วันที่ 11 มกราคม 2568
สวัสดีครับ หลังจากที่ในช่วงเช้านั้น ผมก็ได้ไปเดินเที่ยวชมที่ "ถ้ำนาคา" มาแล้ว
และในช่วงบ่ายนั้น ผมก็รีบทำการขับรถมายัง "อุทยานแห่งชาติภูลังกา" ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว "ถ้ำนาคี" ต่อเลยครับ เพราะว่าสถานที่ทั้ง 2 แห่งนี้นั้น ก็อยู่ไม่ไกลกันมากนัก
อ่านรีวิวของ "ถ้ำนาคา" ได้ที่นี่ครับ
"เชื่อในสิ่งที่เฮ็ด เฮ็ดในสิ่งที่เชื่อ" ตะลุยดินแดนแห่งพญานาค "ถ้ำนาคา" จังหวัดบึงกาฬ
https://th.readme.me/p/74217
โดยจริงๆแล้วสำหรับถ้ำนาคีนั้น ก็อยู่ในพื้นที่ของจังหวัดนครพนม แต่ก็อยู่ในพื้นที่ ที่ติดกับบึงกาฬอย่างมาก (ขับรถไปมาได้ในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมงครับ)
และเมื่อผมเดินทางมาถึง ผมก็ทำการแจ้งกับเจ้าหน้าที่ทันทีว่า มีความประสงค์ที่จะเดินชมถ้ำนาคี เจ้าหน้าที่นั้น ก็ได้ทำการจัดเจ้าหน้าที่ โลคอลไกด์ให้ผมทันทีครับ
สำหรับค่าใช้จ่ายนั้น ก็กลุ่มละ 300 บาทครับ
และก่อนเดินนั้น แน่นอนว่า ก็มีศาลให้นักท่องเที่ยวนั้น ได้สักการะขอพรกันก่อนครับ
แต่ทว่า สิ่งที่สะดุดตาผมที่สุดนั้น ก็คือบายศรีสุดอลังกาล และสวยงามอย่างมากชิ้นนี้ครับ
มายืนแอ็คอ่านประวัตินิดหน่อยครับ อิอิ
เริ่มเดินได้เลยครับ
หินเต่าครับ (อืมมม เหมือนตรงไหนหว่าๆๆๆ)
และสำหรับทางเดินในช่วงแรกนั้น ก็จะเป็นทางลาดยางแบบนี้ครับ
โดยจริงๆแล้วมันจะเป็นทางเดินเรียบน้ำตกครับ (แน่นอนว่า ในฤดูฝนนั้น จะมีน้ำ และสวยกว่าตอนนี้ครับ)
และหลังจากที่ผมเข้าห้องน้ำตรงบริเวณนี้เสร็จแล้ว ก็เริ่มเดินแบบขึ้นเขากันต่อได้เลยครับ (หลังจากนี้ จะไม่มีห้องน้ำแล้วน๊ะครับ)
ต้นยางครับ สูงมากๆ
อัยย่ะ เริ่มเห็นลวดลายของหินแล้ว
น้ำตกครับ (จริงๆแล้ว ตรงนี้จะเป็นน้ำตกที่สวยมากน๊ะครับ)
เดินต่อขึ้นมาเล็กน้อยครับ
บันได บันได และบันไดครับ
เจ้าหน้าที่โลคอลไกด์ สะกิดให้ผมดูที่ต้นไม้หน้าคนครับ
สำหรับหน้าผาตรงนี้นั้น จริงๆแล้ว มันจะเป็นม่านหลังน้ำตกน๊ะครับ
และหลังจากตรงจุดนี้นั้น เมื่อเราหันหลังแล้ว และก็เดินต่อไปอีกไม่ไกลเลย เราก็จะพบกับสิ่งนี้ครับ
เศียรนาคี เศียรที่ 9
เกร็ดความรู้: ที่เป็นเศียรที่พึ่งถูกค้นพบหลังสุดครับ (ซึ่งจริงๆแล้ว ตำแหน่งตรงนี้ก็อยู่ใกล้กับน้ำตกอย่างมาก)
