#ยาวนิดนึงเเต่ก็มีเเต่รูปนะครับ ช่วงที่สามเลยครับ นางเอกของเกาะ สวยมาก

เริ่มเลยละกัน จุดเริ่มต้นของทริปนี้ มาจากตัวผมนี่แหละครับ เบื่อๆการทำงาน เซ็งชีวิต กะว่าจะ backpack ไปไหนคนเดียว สักที่ เขาบอกว่าการออกเดินทางเป็นการเติมพลังให้ตัวเอง เหมือนเป็นการRestart ตัวเองใหม่นั่นแหล่ะครับ

.

.

.

แล้วก็มีวันหนึ่งครับ....

ทักแชทไปหาเพื่อนคนหนึ่งถามเรื่องทะเลกับมัน(คนนี้ตัวหลักของทริปเลย) ก็คุยกันนู่นนี่นั่นกันไป เอ้า!!!เหมาะเจาะครับ มันก็จะไปทะเลพอดี จะไปช่วงปลายเดือน แต่ผมแพลนไปต้นเดือน ไม่เป็นไร!! ยอมยุบทริปเพื่อการนี้ครับ

ตัดสินใจไปกับมัน ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าไปที่ใหน5555555

และแล้วสมาชิกก็เริ่มเพิ่มจากสองคน เป็นสี่คน ชายสามหญิงหนึ่ง(ไม่ต้องตกใจนะครับพวกเราคบกันมาจะ 10ปีละแทบจะรู้ไส้รู้พุงกันหมด) เอาละวะ!!!! ลุยๆๆๆๆครั้งแรกไปกับเพื่อนลองดู...

พอคุยกันได้สถานที่ ได้วัน ก็ตกลงกันเลย ( สถานทีนี้ตามใจไอ้เจ้าของทริปมัน) หาข้อมูลเตรียมพร้อมทุกอย่าง ศึกษารวบรวมสถานที่ จากรีวิวต่าง พอทุกอย่างโอเค ก็นัดเจอกันที่ ขอนแก่น(พวกผมอยู่ที่หนองคายกัน) ในตอนนั้นข้อมูลที่ต้องจำขึ้นใจ คือรถไฟออกจากชานชะลาตอนสี่ทุ่ม



วันที่ 28/05/58

@ขอนแก่น

การเดินทางกำลังจะเริ่มขึ้น ตื่นเต้นครับ พวกเราไปเจอกันที่ขอนแก่นเวลาประมาณ ทุ่มนิดๆ ด้วยความคิดว่า ต้นstartจากขอนแก่น ตั๋วรถไฟฟรีน่าจะยังไม่เต็มหรอก ชิวๆครับตอนนั้น ก็นั่นล่ะครับเสือหิวโซมาเจอกัน เรื่องกินเรื่องใหญ่ ตั๋วเต๋อนี่ไม่ได้สนใจลืมไปชั่วขณะกันเลยทีเดียวครับ พอกินข้าวเสร็จตายห่า!!!Shift หาย ลืมดูนาฬิกา ปาไปสามทุ่มครึ่ง รีบสิครับงานนี้ ขอนแก่นตอนกลางคืนรถติดอีกนะครับบบบ เอาแล้วไง สถานการณ์เริ่มกดดัน พอถึงสถานีรถไฟ ก็รีบวิ่งขึ้นไปจองตั๋วกัน พอจองเสร็จ เหยดดดด ได้ตั๋วVIPครับ เป็นตั๋วส่งเสริมให้คนรักสุขภาพ ตั๋วยืน........ -,.- แต่ละคนนี้ยิ้มแป้นกันเลยทีเดียว ถถถ+

แล้วการนั่งรถไฟเริ่มต้นขึ้น พวกเรามาสี่คน แต่ที่ว่างแบบพอดีสี่ที่ไม่มีครับ


เลยได้แยกนั่งเป็นสอง:สอง โดยการขอนั่งกับคนอื่นเขา พอนั่งลงปุ๊บ แต่ละคนก็เข้าสู่โลกส่วนตัวของตัวเองหยิบอุปกรณ์คู่ใจขึ้นมา โทรศัพท์ หูฟัง หมอน คิดในใจว่า ชิวๆ รถไฟไทย นั่งไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็ถึง

รถไฟเริ่มเคลื่อนตัวครับ เสียงลมพัด เสียงล้อเหล็กเคลื่อนเริ่มดัง นั่งกันไปเรื่อยๆสโลว์ไลฟ์ ชิคๆ เก๋ๆครับ

เพื่อนที่นั่งคู่ผมนิ่ฟังเพลงอย่างเดียว ส่วนผมก็เล่นโทรศัพท์

อีกคู่นิ่คุยกันเสียงนี้ดังแข่งกับรถไฟ ราวกับว่าไม่เจอกันมาเป็น10 ปี 20 ปี เงยหน้าขึ้นมามองข้างทางนึกว่าออกมาไกลแล้วแต่พบว่ารถไฟจอดอยู่สามสถานีก็ยังไม่พ้นจากเขตจังหวัดขอนแก่นสักทีครับ.....

