"เมื่อใดที่รู้สึกว่าชีวิตไม่มีค่า จงออกไปช่วยเหลือผู้คน"

บางครั้ง บางครา อย่าเอาความรู้สึกของเราไปตัดสินว่าเขาลำบาก

เขาไม่ได้ขัดสน ธรรมชาติยังดีอยู่

(เวลาครูมดพาเด็กออกมาสอบในเมืองเพื่อศึกษาต่อชั้นมัธยม ที่โรงเรียนในตัวอำเภอ หรือในตัวจังหวัด การเดินทางไม่สะดวก และมี คจช. หวังว่าที่เราทำรีวิวคงมีประโยนช์ กับน้องๆ เพื่อขยายโอกาสทางการศึกษาให้เขา

เด็กๆ ควรได้รับการศึกษาตามสิทธิที่เขาพึงจะได้)



ขอเล่านิดนึงนะ


เมื่อวันที่ 21-26 ก.พ.59 เราไปงานวันชาติมอญมามีอาการภูมิแพ้กำเริบ ไอหนักมากก และไปทริปตกปลาต่ออีก 27-28 ก.พ.59 เลยอ่วมอรทัยร่างกายไม่ไหวอย่างมาก ไม่น่าเชื่อว่า hipster จะมาถึงจุดจุดนี้ จุดที่ร่างแหลกกกกกก

ระหว่างที่นอนไอค่อกๆ แค่กๆ พี่วุธก็ text มาว่า (เคยบอกแกไว้ว่าถ้ามีทริปหนักๆ โหดๆ ให้ชวนด้วย) ช่วงนี้เนี่ยนะ

พี่วุธ: (คืนวันจันทร์)มีทริปเอาของไปให้น้องที่ไล่โว่

Me: (คิดในใจ ไปอีกแล้วรึ ขึ้นสังขละแทบทุกอาทิตย์เลย เบื่อๆ ในใจคิดว่าจะทำบุญเป็นเงิน ไม่ไปอะ ไม่ค่อยสบาย) แต่แล้วข้อความก็เด้งมาว่า "เดินไปนะ ไปกลับ 28 กิโลเมตร โอ้แม่เจ้า ผมตอบตกตกลงทันที เมื่อรู้ว่าต้องเดินไป แล้วคิดว่า(มโน)คงหายป่วยทัน ไปหาหมอหาหยุกยามาทาน หมอบอกให้พักร่างบ้างอะไรบ้าง เราบอกมีทริปไปเดินป่าต้องรีบหาย หมอมองหน้า!! .....อีกตั้ง 4 วัน หายแน่ๆ และรีบประกาศใน FB หาสิ่งของและเงินสด จากผู้ที่สนใจร่วมทำบุญกับน้องๆ
เราได้นำเงินบริจาคไปซื้อชุดชั้นใน เสื้อผ้าเด็กเล็ก เด็กโต และของแห้ง เงินที่เหลือจากการซื้อของส่งมอบให้พี่ติ๋วไปสมทบกับเงินบริจาคให้ครูมดรวมทั้งสิ้น 36,000 บาท ของบริจาคน่าจะราวๆ 50,000 บาท เพราะสายของเราก็ 9000 บาท สายแก๋มหมื่นกว่าบาท ยังไม่รวมเงินสด

พี่โจ


ขอบคุณพี่โจที่ช่วยประสานในทุกๆ เรื่อง และเป็นคนนำทางพาพวกเราไปคะ ชาบู ชาบู

พี่ติ๋ว


คนนี้รู้จักกันตอนไปเดินเขากำแพง เป็นหัวเรือใหญ่ของทริปนี้

ขอพูดถึงโรงเรียนบ้าง


ปัจจุบันโรงเรียนพิเศษสาขาไล่โว่ เปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาล-ประถมศึกษาปีที่ 6 มีนักเรียนทั้งหมด 65 คน ในขณะที่มีครูผู้สอนเพียง 5 คน รวมตนด้วย แต่โชคดีที่มีครูชาวบ้านเข้ามาช่วยสอนหนังสือนักเรียนอีก 3-4 ท่าน