แต่จากข้อมูลที่ไกด์เล่าให้ฟังนั้น เค้าบอกว่า ตรงจุดนี้นั้น มันไม่เคยมีบันไดมาก่อน และทางหัวหน้าอุทยานนั้น ก็ฝันถึงบริเวณจุดนี้ และพอตื่นนอน เค้าก็ได้ทำการพาเจ้าหน้าที่มากันหลายคน แล้วก็ทำการผูกเชือกโรยตัวลงมาจากหน้าผาด้านบน แล้วก็พบกับก้อนหินก้อนนี้เหมือนในฝันเลยครับ
เมื่อมองจากจุดนี้นั้น ก็จะยังดูไม่ค่อยเหมือนเท่าไหร่ครับ
คลิปเศียรนาคี เศียรที่ 9
https://www.facebook.com/reel/2283989198644666
https://fb.watch/xjbD52XjHG/
แต่ทว่า เมื่อผมลองเดินไปทางซ้ายเรื่อยๆ ก็เจอมุมที่ถูกต้องเลยครับ
สวยมากๆ
อันนี้ไกด์ ก็สะกิดให้ผมถ่ายรูปครับ
และหลังจากนั้น ผมก็พบกับสิ่งที่น่าสงสัยสุดๆ ทางด้านธรณีวิทยาครับ
ผมขอลงแต่รูปตรงนี้ก่อนน๊ะครับ เพราะอีกเดี๋ยว มันจะมีจุดที่คล้ายๆกับบริเวณนี้อีกครับ
เศียรที่เท่าไหร่ จำไม่ได้แล้วครับ
ตัวเลขของเศียร เขาจะนับจากวันที่พบน๊ะครับ
ทางขึ้นแคบๆ แต่สวยครับ
รากของต้นไทรครับ
ตัวของรากนั้น เห็นได้ชัดว่า มีความพยายามที่จะเลื้อยหาแหล่งอาหารที่เป็นดินครับ โดยตรงตำแหน่งนี้นั้น แสดงให้เห็นว่า รากเส้นนี้นั้น พยายามที่จะเจาะเข้าไปในส่วนที่เป็นดิน แต่ทว่า เมื่อเจาะเข้าไปแล้ว ก็น่าจะเจอหิน หรือไปต่อไม่ได้ เค้าก็เลยวกกลับออกมาครับ
แล้วผมก็มาถึงจุดนี้ครับ
โดยทางด้านหลังของพระพุทธรูปนั้น ก็มีเศียรให้ถ่ายรูปครับ
นี่ครับ เรากลับมาพูดถึงเจ้าสิ่งนี้กันต่อครับ ซึ่งเจ้าสิ่งนี้ มันก็อยู่ตรงพระพุทธรูปเมื่อกี้เหลอะครับ (และเจ้าสิ่งนี้ ก็ยังมีอีกในหลายๆจุดครับ)
และผมนั้น ก็สวมบทเป็นนักสืบทางธรณีวิทยาทันที ว่ามันเกิดเจ้าสิ่งนี้ได้ยังงัย
ทุกคนลองดูดีๆน๊ะครับ เพราะว่าเจ้าชั้นที่มีสีออกแดงๆ และมีชั้นออกสีขาวๆนี้นั้น ค่อนข้างชัดเจนว่า มันเป็นชั้นดินครับ (เพราะว่ารากไทรเมื่อกี้นั้น สามารถเจาะทะลุเข้าไปได้) และจากข้อมูลที่ผมอ่านเจอมาจากภูเรือ ที่อยู่ห่างออกไปจากตรงนี้หลักร้อยกิโลนั้น ก็ได้บอกเอาไว้ว่า พื้นที่ราบลุ่มทางภาคอีสานตรงนี้นั้น เคยเป็นทะเลมาก่อน
แน่นอนว่ามันก็เป็นไปได้ที่ว่าตรงบริเวณนี้ จะมีการทับถมของชั้นตะกอนดิน มันก็เลยเกิดชั้นดินเรียบๆแบบนี้ขึ้นมา
แต่ทว่า ไอ้สิ่งที่ผมสงสัยก็คือ ไอ้ก้อนหินก้อนใหญ่ๆ ที่อยู่ด้านบน ที่มาที่หลัง และเหมือนกับถูกบรรจงเอามาวางแบบทะนุถนอมข้างบนนี่ มันคืออะไรหว่า ???