โอเคครับ ไม่ซีเรียสอะไร ผมชิว ฮ่าๆๆๆ แต่ๆๆๆๆพอนั่งไปสักพักใหญ่ๆถึงประมาณจังหวัดชัยภูมิสถานีอะไรสักอย่างจำชื่อไม่ได้ครับ เอาละไงครับ รู้สึกแปลกๆ ทำไมรถไฟจอดนานผิดปกติวะ จอดแวะปั๊มหรอ ไม่น่าใช่นี่รถไฟ ไม่ใช่รถทัวร์ ไม่มีปั๊ม -,.- ด้วยความสงสัยต่อมความเผือกผมเริ่มทำงาน รอใครตัดริบบิ้นครับ กระโดดลงไปดูเหตุการณ์สิครับ


สิ่งที่เห็นตรงหน้าก็คือเจ้าหน้าที่สถานีมุงอะไรกันก็ไม่รู้และก็ได้รับข่าวดีแจ้งมาว่า............

รถเสียโบกี้สุดท้ายเสียครับ โชคดีมากๆเลยครับที่พวกผมนั่งโบกี้สุดท้าย

ครับบบบบ!!!! เชี่ยยยย

ต้องตัดโบกี้สุดท้ายทิ้ง แล้วให้ผู้โดยสารโบกี้สุดท้ายไปหาที่นั่งที่ว่างในโบกี้อื่น

ทราบซึ้งกับรถไฟไทยครับจริงๆครับ หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วความรู้สึกนี้ T___T

น้ำตาจะไหลครับ เพลงพี่ตูน บอดี้สแลมดังขึ้นมาประกอบครับ “ชีวิตมันต้องเดินตามหาความฝัน หกล้มคลุกคลานเท่าใหร่!!!" เดินสิครับเดิน บากหน้าเดินหาที่ว่าง เดินผ่านอยู่สามโบกี้ ที่ว่างก็ไม่มี เป็นไงเป็นกันครับมีที่ว่างนึงใกล้กับอ่างล้างมือ พอนั่งได้เสียสละให้เพื่อน ผญ นั่งละกัน ส่วนพวกผมสามคนนั้น นั่งพื้นแถวๆนั้นตามระเบียบครับผม.....

เวลาผ่านไปประมาณ 5 นาที มีผู้ชายขายน้ำ(น้ำดื่ม,ขนมไรงี้น่ะครับ)มายื่นข้อเสนอขายของแลกกับที่นั่งดีๆ โดยการซื้อน้ำคนละขวดแล้วจะพาไปนั่งห้องเสบียง โอ้โหววว การตลาดพี่แก ฮ่าๆๆแทบจะไม่ต้องคิดอะไรเลยครับ ไม่ฟิวน้ำผมก็จะซื้อครับ แลกกับที่นั่งที่ดีกว่าพื้นตอนนี้ ฮ่าๆๆ พอไปถึงที่ห้องเสบียง


เหยดดด!!!! นึกว่าห้องส่วนตัว ที่นั่งมันดีมาก พวกผมไม่รีรอเลยครับ แยกย้ายจับจองที่นั่ง เเล้วก็นั่งยาวจนมาเช้าที่แก่งคอยสระบุรี...

พอแสงแรกมาหน้าตาเพื่อนผมก็เริ่มเบิกบานกันเลยที่เดียวครับ ทำตัวเหมือนถึง กทม แล้ว เเต่ที่จริงแค่สระบุรี



จากนั้นก็นั่งกันต่อไป ระหว่างทางก็ลองกล้องกันบ้าง คุยกันบ้างเสียงนี้เเจ้วจ้าวอย่างกับนกบินหาเหยื่อยามเช้า

นั่งมาเรื่อยๆ ตู้เสบี่ยงเราสมาชิกก็เริ่มเพิ่มขึ้น เพราะหลายคนใช้รถไฟเป้นพาหนะเพื่อไปทำงาน จึงทำให้เรารู้ว่า ไอ้ตู้เสบี่ยงเนี่ย นั่งได้ๆๆๆๆ



