ตามหาแสงเหนือ เมืองหมู่บ้านชาวประมง

ภูเขาหิมะ ทะเลกว้างใหญ่ บ้านหลากสี

พร้อมแสงเหนือสวยๆ วาดฝัน ยามค่ำคืน

กับ ประเทศนอร์เวย์ แห่งสแกนดิเนเวีย

ถ้าพูดถึงประเทศที่เต็มไปด้วยความงดงามของธรรมชาติและความประทับใจไม่รู้ลืม นอร์เวย์ต้องเป็นหนึ่งในอันดับต้น ๆ ที่หลายคนต้องการไปเยือน สำหรับเราแล้ว นอร์เวย์คือ Destination ระดับโลก ที่อยากให้ทุกคนได้ลองไปสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้งในชีวิต เพื่อนๆ ลองนึกภาพการยืนอยู่ท่ามกลาง ภูเขาหิมะขนาดใหญ่ ที่ดูเหมือนจะไร้ขอบเขต ท้องฟ้าสีฟ้าครามที่คอยโอบล้อมวิวที่งดงาม บรรยากาศที่แสนสงบ พร้อมหมู่บ้านชาวประมงสีสันสดใส มีเอกลักษณ์และเสน่ห์เฉพาะตัว แสงเหนือ ที่พลิ้วไหวไปในท้องฟ้ายามค่ำคืน ไม่ว่าจะไปในช่วงเวลาไหน ก็เต็มไปด้วยประสบการณ์ใหม่ ๆ และความตื่นเต้นในทุก ๆ การเดินทาง

สำหรับการเดินทางมายังนอร์เวย์ เราสามารถบินตรงจาก 𝐁𝐚𝐧𝐠𝐤𝐨𝐤 (𝐁𝐊𝐊) - 𝐎𝐬𝐥𝐨 (𝐎𝐒𝐋) กับการบินไทย ที่ให้บริการแบบ Full Service จากพนักงานคนไทย บินรอบดึก ถึงรอบเช้าทำให้เราสามารถนอนพักยาวๆ รวดเดียวถึงนอร์เวย์ พอแลนด์ดิ้งก็เที่ยวต่อได้เลยค่ะ

ก่อนถึงเวลาบินก็สามารถเช็คอิน เลือกที่นั่งและอาหารได้ล่วงหน้าได้ พออยู่บนเครื่องก็ได้รับเซอร์วิสแบบพรีเมียมจากพนักงาน บริการดี น่ารัก สดใส ใจดี พร้อมกับอาหารไทยอร่อยๆ ยิ่งขากลับจากไปเที่ยวในพื้นที่สแกนดิเนเวียมา แล้วได้กินอาหารไทยบนเครื่อง บอกเลยว่าเป็นอะไรที่ฟิน ดีต่อใจสุดๆ

และหากเพื่อนๆ คนไหนที่เป็นสมาชิก Royal Orchid ก็อย่าลืมไปนั่งเลานจ์ก่อนบินกันด้วยน้า ที่มีที่นั่งสบาย พร้อมบริการอาหารและเครื่องดื่มให้ครบเพื่อการพักผ่อนและเตรียมพร้อมก่อนออกเดินทาง

พร้อมแล้วออกเดินทางไปเที่ยวชมแสงเหนือ โลกอีกใบที่แตกต่างจากทุกวัน

เช็คราคาและเที่ยวบินได้ที่ https://www.thaiairways.com/th_TH/index.page

ไฮไลท์บรรยากาศของทริปนี้ ก่อนไปชมรายละเอียดแต่ละพิกัด

ไฮไลท์สถานที่ :

สนามฟุตบอลแห่งนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็น "สนามบอลที่สวยที่สุดในโลก" เพราะตั้งอยู่ท่ามกลางทิวทัศน์ที่งดงามไม่เหมือนใคร เพื่อนๆ ลองจินตนาการว่าเรากำลังเตะบอลท่ามกลาง ภูเขาหิมะ และทะเลที่ทอดยาวไปไกลสุดลูกหูลูกตา อากาศเย็นสดชื่นจากธรรมชาติรอบตัว

