"Fjallraven Thailand Trail 2025"
1-10 February 2025 เส้นทางเดินป่าระยะไกลขุนน้ำเงา 101
เรื่องเล่าจากการไปร่วมงาน Fjällräven Thailand Trail 2025
ในครั้งนี้เราจะเล่าประสบการณ์ตามหัวข้อดังนี้:
-
เส้นทางและกำหนดการ
เล่าถึงเส้นทางที่เราเดินผ่านและกำหนดการในแต่ละวันของการเดินทาง -
วิวต่างๆ
แชร์ภาพและประสบการณ์ของวิวสวยๆ ที่เราได้เห็นตลอดเส้นทาง -
การจัดสัมภาระและอาหาร
วิธีการเตรียมสัมภาระและการจัดการอาหารในการเดินทาง -
ประสบการณ์ ความยากง่าย
เล่าถึงความยากและง่ายในการเดินทาง รวมถึงความท้าทายต่างๆ ที่เราเจอ -
สิ่งที่ได้รับ
สิ่งที่เราคาดหวังและสิ่งที่เราได้รับจากการเข้าร่วมกิจกรรมนี้ -
วิธีการสมัครเข้าร่วมกิจกรรม
ขั้นตอนการสมัครเข้าร่วมกิจกรรมนี้ รวมถึงช่องทางในการสมัคร
แวะไปชมทาง Youtube Chanel--Test travel
งานนี้จัดขึ้นที่เส้นทางเดินป่าระยะไกลแม่น้ำเงา ซึ่งตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติแม่เงา ครอบคลุมพื้นที่ในท้องที่ของอำเภอแม่สะเรียง อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน และอำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก โดยมีพื้นที่รวมประมาณ 257,650 ไร่ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูมิประเทศที่มีภูเขาสูงชันสลับซับซ้อน ประกอบด้วยป่าดิบเขา ป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรัง ที่ยังคงความสมบูรณ์เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด และยังเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารของแม่น้ำหลายสาย เช่น แม่น้ำแม่ริด แม่น้ำเงา ห้วยม่วง ห้วยมะกอก ซึ่งลำน้ำเหล่านี้จะไหลมารวมกันที่แม่น้ำยวม ก่อนจะไหลลงสู่แม่น้ำเมยและแม่น้ำสาละวินตามลำดับ
งานนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 มกราคม - 10 กุมภาพันธ์ 2568 หากท่านสนใจเข้าร่วมกิจกรรมเดินป่า สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางเดินป่าได้จากชุมชนในพื้นที่
การเดินทางเริ่มต้นจากบ้านไม้แดง อำเภอแม่สะเรียง ไปยังแม่ปะ โดยใช้รถกระบะ ใช้เวลาประมาณ 1.5 ชั่วโมง ไปยังจุดเริ่มต้นเส้นทางเดินป่า ระยะทางในการเดินในแต่ละวันตามรูปภาพด้านล่างนี้ รวม 9 วัน 8 คืน รวมระยะทาง 101 กิโลเมตร

จอลือคี Jor Lue Kee (ม่อนกองข้าว)
การเดินทางจากแม่ปะมาที่จอลืมคี เส้นทางนี้ไม่เป็นปัญหาสำหรับหลายๆ คนแน่นอน เพราะเดินง่ายและทางไม่ค่อยชัน แต่การนั่งรถมาที่แม่ปะนั้นจะเจอฝุ่นเยอะเพราะเป็นทางลูกรัง ดังนั้นแนะนำให้เตรียมอุปกรณ์ป้องกันเช่น หน้ากากหรือผ้าบัฟมาด้วย เพื่อป้องกันฝุ่นขณะเดินทาง พอเราเดินทางมาถึงที่หมาย ก็เลือกพื้นที่สำหรับกางเต็นท์กันได้ มีลานกว้างให้เลือกทั้งที่รับลมและที่หลบลม ส่วนน้ำเราก็ได้รับจากพี่คนนำทางที่เตรียมไว้ให้ล่วงหน้า ใช้ในการทำอาหาร ส่วนของที่เราแบกมาก็ยังเพียงพอ พอเริ่มมีเงาร่มๆ ก็เริ่มกางเต็นท์และหุงข้าวเตรียมตัวขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตกที่ด้านบน ที่ม่อนกองข้าว เราสามารถชมได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกเลย





ดอยธง Doi Thong
เราเริ่มออกเดินทางมายังดอยธงในตอนสายๆ ระหว่างทางเดินง่ายๆ และค่อนข้างร่มรื่น มีช่วงที่เดินผ่านต้นไม้เยอะหน่อย แต่ก่อนถึงดอยธง เราต้องปีนขึ้นที่ชันๆ และโล่งๆ เมื่อขึ้นมาแล้วก็เดินต่อไปอีกไม่นานก็ใกล้ถึง พอถึงที่หมายก็แวะหยุดกินข้าวกลางวันกัน ก่อนที่จะเดินไปที่ดอยธง พักที่ใต้ต้นไม้สักพักแล้วจึงออกมากางเต็นท์ พื้นลานกางเต็นท์ค่อนข้างแข็งมาก ควรเตรียมค้อนสำหรับตอกสมอเต็นท์ด้วย
ส่วนตัวแล้วเราชอบดอยธงมากที่สุดในทริปนี้ วิวสวยมาก มองเห็นภูเขาหลายๆ ลูก และสามารถเห็นม่อนจองได้ด้วย ถึงแม้ยังไม่เคยไป แต่พี่ๆ ก็ชี้ให้ดู ที่นี่ก็เป็นจุดที่คนที่ชอบทางช้างเผือกต้องมาดูเลย เพราะสวยมากๆ เราอยากจะมาที่นี่อีกครั้งเพราะทางช้างเผือกที่นี่มันสวยจริงๆ ส่วนเรื่องน้ำที่นี่ไม่มี ต้องเดินลงไปตักน้ำที่ด้านล่างที่ระยะทางประมาณ 500 เมตร แต่เราก็ใช้ของพี่คนนำทางที่เตรียมไว้ให้





หมื่อฮะคี Mue Hak Kee (โรงเรียนแม่หาด)
หลังจากที่เราได้ชิลๆ มาในสองวันแรก วันนี้ถือเป็นวันที่จริงจังเลย ระยะทางวันนี้ไกลที่สุดและถ้าถามเรา ก็คงต้องบอกว่าวันนี้เหนื่อยสุด ทางส่วนใหญ่เน้นเดินลงเป็นหลัก เราออกเดินทางตั้งแต่ตอนเช้าและเดินมาถึงโรงเรียนในตอนพระอาทิตย์ตกพอดี วันนี้หมดแรงมาก แต่โชคดีที่ชาวบ้านทำอาหารมาขาย ทำให้เราไม่ต้องทำอาหารเองที่นี่ ที่โรงเรียนยังมีห้องน้ำให้เราใช้และได้อาบน้ำสดชื่นมาก ก่อนจะรีบเข้านอนเพื่อเก็บแรงไปเดินต่อในวันพรุ่งนี้



สบโขง Sob Khlong
เราออกเดินทางมาที่สบโขง อีกหนึ่งหมู่บ้านที่เราจะได้แวะสัมผัสกัน โดยเดินลงจากแม่หาดมาที่สบโขง ระหว่างทางเราจะได้เดินลัดเลาะไปตามริมธารน้ำ ซึ่งทำให้ไม่รู้สึกร้อนนัก ระหว่างทางก็แวะทานข้าวกลางวันริมธารน้ำกัน ที่พักในวันนี้คือโครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริ ซึ่งตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำเงา สายน้ำที่พวกเรากำลังจะเดินทางขึ้นไปสำรวจที่ต้นน้ำกัน เราก็เลยได้เล่นน้ำสนุกๆ ก่อนที่จะแยกย้ายไปทำกิจกรรมต่อ






ทีผะแหล่ Tee Pa Lae
วันนี้เราจะได้เดินเลาะลำน้ำเงาขึ้นไปตามหาต้นน้ำ ซึ่งเราชอบการเดินในวันนี้มากที่สุด เพราะต้องลุยน้ำตลอดทาง เย็นสบายและมีขึ้นๆ ลงๆ ระหว่างทางมีคนบอกว่าเราข้ามน้ำถึง 27 ครั้งเลยนะครับ ในตอนแรกที่เราข้ามน้ำจะลึกประมาณหน้าแข้ง บางช่วงก็ลึกถึงเข่า เรากางเต็นท์พักกันก่อนถึงหมู่บ้านทีผะแหล่ประมาณสองกิโลเมตร พอเดินมาถึงก็เกือบจะห้าโมงเย็น พวกเราได้ขนมอร่อยๆ เป็นแพนเค้กจากทีมงานทานด้วย






เชิงดอยขุนเงา Khun Ngao Hill
เราเดินทางมาถึงหมู่บ้านทีผะแหล่ ซึ่งแปลว่าบ้านน้ำกว้าง เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่กลางป่าลึกที่สุดบนลำน้ำเงา หลังจากนั้นเราก็แวะซื้อเครื่องดื่มและขนมเพื่อเติมพลังให้กับร่างกายกันหน่อย แล้วก็ออกเดินทางต่อ วันนี้เดินร้อนมาก เพราะต้องเดินผ่านเนินเขาที่ไม่ค่อยมีต้นไม้ให้ร่มเงา




ดอยงง Doi Ngong
เราได้เดินเลาะไปตามเขามาเรื่อยๆ บรรยากาศดีและเดินสบาย เพราะอยู่ในป่าตลอดทาง เมื่อถึงที่ดอยงง พบว่าพื้นที่สำหรับกางเต็นท์มีเยอะและเพียงพอสำหรับความต้องการ แต่ที่นี่ไม่มีแหล่งน้ำหลัก ช่วงระหว่างทางเราจะได้เจอสายน้ำที่ไหลออกมาจำนวนเล็กน้อย จึงใช้กาบกล้วยมาลองกรองน้ำเพื่อใช้ดื่มกัน