ส่วนเรื่องที่มีการประกาศขอรับบริจาคอาหารแห้งนั้น ต้องขอชี้แจงก่อนว่า เดิมทีทางโรงเรียนได้งบค่าอาหารกลางวันจากรัฐบาลจำนวนหนึ่งอยู่แล้ว เพียงแต่ในการจัดซื้อและขนอาหารแห้งจากตัวเมืองสังขละบุรีเข้ามายังโรงเรียนไล่โว่ในแต่ละครั้ง มีค่าขนส่งสูงถึง 3,000 บาท เนื่องจากโรงเรียนไล่โว่อยู่ห่างไกลของพื้นที่ตัวเมืองมาก เพราะต้องเดินทางข้ามเขาระยะทางกว่า 20 กิโลเมตร จึงจะมาถึง หรือมิฉะนั้นก็ต้องอาศัยรถออฟโรดในการเดินทางเท่านั้น และยิ่งช่วงฤดูฝนด้วยแล้ว การเดินทางจากโรงเรียนไล่โว่ไปยังตัวเมืองสังขละบุรียิ่งเป็นเรื่องยากลำบาก จึงส่งผลให้ทางโรงเรียนจะไม่มีอาหารแห้งมาประกอบอาหารให้เด็กนักเรียนได้ทานกัน



ครูมด เล่าต่ออีกว่า หลังจากที่มีผู้นำเรื่องราวของตนและนักเรียนโรงเรียนไล่โว่ ไปเผยแพร่ในโลกออนไลน์ก็มีคนติดต่อเข้ามาสอบถามค่อนข้างเยอะ แต่ส่วนใหญ่ตนไม่ค่อยได้รับสายเนื่องจากมักติดสอน ประกอบกับจุดที่มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือเพียงจุดเดียวเท่านั้น จึงขออภัยทุก ๆ ท่านด้วย



สำหรับอาหารแห้งและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ครูมดขอรับบริจาคมาให้นักเรียนได้ใช้กันนั้น มีรายละเอียดคร่าว ๆ ดังนี้



- เส้นหมี่/ปลากระป๋อง/มาม่า/วุ้นเส้น

- เครื่องปรุงต่าง ๆ อาทิ รสดี/หัวหอม/กระเทียม

- น้ำยาล้างจาน

- ยาสามัญประจำบ้าน/อุปกรณ์ล้างแผล

- ร่ม/รองเท้าบูท/เสื้อกันฝน/มุ้ง/เทียนไข

- ชุดนักเรียน/ชุดชั้นใน สำหรับเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย

- ลูกฟุตบอล/ลูกวอลเลย์บอล/ลูกตะกร้อ

- ดินน้ำมัน/สีไม้



ทั้งนี้ หากท่านใดสนใจบริจาคหรืออยากสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ เพิ่มเติม สามารถติดต่อครูมด ได้ที่เบอร์ 098-2699-697 หรือที่ Facebook : ดวงตะวัน ชายขอบ ค่ะ
ที่มา

http://education.kapook.com/view129513.html

ของฝากหน่อยคะ เวลาไปแล้วอย่าทิ้งขยะตามทาง เราเจอเยอะเลยอพวกซองขนม ขวดน้ำ กระป๋องเบียร์ (กินได้แต่ขนลงมาด้วย) กางเกง ถุงเท้า หมวกกันน้อค ไปแล้วช่วยขนลงมาด้วย ขนไปได้ก็ต้องขนลงมาได้


และ



ของใช้เด็กอ่อน เราติดเสื้อผ้าเด็กอ่อนไปด้วย แต่ลืมคิดถึงผ้าอ้อม และเสื้อกันหนาว ตอนเช้าเราเดินไปตามบ้าน และหาดูว่ามีบ้านไหนมีเด็กอ่อน เราก็ให้เสื้อผ้าไป

เราเดินทางกันคืนวันศุกร์ กว่าจะบอกทางให้พี่เขามารับถูกบอกผิดไปหลายรอบเลย เค้าขอโทษ


