เมื่อวันที่ 15-17 ม.ค 2560 มีโอกาสได้ไปเชียงคาน หนึ่งในอำเภอของจังหวัดเลยมาค่ะ ด้วยโจทย์ที่ตั้งไว้กับเพื่อนว่าหน้าหนาวอยากไปเที่ยวภูเขา ดอย ภู แต่ไม่อยากไปภาคเหนือ คิดไปคิดมาก็ลงตัวที่เชียงคาน จังหวัดเลย อยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ อีสานตอนบน ดังนั้นอากาศและวัฒนธรรม จะผสมทั้งภาคเหนืออิสานรวมถึงลาวเชียงคานจึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับหน้าหนาวที่คนต้องการสัมผัสอากาศเย็น แต่ไม่อยากไปภาคเหนือ

เกริ่นมาสักพักแล้วเรามาดูการเดินทางดีกว่าค่ะ

การเดินทางไปเลยมีหลายรูปแบบค่ะ

  • รถส่วนตัว
  • รถโดยสารปรับอากาศ
  • เครื่องบิน

โดยทริปนี้เราเลือกเครื่องบินค่ะ จองล่วงหน้าไม่ถึงเดือนจากเว็บ Traveloka จองง่ายสะดวกดีคะ

เราได้ขาไป Airasia ขากลับ Nok air เฉลี่ยไปกลับแล้วตกที่ 1,700 บาท ไม่ถูกไม่แพงจนเกินไป

ทริปนี้เราไปกัน 3 คน ชาย1 หญิง2 จึงเลือกที่พัก 2 ห้อง โดยจองที่พักจาก Agoda

เราจองที่พัก Fair Fair Resort ไป คืนละ 700 มีน้ำอุ่น ห้องน้ำในตัว

https://www.facebook.com/fairfairresortatchiangkhan/ เฟสบุ๊คที่พักลองข้าไปดูได้ค่ะ

ที่พักอยู่ในเส้นถนนใหญ่จากเลย ไปเชียงคาน ห่างจากตัวเมืองเชียงคานประมาณ 1 กม.

แต่ใกล้กับขนส่งนครชัยแอร์ค่ะ


เรามาเริ่มทริปกันเลยค่ะ

Day 1

เราออกจากสนามบินดอนเมืองประมาณ 10 โมง ถึงประมาณ 11 โมง

จากนั้นพอออกมาจากสนามบินเลย เดินออกมาตรงประตูทางออกจะมีบูธ รถเช่า สกายแล็ป(สามล้อ) Taxi และรถตู้ของ Air asia อยู่เพื่อไปเชียงคาน

ขอแจกแจงรายละเอียดการเดินทางตรงนี้นะคะ

  1. รถเช่า มีราคา ตั้งแต่ 800 ขึ้นไป ใครต้องการรถเช่าควรเตรียมเงินมัดจำล่วงหน้ามาค่ะ
  2. สกายแล็ป เป็น 3 ล้อเพื่อเข้าไปต่อรถทัวร์ในบขส. เลย ซึ่งจะคิดแบบเหมา 100 บาท และค่ารถทัวร์จากบขส. ไปเชียงคานอีก 34 บาท
  3. รถเลย-เชียงคาน 35 บาท เป็นเหมือนสกายแล็ป ขนาดใหญ่กว่า ใช้เวลานานหน่อย เพราะจอดรับคนเรื่อยๆ
  4. Taxi ราคาเหมาจะอยู่ประมาณ 600 ขึ้นไปต่อรองได้
  5. รถตู้จาก Air asia เที่ยวละ 250 บาท สามารถบอกได้ว่าลงที่พักตรงไหน

โดยเราเลือกไปแบบรถตู้ค่ะ 250 บาท ชั่วโมงนิดๆก็ถึงที่พัก พอเก็บของเรียบร้อยเราก็ถามพี่ที่พักค่ะ ว่าเราจะไปในเมืองได้ยังไงบ้างพี่เค้าก็แนะนำให้เรียกสกายแล็ป โดยเค้าจะคิดคนละ 20 บาท เราก็โอเคและก็โทรเรียกเองเลย และหลังจากนี้ 3 วันเราก็ใช้บริการพี่สกายแล็ปตลอดค่ะ ชื่อพี่เก้า พี่เค้าน่ารักนิสัยมาก ถึงไหนถึงกัน

