some.mile x ท้าเที่ยวข้ามภาค
เด็กกรุงเทพ รับคำท้า!
ดูสิว่า "วันเดย์" บนตึกสูงในกรุงเทพ
กับ "วันเดย์" ที่จุดใต้สุดอย่างเบตง
อะไรจะหมุนไวกว่ากัน
หนีม่านควันกลางกรุง ไปลุยม่านหมอก ที่ จังหวัด ยะลาลาลาลา!!
เก็บกระเป๋าแล้วเตรียมบอกลาควันจางๆ มาพิสูจน์กันได้เลยว่า
ตกลงเธอเป็นหมอกหรือควัน!
อ่านฉบับโคตรย่อ ลอกตามง่ายๆเลยจร้าาา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Day1
• ออกเดินทางจากดอนเมืองสู่สนามบินหาดใหญ่ บินไฟลท์ เช้าสุดสบายดี จะได้ไม่เสียเวลา
• จากสนามบินหาดใหญ่ ใครมาสายประหยัดแนะนำให้เดินออกมาขึ้นรถสองแถวหน้าสนามบิน คนละ 40 บาท บอกพี่คนขับเลยว่าไปลงขนส่งหาดใหญ่ ท่ารถตู้ไปเบตง
• รถตู้มีหลายเจ้า เราใช้บริการของเบตงทัวร์ 074-230-905 (โทรจองก่อนดีกว่า) คนขับขับดี ไม่รีบจนหัวใจวาย ค่ารถคนละ 230 บาท ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงถึงเมืองเบตง
**ใครจะเข้าพักในตัวเมืองเบตงก่อนก็ลงสุดสายเลย ส่วนใครจะนอนที่ อ.อัยเยอร์เวงแจ้งคนขับว่าลง กม.ที่เท่าไหร่
• ถึงอัยเยอร์เวงก็พักผ่อนให้หายเมื่อยก้น กินข้าวกินปลา และเข้าที่พักกัน
Day2
• ตื่นตี 4 ไปดูทะเลหมอกอัยเยอร์เวงกัน (ใครที่นอนตัวเมืองเบตงอาจจะต้องเผื่อเวลามาหน่อยนะ เดียวจะไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้า)
• ทะเลหมอกมีทั้งหมด 3 จุด ด้านล่างมีชากาแฟ โรตีและอาหารขาย
• ล่องแก่งแม่น้ำปัตตานี (ลอยห่วงยาง/ล่องแก่งเรือคายัค/เรือยาง) และทีเด็ดก็จะเป็นก๋วยจั๊บแช่ขา
• ถ่ายรูปแบบขาสั่นๆกันที่สะพานแตปูซู
• หรือถ้ายังขาสั่นไปพอ ก็ไปต่อกันที่น้ำตกเฉลิมพระเกียรติ ร.9 (ใครไม่อยากเสียว พอถึงปากทางเข้าแนะนำให้เดิน)
• แวะซื้อขนมฝากชาวเผ่าซาไก
• อุโมงค์ปิยะมิตร เสียค่าเข้า 40 บาท คล้ายๆเส้นทางเดินชมประวัติศาสตร์ ข้างในมีต้นไม้พันปี มีอุโมงค์ และจุดถ่ายรูปแบบป่าๆเยอะอยู่
• ต่อกันด้วยบ่อน้ำร้อนเบตง ซื้อไข่ไปต้มบ่อน้ำร้อน กินเสร็จแวะแช่ขา หรือใครจะอาบน้ำเลยก็ได้ไม่ว่ากัน
• ก่อนแสงจะหมดไปแวะถ่ายรูปกันที่จุดใต้สุดในสยาม ด่านพรมแดนไทย-มาเลเซีย
• ไฮไลท์ของช่วงค่ำนี้จะเป็นจุดชมวิวเมืองเบตง และอุโมงค์มงคลฤทธิ์
• และถ้าใครมาเบตงแล้วต้องมาที่สี่แยกหอนาฬิกาเมืองเบตง และตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุด!! พร้อมวิวนกบนหัว
• ห้ามพลาดอาหารเบตง!
ยังมีอะไรจ๊าบๆ ให้ติดตามกันอีกเยอะ (:
https://www.facebook.com/pg/some.mile
.
.
.
.
.
เราเดินทางด้วย AirAsia จากกรุงเทพ ไปลงที่หาดใหญ่ เป็นทางที่สะดวกที่สุด
แล้วค่อยต่อรถตู้เข้าเบตงอีกที ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง (แต่ได้ข่าวว่าปี'63 เบตงกำลังจะมีสนามบิน! )
เราสามารถบอกคนขับได้ว่า จะลงตรงไหน ซึ่งเราลงกันที่ ตำบล อัยเยอร์เวง อันเป็นสถานที่ตั้งของทะเลหมอก เป้าหมายหลักของทริปนี้
เดินทางถึงอัยเยอร์เวงประมาณบ่ายๆ กินพิซซ่าแล้วนอนเล่น เตรียมพร้อมสำหรับพรุ่งนี้!
