☀️ ตื่นเช้าขึ้นมาในวันเสาร์ ร้อนๆแบบนี้ต้องออกไปสู้แดดสักหน่อย เลยคิดว่านั่ง "รถไฟ" ไปเที่ยวแม่กลอง (ตลาดร่มหุบ) ดีกว่า เพราะบ้านเราอยู่มหาชัย ก็ไม่ไกลมาก นั่งรถไฟประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว
🚂 เริ่มต้นทริปนี้จากสถานีรถไฟบ้านแหลม ซึ่งมีรถไฟไปจากบ้านแหลม - แม่กลอง มีเวลา 7:30 น. 10:10 น. 13:30 น. และ 16:40น. ส่วนรถไฟขากลับจากแม่กลอง – บ้านแหลม มีเวลา 6:20 น. 09:00 น. 11:30 น. และ 15:30 น. ค่ารถไฟสุดสาย 10 บาทต่อคน


ใกล้เวลารถไฟมาถึง ไปซื้อตั๋วรถไฟกันก่อน พนักงานเป็นแมวหนึ่งตัวมองหน้าด้วยสายตาไม่ค่อยรับแขกเท่าไหร่ สักพักน้องแมวก็หายไปพนักงานตัวจริงกลับมาประจำที่ จ่าย 10 บาท/คน รับตั๋ว รอขึ้นรถได้ ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง


สักพักรถไฟก็มาถึง ตู้รถไฟจะมีหนึ่งตู้ที่เป็นที่นั่งแบบบุนวมนั่งสบาย ส่วนตู้ที่เหลือเป็นเก้าอี้พลาสติกแข็งๆ ถ้าขึ้นจากต้นสายแบบนี้ก็เลือกที่นั่งกันตามสบาย


สิ่งที่ทำให้เรายิ้มได้ในการเดินทาง คือ ก่อนรถไฟจะถึงสถานีแม่กลอง ประมาณ 2 ป้าย จะเริ่มมีนักท่องเที่ยวขึ้นมาเกือบเต็มคัน และพอถึงสถานีแม่กลองบรรยากาศในรถก็คึกคักขึ้นอย่างฉับพลัน นักท่องเที่ยวข้างนอกส่งเสียงโห่ร้องต้อนรับคนในรถก็โบกไม้โบกมือราวกับเป็นเซเลปชื่อดัง เป็นบรรยากาศที่แปลกตามาก

เราไปรอบ 07.30 น. ไปถึงสถานีแม่กลอง 08.30 น. อย่างแรกของการลงรถไฟ คือ หาอะไรทานกันก่อน แล้วค่อยเดินเที่ยว


ทานข้าวเช้ากันก่อนที่ร้าน “ก๋องเมงจั้น” ใกล้ๆสถานีรถไฟ ชื่อร้านเป็นภาษากวางตุ้ “ก๋อง” หมายถึงคนกวางตุ้ง “เมง” เป็นชื่อของอากง “จั้น” หมายถึงร้านอาหาร ก๋องเมงจั้น จึงหมายความว่า “ร้านอาหารของคนกวางตุ้งที่ชื่อเมง”

ปัจจุบันร้านก๋องเมงจั้นก็ดำเนินการมาถึงรุ่นที่ 3 แล้ว ดูจากป้ายและรูปที่ติดอยู่รอบๆ ร้าน เก่าแก่มาก
** ร้านนี้รับเงินสดอย่างเดียว **



ร้านนี้ดังที่เส้นบะหมี่ทำเองส่วนผสมก็มีแค่ แป้ง น้ำ และไข่และใช้วิธีทำเส้นแบบโบราณ รสชาติเนื้อสัมผัสของเส้นหนุ่มเหนียวกำลังดี ได้กลิ่นไข่อ่อนๆ ส่วนน้ำซุปหวานกลมกล่อมกำลังดี แต่ที่ชอบมาก คือ หมูแดงที่หอมกลิ่นย่างถ่าน เนื้อหวานเล็กน้อย ชุ่มฉ่ำไม่แห้ง

เหมือนจะยังไม่อิ่มจากร้านแรก เราไปต่อกันที่ร้าน “เกาเหลากรุงไทย” ร้านเกาเหลากรุงไทย อยู่ติดธนาคารกรุงไทย เป็นร้านชื่อดังของแถวนี้ อ้อ!! ร้านนี้รับเงินสดอย่างเดียวนะ