พอมาถึงในเชียงคาน อากาศมีลมเย็นๆ แต่แดดร้อนค่ะ เราก็เลยจะหาร้านข้าวกินกัน เพราะตอนนั้นยังไม่ร้านอะไรเปิดเลย ตลาดคนเดินจะเปิดประมาณ 6 โมงค่ะ เราไปถึงบ่ายโมงเลยกินร้านเหลียวแล ที่เจ้าของที่พักแนะนำมา อาหารอร่อย รสจัดจ้านมาก โดยเฉพาะต้มยำปลาคัง

พอเราทานเสร็จที่พักก็แนะนำให้ไปนั่งร้านกาแฟ บ้านสุพิชญา ร้านจะติดริมแม้นำโขงด้วยค่ะ

น้องหมานอนเหงาๆ

กินเสร็จประมาณ 4 โมงก็เริ่มเดินหาอะไรทำค่ะ ก็ได้ไปไหว้พระที่วัดแถวๆนั้น

วัดป่าใต้

วัดท่าคก

อยู่ตรงข้ามริมแม่น้ำโขงค่ะ

ร้านค้าเริ่มตั้ง

อันนี้เป็นร้านกาแฟ และเป็นเกสเฮ้าส์ในตัวค่ะ จำเลยรัก

ที่พักตรงถนนคนเดิน

เสร็จแล้วก็ไปเดินริมแม่น้ำโขงดูพระอาทิตย์ตอนค่ะ

สวยมากเลย ต้องมาดูด้วยตัวเองค่ะ บรรยากาศเย็นๆ แม่น้ำ ท้องฟ้าสวยๆเดินไปสักพักก็เริ่มค่ำๆแล้ว เรามาดูบรรยากาศถนนคนเดินตอนกลางคืนกันค่ะวันอาทิตย์คนเยอะพอสมควรค่ะ แต่ก็ไม่ถึงเบียดกันมาก

เรากินมื้อค่ำกันที่ร้าน ซุปจักรพรรดิ เชียงคาน

ซุปจักรพรรดิ รสชาติเหมือนพะโล้แต่จางกว่า และก็ติมซ่ำ มีให้เลือกเยอะค่ะ

กินข้าวอิ่ม เราก็ไปหาร้านนั่งเบียร์ดื่มกันค่ะ ม่เจอร้าน แม่น้ำมีแก่ง เป็นทั้งร้านเบียร์และเกสเฮ้าส์เหมือนกัน อยู่ประมาณซอย 17 ไม่ได้ถ่ายร้านมาเลย ถ่ายแต่เบียร์ 5555

นั่งเรื่อยๆจนถึงสามทุ่มเราก็โทรเรียกพี่เก้าให้มารับ เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไปภูทอกค่ะ

( ขอบอกว่าไม่ได้เตรียมหนาวมา ขากลับลมเย็นมากกก 19 องศาได้ ปากสั่นกันเลยทีเดียวตอนอยู่บนสกายแล็ป ใครกลับดึกๆติดเสื้อหนาวไปด้วยนะคะ )


Day 2

ตื่นตั้งแต่ตีห้า และโทรเรียกให้พี่เก้ามารับตอนหกโมงเช้าค่ะ

( สำหรับสกายแล็ปไปภูทอก ปกติคิดคนละ 100 ไป-กลับ พอไปถึงภูทอกจะเสียค่ารถขึ้นภูอีก 25 บาท เป็นรถกระบะนั่งต่อไปจะถึงภูทอกค่ะ )

พระอาทิตย์กำลังขึ้น สวยมากกกกกก

เราโชคดีมาก ที่ไปแล้วเจอหมอก เพราะบ้างคนไปก็ไม่เจอ บางคนเจอหมอกเยอะ มองไม่เห็นภูเขาอีก

ถือว่าคุ้มค่ะทริปนี้


ไข่กระทะที่ภูทอก

ทานเสร็จเราก็โทรเรียกพี่เก้าอีกเช่นเคย คราวนี้เราจะไป วัดพระบาทภูควายเงิน กับ แก่งคุ้ดคู้ในช่วงเช้ากัน

