ความงุนงงคงเข้าปกคลุมคนบางคนจนทำให้หลงกดเข้ามาดูกระทู้นี้
" เห้ย รถไฟบ้าไรไปอยู่กลางน้ำวะ "
" นั่นสิ "
ลองจินตนาการว่าตัวเองเป็นโคนันสักแปป แล้วตามนี่มาเร็ววว
เช้าของวันเสาร์ที่ 14 มกราคมปีนี้ตรงกับวันเด็กพอดี
และแน่นอนว่าเด็กๆแบบเราก็คงอดไม่ได้ที่จะหนีไปเที่ยวที่ไหนสักแห่ง
ทริปเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
นี่คือโฉมหน้าของตั๋วที่เราไปตบตีแย่งชิงกับเขามา
บ้าาาา ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก
แค่แม่ไปจองให้ตั้งแต่เช้าาาวันที่เริ่มขายตั๋ววันแรกเลยทีเดียว
ตอนแรกก็งงนะ ว่าทำไมแม่รีบจัง
พึ่งเก้ทว่าอ๋อ เขาเปิดให้แค่ 6 วันจาก 365 นี่เอง
ทริปเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ในปีนี้เปิดรอบพิเศษให้เพียง6วันเท่านั้น ได้แก่ 14,15,21,22,28,29 มกราคม (ราคา 270 บาท รวมทั้งไปและกลับ) โดยจะมีจุดขายของงาน คืออออ การนั่งรถไฟไปลางเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์นี่เอง
06:30 ;สถานีชุมทางบางซื่อ
และนี่ก็เป็นเหตุให้ในวันนี้เราต้องแหกขี้ตาตื่นกันตั้งแต่ตีห้า
เพื่อมานั่งรอปู๊นปู๊นที่สถานีชุมทางบางซื่อกัน
แต่เอ้ะ นี่ก็ผ่านมาเป็นชั่วโมงแล้วนะ
เลยกำหนดการที่ปู๊นปู๊นจะมารับแล้วอีก
ทำไมรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีเลยค่ะ55555555
ชานชาลาที่2 ยังคงว่างเปล่า
ไร้สัญญาณตอบรับจากปู๊นปู๊นที่ท่านเรียก..
กินข้าวก็แล้ว เคารพธงชาติก็แล้ว
ก็ยังไม่เห็นวี่แววของเธอ
สักพักก็ได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่ประกาศ
จับใจความได้ประมาณว่า รถไฟที่หัวลำโพงตกราง บลาบลาา
นี่ก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่
แต่เหมือนเขาต้องการจะบอกว่า
ไม่ต้องรอเรานะ เรายังไม่พร้อม..
นี่ก็เลยตัดสินใจ ไปเดินถ่ายรูปเล่นดีกว่าาา
นี่ก็คงเป็นครั้งแรกที่มีเวลามาเดินถ่ายรูปขนาดนี้
จากที่ปกติมาถึงก็แทบต้องวิ่งขึ้นรถไฟแล้ว
ก็แฮปปี้ดีเหมือนกัน
แต่พอมันใกล้จะ 9 โมงแล้วยังไม่มีสัญญาณตอบรับใดใดอีก
นี่ก็เริ่มเครียดขึ้นมาหน่อยนึงละว่าจะเหลือเวลาเที่ยวที่นู่นกี่ชั่วโมงว้า เฮ้อออ
อยากจะวิ่งเปรี้ยวแบบคุณลุงคนนี้ไปเขื่อนสะเองเลยทีเดียว
แต่ปีหน้าก็คงไม่ถึงอะ หนูรอก็ด้ายยย
และแล้วก็เหมือนพระเจ้าได้ยินคำเรียกร้อง
รถไฟออกจากหัวลำโพงได้แล้วเว้ยยยยยยย
09:25 :ออกเดินทาง
เหลดไปนิดเดียวเองแก ไม่เป็นไร๊ เราโอเค๊
พอขึ้นมาเห็นเบาะและสภาพรถข้างในแล้ว
หายงอนรถไฟไปชั่วขณะ
ก็รถเขาดูใหม่และสะอาดนี่นา ใครจะไปงอนลง
รู้สึกคุมโทนแบบบอกไม่ถูก
ไปกันเถอะค่ะ เล้ทโกเล้ทโกวววว
ประโยคที่เราไม่ได้กล่าว แต่พนักงานบนรถไฟได้กล่าวไว้
พร้อมยื่นใบนี้ให้เป็นรางวัลปลอบใจ
ระหว่างทางนี่ก็หลับๆตื่นๆตลอด
เหตุผลของการตื่นที่ดีที่สุดก็คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก..