ห้วยยาว Huay Yao
เราเดินออกจากดอยงงมาตามสันเขา ขึ้นๆ ลงๆ เล็กน้อย จนกระทั่งเดินออกมาถึงทุ่งกว้างๆ ก็เกือบจะถึงเส้นชัยของเราแล้ว เส้นชัยที่หมายถึงการเดินครบ 101 กิโลเมตร จุดกางเต็นท์ในวันนี้ตั้งอยู่ก่อนจะถึงหมู่บ้านห้วยยาว ซึ่งมีธารน้ำไหลผ่าน สามารถตักน้ำเพื่ออาบได้ แต่ไม่สามารถลงไปแช่ได้ เนื่องจากธารน้ำค่อนข้างเล็ก





จากเส้นชัย พวกเรายังต้องเดินอีก 2 กิโลเมตรเข้าหมู่บ้านห้วยยาว เมื่อเข้ามาถึงด้านในเป็นหมู่บ้านที่ค่อนข้างเงียบ สักพักก็ได้ยินเสียงเด็กๆ วิ่งเล่นแถวๆ หน้าโรงเรียน พวกเราจึงเอาขนมที่แบกมาด้วยมาแบ่งให้เด็กๆ พวกเขาดีใจมาก ทุกคนเข้าแถวรับของที่พวกเราแจกอย่างเป็นระเบียบ ภาพที่เราเห็นทำให้เรารู้สึกอยากกลับมาอีกครั้ง และนำของมาบริจาคให้กับเด็กๆ ที่อยู่ตามหมู่บ้านแบบนี้




เดินทางกลับมาที่สบโขงและชมการแสดงจากเด็กๆ โรงเรียนสบโขง



. เราต้องจัดเตรียมอาหารสำหรับการใช้ชีวิต 9 วัน โดยงานนี้จะจัดแบบไม่มีลูกหาบอาหารต่างๆ ที่เราต้องการจะต้องเตรียมไปเอง โดยจะมีการนำอาหารสำหรับวันที่ 5-8 ไปฝากที่สบโขงให้เรา ดังนั้นเราจะเตรียมอาหารสำหรับ 4 วันแรกเอง
เลือกอาหารที่มีน้ำหนักเบาและสะดวก เช่น อาหารพร้อมทาน หรืออาหารฟรีซดราย (อาหารแห้ง) เพื่อความสะดวกในการพกพา
จัดอาหารเป็นมื้อๆ และแพ็คในซองเพื่อให้ง่ายต่อการรับประทาน อะไรที่หนักก็ต้องกินให้หมดก่อนเลย
สำหรับมื้อกลางวันระหว่างเดิน เราจะทานอาหารที่ทานง่าย ขั้นตอนไม่มาก หรือหุงข้าวไว้แล้วใส่ในถุงเพื่อไม่ต้องล้างทำความสะอาด เพราะเราอาจจะไม่เจอแหล่งน้ำ ถ้าใส่ในถุงก็ทานง่ายและทิ้งได้เลย
ส่วนกระเป๋า พยายามเลือกของที่จำเป็น อะไรที่เบาได้ก็เบาไป แต่การลดน้ำหนักก็ย่อมต้องจ่ายเพิ่มด้วยราคาแพงอยู่เหมือนกัน 555 ไว้มาทำรีวิวให้ชมอีกที กระเป๋าของเราสำหรับ 4 วันแรกหนัก 17.8 กิโลกรัม รวมกับน้ำ 3 ลิตร

ความยากในครั้งนี้ เราว่ามันยากสุดที่เคยเดินมาเลยนะ ด้วยระยะทางและระยะเวลา
- ระยะทาง: 101 กิโลเมตร ++++
- ระยะเวลา: 9 วัน ++++
- ความแข็งแรง: ++++
- การดูแลตัวเอง: การทำอาหาร, การกางเต็นท์, การดูแลห้องน้ำ +++

เรื่องราวที่เกิดขึ้นที่นี่เป็นเรื่องราวแห่งความสนุก และยังได้เจอกับเพื่อนเก่าหลายๆ คนจากเบตงที่มาเจอกันในทริปนี้ พอเราอยู่ร่วมกันนาน 8-9 วัน ทำให้พวกเราสนิทสนมและรู้จักกันมากขึ้น เกือบทั้งกลุ่ม เมื่อเราเจอกลุ่มเพื่อนที่เดินไปพร้อมกัน 50 กิโลเมตร ถามว่าเรามาด้วยกันเป็นเพื่อนกันมาก่อนหรือเปล่า? ป่าวเลย พวกเรารู้จักกันที่การเดินป่านี้แหละ
ขอขอบคุณเพื่อนๆ ร่วมกลุ่มทุกคนที่ได้มาเจอกัน ร่วมเดินทางไปด้วยกัน และทำให้เกิดมิตรภาพและความสุขที่ยอดเยี่ยมในทริปนี้

สำหรับคนที่อ่านมาถึงตอนนี้คงอยากจะรู้ว่าอยากเข้าร่วมทริปนี้ได้ยังไง สามารถติดตามข่าวสารการจัดงาน รวมถึงค่าสมัครและกำหนดการต่างๆ ได้ที่ @Fjallraven Thailand
Test Travel
วันเสาร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2568 เวลา 17.39 น.