ซึ่งพี่เก้าคิดคนละ 200 บาท รวมภูทอกแล้ว (ส่วนมากการเที่ยวรอบๆเชียงคานจะใช้บริการสกายแล็ป รถเช่า และมอไซค์เช่าค่ะ)

ระหว่างทางไปวัดพระบาทภูควายเงิน ประมาณ 17 กม.ได้ หนาวมากกกกก ระหว่างทาง ตอนนั้นประมาณ 7 โมงเช้า

อากาศ 18 องศาได้ ระหว่างทางมีแต่หมอก ลมแรง อย่าลืมพกหมวกไหมพรมไปด้วยก็ดีนะคะ เพราะหมอกพอจางแล้วจะเป็นน้ำ หัวเราอาจเปียกได้ 55555

ระหว่างทาง ลมตีหน้าตลอดทางค่ะ

วัดพระบาทภูควายเงิน ห่างจากภูทอกประมาณ 15 นาที

เป็นวัดที่มีรอยพระพุทธบาท มีสวนกระเต่า บ่อเต่า ร่มรื่นมาก ตอนไปหมอกยังลงหนาอยู่ค่ะ อากาศเย็นๆ

เสร็จจากวัดพระบาทภูควายเงินเราก็ไปแก่งคุ้ดคู้ค่ะ

แก่งคุ้ดคู้ ถ้าจะอยากเห็นแก่ง ให้มาช่วงหน้าหนาว หน้าร้อน ถ้ามาหน้าฝนน้ำจะเยอะ ไม่เห็นแก่งค่ะ

เราสามารถล่องเรือได้ ดดยราคาจะมี ครึ่งชั่วโมง 400 และ 1 ชั่วโมง 800

ล่องแก่งเสร็จเราขอพี่เก้าแถม วัดภูช้างน้อย อีกหนึ่งที่เพราะอยู่ตรงข้ามที่พัก พี่เก้าก็ใจดีพาไปค่ะ

ทางขึ้น สูงมาก แต่ขึ้นไปคุ้มค่ะ เห็นวิวเชียงคานหมดเลย


เสร็จจากวัดภูช้างน้อยเราก็กลับที่พักค่ะ นอนต่อจนถึงบ่าย เราก็ออกมากินข้าว โดยโทรเรียกพี่เก้าเหมือนเดิม

เรามากินกันที่เฮือนฝ้ายคำ ราคาร้านอาหารทั่วไป

ได้ลองตำต๊องแต๊ง เป้นส้มตำลาวแต่ใส่เส้นเกี๊ยมอิ๊ อารมณ์เหมือนลอดช่องไม่ใส่สี แปลกดีค่ะ


ทานเสร็จเราก็แอบแว๊บไปสระผมร้านแถวๆนั้น เพราะเมื่อเช้าหัวเปียกมากค่ะ 555555555


ระหว่างนั้นเพื่อน 2 คนไปกินกาแฟรอที่ร้าน With a good view เป็นทั้งร้านกาแฟและเกาส์เฮ้าส์ ร้านสวยดีค่ะ แต่อดนั่งสระผมเสร็จพระอาทิตยืตก มืดพอดี เลยออกมาเดินถนนคนเดินอีกรอบ

อันนี้ร้าน With a good view ค่ะ

เดินเลาะริมโขงไป ก็ไปเจอร้านแท๊ปเบียร์ รออะไรคะ จัดสิคะ 5555

เจ้าของร้านเป็นคนกทม. พี่โจ๋ ทำเบียร์ขายเองด้วย มาอุดหนุนได้ค่ะ

หลังจากนั่งชิวๆ ลมเย็นจิบเบียร์ริมโขงไปสักพัก ก็เดินถนนคนเดินต่อ วันนี้คนน้อยมาก เพราะเป็นวันจันทร์

เดินไปเดินมาเจอร้านแกลอรี่โชว์ภาพถ่าย เจ้าของจบรังสิตถ่ายภาพมา ก็นั่งคุยกับพี่เค้าสักพักค่ะ ได้นั่งเฉยๆ

