"เมื่อใดที่รู้สึกว่าชีวิตไม่มีค่า จงออกไปช่วยเหลือผู้คน"


ทริปนี้เกิดขึ้นจากการต่อยอดจากทริปที่แล้วที่เราและกลุ่มเพื่อนๆ ได้เดินป่า แบกเป้ไปหาน้อง ที่โรงเรียนของครูมด ซึ่งก่อนกลับพี่ติ๋วก็ได้บอกกับครูมดว่าถ้ามีเวลาจะหาโอกาสชวนเพื่อนมาทำโครงการอีก จนมาถึงวันนี้ก็ได้โอกาสคนพร้อม เวลาพร้อม จึงรวมรวมเพื่อน สมาชิกจากสายต่างๆ มาร่วมกันเดินทางไปหาน้องๆ ซึ่งช่วงนี้เข้าหน้าฝนแล้วห้ามรถยนต์เข้าพื้นที่ ส่วนการเดินของพวกเราก็ได้ทำหนังสือประสานงานที่เขตุ 3 บ้านโป่งเรียบร้อยแล้วคะ



หมายเหตุ

ส่วนเรื่องที่มีการประกาศขอรับบริจาคอาหารแห้งนั้น ต้องขอชี้แจงก่อนว่า เดิมทีทางโรงเรียนได้งบค่าอาหารกลางวันจากรัฐบาลจำนวนหนึ่งอยู่แล้ว เพียงแต่ในการจัดซื้อและขนอาหารแห้งจากตัวเมืองสังขละบุรีเข้ามายังโรงเรียนไล่โว่ในแต่ละครั้ง มีค่าขนส่งสูงถึง 3,000 บาท เนื่องจากโรงเรียนไล่โว่อยู่ห่างไกลของพื้นที่ตัวเมืองมาก เพราะต้องเดินทางข้ามเขาระยะทางกว่า 20 กิโลเมตร จึงจะมาถึง หรือมิฉะนั้นก็ต้องอาศัยรถออฟโรดในการเดินทางเท่านั้น และยิ่งช่วงฤดูฝนด้วยแล้ว การเดินทางจากโรงเรียนไล่โว่ไปยังตัวเมืองสังขละบุรียิ่งเป็นเรื่องยากลำบาก จึงส่งผลให้ทางโรงเรียนจะไม่มีอาหารแห้งมาประกอบอาหารให้เด็กนักเรียนได้ทานกัน



ครูมด เล่าต่ออีกว่า หลังจากที่มีผู้นำเรื่องราวของตนและนักเรียนโรงเรียนไล่โว่ ไปเผยแพร่ในโลกออนไลน์ก็มีคนติดต่อเข้ามาสอบถามค่อนข้างเยอะ แต่ส่วนใหญ่ตนไม่ค่อยได้รับสายเนื่องจากมักติดสอน ประกอบกับจุดที่มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือเพียงจุดเดียวเท่านั้น จึงขออภัยทุก ๆ ท่านด้วย



สำหรับอาหารแห้งและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ครูมดขอรับบริจาคมาให้นักเรียนได้ใช้กันนั้น มีรายละเอียดคร่าว ๆ ดังนี้



- เส้นหมี่/ปลากระป๋อง/มาม่า/วุ้นเส้น

- เครื่องปรุงต่าง ๆ อาทิ รสดี/หัวหอม/กระเทียม

- น้ำยาล้างจาน

- ยาสามัญประจำบ้าน/อุปกรณ์ล้างแผล

- ร่ม/รองเท้าบูท/เสื้อกันฝน/มุ้ง/เทียนไข

- ชุดนักเรียน/ชุดชั้นใน สำหรับเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย

- ลูกฟุตบอล/ลูกวอลเลย์บอล/ลูกตะกร้อ

- ดินน้ำมัน/สีไม้



ทั้งนี้ หากท่านใดสนใจบริจาคหรืออยากสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ เพิ่มเติม สามารถติดต่อครูมด ได้ที่เบอร์ 098-2699-697 หรือที่ Facebook : ดวงตะวัน ชายขอบ ค่ะ

เย็นวันพฤหัส พี่วุฒ แก๋ม พี่เคี้ยง พี่ปุ๋ย ลุงธง มารับที่บ้าน


ส่วนคนอื่นๆ อย่างออย นั่งรถไฟมา พี่ติ๋วเอารถส่วนตัวมาแต่รอเลิกงาน แล้วก็โดยสารรถตู้ คาดว่าจะออกราวห้าทุ่ม

ที่พักตอนไปถึงสังขละบางกลุ่มนอนที่ P Guest House ส่วนเรานอนที่ แพลุงเณร ราคาหลังละ 1,000 บาท นอนได้ 5 คน ถ้ามีคนมานอนเพิ่มคิดหัว ละ 200 บาท


ถึงแพกันประมาณ 22.30 น. โดยมีน้องตรีเดินทางไปถึงก่อนหน้า ไปถึงวางสัมพาระแล้วไปเดินเล่นบนสะพานมอญกันดูวิวยามค่ำคืน คุยกันสักพักก็กลับแพจะทำหมูกระทะทานกัน แต่ระหว่างเดินกลับน้องตรีทำกระเป๋าสตางค์ตกจากสะพานมอญ เลยต้องหากันอยู่พักใหญ่ถึงจะเจอ หญ้ารกมาก บาดขาแสบมากๆ