29/05/58

@ กรุงเทพ

ในที่สุดดดดดดด!!!!!ก็ถึงกรุงเทพครับ

เวลาประมานเกือบ 9 โมง รถไฟสายหนองคาย-กรุงเทพ เข้าจอดที่ชานชลา พวกผมก็ลงรถกัน เป้าหมายแรกคือห้องน้ำ หาที่อาบน้ำ หาจนทั่วก้ไม่มี มีดีสุดก็ห้องน้ำของสถานี เอาละวะอย่างน้อยก็พอช่วยได้ ล้างหน้า แปรงฟัน พร้อมขโมยสระผมด้วยเป็นผู้ชายก็สะดวกงี้ล่ะครับ ฮ่าๆ



พอภารกิจส่วนตัวทุกอย่างก็รีบไปจองตั๋วรถไฟ(อีกแล้ว)ไปชุมพร รถออก 13.00


โปรแกรมคั่นเวลาเริ่มผุดขึ้นมาในหัว แต่คิดไปคิดมาร้านกาแฟน่าจะโอเคสุด(ผมเป็นคนชอบเสพบรรยากาศร้านกาแฟครับ)


กินข้าวเสร็จก็เดินหาร้านกาแฟตามGPS ร้านที่ใกล้ที่สุดแถวนั้น คือร้าน “ฮ.นกฮูก" เราก็ฆ่าเวลาในร้านนั้นราวๆสี่ชั่วโมง ทั้งชาร์ทแบต เล่นเกมส์ นอน ทำอย่างกับบ้านตัวเอง

ร้านสวยดีครับ มีหลายมุม เเต่ไม่ค่อยได้ถ่ายบรรยากาศร้าน งงอยู่ครับว่าทำไมไม่ถ่าย สงสัยหิวววววววว


พอถึงเวลาก็มารอขึ้นรถ มุ่งหน้าสู่ชุมพร เกือบไม่ทันรถด้วยนะครับ เพราะกว่าจะเดินหาตู้เจอ


ระหว่างนั้นก็หาเกมส์เล่นกันไปเรื่อยๆ(เพราะนั่งตอนกลางวันมันน่าเบื่อกว่าตอนกลางคืน)


นั่งไปได้ประมาน 20 นาทีถึงสถานีบางซื่อ จอดนานผิดปกติ

ตามคาดครับ ถ้าจอดนานๆไม่ต้องลงไปเผือกให้ยากแบบรอบเมื่อกี๊ รถไฟเสียครับ -,.-

ต้องเปลี่ยนหัวเครื่องจักร(พวกผมเริ่มคิดแล้วว่าดวงไม่สมพงศ์กับรถไฟ) ระหว่างรอหัวเครื่องจักร เจ้าหน้าที่ก็ให้ลงมารอข้างล่าง ดีนะพึ่งออกเดินทางมาได้ 5 กิโลเมตร...

นี่สินะรสชาติของแบ็คแพ็คเกอร์ 55555555555555555555

น้ำโค้กใส่ถุงนี้เข้ากับบรรยากาศรถไฟมากนะครับ


ซ่อมเสร็จเดินทางกันต่อครับ ระหว่างทางก็จะมีของกินมาขายตลอด แรกๆก็กะว่าจะไม่ซื้อกินกัน แต่พอได้ซื้อเท่านั้นแหละ ซื้อต่อเนื่องแทบทุกสถานี เมนูแนะนำก็"ก๋วยเตี๋ยวแห้งราชบุรี"ครับ แทบทุกรีวิวต้องกินกัน อร่อย ถูก เกือบอิ่มในราคา 10 บาท ฮ่าๆ


ตบท้ายด้วยไข่นกกระทา เมนูนี้อยากกินทั้งสี่คน


จะสี่ทุ่มแล้วครับ รถไฟยังไม่ถึงสถานีชุมพร แผนสำรองเริ่มทำงาน เริ่มหาเบอร์โทรบริษัทรเรือที่ออกตอนเที่ยงคืน แต่ก็ไม่มี ตอนนั้นภาวนาสวดมนต์อ้อนวอนขอพร(เว่อไปครับ)ขอให้รถไฟถึงชุมพรก่อนห้าทุ่ม พอถึงสถานีสุดท้ายก่อนจะถึงชุมพร ผมลองโทรหาบริษัทเรือนอนที่ออกรอบห้าทุ่ม ฮ่าๆครับ!!! เช่นเคยครับ-,.-ความซวยแวะมาทักทายอีกครั้ง


วินาทีนั้นเพลงที่เข้ากับบรรยากาศของพวกผมที่สุดน่าจะเป็นเพลง"คงไม่ทัน" ของพี่สงกรานต์ เดอะว๊อยซ์ครับ เรือกำลังจะออก เครียดครับ แต่ทำไรไม่ได้ ฮ่าๆๆๆ T____T ภาพฝันที่มโนไว้ว่าจะนอนดูดาวกลางทะเลบนเรือ พังครับ!! พังไปตามโบกี้และหัวเครื่องจักรรถไฟไปเรียบร้อย..........



แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่ครับ พอถึงชุมพรก็ห้าทุ่มนิดๆมีพี่ๆกลุ่มหนึ่งที่แบ็คแพ็คมาจาก กรุงเทพมาชวนไปหาเรือด้วยกัน พวกผมก็ไปสิครับรออะไรอยู่ล่ะครับบบบบบ ลงไปต่อราคารถสองแถว เหมาไปท่าเรือ เผื่อว่ามันจะมีเรือหลงเหลือ(อยากบอกว่าพวกพี่ๆน่ารักและใจดีเป็นมิตรมากๆเลยครับ)

ไปตามหาเรืออยู่สองท่าเรือครับ ก็ไม่เหลือสักลำ มีเร็วสุดก็หกโมงเช้า เวลาตอนนั้นเที่ยงคืนแล้ว อีกหกชั่วโมงเองรอก็ได้วะ ก็นั่งเล่นที่ริมท่าเรือคุยกันกับพวกพี่ๆ พวกพี่เขาไปมาหลายทริปละ เฮฮากันมาก คุยสนุก พวกผมต้องขอบคุณพี่อีกครังนะครับ ถ้าได้เข้ามาอ่านรีวิวนี้


นี่แหละครับ กิจกรรมคั่นเวลาระหว่างรอเรือออก

พวกผมเช่าห้องใว้อาบน้ำห้องนึง 500 ชื่อร้อยดาวอะไรสักอย่างจำไม่ได้แต่ไกล้ๆท่าเรือ เขาให้นอนได้สองคน ที่แรกไม่ได้จะนอนทั้งสี่คนหรอก ไปๆมาๆ หลับกันทั้งสี่คนได้ไงไม่รู้ ฮ่าๆๆ ทีแรกแค่จะมากินข้าวเเล้วออกไปหาพวกพี่ที่ท่าเรือ แต่เข้ามาเเล้วหลับ เลยจบข่าวเลย


เดี๋ยวมาต่อนะครับ ทำงานแปปต่อครับต่อ

30/05/58

@ ชุมพร

เวลา 05.30 ก็ออกมาท่าเรือกัน ต่างคนต่างเตรียมความพร้อมรอขึ้นเรือ อยากจะบอกว่า เสบี่ยงพวกพี่เขาพร้อมมากกกกกกก ส่วนพวกผมนั้น ตายเอาดาบหน้าครับ

หกโมงครึ่งเรือออกครับ ใช้เวลาเดินทางราวๆสี่ชั่วโมงก็ถึงเกาะ


เเละนี่คือเรือที่เราต้องนั่งข้ามเกาะครับบบ

พอถึงเกาะได้เวลาแยกย้ายกับกลุ่มพี่ๆ เพราะพี่เขาพักที่โฮมเสตย์ ส่วนพวกผมนั้นเป้าหมายคือโฮสเทลเเต่พี่เขาก็ชวนไปพักด้วยนะครับใจดีมากกก เอาไงเอากันยังไงค่อยโทหาพวกพี่เขาละกัน เดินสิครับเดิน เดินหาที่พัก แต่ก็ไม่มีที่ใหนว่างเลย ฮ่าๆหัวเราะในโชคชะตาของตัวเองครับ นี่ละครับการไปตายเอาดาบหน้า


เดินจนเหงื่อไหลไข่ย้อย เอ๊ย ไคลย้อย ก็มีที่นึงชื่อ"บ้านสวน" (ชื่อเหมือนเค้กเลยครับ) ราคาอยู่ที่ 1400 บาท สี่คน วันนี้พักที่นี่ก่อนละกันพรุ่งนี้ว่ากันใหม่......


เก็บของเสร็จเอาแผนที่มากางวางแพลนเที่ยวเลยครับ ลืมบอกไป เที่ยวเองนะครับไม่ง้อทัวร์ จากนั้นก็ไม่เช่ามอไซค์ร้านตามรีวิว เป็นร้านเดียวที่ไม่เสียค่ามัดจำอยู่ตรงข้ามร้าน"ดอลเซ่ วิต้า"


พอได้รถก็ออกเดินทางตามแผนที่ เป้าหมายแรกคือ"อ่าวลึก"ครับ


ทางที่ไปนิ่ทรหดอดทนลำบากลำบนทุกข์ทนทรมานมากมายครับ ต้องลงเดินกันอยู่หลายรอบกว่าจะถึง(ใครขับมอไซค์ไม่เก่งไม่แนะนำครับ)

พอถึงก็กะว่าจะถ่ายแค่รูป แต่ทะเลมันสวยล่อตาล่อใจเหลือเกินเหมือนจิตใต้สำนึกบอกว่ากุจะไม่ทนแล้วนะเว้ย!!