วิธีที่สะดวกที่สุดในการเที่ยวรอบเบตง คือ ติดต่อคนในพื้นที่พาเที่ยว
และที่จะแนะนำคือ พี่มัง แห่งอัยเยอร์เวง! พี่มังจะดูแลเราทั้งเรื่องการเดินทาง ที่พัก อาหารการกิน ร้านไหนเด็ดนี่ไม่มีพลาด
อยากรู้อะไรถามพี่มังได้เลย ใจดีมากกกกก
พี่มัง
FB : ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%87-%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%95%E0%B8%87-%E0%B8%88%E0%B8%A2%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B2-492101270974592/?fref=ts
นี่ของว่าง พี่มังบอกว่า เอามาให้กินแบบขำๆ ไปก่อน (หื้มมม เดี๋ยวๆๆ)
ส่วนที่พัก ในอัยเยอร์เวง ที่พักแบบเป็นเรื่องเป็นราว จะยังมีอยู่ไม่กี่แห่ง
เราเลยเลือกไปนอนกับชาวบ้านแบบโฮมสเตย์ดีกว่า ได้ฟีลลลลกว่าเยอะ
ซึ่งคืนนี้ เรา 2 คน จะได้นอนในบ้านริมเขา แบบเหมาทั้งหลังไปเลย (นี่มันนอนได้เป็น10คนเลยนะ)
เรื่องอาหารไม่ต้องพูดถึง มาเป็นสำรับชุดใหญ่ไฟโนราห์
รักในปลาทอดขมิ้นมากกกก
04:00 คือ เวลานัดหมายของวันนี้...(ล้องห้ายย)
เพื่อที่จะเตรียมตัวออกเดินทาง ไปยังเขาไมโครเวฟ ไปแตะทะเลหมอกอัยเยอร์เวงกัน!
ระหว่างทางขึ้นเขาในเวลาเกือบตีห้า ค่อนข้างมืด
ไม่สิ เรียกได้ว่ามืดมาก บวกกับ ทางชันและคดเคี้ยว
รู้สึกคิดถูกแล้ว ที่ให้พี่มังมารับไปส่ง ขับเองน่าจะหายวับไปตั้งแต่โค้งแรกละ 5555
คนที่นี่เค้ารับประกันว่า มีทะเลหมอกทั้งปี! ขึ้นอยู่แค่ว่ามากหรือน้อยเท่านั้นเอง
ถ้าวันไหนฝนตก และหยุดตกช่วงไม่เกินตี 2 รับรองว่าเช้านั้นจะได้พบกับทะเลหมอกแบบจัดเต็ม
อาจจะเป็นเพราะเป็นคนบาปหนา ช่วงที่เราไปฝนตกทั้งวัน ตกแม้กระทั่งเช้าวันนั้นเลย (พี่มังบอกว่าจริงๆช่วงนี้ไม่มีฝนแล้วนะครับน้อง)
ฝนตก ทำให้ทะเลหมอกบางตากว่าปกติ เค้าเรียกว่า ฝนมันทิ่มหมอก
แต่ทะเลหมอกบางๆ ก็ได้วิวหมอกแซมยอดเขา สวยไปอีกแบบนะเออ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนนี้โครงการสร้างสกายวอร์ค พื้นกระจก ชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง อนุมัติแล้ว เย้!!
ไม่แน่ว่ากลับมาอีกปี สองปี เราจะได้ชมวิวพาโนรามา ประหนึ่งว่าเท้าไม่ติดพื้น ลอยออกไปแตะทะเลหมอก ฮร้าาา
พอแดดเริ่มออก เราก็ย้ายตัวกันลงมา เพื่อไปลุยต่อกับล่องแก่ง!
กิจกรรมล่องแก่งเรือคายัคที่นี่ ถือว่าเป็นกิจกรรมเด็ดที่ห้ามพลาด ป็อปปูล่ามากทีเดียว
จุดปล่อยตัวก็มีให้เลือกหลายจุด หลายเลเวลความยากง่าย
ซึ่งปลายน้ำนี่จะเป็นจุดโหดหินสำหรับคายัคเกอร์ที่เทิร์นโปรแล้วเท่านั้น!