บ้าหรอออ ใครจะเห็นแก่กินขนาดนั้นน
ไม่ใช่ๆ
หมายถึงวิวของสองข้างทางต่างหาก เอ้อออ
เกือบเข้าใจเราผิดกันไปหมด
หลังจากตื่นมารอบสุดท้ายนี่ก็รู้สึกว่าคนเขาเริ่มตื่นเต้นกับอะไรบางอย่าง
มือเริ่มจับกล้อง มองนอกหน้าต่างกันรัวๆ
สักพักก็รวบรวมสติได้ว่า
อ๋ออออ จะถึงกลางเขื่อนแล้วนะ หยอๆๆๆ
ในระหว่างที่คนอื่นกำลังตื่นเต้นกับการถ่ายน้ำที่กว้างสุดลูกหูลูกตา
ประหนึ่งว่านั่งเรือชมกลางทะเลกันอยู่นั้น
นี่ก็บังเอิญเห็นอีกมุม
ที่ทำให้รู้สึกเหมือนได้นั่งเครื่องบินแบบบอกไม่ถูกเหมือนกัน
ถึงแล้วจ้าาาา
ชอตแรกที่ลงมาคือตะลึงมาก
ตะลึงในความสวยหรอ
ป่าว
ตะลึงว่าควรจะเดินไปทางไหนดี
คือคนเยอะมากกกกกกกกก ก.ไก่ร้อยตัว
นี่เลยเลือกไปเดินฝั่งซ้ายแทนดีกว่า
ถึงจะมีเสาไฟฟ้า แต่คนโล่งกว่าเย้อะะ
หลังจากเลือกฝั่งเดินเสร็จ
ก็เข้าสู่การตัดสินใจกันอีกสักรอบ
ว่าจะไปหัวขบวนหรือท้ายขบวนดี
แน่นอนว่าเราเลือกหัวสิ
ใครจะบ้าไปท้ายขบวนว้าาา
แต่ถ้าย้อนกลับไปได้ตอนนี้ ขอเลือกท้ายขบวนทันที
ยอมไม่เห็นหัวขบวนก็ได้อะ
เพราะอะไรนะเหยออ
เพราะต่อให้คุณจะแบกสังขารไปถึงหน้าขบวน
นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะได้เห็นหัวขบวนอยู่ดี
อย่างมากๆก็คงได้เห็นแค่เศษของหัวขบวน
ไม่ก็มองหัวคนไปพลางๆก่อนละกันเนอะ5555555555
ในความยอมแพ้ของเรา
ก็ยังคงมีความพยายามซ่อนอยู่ ไปค่ะ ลุยยยย
เพราะคนไม่จำเป็น ก็ต้องเดินจากไป..