ไปถึงอ.สังขละบุรี น่าจะราวตีหนึ่งเศษๆ ไปถึงที่พักที่พี่โจเป็นคนจัดการหาให้ผู้ชายนอนกันง่ายๆ ที่ริมระเบียง ผู้หญิงมีห้องให้นอน ห้องละ 4 คน ทั้งคณะก็แยกย้ายกันนอนเลย

นัดกันไว้ 7.00 น. ที่ตลาดสังขละ ได้ยินพี่ติ๋วและคณะออกไปจ่ายตลาดกันแต่เช้าไปซื้อของที่จะไปทำราดหน้าให้น้อง



คุยกันว่าตอนเช้ากะว่าจะเอารถไปให้น้อยที่สุด

เราตื่นตีห้า นอนไม่หลับเพราะไอทั้งคืน (ขอโทษเพื่อนๆ ด้วยที่ส่งเสียงรบกวน) มาอาบน้ำ และเดินไปปลุกพี่วุธ ที่นอนงอเป็นกุ้งแต่ดันปลุกผิดคนไปปลุกพี่ปุ๋ยแทน พี่ปุ๋ยไม่มีเสียงโต้ตอบ แต่ชี้นิ้วโบ้ยไปทางคนที่นอนริมสุด เราจัดการ ดึงถุงนอนสามสี่ครั้ง พี่วุธก็ตื่น ส่วนอีกคนแก๋มตื่นนานแล้ว สมาชิกคันเราตื่นกันหมดแล้วและทันเวลา

เอาของที่คนร่วมกันบริจาค ลงมาจากรถ


ของที่ได้มาและจัดซื้อมีจำนวนเยอะมาก ยังไม่รวมของคันอื่นนะเฉพาะคันของเรา กองเท่านี้ ตอนกลางคืนนั่งคิดกันว่าจะขนไปยังไงหมด แต่ก็โชคดีมากก ที่มีรถของจิตอาสาเขาจะขนกระเบื้องไปให้อนามัยที่โดนไฟไหม้ ที่ไล่โว่ พวกเราเลยวานให้เขาขนของบริจาคไปให้คะ^^
รูปหมู่...เอิ่ม บังผมทำไม ใจร้าย นั่นแขนหรือเสาโทรศัพท์ยาวมากกกก

อ่านสักนิด

หลังจากขนของใส่รถ ก็มุ่งหน้าไปด่านตะเคียนทอง

8.40 น. ก็ถึงหน่วยพิทักษ์ป่าตะเคียนทอง เจ้าหน้าที่ ที่นี่ทำงานเคร่งครัดมากคะ กรุณาทำตามกฏด้วย

วันนั้นมีคนไปบริจาคของน่าจะประมาณ 4 คณะ ไปทางสาลาวะ 2 คณะ มีกลุ่มมอไซด์ ราว 50 คัน กับรถยนต์ และไปทางไล่โว่ 2 คณะ คือกลุ่มเรา กับกลุ่มรถยนต์


พอจัดการเรื่องเอกสาร พอเข้ามาได้


เขาไปรวมจัดของกันกลางสนามส่วนกลุ่มเราเลือกต้นไม้ร่มๆ จัดข้าวของกันอีกรอบ

ด้านขวามือจากจุดที่จอดรถ เดินไปสองร้อยเมตร สวยมั้ย ขากลับเราอาบน้ำกันตรงนี้ เพราะห้องน้ำที่อุทยาน มี 1 ห้อง ส่วนห้องอื่นๆ ก็มีนะ แต่ไม่มีน้ำราว 10.00 กลุ่มเราไปกัน 22 คน เดินล่วงหน้ากันไปก่อนแล้ว 18 คน เหลือเรา พี่วุธ พี่ปุ๋ย และแก๋ม คนในทีมเรียกแรมโบ้ ออกเดินช้ากว่าคนอื่น 45 นาที เพราะมัวแต่ chill out


