลับไม่รู้ตื่นเต้นหรือว่าอะไร ประมาณตีสี่ก็เตรียมตัวแล้ว พอตีห้าก็ออกเลยกะว่าจะไปดักรอตักบาตรแต่ก็กลัวจะพลาดดูพระอาทิตย์ขึ้นเลยรีบไปที่ภูทอกก่อน พอไปถึงก็จอดรถไว้ข้างล่าง แล้วนั่งสองแถวขึ้นไปคนละ 25 บาทราคานี้ ไป-กลับ ขึ้นมาถึงยังมืดๆ อยู่เลย ก็ไหว้พระกันก่อน

ไหว้พระเรียบร้อยแล้วก็เดินหาจับจองที่ ซึ่งก็แทบไม่เหลือที่ว่างแล้วตรงริมๆ รั้ว ขนาดมาวันธรรมดาคนก็เยอะแต่ไม่ถึงกับจะเหยียบกันเหมือนเสาร์อาทิตย์ และแสงแรกของวันก็เริ่มทักทายทีละนิด

หมอกภูทอกสวยละมุนละไมมากๆ ไม่ผิดหวังเลยที่มา อยากจะยืนมองอยู่ตรงนี้นานๆ แต่ก็ต้องลากันแล้วไว้พบกันใหม่นะ กลับไปชมบรรยากาศที่เดอะแคมป์ในยามเช้า แล้วก็ทานอาหารเช้าที่เดอะครีมคาเฟ่

หลังจากอาหารเช้าก็พักสายตากันอีกสักพักก็เช็คเอาท์ออกจากเดอะแคมป์เชียงคานในเวลาสิบโมง บ้ายบาายเชียงคาน มุ่งหน้าสู่เขาค้อ ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามแล้วสำหรับเขาค้อเราเลือกที่ที่ยังไม่เคยเที่ยว ที่แรกที่แวะคือร้านกาแฟเปิดใหม่ข้างวัดผาซ่อนแก้วร้านชื่อว่า The Piney Bistro Cafe วิวดีไม่แพ้ร้านข้างบนแถมราคาดีกว่าเยอะเลย

กินลมชมวิวกันพอสมควรก็ย้ายตูดขึ้นรถ ตอนนี้ง่วงกันแบบสุดๆ ร่างกายต้องการที่นอนมากเลยรีบขับไปที่พักก่อน ทางเข้าก็ลึกพอสมควร ทางที่พักแนะนำให้ซื้อของกินเข้าไปเลยเค้ามีเตาให้เช่าสำหรับปิ้งย่าง แต่เราก็ง่ายๆ กินของเซเว่นนี่แหละ ขับเข้ามาทางกังหันลมไม่นานก็เจอแล้ว Khaokho Boutique Camps

เต๊นท์แบ่งออกเป็นสองห้องพักได้ 4 คน แต่เราไปแค่ 2 คนเอง ที่นอนนิ่มนอนสบาย ผ้าห่มอุ่น มีพัดลมให้

วิวหน้าเต๊นท์จะมองเห็นทุ่งกังหันลม บรรยากาศพระอาทิตย์ตกสวยงามตามท้องเรื่อง อากาศตอนกลางวันก็ร้อนเอาเรื่องเหมือนกันนะ แต่พอเริ่มมืดความหนาวก็มาเยือน

สมกับเป็นเขาค้อ ค่ำคว้าดาวเช้าคว้าหมอก ที่นี่เค้ามีกิจกรรมนั่งอีแต๋นขึ้นไปชมวิวบนกังหันลมด้วย แต่ต้องติ่นตีห้าเราเลยขอบาย วันนี้อยากจะนอนตื่นสายๆ เพราะหมอกที่เขาค้อก็ได้ดูหลายครั้งหลายจุดแล้ว

อาหารเช้าเป็น ABF ตักเองเติมได้ตามสบาย กินเสร็จก็เก็บของออกเลยเพราะแดดมาก็ร้อนมากๆ ขับออกจากที่พักมาก็แวะถ่ายรูปที่ The Front ตรงข้ามไร่ BN จ่ายค่าเข้าชมคนละ 20 บาท แต่พอเข้าไปก็แอบผิดหวังนิดหน่อย ดอกไม้ไม่สวยแล้ว มันโรยหมดแล้ว ทางไร่ปลูกแปลงใหม่ไว้คงจะบานสวยทันช่วงปีใหม่พอดี

จบแล้วสำหรับทริปนี้ เป็น 3 วัน 3 คืนที่ประทับใจมากๆ ไปที่ไหนก็ไม่ผิดหวังเลย ดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ภูเรือ สโลว์ไลฟ์ที่เชียงคาน ชมหมอกอลังการที่ภูทอก แถมด้วยอากาศดีๆ ดาวเต็มท้องฟ้าที่เขาค้อ เป็นทริปที่ประทับใจมากกกก ขอบคุณที่แวะเข้ามาดูกันนะ บ้าย บายยยยยย






ความคิดเห็น