โดดลงเล่นแมร่งเลยครับ!!!! ตอนนั้นเป็นเวลาเที่ยงกว่าๆแดดพูดเพราะมากเลยครับ!! “แดดจ้า".......เอ่า ไม่ฮาหรอครับ =,.= เค ครับงั้นเล่าต่อดีกว่า....หินตรงนี้มองจากฝั่งเหมือนไม่สูงนะ พวกผมก็คิดเเล้วว่า จะว่ายน้ำไปปีน พอว่ายไปถึงปุ๊ปฮ่าๆนึกว่ายอดเขาภูกระดึง มันสูงมากกก ถามว่ากล้าปีนมั้ยตอบเลยว่า ฮึ


รุปสไตล์นี้เห็นอยู่รีวิวนึง กะว่าจะเลียนแบบซ๊หน่อย ห้าๆไม่เป็นดั่งที่คิด มาม่าไม่เหมือนหน้าซองจริงๆ ถ่ายเสร็จคือพี่เขาเท่ห์มาก ส่วนผมนั้น ละใว้ในฐานที่เข้าใจจจ


เล่นน้ำเสร็จก็พักครับ เหนื่อย ร้อน ฮ่าๆๆ แน่นอนครับผมไปที่ร้านกาแฟ และเพิ่งสังเกตว่าตัวเองและเพื่อนๆได้แผลครับจากการดีใจเว่อวังที่เจอน้ำทะเลเลยโดดลงเล่นอย่างสนุกสนานไม่คิดอะไร


โดนครับ !! โดนเศษหอยและปะการังบาด ฮ่าๆๆ แล้วกลับมาพักที่ห้องดูแผนที่ในการเดินทางต่อ

วนไปวนมาที่ภูเขาอยู่สามลูกครับ แล้วสุดท้ายไปจบที่ Mango View Point อยากจะบอกว่าทางขึ้นนิ่สุดติ่งกระดิ่งแมว มันชันมากครับ แล้วเหนื่อยโคตรๆๆๆ นี่ผมกำลังทำอะไรครับคุณ!!!ปีนยอดเขาเอฟเวอร์เรสหรืออย่างไร? แต่ผมไม่มีอะไรจะเสียแล้วล่ะครับ (เพราะโบกี้หัวจักรรถไฟก็เสียไปตั้งแต่ต้นทริปแล้ว) 5555 เลยปีนต่อครับ

ก่อนจะถึงมีร้านให้พักเหนื่อยด้วยนะครับ ร้านสวยมากกก ที่สำคัญ เบียร์ป๋องละ 80 บาท


พอขึ้นไปเห็นวิว มันฟินครับบบบ !!!หายเหนื่อยเลย คึกเลยครับเหมือนกรรมกรที่กินเอ็มร้อยห้าสิบ แววตาผมนิ่เป็นประกายวิ๊งค์ๆ ปลาบปลื้มใจน้ำตาจะไหลอยากร้องไห้ อยากโทรบอกแม่ แต่โทรไม่ได้เพราะแอบแม่มาเที่ยว เดี๋ยวแม่รู้ ฮ่าๆๆๆ วิวสวยมากๆเลยครับ อยากให้ทุกคนมาเห็นกับตาจริงๆ


พอเสร็จก็กับลงมานั่งดูพระอาทิตตกกันที่หาดท่าเรือแถวๆเซเว่นนี่แหละครับ สวยใช้ได้เลยทีเดียว


จากนั้นก็หิวครับ ด้วยความที่ว่าอยากประหยัดตังค์เลยไปหากินตามตลาด


มีตลาดไนท์อยู่ที่นึง เราก็ซื้อๆมารวมกัน ฮ่าๆหัวเราะให้ตัวเองอีกครั้งครับ เพราะว่ามันเป็นตลาดนี่แหล่ะครับ หิวครับ เห็นอะไรก็ซื้อ สรุปคือหมดเยอะกว่ากินไปกินในร้านเป็นเท่าตัว พอกินเสร็จหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน ราวกับโดนวางยาสลบทุกคนหลับครับ.... สรุปแล้วคืนแรกบนเกาะ นอนครับนอนนนนกำลังต่อนะครับ งานเข้า คนไข้เยอะๆๆๆต่อนะครับต่อ


31/05/58

@ เกาะเต่า

เวลาประมาน 9 โมงเช้าก็เตรียมตัวกันไปที่ไฮไลท์นางเอกของเกาะเต่า นั่นคือ “เกาะนางยวน"