เราออกเดินทาง 10.45 น. (ความจริงพี่โจบอกว่าน่าจะออกกันตั้งแต่ 9.00 น. ฮึๆ

คนที่เดินข้างหน้าเราคือแก๋ม พึ่งเคยเดินด้วยกันทริปแรก แก๋มมีความรู้เรื่องมีด สมุนไพร มีกำลังมหาสารตัดไม้ไผ่ลำใหญ่ๆ ฉับเดียวขาด หักฟืนด้วยขา ทำอาหารอร่อย กินง่ายอยู่ง่ายเกินไปมั้ย กินจุมากก มีวินัยสูง



น้องๆและพี่ๆ ที่มาทำบุญกันในวันนี้ต่างมองปนสงสัย ในสิ่งที่พวกเราทำ เขาจะถามว่าทำไมถึงเดินไป พอทราบเหตุผล เขาต่างชื่นชมพวกเราซึ่งก็ทำให้มีกำลังใจขึ้นมาเยอะเลย

แค่เนินแรกก็ชันดิก จนได้ยินเสียงฟืดฟาด หายใจกันไม่ทันเลย


เนินนี้มีรถกระบะ ขับเคลื่อนสองล้อจอดคาอยู่เพราะทางชันขึ้นไม่ไหว

ภาพจากกลุ่มแรกที่เดินล่วงหน้าไปก่อน ทิ้งพวกเหลือขอไว้ข้างหลัง อิอิ

ทางเดินสวยคะ ร่มรื่น ทางชัน ทางราบ ข้ามห้วย วนเวียนอยู่แบบนี้

เดินไปสักพักได้ยินเสียง พี่คะๆ รอหนูด้วย สอบถามได้ความว่า มากลับกลุ่มมอไซด์ แต่รถกำลังจอดช่วยรถเสบียงขนของของเขาที่ติดอยู่กลางเนิน น้องเลยเดินมาก่อนบางช่วงก็เละ


บางครั้งต้องหาทางตัดหลบขี้โคลน


ออกจากทางตัดมาก็เจอห้วย



เวลาข้ามห้วยทรายจะเข้าไปในรองเท้าเดินเจ็บดี

เดินเก็บภาพไปเรื่อยเปื่อย ไม่รีบไม่ร้อน

หามุมทำมิวสิค hipster ก็งี้


ตรงนี้เป็นจุดที่มีสัณญานโทรศัพท์คะ ถามว่ารู้ได้ไง

รถคันนี้จะไปช่วยซ่อมอนามัยที่โดนไฟไหม้

เส้นทาง

ถ้าจะดูรูปวิว ต้องพ่วงรูปเราไปด้วยนะ ก็มันเป็นบันทึกการเดินทางของเรานี่นา


ทานหมูปิ้งเสร็จ ก็ออกสำรวจบริเวณรอบๆ


ไปจ้าออกเดินทางกันต่อ

เดินเข้าดงพืชตระกูลปาล์ม มีสละ และอะไรไม่รู้จำไม่ได้

แล้วก็เจอสละ ทานได้แต่เปรี้ยวตาปิด นิมยมใส่ต้มยำและตำน้ำพริก อยู่ในป่าหูตาต้องไวนะจะ ไม่งั้นอดตาย


ตลอดข้างทางบางครั้งก็เดินขนาบด้วยลำห้วย ทั้งซ้ายขวา บางครั้งห้วยก็ผ่านหน้า วิวสวยแวะถ่ายภาพได้ตลอด

ชอบเดินบริเวณนี้ เหมือนอยู่ในยุคโบราณ jurassic park

ขึ้นเขา ลงห้วยของแท้เลย

บริเวณนี้มีต้นส้มซ่านคะ ทานได้จิ้มรสดีอร่อย

สภาพเส้นทาง

ลงห้วยอีกแล้วววว ตรงนี้สวยแวะพักนานหน่อย


เล่นน้ำกันตลอดทาง


สนุกสนาน

วัยกำลังอยากรู้อยากเห็น


ไปทำอะไรหน้ากล้องผม บังคนอื่นหมดเลย

ออกเดินกันต่อ เหลืออีกครึ่งทางเอง

เดิน เดิน เดิน

เราตกลงไปในร่องลึกตรงนี้เข่าทรุดจมไปครึ่งตัว นั่งคำนับรถกันเลยยย^^


ถึงกับต้องลาก

ยังสมบูรณ์ดี

ต้นดอกเรา แต่เขามาคนเดียว


เริ่มเข้าเขตุหมู่บ้าน

ปลูกผัก ข้าว ผลไม้ น่ากินมากกก


ต้องเดินผ่านหมู่บ้านไปก่อน จึงจะถึง โรงเรียน


แวะคุยกับชาวบ้านหน่อย แอบไปดูเขาทอผ้า

ถึงโรงเรียนตอน 16.10 น.