ต้มเครื่องในน้ำหวานกลมกล่อมหอมกลิ่นสาหร่าย เครื่องในไม่มีกลิ่นเหม็น สดหนึบเด้ง

ยำเครื่องในเปรี้ยวเค็มจัดจ้าน เครื่องในไม่มีกลิ่นเหม็น แต่เผ็ดมาก

อิ่มแล้ว ก็เดินย่อยสักหน่อย มาถึงจังหวัดสมุทรสงคราม ก็ต้องไปที่ "ศาลหลักเมือง" ซึ่่งเราจะต้องเดินออกจากตลาดไปประมาณ 700 เมตร อยู่หน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรสงคราม

ศาลหลักเมืองจังหวัดสมุทรสงครามค่อนข้างใหม่เมื่อเทียบกับศาลหลักเมืองในหลายๆจังหวัด เพราะเพิ่งวางศิลาฤกษ์สร้างเมื่อปีพ.ศ. 2517 ทั้งๆที่เมืองแม่กลองมีประวัติศาสตร์ยาวนานเป็นร้อยๆปี

วัดเพชรสมุทรวรวิหารซึ่งเป็นหนึ่งในวัดสำคัญของแม่กลอง


ภายในพระอุโบสถ เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อบ้านแหลม พระพุทธรูปสำคัญที่เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวสมุทรสงคราม


เดินกลับออกจากวัดผ่านร้านกาลอจี๊ ลองซื้อทานสักหน่อย

กาลอจี๊เป็นแผ่นแป้งข้าวเหนียวผสมกับแป้งมัน เอาไปทอดแล้วคลุกงา น้ำตาล แป้งที่ทอดมาเกรียมนิดๆหอมกลิ่นกระทะดี ขอบนอกกรอบ ข้างในนุ่มหนึบคล้ายๆโมจิที่เนื้อหยาบหน่อย ทานเพลินดี


เที่ยวเสร็จกำลังจะไปซื้อตั๋วรถไฟกลับ แวะซื้อของกินกลับบ้านสักหน่อย เห็นคนมุงเยอะๆ เป็นร้านขายขนมจีนเล็กๆ มีน้ำยาและน้ำพริก อย่างละ 1 หม้อ และมีซาวน้ำด้วย


น้ำพริกหวานมัน แต่รู้สึกว่าออกมันกว่าน้ำพริกที่เคยกินไม่รู้ว่าเพราะเป็นก้นหม้อหรือเปล่าไม่แน่ใจ

ระหว่างรอรถไฟกลับ ไปรอที่สุธาคาเฟ่ตรงสุดทางรถไฟ ตัวอาคารเป็นเรือนรับรองของนายสถานี ซึ่งถ้านับว่าสถานีแม่กลองสร้างมาแล้วเกือบ120 ปี อายุบ้านหลังนี้ก็คงไม่ต่างกันนัก

ปัจจุบันบ้านหนังนี้กลายเป็นร้านกาแฟขนาดไม่ใหญ่โตนัก ชั้นล่างมีที่นั่งแบบเปิดโล่งรับลมแม่น้ำ ส่วนชั้นบนเป็นห้องแอร์รับลมจากเครื่องปรับอากาศ

บรรยากาศในร้านเป็นแบบเก่าๆเครื่องดื่มไม่มีอะไรพิเศษมากนัก แต่ก็เป็นที่ที่เหมาะจะมานั่งจิบเครื่องดื่มเย็นๆชมวิวแม่น้ำก่อนจะขึ้นรถไฟกลับ




ใกล้เวลารถไฟมา เรากลับตอน 11.30 น. ราคาเท่ากันกับขามา 10 บาท/คน
รถไฟขากลับคนแน่น นักท่องเที่ยวล้วนๆ แต่พอวิ่งออกจากสถานีแม่กลองสัก 2 ป้าย ก็ลงหมดคัน เพราะเป็นจุดที่รถตู้มารอรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ


ถ้ามีเวลาว่างไม่มาก และไม่อยากไปไหนไกล ลองไปเที่ยวตลาดแม่กลองกัน ก็จะเห็นอะไรใหม่ๆ แปลกตา และมีแต่ของอร่อยๆ อาจจะไม่ต้องนั่งรถไฟไปก็ได้ ขับรถไปเองก็จะสะดวกเหมือนกัน
⭐️ ถ้าชอบการท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร ดูรีวิวเพิ่มเติมได้ที่
www.pratuneung.com หรือ www.facebook.com/followmeonear... ⭐️
Pratuneung
วันจันทร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2568 เวลา 10.23 น.