ฮัลโหลว สวัสดี : )
กลับมาคราวนี้ เรามีทริปพิเศษแบบไม่ทันตั้งตัวมาเล่าให้ฟังกัน
ครั้งนี้เป็นการลุยเดี่ยวเดินทางคนเดียว จากกรุงเทพมุ่งหน้าสู่จังหวัดระนองและข้ามไปยังประเทศพม่า


ต้องเกริ่นก่อนว่า อยู่ดีดีโชคก็หล่นเข้าใส่ เพราะอยู่ๆก็เกิดมีที่ว่างสำหรับทริปนี้หลุดลอยมา เราเลยได้เป็นผู้โชคดีได้ไปเที่ยวแทน
เป็นการเดินทางที่ค่อนข้างกะทันหัน รีบปั่นงานเก็บกระเป๋ากันวันสุดท้ายก่อนออกเดินทางเลยทีเดียว
ไปคนเดียวตอนแรกคิดว่าจะเหงา แต่ก็ไม่นิ เลเวลอัพระดับสิบ เพราะอยู่คนเดียวบ่อยจนชิน ฮ่าๆ คือจริงๆแล้วมันตื่นเต้นซะมากกว่า
เพราะว่าข้อมูลที่รู้คร่าวๆคือ เราจะได้ไปเกาะที่พม่าและทริปนี้เป็นทริปพิเศษ เพราะเกาะแห่งนี้เพิ่งเปิดให้ไปเที่ยวทริปนี้เป็นทริปแรก
โหววว เกาะส่วนตัวที่เราได้ไปเหยียบเป็นกรุ๊ปแรกๆ มันจะสวยจะสดจะซิงแค่ไหนกันนะ ..



[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.facebook.com/some.mileไม่นานมานี้เพิ่งจะมีเกาะที่ประเทศพม่าได้เปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและเป็นกระแสโด่งดังอยู่ นั้นก็คือ เกาะค๊อกคอม


แต่.. เราไม่ได้ไปเกาะนี้หรอกนะ เราจะไปเกาะที่ใหม่กว่านั้น นั่นก็คือ " เกาะนาวโอพี " Nyaung Oo Phee Island

ซึ่งเป็นเกาะที่ได้สัมปทานมาเป็นเกาะส่วนตัว



การไปผจญภัยครั้งนี้เราใช้เวลาเพียง 1 วัน 2 คืน เท่านั้น (2คืนนอนบนรถไป-กลับ 1วันเที่ยวเต็มๆวัน)

ซึ่งใครที่มีเวลาน้อยก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เราจะไปเที่ยวพม่ากันในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ได้ อาจจะเหนื่อยกันหน่อยแต่ก็ลองปรับวันเวลากันดู



ออกเดินทางวันศุกร์ถึงเช้าวันเสาร์ ข้ามไปฝั่งพม่าเที่ยวให้เต็มที่ นอนพักระนองแล้วกลับรถรอบเช้าวันอาทิตย์ หรือจะเที่ยวในระนองก่อนแล้วกลับรถรอบดึก ถึงเช้าวันจันทร์ลุยงานต่อก็ย่อมได้นะจ๊ะ



สำหรับการเดินทางไปยังเกาะนาวโอพีนั้นก็คงเป็นแบบเดียวกันกับการเดินทางไปเกาะค็อกคอม คือ เริ่มต้นออกเดินทางไปสู่จังหวัดระนอง

ครั้งนี้เราใช้บริการของสมบัติทัวร์ เดินทางรถรอบ 20:30 ถึงจังหวัดระนองเวลา 05:50 และเที่ยวกลับ ระนอง-กรุงเทพ ก็เวลาเดียวกันกับขามาเลย



นั่งรถไปเรื่อยๆไม่เพลินเท่าไหร่หรอกนะ พยามจะหลับก็หลับไม่ลง โอ๊ยยย หนทางช่างยาวนานนน เมื่อไหร่จะเช้า


นั่งบ่นในใจอยู่ไม่นาน อ้าว เช้าแล้วนี่หว่า



ตอนขึ้นรถให้เราแจ้งกับพนักงานว่าเราจะลงรถที่ออฟฟิศสมบัติทัวร์(หรือถ้านั่งของเจ้าอื่นก็ลงที่ออฟฟิศเจ้านั้นเลย)ซึ่งอยู่ในตัวเมืองระนอง ถ้าลงบขส.มันจะค่อนข้างเปลี่ยวเพราะเรามาถึงเช้ามืด มันยังมืดอยู่มาก



ถึงออฟฟิศรถทัวร์ก็ล้างหน้าแปรงฟัน นั่งรอสักพักให้ฟ้าเริ่มสว่างก็ออกไปสูดอากาศยามเช้ากันดีกว่า