จะจุดพลุฉลองก็เกรงใจ รีบไปหาที่หลับที่นอน กับสวัสดีคุณครูมดก่อนดีกว่า

เด็กๆ งง ปกติเจอมากับรถ อันนี้เดินมา สภาพพวกเราไม่ต่างจากซอมบี้ เด็กๆ ดูสงสารพวกเรามาก555

ภาพเด็กๆ


เด็กบางคนก็ดูแก่ก่อนวัย น่าสงสารจุง

เดินไปถึงโรงเรียนก็ไปสวัสดีครูมด ครูจัดให้นอนในห้องเรียนของนักเรียน แต่เรา hipster โน้ววววว ไม่มีทาง มาในป่าต้องผูกเปลนอนดิ เราเลยไปหาทำเลแถวหน้าโรงเรียน แถวๆ เสาธง ผูกเปลขึงฟลายชีท กางเสร็จไม่รู้มดมาจากไหน ขึ้นมาสวนสนามบนเปล เพียบเลย ยืนเซ็ง อนู่ซักพัก ก็ย้ายที่ ไปนอนแถวโรงอาหาร ได้ทำเลเหมาะ จัดการกางเปลผูกชีทเรียบร้อย เตรียมจุดพลุฉลอง มองไปด้านบน นี่เรากางเปลใต้ต้นมะพร้าวถึงสามต้น บอกทีซิว่ามันม่ายยยยยจริง ไม่ย้ายแล้วช่างหัวมัน


จัดการเรื่องที่พักจบ นั่งพักหายใจหายคอ ก็ทานอาหารคะเป็นของของคนที่มาบริจาคเมื่อกลางวัน เด็กทานไม่หมดคะ เราเลยรับช่วงต่อ มีขนมจีนแกงเขียวหวาน น้ำยากะทิ แกงตีนไก่ ขอบใจนะเด็กๆ

ชวนเด็กๆ มาเล่นกัน


บ้างก็เล่นบอล ระหว่างนี้บางคนก็ไปอาบน้ำที่ลำห้วย เรามัวแต่กางเปลเลยไปอาบกับเขาไม่ทัน และก็เริ่มมืด โชคดีที่พี่วุธบอกว่าหลังโรงอาหารมีห้องน้ำ น้ำเต็มเลยสูบมาจากลำธาร สบายเลยเรา^^

หลังจากเล่นกับเด็ก ก็มาเตรียมอาหารสำหรับพรุ่งนี้ที่จะทำอาหารเลี้ยงเด็กตอนเช้ากันต่อคะ เช้ามาจะได้ไม่ยุ่งยาก


ทำวุ้นโดยน้องอาทและเพื่อนๆ

ไม่มีไฟฟ้านะคับ แต่ก็ดีจะได้ห่างจากมือถือบ้าง


นั่งหั่นผักเด็ดผัก ทำวุ้น
แก๋มใจดีทำอาหารให้ทาน เราพี่วุธ พี่ปุ๋ย ไม่ค่อยได้ช่วยทำอะไรหรอก เดินไปมา ถ่ายรูป โดยเราได้หงายการ์ดคนป่วย ส่วนพี่วุธกับพี่ปุ๋ย หงายการ์ดคนแก่ เลยนั่งกันสบาย

ราวห้าทุ่ม เที่ยงคืนก็แยกย้ายกันไปนอน โดยแก๋มบอกว่าอย่าแยกไปนอนคนเดียวมันอันตราย และตรงที่เรานอนมันติดรั้ว และทางเดิน สรุป พวกเราสี่คน มานอนรวมกันในโรงอาหาร และเฝ้าหมาด้วยกลัวมันจะกินขนม ส่วนคนอื่นนอนในห้องเรียน