ทำให้สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่แค่สนามฟุตบอล แต่กลายเป็น จุดชมวิวสุดอลังการ ที่ใครมาเยือนก็ต้องตะลึงในความสวยงามของธรรมชาติเลยน้า

ไฮไลท์สถานที่ :

บ้านเหลืองหลังเดียวตั้งเด่นอยู่ท่ามกลางทิวเขาสูงตระหง่าน สร้างความโดดเด่นและมีเสน่ห์ เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของการถ่ายรูปที่น่ารักละมุนใจไม่ไหวแล้ว

ไฮไลท์สถานที่ :

ปีนเขาชม แสงเหนือ ที่กำลังเต้นรำเหนือท้องฟ้า ชมวิวรอบตัวแบบ 360 องศา เป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืม สร้างความรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในโลกแห่งความฝันเลยล่ะ

การเดินทางมายังนอร์เวย์นั้นสะดวกมาก ๆ เพราะเราสามารถบินตรงจาก กรุงเทพฯ (BKK) มายัง ออสโล (OSL) กับ การบินไทย สายการบิน Full Service ที่มีเครื่องบินใหม่รุ่น A350-900 บินตรงแบบสบาย ๆ โดยไฟล์ทจะออกช่วงกลางคืน ทำให้เราสามารถนอนหลับยาว ๆ บนเครื่อง ตื่นมาพร้อมกับวันใหม่ ออกเที่ยวต่อทันที หนูเองเลือกที่พัก และอาหารมาตั้งแต่ก่อนจะบิน เตรียมตัวไว้ได้สะดวกสบาย

สิ่งที่ทำให้การบินครั้งนี้พิเศษก็คือการบริการที่ยอดเยี่ยมจากพนักงานของการบินไทย ทั้งน่ารัก สดใส และใส่ใจ เซอร์วิสดีตลอดการเดินทาง

อาหารบนเครื่องก็อร่อยถูกใจ โดยเฉพาะใครที่เคยเดินทางมาในพื้นที่สแกนดิเนเวียแล้ว คงจะเข้าใจความรู้สึกอยากทานอาหารไทยอย่างแน่นอน

สำหรับ สมาชิก Royal Orchid ก็อย่าลืมไปใช้บริการ เลานจ์ ของการบินไทยก่อนขึ้นเครื่อง เพื่อเริ่มต้นการเดินทางอย่างสะดวกสบายกันนะคะ

เช็คราคาและเที่ยวบินได้ที่ https://www.thaiairways.com/th_TH/index.page

เมื่อเราบินตรงจากกรุงเทพฯ ก็จะมาถึง สนามบินออสโล (Gardermoen) ซึ่งเป็นสนามบินหลักของนอร์เวย์ เปิดให้บริการการบินเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 และยังคงความทันสมัยและสวยงามอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ สนามบินนี้ยังมีระบบขนส่งสาธารณะที่ครบครันและสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า, รถบัส หรือบริการอื่น ๆ ที่ทำให้การเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ในออสโลและทั่วประเทศเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสุด ๆ

เพื่อน ๆ คนไหนที่เพิ่งถึงสนามบินออสโล (Gardermoen) ก็ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ เพราะการเดินทางต่อไปยังจุดหมายอื่นนั้นง่ายมาก ๆ โดยที่สนามบินมี ข้อมูลและตารางเวลา การเดินทางที่ชัดเจน สามารถดูได้ง่าย ๆ เอง ซึ่งสะดวกมาก ๆ อย่างตัวเราเองก็มีแผนที่จะบินต่อไปยัง Evenes Airport แล้วก็เช่ารถขับไปที่ Lofoten เพื่อเริ่มต้นการผจญภัยต่อไป การเดินทางที่นี่ทั้งสะดวกและเข้าใจง่ายจริง ๆ ค่ะ