เดินอะไรหล่ะะ วิ่งสิวิ่ง
เหลือเวลาอีก5 นาทีรถไฟจะออกแล้วว
บ้ายบายย แชะแชะ
ปล.เขาปล่อยให้ชมวิวตรงนี้แค่ 30 นาทีเท่าน้านนน
เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
ถึงแล้วววว จุดหมายปลายทางของเราในวันนี้
เดินตรงดิ่งมาจากสถานีรถไฟก็ถึงเลย
จริงๆที่นี่มีรถรางให้นั่งชมรอบเขื่อน
แต่ว่าเวลาเราเหลือน้อยเหลือเกิน เลยกะจะเดินรอบๆให้ครบก่อน
เขาก็มีแบบจำลองนู่นนี่ให้ดูนะ
แต่เรา ไม่เข้าใจหรอก55555555
หนีไปชมธรรมชาติน่าจะเวิร์คกว่า
เดินเดินไปสักพักก็ดันไปเจอ
ถึงหน้าตาจะออกบ้านๆ
หมายถึงเหมือนบ้านจริงๆหน่ะ
แต่จริงๆแล้วมันคือออ
สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ เขื่อนป่าสักชนสิทธิ์
ซึ่งต้องขอบอกเอาไว้ตรงนี้เลยว่า
ข้างใน
แอร์
เย็น
มากกกกกกก
5555555555555
จริงๆมันก็คงไม่ได้เย็นอะไรมากมายหรอกมั้ง
แต่ถ้าเทียบกับอากาศข้างนอกแล้ว
ก็เปรียบเสมือนตู้เย็นดีๆนี่เอง
เห้ยแต่ก็ไม่ใช่ว่ามีดีแค่นั้นนะเหว๋ยย
พอเปิดประตูเข้ามาปุ๊ปจะเจอโคตรปลารอต้อนรับอยู่ข้างหน้าเลย
คือตัวใหญ่จริง
สมชื่อปลาบึกเลยละค่ะ
แหน่ะๆ มียิ้มต้อนรับด้วย
น่ารักนะเราอ่ะ
แต่บางตัวก็ประเจิดประเจ้อเกินไปปป
ทำมาเป็นจุ๊บโชว์ โถ่วววว
เด็กๆดูสนใจเจ้ากระเบนจิ๋วนี่กันมาก
แต่เราอะดันไปปิ๊งปลาพันธุ์นึง
คือเห็นแล้วแบบ จริงดิ เห้ย มีจริงดิ
คือนี่ไม่ได้แกล้งกลับภาพนะ
มันคือปลาพันธุ์กลับหัวจริงๆ
คือกลับหัวว่ายน้ำอะ
อึ้งละสิ
แหน่ะๆ
พลิกโทรศัพท์ดูกันใหญ่555555
ตอนที่เรากำลังจะก้าวออกจากที่นี่
ก็รู้สึกเหมือนมีคนแอบมอง
แล้วก็ยิ้มๆให้แบบบอกไม่ถูก
เลยตัดสินใจหันไปดูหน่อย
เอาวะะ
เจ้าเบนนี่เอง
ตกใจกันหมด โถ่วววว
บ้ายบายเบนเบน
ติดๆกับศูนย์พัฒนาสัตว์น้ำเมื่อกี้จะมีฟาร์มแกะแพะอยู่
ให้ความรู้สึกเหมือนไปสวนผึ้งแบบบอกไม่ถูก
ที่นี่มีนมสำหรับให้แพะขายอยู่ข้างๆ
ราคาขวดละ 20 บาท
น้องเลยมายืนเจรจากับเจ้าแพะว่าตกลงหิวไหม
จะได้ไปซื้อมาถูก
ได้ผลสรุปมาว่า
หิวกันทั้งคอกค่ะะ
แต่เจ้าแพะแกจะรู้ไหมว่า เราก็หิวไม่ต่างกัน
แยกย้ายดีกว่าไหม
ต่างคนต่างกินละกันน
ระหว่างทางที่เดินกลับมาก็
นั่นแหละ
ภาพมันคงฟ้อง
เดินเล่นมั่วไปเรื่อย
จนไม่เหลือเวลากินข้าวแล้ววว
เพราะเราดันอยากขึ้นไปดูวิวจากบนหอคอยอีกหนึ่งโปรแกรม
แต่เหลือเวลาแค่ชั่วโมงเดียว
เลยเลือกยัดไส้กรอกลงท้องแล้วรีบไปต่อกัน
เอ้อ ระหว่างที่ซื้อไอติมมะนาวแบบรีบๆนี่แหละ
ก็ดันถามแม่ค้าออกไปว่า
"ค่าขึ้นไปชมวิวข้างบนนี่เท่าไหร่หรอคะ"
"อ๋อ เขาปิดปรับปรุงอยู่ค่ะ"
กราบบบ แล้วนี่จะรีบกินทำไม
โถ่วววววว
วัยรุ่นเซง
ด้วยความที่เหลือเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง
ไหนลองเดินไปดูสันเขื่อนใกล้ๆหน่อยสิ้
ใจจริงอยากจะเดินมันไปถึงบนนู้นนเลย
แต่เหมือนเวลาไม่เป็นใจ
เลยกระโดดโลดเต้นมันตรงนี้ก็ได้ว้า
ตามสไตล์คนขี้อายสองคน
ปิดทริปค่ะ บายแยก5555555555
อ่าวเฮ้ย จบง่่ายๆแบบนี้ก็ได้หรอ..
สิงหาคม
วันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.37 น.