ดอยอ่างขาง...เห็นคนเช็คอินเยอะมากค่ะ ข้างบนมีอะไร ทำไมใครๆ ก็ไปกัน ได้โอกาส จัดโปรแกรมแวะไปสักหน่อย ไปช่วงดอกนางพญาเสือโคร่งบานนี่แหละ จะได้มีรูปสวยๆ กับเค้าบ้าง
ดอกนางพญาเสือโคร่งในหลายๆ พื้นที่มักจะบานใกล้ๆ กัน คือ ระหว่างช่วงปลายธ.ค. ถึงช่วงม.ค. ทั้งเดือน แต่ไม่สามารถระบุช่วงวันที่เค้าจะบาน 90-100% ให้ทราบได้ค่ะ ต้องอาศัยการลุ้นอย่างเดียวเลย
ซึ่งก็จะประจวบกับใกล้ๆ ช่วงดอกบ๊วยบานพร้อมๆ กันพอดี เพราะฉะนั้นการแพลนมาช่วงวันที่เหมาะสม ก็ได้จะเก็บภาพ เก็บความประทับใจกลับไปหลายอย่างพร้อมกัน
การเดินทาง : ดอยอ่างขางมาไม่ยาก แต่ก็ไม่ได้ง่ายจนเกินไป มีช่วงโค้งหักศอกประมาณ 3-4 โค้ง อาจจะต้องใช้ความชำนาญในการขับรถนิดนึงค่ะ ซึ่งถ้าเทียบกับขุนช่างเคี่ยนนี่ ทางโหดกว่าเยอะมากค่ะ สามารถขึ้นได้ทั้งทางไชยปราการและทางอรุโณทัย แต่ตอนที่ไป 17/1/2017 ทางไชยปราการมีทำถนนลาดยางมะตอยเป็นระยะๆ อาจทำติดขัดนิดหน่อย แต่หลังจากนี้ทางก็จะดีและสะดวกขึ้นค่ะ
เมื่อเข้าไปในซอยดอยอ่างขาง จะมีวัดพระฝางตั้งอยู่มุมหัวเลี้ยว ไม่ได้เสียเวลาอะไร แวะไหว้พระทำบุญสักหน่อยค่ะ
เราพักที่ "บ้านหลวงรีสอร์ท" ที่พักกลางหุบเขามีต้นไม้ล้อมรอบจำนวนมาก ห้องพักขนาดกำลังดี มีครัวขายอาหาร อาหารอร่อย ถ้าไปกินที่สโมสรอ่างขาง แล้วคนเยอะ รับรองว่าที่นี่รสชาดอาหารไม่ผิดหวังค่ะ ได้ลองทานมื้อเย็น ดีต่อใจมากเลย
อากาศที่ไปตอนช่วงกลางเดือนม.ค. ประมาณ 16 องศา พื้นกระเบื้องเย็นมาก เดินเท้าเปล่าไม่ได้เลย ต้องใส่ถุงเท้าหรือรองเท้าแตะยางที่รีสอร์ทเตรียมไว้ให้ค่ะ ส่วนตอนกลางคืนไม่ต้องพูดถึง ถ้าไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น พูดเลยวันนั้นไม่อาบน้ำค่ะ 555
หลังจากเก็บของเสร็จ เราก็ขับรถออกมาจากรีสอร์ท เพื่อไปตามล่าหาดอกชมพูกับดอกบ๊วย ในสถานีเกษตรหลวงอ่างขางกัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที ห่างจากที่พัก 5 กม.
ส่วนนี้จะอยู่บริเวณตรงข้ามปากทางเข้าสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง มีของขายจากชาวบ้านบนดอยทั้งแถบ
เดินถัดเข้ามานิดหน่อยจะเจอโรงเรียน ซึ่งก็มีต้นเสือโคร่งอยู่บ้าง ไม่มากนัก
ข้างๆ กันก็มีรูปปั้นสมเด็จพระเทพสิรินทราบรมราชินีประดิษฐานอยู่ด้วยค่ะ
การเข้าสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง จะต้องเสียค่าเข้า คนละ 50 บาท และค่ารถคันละ 50 บาทค่ะ เราแนะนำว่า การมีรถจะดีตรงที่เราขับเข้าไปด้านในและแวะแต่ละจุดได้อย่างสะดวก เพราะแต่ละจุดค่อนข้างห่างกันพอสมควร แต่ถ้าใครอยากออกกำลังกาย อันนี้ก็ไม่ว่ากัน ^^
หลังจากที่จ่ายค่าบัตรผ่านประตูมาแล้ว จะเจอบริเวณที่จอดรถขวามือ และตรงข้ามซ้ายมือ จะมีร้านขายของที่ระลึก ของฝาก ร้านกาแฟให้บริการอยู่ค่ะ
บริเวณนี้รายล้อมไปด้วยวิวทิวทัศน์แปลงกระหล่ำหลากสี ตัดกับฟ้าสีสดใส สวยงามทีเดียว