ราวตีสองตกใจตื่น เสียงโครมคราม ลุกขึ้นมาดูวัวเดินกันให้พล่าน ตีสองตีสามเนี่ยนะ

พอตีห้าได้ยินพี่ติ๋วลุกมาทำอาหารแต่เช้าเราได้ยินเสียงเลยนอนต่ออีกนิด เค้าขอโทษ เค้าหนาววววว ปล. ด้านหลังพี่ติ๋วคือที่ที่เรานอนปลาทูกันเมื่อคืน

ช่วยกันทำอาหาร


ระหว่างนั้นเราก็เดินไปสำรวจ รอบๆหมู่บ้าน ส่วนมากจะเจอแต่เด็กกับผู้หญิง สงสัยผู้ชายไปทำงานในไร่กันหมด

ต้นมะม่วงหิมพานต์

อิจฉาคนที่นี่มั้ยหละ เราเดินเล่นไปเรื่อย


เอาภาพไปดูกันอีกกกก

ปล.ไม่แนะนำให้มาเดินเล่นคนเดียวแบบนี้เพราะทางเปลี่ยว ไม่มีบ้านคน

กาแฟ

ตอนไป ไปทางหลังหมู่บ้าน หาทางเดิมกลับไม่ได้ เดินไปเดินมามาออกหน้าหมู่บ้าน เดินไปถึง โรงเรียนเจอวัว กลุ่มเมื่อคืน

หลังจากนั้นก็ไปตามเด็กๆ มาทำกิจกรรมและทานอาหาร

เราชอบน้องคนนี้น่ารัก มีสไตล์ ไว้จะชวนมาเข้ากลุ่ม hipster

สอนน้องๆ ล้างมือ


คนนี้คือพี่บุ๋ย


จะถามอะไรก็แล้วแต่ พี่บุ๋ยจะตอบว่า ช่ายยยยยย

พี่บุ๋ยชอบถ่ายรูปคน

เสื้อแดงคือพี่วุธ ทำหน้าที่ช่างกล้องและใช้แรงงาน


แก๋มก็วุ่น อยู่กับการแจกของให้น้อง

ส่วนเราก็ไล่แจกของให้เด็กเล็ก เด็กอ่อนตั้งแต่เช้า ระหว่างที่ไปเดินเล่นด้วย

ขอบคุณน้องๆ มากที่มอบความสุขให้พวกเรา เราเป็นฝ่ายได้รับมากกว่าการเป็นฝ่ายให้คะ การเดินทางมาหาน้องๆ ได้สอนอะไรหลายๆ อย่างให้พวกเรา

ช่วยกัรตักอาหารระหว่างรออาหารก็ทำกิจกรรมคะ

กลุ่มสายแข็งทานจุมาก


ลงมือทานได้เลยเด็กๆ


เสร็จแล้วก็แจกชุดชั้นใน เสื้อ ถุงเท้า ขนม และอื่นๆ

คิดถึงน้องหมาอะ ตอนกลางคืนนอนเฝ้าพวกเราด้วย


หลังจากน้องๆทานเสร็จพวกเราก็ทานต่อคะ หมูหมดและเหลือแต่น้ำ ไม่เป็นไร พี่กินมามากแล้วจากโลกข้างนอก

หลังจากมอบสิ่งของแล้ว ก็มอบเงินสดและของที่เหลือให้คะ

ทางโรงเรียนมอบกระเป๋าผ้าทำมือให้พี่ติ๋ว ทริปนี้พี่ติ๋วได้ rare item ไปครอบครองคะ

ภาพภายในอาคารเรียน


ถ่ายรูปกับเด็กๆ


ขอบคุณพี่โจและเพื่อน ที่ห่อข้าวกลางวันให้คะ กระเพราเห็ดหอม ไข่ต้ม และปลาหมึกทอด 2 ตัว