Henningsvær

การขับรถจาก Evenes Airport ไปยัง Henningsvær ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ซึ่งทำให้เราตัดสินใจเลือกพักที่ เกาะนี้ ในคืนแรก เพื่อจะได้มีเวลาสำหรับเดินเล่นและเพลิดเพลินกับความงามของ ท่าเรือประมง ในยามเย็น ขณะที่ พระอาทิตย์ตกดิน ทำให้บรรยากาศโดยรอบโรแมนติกและน่าประทับใจ

ที่พักของเราคือ Lofoten Arctic Hotel Knusarn เกสต์เฮ้าส์ขนาดเล็กที่ตั้งอยู่บนเกาะนี้ ถึงแม้จะไม่ใหญ่โต แต่ข้อดีของที่นี่คือ ห้องพักราคาย่อมเยา พร้อม อาหารเช้าอร่อย ๆ ที่ทำให้เรามีแรงสำหรับการออกไปเที่ยวต่อได้ทันที นอกจากนี้ เรายังสามารถ จอดรถที่โรงแรม แล้วเดินเล่นไปตามจุดต่าง ๆ รอบ ๆ เกาะได้อย่างสะดวกสบาย

เพื่อน ๆ เชื่อไหมคะว่า จริง ๆ แล้วจุดที่มีชื่อเสียงและมักจะเห็นใน Instagram บนเกาะนี้คือ "สนามฟุตบอล" ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น สนามฟุตบอลที่สวยที่สุดในโลก เลยทีเดียว! เพราะสนามแห่งนี้ตั้งอยู่บน เกาะเล็กกลางทะเลลึก และถูกโอบล้อมด้วย เทือกเขาหิมะขนาดใหญ่ ทำให้วิวรอบสนามนั้นสุดอลังการและสวยงามอย่างไม่น่าเชื่อ ทุกมุมของสนามเหมือนกับการได้ถ่ายภาพในภาพยนตร์ที่มีธรรมชาติเป็นฉากหลัง!

Nyvågar Photo Point

Nyvågar Photo Point เป็นจุดชมวิวบนเนินเขาที่สามารถมองเห็นหมู่บ้านสีแดง ๆ เรียงตัวกันอย่างงดงาม บ้านสีแดงเหล่านั้นคือ Nyvågar Rorbuhotel ซึ่งเป็นที่พักบนเกาะ แต่ถ้าจะถ่ายรูปจากมุมนี้ เราจะไม่สามารถเดินจากฝั่งโรงแรมไปได้ เพราะหน้าผาค่อนข้างชัน การเดินอ้อมไปทางอื่นจะสะดวกกว่า

บรรยากาศของแสงเหนือที่นี่สวยงามมากจริง ๆ ค่ะ

Skagsanden Beach

จุดที่คนชอบถ่ายรูปห้ามพลาดมากๆ คือ Skagsanden Beach ค่ะ จุดนี้สามารถถ่ายรูปสวยๆ ในช่วงแสงเย็น หรือจะมาถ่ายแสงเหนือสวยๆ ก็ได้เช่นกันค่ะ

คืนที่เรามาถ่ายภาพ เป็นคืนที่เห็นแสงเหนือ Kp index สูงถึง 5.6 เลย ทำให้ทริปนี้กลายเป็นช่วงความทรงจำที่ดีของเราสองคนมากๆ

Hamnoy

หากพูดถึงการเดินทางมายัง Lofoten เชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคนคงเคยเห็นภาพของ หมู่บ้านสีแดงริมทะเล ที่ตั้งอยู่ท่ามกลาง หน้าผาสูงใหญ่ และ ท้องฟ้ากว้างใหญ่ ในรูปนี้อย่างแน่นอนค่ะ

ที่นี่คือ หมู่เกาะ Hamnoy หนึ่งในจุดที่มีชื่อเสียงที่สุดของ Lofoten ซึ่งเป็นที่นิยมในการถ่ายภาพ แสงเหนือ ท่ามกลาง หิมะและทะเลที่ซัดสาด อย่างอลังการ จุดนี้เป็นอีกหนึ่งจุดที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบในการจับภาพความงามของธรรมชาติ

