หลักจากช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา หลายๆ คนคงได้เห็นภาพสถานที่ท่องเที่ยวหลายๆแห่ง ถูกนักท่องเที่ยวแห่แหนกันเข้าไปพักผ่อนหย่อนใจ จนปริมาณผู้คนล้นทะลัก รถติดยาวเป็นกิโล (สงสัยเบื่อรถติดแถวลาดพร้าว อยากลองติดบนดอยดู) ยิ่งแหล่งท่องเที่ยวป็อปปู้มากเท่าไหร่ แค่วันหยุดธรรมดาเสาร์-อาทิตย์ก็ทำเราหน่ายใจ ส่ายหัว ขอนอนอยู่บ้านดีกว่า
แต่คนดียังไม่สิ้นอยุธยาฉันใด เขาค้อก็ยังไม่สิ้นโซนสงบฉันนั้น (แหน้ะ ทำเจ้าบทเจ้ากลอน..มันไม่ได้คล้องจองเลยเอ็ง)
some.mile ขอแนะนำตัวเลือกดีๆ สำหรับคนเบื่อบ้านสีม่วงสีแดง แต่อยากนอนชมเขาสีเขียวๆ
เพราะพวกเราจะไป Camping กันที่ Khao Kho Boutique Camp ...
.
.
https://www.facebook.com/some.mile/
https://www.facebook.com/KKBoutiqueCamps << ติดต่อที่พักที่นี้เลยจ้า
เดี๋ยวเอาแผนที่การเดินทางมาแปะให้เนาะ
.
.
.
ลืมทุกภาพจำ ความลำบากของการนอนเต็นท์ไปได้เลย เพราะที่นี่คือสบายมากกกก (ที่นอนดีกว่าที่บ้านอีก) มีที่นอนและผ้าห่มนวมนุ่มอุ่นตูด ทุกเต็นท์มีไฟฟ้าให้ใช้ ที่สำคัญ มีปลั๊กไฟพ่วงยาวมาถึงหัวเตียง อยากจะอยู่กับธรรมชาติไปพร้อมๆ กับเฟสบุคก็ย่อมเล่นได้ทั้งคืน
ส่วนห้องน้ำ เป็นห้องน้ำรวมในสไตล์กลมกลืนกับธรรมชาติ! คือไม่มีประตูใหญ่ทึบให้รำคาญใจ แต่มีม่านผ้าใบรูดปิด ได้ฟีลแคมป์กลางป่ามาก แต่ถ้าใครชอบแบบ Open air จะเปิดม่านอาบน้ำไปเลยก็ไม่มีใครว่านะจ๊ะ (แค่จะสร้างภาพจำให้เพื่อนไปตลอดกาล)
ไฮไลท์ของการ Camping คือ กองไฟ ซึ่งที่นี่เขาก็มีเตาย่างไว้บริการถึงหน้าเต็นท์ ล้มหมูล้มวัวมาย่างทั้งตัวได้สบาย
กิจกรรมอีกอย่างของที่นี่ ที่บอกได้เลยว่า โคตรรรน่ารัก คือ การนั่งรถอีแต๋นขึ้นไปชมวิวพระอาทิตย์บนเขา เกิดมาก็เพิ่งเคยได้นั่งรถอีแต๋นเนี่ยแหละ พี่เจ้าของบอกว่า เอาขนมขึ้นไปกินข้างบนได้นะ เผื่ออยากจะนั่งเล่นกันยาวๆ โอเค งั้นจัดไป เอาหมูสามชั้นกับข้าวโพดขึ้นไปย่างกัน! (อะไรคะพี่ หมูสามชั้นนี่เป็นSnackของพวกหนูนะ)
นั่งห้อยท้ายอีแต๋นขึ้นไป ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ วิวข้างทางงดงามบวกกับอากาศที่ดี๊ดี ทำให้ลืมไปแล้วว่าที่นี้คือเขาค้อที่คนแสนจะแออัด
พอเราถึงปลายทาง พระอาทิตย์กำลังจะตกพอดี ลุงไกด์ก็จัดแจงจุดเตาเตรียมให้เราย่างขนมกัน
จุดชมวิวที่นี่สวยมาก ที่สำคัญคือไม่พลุกพล่าน และยังไม่มีร้านกาแฟสดขึ้นมาเปิดบนนี้ (ฮาา) เราเลยได้นั่งเก็บบรรยากาศของธรรมชาติในเวอร์ชั่นไม่สังเคราะห์ได้อย่างเต็มที่ ฮ้าาาร์ จดจื้นจังง
ท้องฟ้าเริ่มมืดและลมหนาวเริ่มทำร้ายเรา (พี่เจ้าของบอกว่าอย่าลืมเอาเสื้อหนาวขึ้นไปกันนะ...มีใครสนใจมั้ย) เราจึงนั่งอีแต๋นคันเดิมฝ่าความมืดลงมาที่พัก เพื่อเตรียมตัวสำหรับตั้งแคมป์กันคืนนี้!
ก่อนจะมา เราแวะซื้ออาหารสด ขนมนมเนยจากแม็คโครในตัวเมืองเพชรบูรณ์ จะได้ไม่ตอบหอบหิ้วมาตั้งแต่กรุงเทพ ครกสากหม้อไหเราก็เตรียมกันมาเอง ก็บอกแล้วไงว่าจะมาแคมป์ปิ้ง แคมป์ปิ้งอะยูโน๊วว
ถ้าใครรู้ตัวว่าเป็นแก๊งค์แหกปาก ที่นี่อนุญาตให้เสียงดังได้ (ในเลเวลที่เต็นท์ข้างๆ จะไม่ลุกมาปาขี้ใส่นะ) เราลองทั้งเสียงโซปราโน่ หรือ ดับเบิ้ลเบสแล้ว เสียงรบกวนไปเต็นท์อื่นค่อนข้างน้อย สงสัยทุ่งรอบๆจะซับเสียงไป แต่!!! อย่าเข้าไปเสียงดังในเต็นท์เด็ดขาด เสียงจะก้องกังวาลไปถึงสระบุรี ฉะนั้นก็แคมปิ้งกันอย่างพอดีพองามกับคนรอบข้างนะจ๊ะ
//ปล. สภาพเต๊นท์ที่เห็นนั่น เก๊าแต่งกันเองนะ ไปช่วงฮาโลวีนพอดิบพอดี ตื่นเช้ามาก็เก็บทุกอย่างให้เขาเรียบร้อยเหมือนเดิมนะจ๊ะ
..............................................
จะมีอะไรดีไปกว่า ตื่นเช้ามาแล้วพบกับแสงแดดอ่อนๆ ส่องมากระทบกับผิวหนังพอให้ได้อุ่น ท่ามกลางความเย็นของหมอกและน้ำค้างที่เกาะเป็นละอองตามยอดหญ้า เปิดประตูเต็นท์ออกมานั่งรับลมแบบยังไม่ต้องเขียนคิ้ว หายใจเข้าลึกๆ มองดูภูเขาสีเขียวตรงหน้า เปิดเพลงจากโทรศัพท์เบาๆ จิบกาแฟอุ่นๆ แล้วคิดถึงเทอว์ว์ว์~ เฮ้ออ
some.mile
วันพุธที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 12.36 น.