ราว 10.30 น. เดินทางกลับคะ


ยังไม่จบนะเด้วพาไปเที่ยวน้ำตกอีกสองที่

นึกว่าจะแยกย้ายกับกลับ ไหนได้ น้องๆ เดินไปส่งพวกเรา พร้อมช่วยแบกของ



บ้างก็พาแวะบ้านหาถั่ว หามะละกอมาให้



ยืมปั่นโหน่ยยยนะ

เด็กยกโขยกกันมา แถมมาส่งไกลมากกกก บอกให้กลับก็ไม่กลับ


ระหว่างทางมีเอาจักยานเด็กมาปั่นด้วย 5555 สนุกมาก



พอน้องๆ จะกลับแล้ว ที่นี้ก็ถึงตาพวกพี่ใจหายบ้างแล้ว

โบกมือร่ำลากัน น้องตะโกน มาว่า "แล้วมาอีกนะ"

ไว้จะมาอีกนะ



ตอนนี้จะพาไปน้ำตก

เก็บภาพกันไป

ฉากแอคชั่นต้องมา เทคเดียวผ่าน by พี่วุธ

เที่ยงแล้วแวะทานข้าวคะ

อร่อย ทานข้าวพร้อมดูวิวหลักล้าน


นั่งกินอยู่ดีๆ ก็เลื้อยเป็นงู

เดินไปตามทางเดิม จะมีทางแยกไปน้ำตก

แค่ข้างทางก็สวยแล้ว

ยังไม่ถึงน้ำตก แต่แวะเล่นตรงนี้ก่อน


ทางจะเป็นลำห้วย น้ำตกเล็กๆ ที่ไหลมาจากน้ำตกอีกทีหนึ่ง

ถึงน้ำตกชั้นแรกแล้ว

สวย


เดินทางไปน้ำตกอีกชั้นกัน


อีกหนึ่ง ชั้นคะ


เดินทางกลับแล้ว ไม่อยากกลับเลย

คราวหน้าไปทางสาลาวะบ้างดีมั้ย

แค่มนุษย์ตัวเล็กๆ ในอ้อมกอดของผืนป่า

ระหว่างทางเจอพระธุดงค์คะ ทราบความว่าท่านเดินทางไปออก ที่จังหวัดตาก ทางอุ้งผาง น่าจะสิบกว่าวันได้คะ ระยะทางแบบนี้


หลักจากนั้นพวกเราก็เดินทางถึงที่ทำการ และแยกย้ายกันไปบางคนนอนพัก บางคนอาบน้ำไม่เร่งรีบคะ พอสมควรแก่เวลาก็ร่ำลากันแยกย้ายกันกลับบ้าน

หลังจากออกมาจากป่าก็อาบน้ำและเดินทางกลับกันคะ


ราวเดือน มิถุนายน จะกลับไปอีกรอบ ไปช่วยครูมดมุงหลังคา หลังจากนี้จะเป็นประมวลภาพ บ้าๆบอๆ ของสมาชิก

ขอขอบคุณทุกๆ คนที่ร่วมเดินทางไปด้วยกัน และมอบความทรงจำที่ดีให้เราในทริปนี้ หวังว่าเราคงจะได้เดินทางร่วมกันอีก



"มัน ดี แค่ ไหน กัน ที่ เรา ได้ ร่วม ทาง"

This is my life.

คนเราจะมีพรุ่งนี้ได้อีกกี่วัน เวลามีเหลือกันเท่าไหร่

คนเราจะมีลมหายใจอีกกี่ครั้ง ยังไม่รู้เลย

ให้คิดที่ทำตามใคร ก็รู้ว่าคงดีแน่

แต่เกิดมาทั้งที ต้องทำที่ใจอยาก

ชีวิตที่เป็นตัวเอง ก็รู้ว่ามันแย่

แต่มันต้องขอลองสักครั้ง



ชีวิตจะเป็นแบบไหน คงต้องเลือกเอา

ก็ตัวของเราก็ใจของใครของมัน

ชีวิตที่เป็นแบบนี้ คงไม่ว่ากัน

ก็ชีวิตมันเป็นของเรา

วิ่งตามมาส่ง

I'm Che

 วันอังคารที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 21.56 น.

ความคิดเห็น