เมืองระนองค่อนข้างเงียบ เป็นเมืองที่ให้ความรู้สึกถึงความสงบที่มีภูเขาล้อมรอบ หมอกลงจางๆ อากาศเย็นๆ พ่อค้าแม่ค้าเริ่มออกมาขายของกัน



บริเวณออฟฟิศสมบัติทัวร์อยู่ใกล้ตลาดเช้าเลย มีร้านกาแฟและร้านข้าวแบบชาวบ้านๆให้ลองทานหรือใครจะติดใจในมินิมาร์ทเจ้าดังก็ไม่ว่ากัน



เดินสำรวจได้ไม่นาน พี่ตั้ม ผู้ใหญ่ใจดีแห่ง thailandism.com ก็ได้ขับรถมารับเราที่ออฟฟิศไปยังท่าเรือของจังหวัดระนอง



ตรงส่วนนี้ที่ท่าเรือ คือเราต้องทำเรื่องข้ามแดนเพื่อเข้าไปยังฝั่งประเทศพม่า ขั้นตอนการทำก็ไม่ยุ่งยากเลย พาสปอร์ตหนังสือเดินทางอะไรนี่ไม่ต้องพกมาให้ยุ่งยาก แค่เรามีบัตรประจำตัวประชาชนก็สามารถข้ามไปยังพม่าได้แล้ว



จริงๆแล้วถ้าเรามองออกไปทางฝั่งนู้น เราก็จะเห็นกับเกาะสองแห่งประเทศพม่า แต่ๆๆๆๆ วันนี้วันดี หมอกลงซะหนาเชียว มองอะไรไม่เห็นเลยข่ะะ


ตอนแรกก็คิดว่าคงเป็นหมอกจากธรรมชาติตอนเช้าๆให้เราได้ฟินกันเล่นๆ พอเวลาผ่านไปมันก็ยังไม่หาย สรุปก็คือมันคือหมอกควันจากอินโดนั้นเอง

ฮืออ แล้วยังงี้ทะเลของเราจะสวยมั้ยเนี่ย แดดไม่มีจะมองเห็นอะไรรึเปล่า ท้องฟ้าสีฟ้าที่จินตนาการไว้ หายวับไปกับตา เหลือเพียงความขุ่นมัวของอากาศ ...



หลังจากทำเรื่องข้ามแดนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็ออกเดินทางกันเลยยย เย้ๆๆๆๆ


ต้องทำใจดีสู้เสือ ถึงฟ้าจะหม่นแค่ไหนแต่เราต้องสนุกดิวะ เย้ๆๆๆๆ



นั่งเรือออกมาได้ไม่ถึงสิบนาทีเราก็ต้องมาแวะที่เกาะสองกันสักพัก เพราะว่าชาวต่างชาติที่มาด้วยกันนั้นต้องไปประทับตราด้วยตัวเองบนฝั่งพม่า


ใจจจริงนี่อยากจะกระโดดออกจากเรือไปกับลุงฝรั่งคนนั้นเหมือนกันนะ อยากไปดูว่าบนฝั่งพม่าเขาใช้ชีวิตกันยังไงบ้าง



อ้อ แต่สำหรับใครที่ไม่อยากนอนที่ระนองก็สามารถมานอนที่นี้ได้นะหลังจากจบจาก one day trip



โอเคๆๆ ... เสร็จเรียบร้อย ทุกคนสามารถผ่านเขตแดนไปยังพม่าได้แล้ว กัปตันคะ ออกเรือเลยค่ะ ตื้นเต้นไม่ไหวแล้วววววว


ที่ตื่นเต้นนี่เพราะอะไรรู้มะ คือลุ้นไงว่าฟ้าจะเปิดเมื่อไหร่ .. อารมณ์สีเทามากอะตอนนี้ แล้วทะเลก็เงียบบบบ นิ่งงง สงบมากก ดูดิ เหงามั้ยละ



โม้กับเพื่อนไว้เยอะ อุส่าห์จะมาถ่ายรูปทะเลแสนงามฟ้าสีครามสดใสกับไปอวดเพื่อน ตอนนี้ก็ได้แต่นั่งเรืออย่างเหงาๆไปก่อน


ครั้งนี้กัปตันขับเรือพาพวกเราผ่านจุดที่เรียกว่าหน้าด่านหรือหน้าค่ายอะไรสักอย่าง เป็นจุดที่เราทุกคนต้องเก็บกล้องใส่กระเป๋าไปซะให้เรียบร้อย

เพราะเขาห้ามถ่ายรูป!! ขับเข้าไปสักพักก็มีสัญญาณไฟจากทหารพม่า เรียกให้เข้าไปตรวจ .. ฮือ อย่าจับเก๊าเลยยยยย เก๊าไม่ได้ขโมยแป้งพม่าไปสักกะติ๊สเลยนะะะ สถานการณ์ตอนนั้นก็ดูงงๆ เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ดี จะไปดำน้ำแต่ต้องตรวจคนเข้าเมือง ต้องผ่านทหารก่อนนะ