(พิมพ์แค่นี้ดีกว่า เด๋วหน้าแตก ฮ่าฮ่าฮ่า)
ภาพจาก "ภูเรือ" ครับ
ลวดลายแปลกๆอีกแล้วครับ
มุมถ่ายรูปแย่ะมากครับ
ระยะทางเดินสั้นกว่าถ้ำนาคา แต่จุดถ่ายรูปแย่ะกว่ามากครับ
ตรงจุดนี้ ก็ต้องมาหน้าฝนครับ
มันจะเป็นบ่อชุบตัว แบบที่เคยเห็นพวก ยูทูปเบอร์ ชอบลงไปถ่ายมาให้เราดูนั่นเหลอะครับ
ตรงจุดนี้ ถ่ายมาจากจุดชมวิวครับ จริงๆแล้วมันจะเป็นน้ำตกครับ
อัยย่ะ อันนี้เหมือนดวงตาขนาดใหญ่มากครับ
ส่วนอันนี้ก็คือต้นไม้ ที่เคยถูกฟ้าผ่าครับ
แต่ที่น่าอัศจรรย์ก็คือ ต้นไม้ต้นนี้ ไม่ยอมตายครับ
โอ้โห๋ๆๆๆๆ ลายหิน สวยมากๆครับ (นี่มันรอบถูกกัดเซาะจากน้ำจริงๆเหรอ)
ตรงนี้เป็นประตูเมืองบาดาลครับ (จากรูปรีวิวตรงนี้ๆ จริงๆแล้ว เค้าถ่ายรูปออกมาสวยมากครับ)
ส่วนผม ถ่ายได้เท่านี้เหลอะ แห่ะๆ
ส่วนตรงนี้จะเป็นจุดถ่ายรูป ที่นักท่องเที่ยวนั้น สามารถเข้าไปนั่งในหลุมกลมๆนั่นได้ (น่าจะมีพระเกจิเคยมานั่งสมาธิด้วยแน่ๆ)
อันนี้เป็นลายหนุมานครับ (อยู่ข้างๆหลุมนั่งสมาธินั่นเหลอะ)
ตรงนี้ถ่ายจากบริเวณน้ำตกแล้วครับ
ส่วนตรงนี้คือ หินผีเสื้อ
โดยไกด์นั้น เค้าจะบอกให้นักท่องเที่ยวผู้หญิงนั้น ไปนั่งอยู่ใต้ก้อนหินตรงระหว่างลายที่เหมือนปีกนั่น แล้วก็ถ่ายรูปครับ
แล้วหลังจากนั้น ผมก็เดินกลับมายังลานจอดรถ และทำการชำระเงิน โดยการโอนเงินครับ
แต่ทว่า หลังจากที่ผมสอบถามหมายเลขบัญชีของน้องไกด์ที่เป็นผู้ชายนั้น ชื่อบัญชีที่โอนกลับเป็นชื่อผู้หญิงครับ
สรุปว่า ค่าแรงในการเดินของน้องไกด์นั้น เข้าบัญชีแฟนครับ ฮ่าฮ่าฮ่า
แบกกล้อง
วันศุกร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 18.10 น.