เพื่อน ๆ สามารถตั้ง ขาตั้งกล้อง บนสะพานที่ข้ามแม่น้ำเพื่อถ่ายภาพ แสงเหนือ ได้อย่างสะดวกสบาย พร้อมกับวิวของหมู่บ้านสีแดงที่โดดเด่นอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามรอบด้าน

Eliassen Rorbuer

จากมุมที่เราเห็นเมื่อสักครู่ เราจะสังเกตเห็น บ้านสีแดงหลายหลัง ตั้งอยู่บนเกาะ Hamnoy ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นส่วนหนึ่งของ Eliassen Rorbuer โรงแรมที่ถือเป็นแลนด์มาร์คของที่นี่ค่ะ

หนูและพี่คิมตัดสินใจเลือกพักที่ Eliassen Rorbuer ตลอดทริปเลยค่ะ เพราะที่พักแห่งนี้ตั้งอยู่ติดริมทะเลและมี วิวที่สามารถมองเห็นแสงเหนือได้จากห้องพัก ซึ่งเป็นอะไรที่พิเศษสุด ๆ และทำให้เราสามารถนั่งชมความงามของ แสงเหนือ อย่างสะดวกสบายจากภายในห้องได้ทุกคืน ตลอดการพักผ่อนที่น่าจดจำ

Fredvang

สะพานที่ สวยที่สุดในโลโฟเทน สำหรับเรา ต้องยกให้เป็น สะพานข้ามทะเลไปยังเกาะ Fredvang ค่ะ สะพานแห่งนี้ไม่เพียงแต่เชื่อมต่อสองเกาะเข้าด้วยกัน แต่ยังเหมือนเป็น เส้นนำสายตา ที่พาเรามุ่งตรงไปยัง ภูเขาหิมะลูกใหญ่ ที่โดดเด่นอยู่เบื้องหน้า ความอลังการของภูเขาหิมะในฉากหลังทำให้สะพานนี้ดูเหมือนเป็นภาพวาดที่ธรรมชาติสร้างขึ้นเองอย่างลงตัว

Horn

อีกมุมที่สวยมาก ๆ และสามารถเดินทางมาถึงได้ง่ายสุด ๆ คือ มุมเทือกเขา ที่เราสองคนได้ไปถ่ายรูปกันค่ะ เรากับพี่คิมคุยกันเล่น ๆ ว่าเทือกเขาตรงนี้ดูเหมือน หมวกคัดสรร ในเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ เลย

มันมีลักษณะที่โค้งงอและมีความน่าหลงใหลเหมือนกับฉากในโลกเวทมนตร์ ทำให้เราทั้งคู่อยากมา ถ่ายรูปคู่กันที่มุมนี้ พร้อมกับ แสงเหนือ สร้างฟีลเหมือนหลุดเข้าไปในโลกของ ฮอกวอตส์ จริง ๆ

Reine

อีกหนึ่งเกาะที่ห้ามพลาดเมื่อมาเยือน Lofoten คือ Reine ค่ะ ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะโลโฟเทน และถือเป็นหนึ่งในจุดเช็คอินที่ต้องไปให้ได้! จุดเด่นของเกาะ Reine คือ ภูเขาทรงสามเหลี่ยม ขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอย่างอลังการ ให้ความรู้สึกเหมือนกับวิวในภาพวาด 

โดยเฉพาะเมื่อมองจากระยะไกล การได้เห็นภูเขานี้โดดเด่นท่ามกลางทะเลและท้องฟ้าเป็นภาพที่สวยงามและน่าประทับใจสุด ๆ ค่ะ

