กราบสวัสดี พ่อแม่พี่น้อง นักอ่านทุกท่าน วันนี้ก็ถึงคิวเส้นทางการเดินป่าหน้าฝนยอดฮิตในหมู่ชาวไทย กับเส้นทางเดินป่าบนที่ราบสูงโบลาเวน ที่ประเทศลาวนั่นเอง

ซึ่งเราได้เดินกันมาแล้วเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2567 ปีที่แล้วนั่นเอง ซึ่งวันนี้เราจะมารื้อฟื้นความทรงจำที่เหลืออันน้อยนิด กลับมาเขียนรีวิวให้ทุกท่านได้อ่านกัน เผื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่ต้องการหาข้อมูล หรือกำลังตัดสินใจจะไปเดินป่าเส้นทางนี้
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ฮาวทู อยู่ๆก็เริ่มจากตรงนี้ !! เด๋วเล่าให้ฟัง
- โอเค เริ่มจากเย็นวันศุกร์ ก็ดำเนินการเก็บข้าวของกระเป๋า แล้วนั่งรถแท๊กซี่ไปยังจตุจักร เพื่อจะนัดเจอกับทัวร์ที่เราได้จองไว้ ตอนช่วงประมาณ2 ทุ่ม เมื่อสมาชิคครบทีมแล้ว รถตู้ก็เริ่มออกเดินทางไปยัง ที่ไหนไม่รู้จำไม่ได้ น่าจะอุบลราชธานี จะมีการจอดแวะพักรถ พักคน แวะเข้าปั้มอยู่เป็นระยะ
- สักประมาณ 6โมงเช้า เราก็ถึงตลาดสักที่บนโลก เราก็งงๆมึนๆ หลับบ้าง ไม่หลับบ้าง ทางคนขับรถก็จอดลงที่ตลาดเพื่อที่จะแวะทานอาหารเช้ากัน ตามอัธยาศัยเลย ใครสะดวกกินอะไรก็เลือกเองเลยจ้า เมื่อทานเสร็จเรียบร้อยกันดีแล้ว รถก็จะขับไปที่วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว เพื่อที่จะให้เราดำเนินการอาบน้ำ แปรงฟัน เปลี่ยนชุด จัดเก็บของที่ไม่ได้ใช้งานทิ้งไว้บนรถ เมื่อทุกคนพร้อมก็จะออกเดินทางไปยังด่านข้ามแดนไปยังประเทศลาว
- ช่องแม๊ก เดินทางมาถึงด่านข้ามไปประเทศลาว กันช่วงประมาณ10 โมง เด๋วจะเล่าตัดความวุ่นวายต่างๆนาๆออก แล้วสรุปให้สั้นๆว่า รถจะลงของให้พนักงานขนสัมภาระข้ามไปยังประเทศลาว ส่วนตัวเรา(คน)นั้นก็เดินถือpassport เข้าที่ด่าน ผ่านจุดตรวจได้เลย เด๋วสัมภาระจะข้ามตามไปรอเราที่ประเทศลาว ผ่านจุดตรวจก็ลอดลงอุโมงค์ข้ามแดดฝั่งไทย แล้วก็เดินไปยังจุดตรวจของฝั่งลาว เมื่อถึงจุดตรวจก็จะมีให้กรอกใบเข้าประเทศบ้านเค้า บางคนก็กรอก บางคนก็ไม่กรอก เราก็กรอกข้อมูลแล้วก็ยื่นเข้าด่านประเทศลาวปกติ สาวเข้าไปผ่านแล้ว แต่ผมไม่ผ่านบอกมีค่าใช้จ่ายในการเข้าประเทศ 100 บาท งงมาก ก็จ่ายๆไป แล้วเราก็ผ่านมาสำเร็จ รอทีมงานออกมากันจนครบ รถเข็นสัมภาระก็ดำเนินการย้ายของจากรถเข็นขึ้นสู่รถสองแถว แล้วก็เริ่มออกเดินทาง ใช้เวลาในจุดนี้ไปกว่าครึ่งวัน (จริงๆวุ่นวายมากอยู่ ตัดออกไปละกัน 555)

ขับฝ่าสายฝนมาเรื่อยๆ จุดแรกที่จอดให้ลงก็คือ น้ำตกตาดฟาน คือจุดที่เล่นซิปไลน์ยอดฮิตนั้นแหละ

แฮปปี้จังว่ะ จ่ายค่าเข้าสถานนี้ ประมาณคนละ 50 บาทมั้ง จะจ่ายเป็นเงินไทยหรือเงินลาวก็ได้ แต่แนะนำจ่ายเป็นเงินไทยดีกว่า