ทะเลแหวกแหก........ใจ (แหม่ คิดว่าจะแหกอะไรครับ แหม่ๆ)

เริ่มด้วยการไปยืนหน้าด้านต่อราคาค่าเรือข้ามเกาะ พวกผมเหมาเรือไปกลับราคา1600 สี่คน

ต่อเหลือ 1200 (ก็ยังคิดว่าแพงอยู่ครับ-,.-) เเต่เพื่อนผมมันต่อแบบหักดิบมาก ต่อให้เหลือ 1000 ฮ่าๆเเต่ก็ไม่ได้

ผ่านไปเกือบ 20 นาทีก็ถึงสวรรค์บนทะเล คือน้ำสวยมากกกกกกก คนเยอะดี


ข้ามไปเกาะ น้ำสวยเกินจะบรรยายครับ ท้องฟ้าสวย รูปนี้ไม่ต้องเซนเซอร์หน้ากันละ เพื่อนไฟเขียวละ


จับจองสถานที่ หาทำเลดีๆเเล้วลงดำน้ำเลยครับ แต่ไม่มีรูปนะ เพราะไม่มีกล้องถ่ายใต้น้ำ ฮ่าๆ


ดำน้ำเสร็จก็มาพักเหนื่อยครับ ชมผู้คนเล่นน้ำ ส่วนมากจะไม่มีคนไทยนะ

จากรูปจะเห็นได้ว่า สามารถดำน้ำตรงตื้นๆได้เลย ยิ่งลงไปลึกยิ่งสวยนะครับ ปลาเยอะมากกกกก

เกาะนี้แปลกดีนะครับ มีทรายทะเลแหวกกั้น เเต่ริมหาดนั้นต่างกัน ฝั่งนึงจะเต็มเป็นไปด้วยปะการัง อีกฝั่งจะเป็นเปลือกหอย (หรือว่าผมมั่วเอาก็ไม่รู้นะ เเต่เท่าที่ดู มันต่างกันจริงๆ ฮ่าๆ)


ปะการังวางเต็มทรายเรือนะครับ ผมหยิบมาถ่ายรูปแล้ววางใว้ที่เดิมอยู่นะ ฮ่าๆ

ระหว่างรอขึ้นไปดูวิวบนยอดเขา ตรงนี้คือนางเอกของเกาะก็ว่าได้ ผมก็เดินเล่นชมหาดกับเพื่อนไปเรื่อยๆครับ อยากบอกว่า ถ้าไม่เดินชมนี้ พลาดมากก ร้อนนะครับ เเต่วิวมันสวย คุ้มกับค่าร้อน


รูปส่วนมากจะเป็นแอบถ่าย ต้องขออนุญาติเจ้าของรูปด้วยนะครับ ฮ่าๆมีรูปใครก็ทักแชทมาขอได้นะครับบ ตรงนี้ผมว่ามันสวยมากเลยครับ


ผมลงไปแช่ในทะเลรอถ่ายรูปเลยแหละครับ เปื่อยก็ยอมจม(ทุ่มทุนสร้างมากกก) กว่าจะมีคนเดินผ่านก็นานพอสมควร เพราะถ้าจะไปบังคับเพื่อนเดิน มันก็จะไม่เนียน เลยยอมเเช่ในน้ำ คิดในใจเพื่อคอนเส็ปรูปที่ต้องการ เอาก็เอาวะ!!

รูปนี้ เป็นเพื่อนผมเอง มันบังเอิญเดินมาครับ เลยรัวชอตเลย


เดินรอบเกาะ มุมมองของรูปก็จะแตกต่างกันออกไปนะครับ เเต่สวยทุกมุมจริงๆ จากภาพนี้ เราจะมองเห็นยอดเขา หินก้อนใหญ่ๆก้อนนั้นแหละครับ คือจุดชมวิว


ยังคงเดินเล่นต่อไปเรื่อยๆครับ เอาระยะทางมารวมกัน ผมว่าน่าจะถึง 20 กิโลได้ ก็ว่ากันไปนั่น ฮ่าๆ


พอได้เวลาอันสมควร ก็มุ่งหน้าสู่จุดชมวิวทะเลแหวก ต้องเดินขึ้นบันใดถือว่าสูงใช้ได้แต่ไม่เท่าไอ่เอฟเวอร์เรสที่ปีนเมื่อวาน ฮ่าๆๆ