นอกจากจะมีแปลงกระหล่ำ ยังมีไม้ดอกไม้ประดับอีกหลายชนิด ให้ชมและถ่ายรูปกันค่ะ
บริเวณนี้ เป็นส่วนที่รวบรวมบอนไซหลากหลายพันธ์ุ
บริเวณริมรั้วตลอดแนว จะมีดอกบ๊วยสีขาวและสีชมพูบานสะพรั่ง แต่ถ่ายรูปรวมก็ไม่ค่อยสวยค่ะ เพราะว่าเป็นก้านบางๆ
ปล.ต้องให้ตากล้องมีฝีมือมาถ่ายให้ดูอีกทีนะคะ
ขับรถเข้ามาอีกนิดหน่อย ก็จะเป็นไฮไลท์ ณ จุดนี้ เป็นป้าย "อ่างขาง แดนมหัศจรรย์" มีลาให้บริการถ่ายรูป รวมถึงทรรศนียภาพที่เห็นแล้วต้องทึ่ง คือสวยมาก แต่ไม่รู้จะถ่ายทอดให้เท่ากับตาเห็นยังไงดี
ดอกนางพญาเสือโคร่งสัปดาห์สุดท้ายก่อนร่วงโรย เพราะเจอฝนเต็มๆ ไป 3 วันติด ยังคงพอมีให้เห็นอยู่บ้าง แต่เราถ่ายรูปมาฝีมือแค่นี้จริงๆ ค่ะ 555
และไฮไลท์จุดใหญ่อีกที่ คือ แปลงรวบรวมพันธุ์บ๊วยหลากหลายสายพันธ์ุ ของจริงคือสวยมากค่ะ
หลังจากที่ไปเยี่ยมชมสถานีเกษตรหลวงอ่างขางแล้ว เราได้กลับมาทานอาหารที่รีสอร์ท ขอแนะนำเมนูไก่ทอดสมุนไพร คือไก่ชิ้นใหญ่ไม่มีกระดูก สัมผัสได้ถึงเครื่องเทศ อร่อยมาก ส่วนรายการอื่นๆ ก็อร่อยเช่นกันค่ะ ไม่ผิดหวัง
ในภาพมีเมนู ไก่ทอดสมุนไพร, ไข่เจียวกระเทียมดอง, ผัดยอดมะระไฟแดง, ต้มแซ่บไก่
ไฮไลท์อีกส่วนนึงคือ การไปชมหมอกบนจุดชมวิว แต่เนื่องจากเราพักที่รีสอร์ท ซึ่งห่างจากจุดชมวิวประมาณ 5 กิโล ตั้งใจจะตื่นขึ้นมาเก็บภาพหมอกให้ได้ แต่ปรากฎว่า เราไปไม่ได้ เพราะฝ้าที่กระจกเต็มหน้ารถเลย ตื่นตั้งแต่ตีห้า ล้างหน้าแปรงฟันเตรียมกล้องอย่างดี จะขึ้นไปดูหมอก เสียเวลาในการแก้ปัญหาเรื่องฝ้ากระจกทุกวิถีทาง ก็ยังไปไม่ได้ 1 ชั่วโมงกว่า มองไม่เห็นทางเลยค่ะ และทางก็ลาดชัน ลองขับออกไปได้ไม่ถึง 200 เมตร ก็ต้องกลับ เพราะแรงดันอากาศเยอะมาก กระจกเป็นฝ้ายิ่งกว่าเดิม เสียใจกลับไปนอนต่อเลย เฮ้อ! ผิดหวังอย่างแรง
เราพักที่อ่างขางคืนเดียว น้ำก็หนาว ไม่อยากอาบน้ำเลยตัดสินใจเก็บของออกเร็วหน่อย เพื่อไปต่อยังสถานีต่อไป
ตอนนั้นเป็นเวลา 7 โมงเช้า กระจกฝ้าหายแล้ว ฟ้าสว่าง มองเห็นทาง น่าจะขึ้นได้ ก็เลยลองขึ้นไปดูบรรยากาศข้างบนสักหน่อย เจอคนที่มาเที่ยวกรุ๊ปอื่นบอกว่า รถตู้ก็ขึ้นไม่ได้เหมือนกัน ถ้าไม่ใช่รถสองแถวแดงที่ชำนาญทางและเหมาขึ้นมา ก็ต้องรอเวลาเท่านั้น พอขึ้นมาถึงเห็นคนมากางเต้นท์ข้างบนเยอะเลย
เค้ายังบอกอีกว่า ยังมีหมอกอยู่นะ ลองเดินไปดูตรงจุดชมหมอกสิ (บริเวณจุดชมวิวขอบด้ง) วิ่งจ้ำอ้าวเลยค่ะ แต่ได้เห็นแค่นี้เอง พระอาทิตย์ขึ้นสว่างโล่พอดีค่ะ
หลังจากผิดหวังมากหน่อย ก็เลยหาอะไรข้างบนทานเลย ร้านอาหารมีให้บริการทั้งข้าวต้ม โจ๊ก ก๋วยเตี๋ยวยูนนาน ปาท่องโก๋ กาแฟ โอวัลติน ชายอดน้ำค้าง และอาหารตามสั่ง คือคนที่มากางเต้นท์อยู่บนนี้ไม่อดแน่นอนค่ะ
ปล. อาหารอร่อยดี ทั้งโจ๊กทั้งก๋วยเตี๋ยว เป็นอาหารบนดอยที่เล่อค่ามาก หลังจากนี้เราก็ลงไปเที่ยวในเชียงใหม่อีก 2 วันค่ะ
ตามไปเที่ยวกับเราต่อที่เชียงใหม่กันเลย...
Malang Lunla
วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 01.52 น.