แต่อย่างว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกของการไปเกาะ เขาก็ตรวจๆเป็นประเพณีให้ชื่นใจตัวเองไปงั้นแหละมั้ง



นั่งเรือผ่านไปได้สักพัก พี่แซม ไกด์นำเที่ยวของเราวันนี้ก็บอกว่าจะพาไปยังจุดๆแรกของการลงน้ำวันนี้ ซึ่งง พี่เขาก็ยังไม่เคยดำตรงจุดนี้!! 5555

นี่เรามาสำรวจกันเป็นกรุ๊ปแรกจริงๆเลยใช่มั้ยเนี่ยยยยยย พอมาถึงเรือจอดแดดก็เริ่มมาวะเห้ยยยย หมอกเริ่มแหวกทางให้พระอาทิตย์ได้หายใจแล้ว

พี่แซมของเราก็ได้กระโดดลงไปสำรวจด้านล่างก่อน ว่าพอจะมีอะไรให้พวกเราได้ดำดูกันบ้างมั้ย



ตู๊มต๊ามมม สรุปแล้วพี่แซมก็ส่ายหน้าขึ้นมา เพราะตรงจุดนี้ไม่ค่อยมีอะไรให้ดูเท่าไหร่ งั้นจากนี้เราจะไปจุดแรกกันจริงๆสักที


ก็คือเกาะที่เราจะมากันวันนี้ เกาะนาวโอพีนี่เองแหละ แต่จุดนี้เป็นฝั่งตะวันออกของเกาะ (คิดว่าตะวันออกนะ น้องลืม น้องขอโต๊ดดด)



ภาพแรกที่เห็นคือชายหาดที่ทรายขาวมากกกก เด่นมาแต่ไกลลลล มองไปทางขวาฌหยย น้ำใสอะไรอย่างนั้นอะแกกกก



พี่แซมและกัปตันผู้ใจดีปล่อยเราลงดำน้ำเล่นน้ำที่จุดนี้ของเกาะนาวโอพีเป็นจุดแรก



น้ำมันใสยั่วยวนซะเหลือเกินนน ทนไม่ไหวล้าววว ขอลงไปสัมผัสน้ำใสๆให้ใจมันหายห่อเหี่ยวสักทีเห้อออออ



น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลาจริงๆด้วยย



เดี๋ยวลองขึ้นไปเหยียบทรายบนชายหาดกันบ้าง ว่ามันจะละเอียดและนุ่มขนาดไหนนนนนนนนน



คือแบบว่านี่ทรายหรือสำลี เหยียบลงไปก็ได้รับกับความฟินของฝ่าเท้ามากๆ อยากจะลงไปนอนกลิ้งให้รอบชายหาด



นี่ขนาดฟ้าไม่เป็นใจ หมอกใจร้ายกลั้นแกล้งเรา แต่ทะเลเขายังสวยได้ขนาดนี้ อื้อหืออ ยอมรับเลยจริงๆ


หาดฝั่งนี่ปะการังและน้องปลายังไม่เยอะมากเท่าไหร่ หรือมีเยอะแต่เรามัวแต่ฟินกับความใสของน้ำและความนุ่มของทรายอยู่ก็ไม่รู้ เลยไม่ได้สนใจน้องปลาเลยยย ฮ่าๆๆ



หมดเวลาการดำน้ำจุดแรก เราก็ไปต่อกันที่จุดต่อไป

ไม่มีอะไรมาก หมายถึงไม่มีข้อมูลอะไรมาก ชื่อกงชื่อเกาะ ไกด์เขาพูดก็มัวแต่ตื่นเต้นอยากโดดลงน้ำเลยไม่ได้ใส่ใจฟังอะไรเล้ยยยยย

เอาเป็นว่าไปดูภาพความฟินกันรัวๆเลยดีกว่า



รู้สึกว่าช่วงเช้าเราจะดำน้ำกันไปทั้งหมด 3 จุด แล้วถึงเข้ามาพพักผ่อนรับประทานอาหารกันช่วงบ่ายโมง ที่เกาะนาวโอพีฝั่งด้านหน้า



เราชอบความสมบูรณ์ของที่นี้นะ ไม่ว่าจะก้มหน้าลงใต้ท้องทะเลหรือเงยหน้ามองไปที่ภูเขา ทั้งต้นไม้และทะเลมันให้ความรู้สึกถึงความสมบูรณ์ของธรรมชาติดี๊ดี