ระหว่างเดิน สองข้างทาง วิวสวยมากครับ แวะทุก 10 เมตร ก็ว่าได้

จุดชมวิวจะมีสามชั้นครับ


ชั้นที่ 1 นั้นคนจะเยอะเพราะมันขึ้นง่าย ต่อแถวกันยาวยิ่งกว่าของลด 70 %

เพื่อนผมสองคนก็ต่อครับ พวกมันไม่กล้าขึ้นไปชั้นอื่นนน ฮ่าๆ แต่ก็สวยนะครับ


ส่วนผมกับเพื่อนอีกคนปีนขึ้นอีกชั้น ถามว่าเสียวมั้ยพูดเลยว่ามาก 10 ใน 100 ที่จะขึ้นมา


ส่วนจุดที่สูงที่สุดนั้น น้อยมากที่คนจะขึ้น ถามผมว่ากล้าปีนมั้ย ตอบได้เลยว่าหึ!! ฮ่าๆๆ เเต่ก็มีฝรั่งปีนอยู่นะครับ คือโคตรเฟี้ยวอะผมว่า 2 ใน 100 คนเลยละที่ปีน เพราะมันสูงมว้ากกกก


พอชมวิวทุกอย่างจนอิ่มอกอิ่มใจแล้วก็นั่งเรือข้ามมาเกาะเต่า อาบน้ำแต่งตัวรอเตรียมท่องราตรี เย่ห์~


ที่ที่โปรดปรานในเวลากลางคืนของทุกคนที่ไปเกาะเต่า จะไม่เอ่ยถึงคงไม่ได้ครับ นั่นก็คือ หาดทรายรี ถิ่นสตรีควงกระบองไฟ(อันนี้ผมต่อเอง) ฝรั่งนี้เต็ม หาคนไทยนี้ยาก ผมนึกว่าอยู่ต่างประเทศ เเต่น่าเสียดายครับ ไม่ได้พกกล้อง

เวลาเดินเร็วมาก ผ่านไปแปปเดียว จะตีสอง กลับสิครับงานนี้ ตานี้หวานดั่งน้ำผึ้งเดือนห้ากันทุกคน


เวลาแห่งความสุขชอบผ่านไปเร็วจริงๆ เที่ยวเสร็จ ความหิวก็มา หาที่กินข้าวเเล้วเข้านอน ผ่านพ้นไปอีกหนึ่งวันยังไม่จบนะครับ เดี๋ยวมาต่อวันที่ 1/06/58

@เกาะเต่า

ความสุขของการเดินทางใกล้จะสิ้นสุดลง ต้องรีบตื่นไปจองตั๋วเรือกลับครับ

เรือมีรอบเช้าสุด 10 โมง แต่พวกเราจองได้รอบ บ่ายสอง ท่าเรือนี้รับจองรถไฟด้วยนะครับ โคดเจ๋งปริ้นตั๋วให้เลย

จากนั้นก็เช็คเอ้าท์ บ๊าย บายยบ้านสวนรีสอร์ท ความซวยมาทักทายผมอีกครั้งตามประสาเพื่อนฝูงครับ -,.-


เบื่อตัวเองตรงนี้ครับ ที่บางทีไม่รอบครอบ ไปกินข้าวแล้วไม่ได้กดตังค์ไปครับ ฮ่าๆ นับแบงค์นับเหรียญที่มีทั้งหมดในร่างกายทั้งในกระเป๋ากางเกง กระเป๋าเสื้อ และในปาก (อันหลังนิ่ล้อเล่นครับ 55555) แบบว่าพอดีกับราคาข้าวไม่เศษไม่เกิน

ข้าวแกงป้าแมวครับ

จากนั้นก็ไปคืนมอไซค์เช่า ระหว่างรอเรือออก ก็เหมือนเดิมครับ หาร้านกาแฟนั่ง คาเฟอีนมันอยู่ในกระแสเลือด(แอลกอฮอล์ก็เช่นกัน)


ทีแรกก็กะว่าจะไปร้านตามที่มีคนรีวิวใว้ แต่ปัญหาคือ พวกผมหาไม่เจอครับ GPS หรือSIRI ก็ไม่น่าเชื่อถือมันครับ บางทีชอบปล่อยเราไว้กลางทางแล้วก็error 55555 ก็ตามมีตามเกิดครับ ร้านไกล้ๆก็ได้วะ ใช้ชีวิตอยู่ในร้านตั้งแต่มีโต๊ะเดียว จนคนล้นร้าน ฮ่าๆไม่แคร์ครับ เพราะไม่มีที่ไป