หรือจะลอยห่วงยางเล่นใสๆ ก็ได้ ล่องไปตามแม่น้ำปัตตานี ชมวิวป่าสองข้างทาง
ราคาประมาณ100-300 บาท ตามระยะทางที่เราเลือก
ริมแม่น้ำยังมีร้าน "ก๋วยจั๊บแช่ขา"
ร้านที่ใครมาล่องแก่งต้องลองไปนั่งแช่ขากินก๋วยจั๊บดู
แต่ถ้าช่วงไหนน้ำขึ้นสูง ฝนตกหนัก กิจกรรมคายัคจะถูกงดทันที
ดังเช่นที่เราประสบ!!! (พี่มังยังคงย้ำว่า เอ๋ ช่วงนี้ฝนมันไม่เคยตกนะครับน้อง)
T-T
อดเล่น T-T
พอไม่ได้ลงน้ำ เลยไปเดินเล่นที่สะพานแตปูซูแทน
ในเมื่อเตรียมตัวมาเปียก เราก็ต้องลุยให้สุด อย่ายอมตัวแห้งกลับ
โกออนต่อที่ "น้ำตกเฉลิมพระเกียรติ ร.9"
ทางจากถนนหลักเข้าไปยังน้ำตก จะมีช่วงที่เป็นสะพานแคบๆ ซึ่งเข้าได้แค่รถมอเตอร์ไซค์เท่านั้น
ถ้าใครไม่ถนัดแว๊น ก็ต้องเดินเท้าเข้าไป
ส่วนเรา เติบโตมาย่านบางนาตราด วันศุกร์ตีหนึ่งไปเบิ้ลเครื่องรออยู่ริมถนนแล้ว จึงเลือกจะขับมอเตอร์ไซค์เข้าไป
แต่นิดนุงงง...แนะนำว่าต้องขับรถแข็งระดับนึง เพราะสะพานมันแคบมาก ชันและโค้งในจังหวะเดียวกัน
สาวสก๊อยรถเครื่องอย่างเรายังขับไป เครียดไป ประหนึ่งว่าต้องแลนด์เครื่องฉุกเฉินเลย
ลำบากนิดหน่อย ถือเป็นสีสันของการผจญภัย
บอกได้เลยว่าเข้ามาที่นี่คือ หน้าจะมีความฉ่ำน้ำแบบสาวเกาหลีสุดๆ
ด้วยความสูงกว่า 30 เมตร ละอองน้ำตกเลยฟุ้งไปทั่ว
สายลุยก็สามารถลงเล่นน้ำได้ ไปยืนใต้น้ำตกนี่สนุกมากกกก ต้องลองนะ
ตอนเรากลับ มีซาไกกลุ่มหนึ่งลงมาในเมืองพอดี
โดยปกติแล้ว ซาไกจะอยู่ในป่า และย้ายบ้านไปเรื่อยๆ
เลยแวะซื้อขนมไปฝากเด็กน้อยซะหน่อย
ตลาดนัดวันหยุด
ข้าวยำเบตง
เราเดินจากอัยเยอร์เวง เข้าตัวเมืองเบตงในช่วงเย็น
เพื่อไปลุยต่อกันที่อุโมงค์ปิยะมิตร บ่อน้ำร้อน และเมืองเบตง
ระหว่างทางก็จะมีด่านตรวจความปลอดภัยเป็นระยะๆ
เรียกได้ว่าที่นี่ปลอดภัยและน่าอยู่มาก
ข้อควรระวังอย่างเดียวคือ ระวังเมารถ!
เพราะเป็นเส้นทางบนเขา คดเคี้ยวคอดทางเลยก็ว่าได้
ใครขี้เมา(รถ) แนะนำให้หลับไปเลย สบายใจที่สุด
อุโมงค์ปิยะมิตร เป็นอุโมงค์ที่คอมมิวนิสมลายาขุดขึ้น เมื่อประมาณ 50 ปีก่อน
โดยรอบก็เป็นป่าที่ค่อนข้างรก มีต้นไม้ใหญ่เยอะมาก (แน่ละสิ นี่มันฐานซ่อนตัวนะโว้ย)
ราคาบัตรค่าเข้าชม 40 บาท
ตลอดทางอุโมงค์จะมีป้ายเล่าประวัติศาสตร์อยู่เรื่อยๆ
จนเรามาสะดุดกับเตาที่ชื่อว่า "เตาขงเบ้ง" แปลว่า ใช้สมอง
เพราะเตาหุงต้มที่นี่ไม่มีควัน ถ้ามีควันทหารไทยจะจับได้
เตาไร้ควัน...ทำได้ไง ขงเบ้งมากๆ
ต้นไม้พันปี กี่คนโอบเนี่ยยย?!
"บ่อน้ำร้อนเบตง"
แหล่งหย่อนใจหลังเลิกงาน เลิกเรียน
ตั้งแต่เด็กน้อย ยันอากงอาม่า จะมานอนแช่น้ำชิวๆ พบปะเม้าท์มอยกับชาวแก๊งค์
ไข่แดงสุกก่อนไข่ขาวเฉย...นุ่มกว่าต้มที่บ้าน
อีกจุดที่ไม่ควรพลาดในเบตง
"อุโมงค์มงคลฤทธิ์"
ซึ่งเป็นอุโมงค์ลอดภูเขาแห่งแรกของประเทศไทย
เวลากลางคืนจะเปิดไฟมะหรึ่งมะหรั่งทั้งอุโมงค์ วิบวับๆ ตลอดทาง
มาเบตง ไม่โดนขี้นก ถือว่ามาไม่ถึง
ตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ไก่เบตง!! อร่อยมากสมคำร่ำลือ
เนื้อนุ่ม หนังกรุบๆ ไม่หยึยๆเละๆ เหมือนที่อื่น
ควรต้องกิน นี่พูดเลออ!!!
ยอมใจอาหารที่นี่ ไม่มีจานไหนไม่อร่อยเลยยยยยย
หลงรักหัวปักหัวปำ
some.mile
วันพุธที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 12.13 น.