และอาหารเที่ยงของเราวันนี้ก็จะแจกข้าวสวยคนละกล่อง มีอาหารไทยเป็นผัดเผ็ด ผัดผักหมูกรอบ ปลาทอดกระเทียม แล้วก็ยังมีปูนึ่ง ปูจั๊กจั่น ปลาหมึกสด มาให้เราปิ้งย่างกินกันอีกด้วย



หลังจากอาหารกลางวันแล้ว ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปพักผ่อนตามมุมต่างๆของเกาะ แสงแดดอ่อนๆ ลมทะเลเบาๆ เสียงคลื่น โอ๊ยยยยยยย


ไม่อยากกลับเลยยยยย นี่แค่คิดว่าตรงกลับไปทำงานอะไรบ้างน้ำตาก็จะไหลล แต่อย่างน้อยเราก็ได้เอนหลังลงนอนกับพื้นทรายฟังเสียงคลื่นซัดเข้าฝั่ง

อืม ..จริงๆแค่นี้ก็มีความสุขชาร์จพลังได้เต็มที่แล้วแหละเนาะ



ใครมาเป็นคู่ก็แยกย้ายกันไปถ่ายรูปกันตามประสา



ส่วนใครมาคนเดียวก็นั่งฟังเสียงคลื่นไปสิจ๊ะ!!



หลังจากงีบหลับไปได้ตื่นนึง ก็มีเสียงเรียกจากพี่แซมว่าเราจะไปดำน้ำกันจุดต่อไปแล้วววว



หลังจากนี้เราก็ดำน้ำกันอีกประมาณสัก 3 จุดได้ รวมช่วงเช้าด้วยเป็น 6 จุด ซึ่งแต่ละจุดก็ไม่ไกลกันมาก


ทริปนี้เป็นทริปแรกพี่แซมเลยจัดเต็มให้ชุดใหญ่ ซึ่งโปรแกรมจริงๆแล้วอาจจะไม่น่าดำเยอะถึงขนาดนี้หรอกนะ แต่รับรองได้ว่าสวยทุกจุดจริงๆ

ปะการังของที่นี้ส่วนใหญ่จะเป็น soft coral หรือปะการังอ่อนที่มีสีสัน และมีปลาหลายชนิดเลยตัวใหญ่ตัวเล็ก ภาพที่ได้มาก็คือส่วนนึงเท่านั้นของความสวยงามของที่นี้ งั้นไปดูภาพใต้ทะเลของที่นี้กันเลยดีกว่า



ทั้งหมดนี้เป็นการดำด้วย snorkeling เท่านั้น ไม่ใช่ Scuba แต่อย่างใด



ดำน้ำกันเพลินจนหมดเวลาแห่งความสุข นั่งเรือกลับด้วยสีหน้าที่อิ่มเอมจากทริปครั้งนี้


แต่ๆๆ ความสุขมีต่อเวลาให้เราอีกด้วยแหละ เพราะระหว่างที่นั่งเรือกลับ ทันใดนั้น เราก็เจอกับบบ ฝูงฉลามมม!!!



ห๊ะ?!! ไม่ดิ นั้นคือโลมาเฟ้ยยยยย ฝูงโลมา5-6ตัว กระโดดโลดแล่นส่งเสียงร้องอวดพวกเราให้หยุดสายตาไปที่พวกเรา


พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ทะเลที่นิ่งและเงียบสงบ มีฝูงโลมาว่ายวนอยู่รอบเรือ โหยยยยย อะไรมันจะแฮปปี้ขนาดนี้เนี่ยยยย

มันเป็นโมเม้นต์ที่โรแมนติกมากจริงๆนะตอนนั้น โรแมนติกจนเกือบขอตัวเองแต่งงาน ..



ทริปนี้ก็จบลงอย่างแฮปปี้เอนดิ้งกับน้องโลมา พอถึงฝั่งต่างคนต่างแยกย้าย มีทั้งกรุ๊ปที่พักที่เกาะสองฝั่งพม่า กรุ๊ปที่พักที่ระนอง และเราที่ต้องนั่งรถกลับกรุงเทพเลยคืนนี้ นั่งรถนานกว่าเที่ยว แต่ความสุขและความสนุกมันต่างกันเลย



สำหรับทริปนี้ต้องขอขอบคุณพี่ตั้ม thailandlism.com ที่ชักชวนให้เราได้ไปสัมผัสกับท้องทะเลใหม่

และใครที่อยากไปเที่ยวแบบนี้ ไปที่ที่ยังไม่ค่อยมีคนไป ไม่แปลกแต่ใหม่ ธรรมชาติทุกอย่างยังอุดมสมบูรณ์อยู่ ขอให้ลองๆแล้วจะติดใจ



.

.

.



https://www.facebook.com/some.mile

https://www.facebook.com/travelthailandlism

ความคิดเห็น