ชื่อร้าน coffee House

เยื้องๆเซว่นนะ


ข้างร้านมีโปสการ์ดขาย ร้านนี่แหละผมส่งไปสารภาพกับแม่ว่ามาเที่ยว ฮ่าๆ


ใกล้ถึงเวลาเรือออกก็ไปรอที่ท่าเรือครับ เป็นท่าเรือเดิมกับตอนมา


นั่งเรือข้ามเกาะไปฝั่งพอไปถึงจะมีรถรับส่งนะครับ จะแยกสายรถไฟกับ กับทัวร์ ไปส่งถึงสถานีเลย

พอถึงก็จองตั๋วรอบนี้ไม่ฟรีนะครับ เพราะรอบฟรี หมดแล้ว ฮ่าๆ ยอมจ่ายครับ 232 บาท รอบสามทุ่ม


ระหว่างรอก็ตามสเต็ปครับ เดินตลาดใกล้ๆหาของกินรอ

พอใกล้ถึงเวลาก็มารอขึ้นรถ ถึง กทม ประมาน 8 โมงเช้าครับ เหมือนเดิม ล้างหน้าแปรงฝันและขโมยสระผม


หากินข้าวเสร็จก็ต้องวนกลับไปรอหน้าร้านกาแฟร้านเดิมครับ เพราะตอนขาไปลืมฝาปิดกล้องใว้ที่ร้านพี่เค้า ฮ่าๆนั่งรอหน้าร้านตั้งแต่ 09.30- 11.00 พูดเลยว่า คนเเถวนี้คงคิดว่าเป็นบร้าไปละ นั่งเฝ้าหน้าร้าน นานเป็นสองชั่วโมง

พอพนักงานมาเปิดร้าน พวกเราก็ต้องแยกย้ายกันที่สถานี รถไฟใต้ดิน สิ้นสุดการเดินทาครับ ทุกคนในทริปกลับสู่โลกความจริง ไปทำหน้าที่ตัวเอง ไปเรียน ไปทำงาน


ส่วนผมก็กลับไปทำงานไปใช้วิถีชีวิตตามปกติครับ แน่นอนครับกลับไปก็สภาพแวดล้มเดิมๆ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือแปลกตาไปกว่าเดิม

แต่สิ่งที่เปลี่ยนคือความคิดของผมครับ ผมรู้สึกโลกของผมกว้างขึ้น ทุกครั้งที่เดินทางผมเหมือนได้รับพลังบางอย่าง

เหมือนกลับมาแล้วมุมมอง ทัศนคติเราเปลี่ยนไปจากเดิม สำหรับผมแล้วการได้ก้าวขาออกไปยังสถานที่ใหม่ๆเป็นการให้ของขวัญกับตัวเองครับ บางคนอาจคิดว่ามันไร้สาระ สิ้นเปลือง แต่ผมมองว่าเกิดมาครั้งนึงควรใช้ชีวิต20,000วันบนโลกให้คุ้มค่าครับ ทำไปเถอะครับอะไรที่เราสบายใจ และคนอื่นไม่เดือดร้อน

สำหรับทริปนี้ก็ขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้ครับ

ขอบคุณมากๆถ้าคุณอ่านทุกบรรทัดของผม

ขอบคุณเพื่อนร่วมทริปของผมทั่งสามคน

ขอบคุณคำติชมสำหรับคนที่หัดทำรีวิวครั้งแรก

ขอบคุณที่ดูรูปผม

ขอบคุณหนังสือเดินทางเล่มนี้ จำได้ว่า ไปขอกลุ่มพี่ๆเขามาเพราะหาไม่เจอ เเต่ที่ใหนได้ มันมีเเจกเต็ม

ขอบคุณคุณกัลย์สุดา ที่แสกนเนื้อหาช่วยผม


ขอบคุณ ขอบคุณค๊าบบบบ

เจอกันทริปหน้าครับ

อยากบอกอีกครั้งว่า ทะเลตรงนี้สวยมากๆจริงๆครับ ไปช่วงเที่ยง รูปจะใสมากกกก

..


สรุปค่าใช้จ่ายหลักๆนะครับ เพราะค่ากินขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

ค่ารถสองแถวไปท่าเรือ 80 บาท

ค่าโรงแรมเช่าคืนแรกตอนตกเรือ 500 บาท หารสี่คน ตกคนละ 125 บาท

ค่าเรือคนละ 500 ไปกลับ 1 พันบาท

ค่าเช่ามอไซค์ 150 บาท

ค่าเติมน้ำมัน คนละ 50 บาท

ค่าที่พัก คืนละ 350 สองคืน 700 บาท

ค่าเรือข้ามเกาะนางยวนไปกลับ 300 บาท

ค่าเข้าชมเกาะนางยวน 30 บาท

ค่ารถไฟจากชุมพร-กทม. 232 บาท

รวม ค่าใช้จ่ายหลักๆ 2,667 บาท

ความคิดเห็น