มองอะไรที่ไม่เคยเจอ ถือเป็นความสุขเล็กๆในชีวิตอย่างนึงเลยค่ะ

ภาพถ่ายของเจ้าของร้าน

เสร็จล้วเราก็กลับที่ค่ะ จบไปวันที่ 2


Day 3

วันนี้เราตื่นตีห้าเหมือนเดิม มารอใส่บาตรข้าวเหนียวกิจกรรมประจำเชียงคานค่ะ ใครมาเชียงคานแล้วไม่ได้ทำถือว่ามาไม่ถึงนะคะ

ชุดละ 50 บาทค่ะ เรามาถึงก็เดินเข้าไปนั่งได้เลย เค้าจัดเตรียมรอไว้แล้ว

พระจากเดินมาเรื่อยๆค่่ะ ตั้งแต่ ตี 5 ถึง ประมาณเจ็ดโมงเช้า

ใส่บาตรเสร็จก็เดินเล่นริมโขงยามเช้า รอร้านข้าวเปิดประมาณ 7 โมง

แม่น้ำโขงตอนเช้า


กุ้งแม่น้ำโขงปิ้ง เค็มๆหวานๆ กรอบ อร่อยดีค่ะ

เรามากินข้าวเช้ากันที่ แม่อรุณ ลูงมุขปาท่องโก้ยัดไส้ ใครมาเชียงคานต้องกินนะคะ

กินอิ่มแล้วก็กลับไปนอนต่อรอเช็คเอ้าท์ค่ะ ตอนบ่ายรอจะไปล่องแพกัน

11 โมงเราเช็คเอ้าท์ออกค่ะ และเดินไปขึ้นรถที่ท่านครชัยแอร์ ไม่ถึง 500 เมตร

รถมีรอบ 11.30 พอดี อีกรอบจะเป็นบ่ายเลย เรานั่งรถ ราชสีมา-เลย ไปลงท่าอากาศยานเลย

59 บาทค่ะ ถ้าลงบขส 34 บาท

เรามาถึงประมาณเที่ยงกว่าๆ ก็โทรเรียก Taxi ให้พาไปอ่างเก็บน้ำห้วยกระทิง ไปกลับ 600 บาทค่ะ ต่อได้สุดๆแล้ว 555

ประมาณครึ่งชั่วโมงเราก็มาถึง เรานัด Taxi มารับกลับ 5 โมงเย็น เพราะเราขึ้นเครื่อง 6 โมง ค่ะ

บรรยากาศที่ห้วยกระทิงดีมากกกกกกกกก ชอบ เราสั่งอาหารมาทานบนเรือค่ะ ค่าแพมีตั้งแต่เล็ก-ใหญ่ เราเช่าแบบเล็กสุดแพละ 200 อาหารไม่แพงค่ะ เค้าจะมีเรือผูกแพเราไปปล่อยกลางน้ำ และก็ทิ้งเราไว้กลางน้ำเลยค่ะ ถ้าจะกลับก็โทรบอกเค้า

พอกินเสร็จก็นั่งนอน ถ่ายรูปเล่น ประมาณ 3 ชั่วโมงได้ รู้สึกเวลาผ่านไปเร็วมาก

หลงรักที่นี้เลยค่ะ


เรามาถึงสนามบินเกือบหกโมง เวลา 3 วันที่เชียงคาน เลย ผ่นไปเร็วมาก รู้สึกหลงรักที่นี้มาก

เป็นเมืองที่ยังไม่ถูกเติมแต่งอะไรมาก ผู้คนน่ารัก สัญญากับตัวเองไว้ว่าจะต้องกลับมาที่นี่อีกแน่ๆค่ะ

ขอบคุณที่อ่านกันจนจบนะคะ ติดตามทริปต่อไปของตาลได้เรื่อยๆน้าา ^^


รวมค่าใช้จ่าย

ค่ากิน = 920 +(เบียร์ 320) 1,240

ค่ารถ = 1,039

ค่าเครื่อง = 1,700

ค่าที่พัก = 700

จิปาถะ = 300

รวม 4,797 (ต่อคนนะค่ะ)


ขอบคุณที่ติดตามนะคะ

ติดตามรีวิวอื่นๆได้ที่

https://isnamtarn.wordpress.com/

https://th.readme.me/id/ntgoeseverywhere

Contact me

Facebook : isnamtarn

Instagram : isnamtarn

#ntgoeseverywhere #eatwithnt

Isnamtarn

 วันพฤหัสที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 20.30 น.

ความคิดเห็น