เดินเข้าไปไม่ไกลประมาณ 200 เมตร ก็จะเจอกับร้านอาหาร จุดลงทะเบียนเล่นซิพไลน์

ลืมบอกไป เราไปโบลาเวน ช่วงหยุดยาวของสิ้นเดือนกรกฏาคม มวลนักเดินป่าจากประเทศไทยมหาศาลมาก

หมอกลงหนักมาก ชุ่มฉ่ำ ไม่ค่อยเห็นน้ำตกเท่าไหร่ ต้องอาศัยบางจังหวะช่วงที่ลมพักหมอกออกไป ถึงจะได้เห็นความสวยของน้ำตก เราตัดสินใจไม่เล่นซิพไลน์เพราะคิวที่แน่นมากถึงมากที่สุด จึงเดินไปสั่งอาหารและเครื่องดื่มเย็นๆนั่งพักดีกว่า (ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปเก็บไว้เลยแหะ ไปดูวีดีโอเอานะ) ผ่านไปสักชั่วโมงสองชั่วโมง ก็ถึงเวลานัดหมาย เราก็เดินกลับไปที่รถ เพื่อรอจะเดินทางต่อไปยังหมู่บ้าน ปากซอง มั้งนะ

นั่งรถมาถึงหมู่บ้านประมาณ 4 โมงครึ่ง เราเอาของลง แล้วจู่ๆพี่ทัวร์ก็บอกว่า เด๋วเราเตรียมของแล้วเดินกันเลย 555 ในใจหัวเราะลั่นเลย นี่มัน4โมงครึ่งแล้วนะ ไหนแต่ละคนจะเก็บของกัน เตรียมสัมภาระ บลาๆ ช่วงนี้เป็นอะไรที่วุ่นวายมาก แต่ก็มองเรื่องที่มันวุ่นวายให้เป็นเรื่องสนุก อย่าไปเครียด หงุดหงิดอะไรมาก ไอ้เราก็ยังไงก็ได้อยู่แล้ว สายเก็บของไว เตรียมตัวไว ไม่เวิ้น

หลังจากจัดของใส่กระเป๋าอะไรเสร็จ ก็นั่งรถอีกรอบไปยังจุดเริ่มเดิน สภาพก็ตามที่เห็นเลย เราเริ่มออกเดินกับตอนห้าโมงครึ่ง ใช่ฟังไม่ผิด มันจะมืดแล้ว บันเทิงเลยทีนี

บรรยากาศโครตดี โครตได้ฟิล ใส่เสื้อกันฝนไห้พร้อม ช่วงเดินในตอนแรกจะเป็นทางเรียบเดินโคลน เหมือนเป็นทางเมืองอะไรสักอย่าง เดินไปเรื่อยๆไม่ไกลมาก

ก็มาถึงจุดที่ต้องข้ามน้ำ บางคนก็เดินข้ามด้านล่าง บางคนก็ไต่เชือกข้ามไป

ทางเราเลือกไต่เชือกข้ามไป ต้องค่อยๆไปนะคะ อย่าติดกันมาก เพราะส่วนสูงและน้ำหนักแต่ละคนไม่เท่ากัน จะทำให้เอียงแล้วตกลงน้ำไหลไปไหนต่อไหนก็ไม่รู้ งานจะเข้าเอา

น่าสงสารผุ้หญิงตัวเล็กๆคนนี้ ต้องมีความดูแลตัวเองสูงมาก

หลังจากข้ามน้ำเสร้จก็เดินลัดเลาะไปตามไร่กาแฟชาวบ้าน ช่วงนี้จะต้องเริ่มเกาะกลุ่มกัน เพราะฟ้าเริ่มจะมืดมากแล้ว

โอเคมืดแล้ว 5555 นี่แหละห่ะ ไนท์ซาฟารี ที่แท้ทรู การเดินโดยที่ไม่เห็นอะไรเลยในป่า แม่งโครตเปิดประสบการณ์มาก ทั้งเป็นบนทางดินและก็เดินบนทางน้ำไหล สลับกันไปมา แต่ก็มีน้องๆลูกหาบ ค่อยดูแลความปลอดภัยอยู่ไม่ห่าง เดินจั้มๆกันเป็นชั่วโมง โดยไม่เห็นวิวอะไรเลย ตื่นเต้นทุกวินาทีที่ย่างก้าวเดิน
ใจมันได้
วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 เวลา 12.59 น.