ตื่นกันแต่เช้า รีบทำธุระส่วนตัว

บรรยากาศน่านอนต่อมากกก เตรียมตัวไปหน้าโรงพยบาลคะ ออกกัน 7.30 น. เผื่อเวลาไว้ทานอาหารเช้าด้วย

เอาของที่จะขนไปไล่โว่ลง เพื่อใส่รถไป แล้วกลุ่มเราก็ไปทานข้าว

หลังจากทานข้าวอิ่ม ทุกคนก็ขับรถไปหน่วยพิทักษ์ป่าตะเคียนทอง รถลุงวุฒิติดหล่ม พวกเราเอาใจช่วยโดยการหัวเราะเยาะ

แต่งหน้า ป้ายตา สนุกหนานกันทีเดียว เตรียมตัวเดินทางไกลวันแรก 16 km.

เก็บภาพก่อนเดินคะ

พร้อมหรือยัง พร้อมที่จะติดตามเรื่องราวของคน 37 ชีวิต ที่จะเดินทางไปมอบความสุขให้น้องในไพรกว้าง ถ้าพร้อมแล้วเชิญคะ

เนินแรกของการเดินทางชันมากกก ชันยาวนาน ชันจนต้องร้องขอชีวิต

ทยอยเดินทาง

ต้นไม้โดนฟ้าผ่า โค่นลงมาทั้งต้น

ฝนตกทางเละ เดินยากมาก เป็นดินหลังหมู ลื่นมาก

ถึงจะเป็นทางรถ แต่เดินยากมาก มีเนินหลายลูกที่ชันให้ได้ออกแรงแทบทุกช่วง หาจุดที่ได้เดินทางราบ น้อยจริงๆ

มีการล้มหมอนนอนเสื่อ

มีหอบ

จุดนี้มีสัณญาน โทรศัพท์

ทางเดินลื่นมาก มีน้ำขังตลอดทาง

เจอพลร่มตลอดทาง เยอะมากจริงๆ

ทางชันสลับทางลาด

ประคับประคองกันไปจนได้

เจอระหว่างทางหลายตัวคะ กระสุนพระอินทร์

กับไผ่ลำโตๆ

ก้มหน้าก้มตาเดิน ทางเดินเป็นทางรถของขาวบ้านที่ใช้เข้าสวน เข้านา พอใกล้ถึงหมู่บ้านจะมีคอกวัววที่ล้อมด้วยไม้ไผ่ให้เห็น

สองข้างทางเป็นต้นดอกเรา

แปลงนาของชาวบ้าน วัวหวงที่มาก

ชาวบ้านเอาพริกกับเกลือมาให้ จิ้มระกำ อร่อยมากๆ เลย

เดินไปถึงเด็กๆ เลิกเรียนพอดีคะ

ถึงแล้ว คะ


ใครเดินมาถึงก่อน ก็จัดแจงหาที่นอน อาบน้ำ (เดินไปอาบที่ลำห้วย) แล้วเล่นกับเด็กบ้าง เดินสำรวจบ้าง บ้างก็เตรียมเข้าครัวทำอาหารเย็น

เย็นวันแรกชิมอาหารฝีมือน้องอาท


ต้องขอบคุณทีมแม่ครัวพ่อครัวมากๆ เดินมาเหนื่อยๆ ยังต้องทำอาหารให้ทานอีก

มื้อแรกทานกันง่ายๆ คะ แต่อร่อยมาก


คุณเปิ้ลคอยจัดการแทบทุกเรื่องคะ เก่งมากๆ

น้องมดบอกอาหย่อยมากกกกก

กินกันหลายๆ คนนี่สนุกมาก

นั่งคุยกัน แล้วแยกย้ายกันไปพักผ่อนตามอัธยาศรัย

เช้าวันที่ 25 /6/59


ตื่นมาทานอาหารเช้าคือข้าวต้ม แล้วก็เตรียมทำอาหารเลี้ยงน้องๆ

เด็กๆ เริ่มมากันแล้วคะ

หลังจากเลี้ยงอาหารเด็กแล้วก็แยกย้ายกันไปทำกิจกรรมต่อ บ้างก็สอนเด็กผูกเบ็ด (เอาเบ็ดไปแจกน้อง) และน้องๆ ก็สอนการทำคันจากต้นระกำให้ ผลัดกันสอน

กลายเป็นกระแส ตกปลา ฟีเวอร์

บ้างก็เล่นกับน้อง

สอนทำแปลงเกษตร

ทาสีโรงเรียน

ทาสีเสาธง

คุณหมอตรวจสุขภาพให้น้องๆ และจัดระเบียบหมวดหมู่ยา ให้ครูมด

หลังจากตรวจโรคให้เด็กๆ แล้ว ก็ออกไปตรวจให้ชาวบ้านด้วย มีหลายรายที่ต้องออกไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลในตัวจังหวัด

ระหว่างออกตรวจชาวบ้านให้ ของฝากมาเพียบเลย

ความคิดเห็น