จังหวะที่เราได้เห็น หมู่บ้านแห่งนี้ ในยามเย็น บอกเลยว่า สวยตะลึง จนไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง! แสงยามเย็นที่สะท้อนกับน้ำทะเล และบรรยากาศของหมู่บ้านที่ค่อย ๆ ถูกประดับด้วยแสงไฟทำให้ทุกอย่างดูเหมือนภาพในฝันจริง ๆ ท้องฟ้าสีทองอร่ามผสมกับสีสันของบ้านและธรรมชาติรอบตัว บอกเลยว่า ไม่มีคำบรรยายใดที่จะสามารถถ่ายทอดความงามนี้ได้ครบ ต้องมาเห็นด้วยตาตัวเองค่ะ

The Dragon’s Eye

จุดที่เป็นที่ชื่นชอบของนักถ่ายภาพสาย Landscape คือ The Dragon’s Eye ค่ะ มุมนี้จะเป็น หลุมหิน ที่ลึกลงไป พร้อมกับ ก้อนหินวงกลม ที่ซ่อนอยู่ภายใน และมีขอบลายตามธรรมชาติจนทำให้หลายคนบอกว่า มันดูเหมือนดวงตามังกร

มุมนี้จะไม่สามารถมองเห็นลักษณะเหมือนดวงตามังกรได้หากมาเที่ยวในช่วง น้ำขึ้น เพราะระดับน้ำจะปกคลุมไปหมด เราแนะนำให้มาในช่วง น้ำลง เท่านั้นค่ะ ถึงจะได้เห็น The Dragon’s Eye ที่สวยงามและชัดเจนที่สุด

Olenilsøya

สำหรับมุมถ่ายภาพน่ารัก ๆ ที่มี หมู่บ้านสีเหลือง คุมโทนทั้งเกาะ จะอยู่ที่ ท่าน้ำของ Olenilsøya ค่ะ 

จุดนี้เหมาะมากสำหรับการถ่ายภาพบุคคล โดยมี หมู่บ้านสีเหลือง เป็นฉากหลัง ดูลงตัวและสวยงามสุด ๆ

แนะนำให้มาที่นี่ในช่วงเย็น ๆ ค่ะ เพราะจะได้เห็น ไฟในหมู่บ้านเปิด ทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นและ ชิลล์มาก เหมือนภาพในฝันเลยน้า

การเที่ยว นอร์เวย์ ครั้งนี้เป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมจริง ๆ ค่ะ จากการได้สัมผัส ธรรมชาติที่งดงาม และ วิวทิวทัศน์ที่อลังการ ไม่ว่าจะเป็น แสงเหนือ หมู่บ้านสีแดงริมทะเล ภูเขาหิมะ ที่ตั้งตระหง่าน เราได้ค้นพบมุมมองใหม่ ความมหัศจรรย์ของโลก

นอกจากการได้ชมความงามของ แสงเหนือ และถ่ายภาพสวย ๆ กับ ทะเลและภูเขา แล้ว การได้เดินทางผ่าน สะพานที่สวยที่สุด หมู่บ้านที่มีเสน่ห์ และการได้พักในที่พักริมทะเลที่สามารถมองเห็น แสงเหนือ จากห้องพักก็เป็นอีกหนึ่งความพิเศษที่ไม่ควรพลาด

การเดินทางมานอร์เวย์ไม่ได้ยากอย่างที่คิดและเป็น การผจญภัยที่ทุกคนควรลอง สักครั้งในชีวิต ทุกก้าวที่เดิน ทุกวิวที่เห็น ทุกแสงเหนือที่ได้ชม เป็นความทรงจำที่จะอยู่ในใจเราไปตลอดกาล 😊✨

บินตรงไปนอเวย์ ต้องบินกับสายการบินไทยเท่านั้น <3

สำหรับใครที่กำลังแพลนทริปไปเที่ยวในแถบสแกนดิเนเวีย ทางการบินไทยเขามีเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปยัง 3 เมืองหลักยอดฮิต คือ เมืองออสโล ประเทศนอร์เวย์, เมืองสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน และเมืองโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์กด้วยนะ เพื่อนๆ สามารถเข้าเช็คราคาและเที่ยวบินได้ที่เว็บไซต์การบินไทยได้เลย คลิกไปที่ https://www.thaiairways.com/th_TH/index.page