ก่อนจะเริ่มการเดินทางในครั้งนี้ ผมขอพูดถึงที่มาที่ไปก่อนแล้วกัน
นี่ก็เป็นอีกการเดินทางในรูปแบบหนึ่งของผมครับ ที่จุดหมายปลายทาง คือ การไปเรียนรู้ชีวิตต้นแบบเด็กดอยสู่ชีวิต ณ บ้านอรุโณทัย อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ โดยการสนันสนุนจาก บมจ.ซีพี ออลล์ หรือ เซเว่น อีเลฟเว่น
เด็กคนนี้มีความน่าสนใจอย่างไร ทำไมเราถึงต้องมาเรียนรู้ แล้วทำไมต้องเดินทางมาไกลกันถึงเชียงใหม่ เราไปทำความรู้จักกับเขากันเลยครับ
"เสียวฟาง แซ่หยั่ง" ต้นแบบเด็กดอยสู้ชีวิต
เธอเป็นเด็กดอยที่อาศัยอยู่ในครอบครัวที่ยากจน มีสมาชิกในครอบครัวด้วยกัน 6 คน ประกอบอาชีพทำไร่ ด้วยความที่เป็นพี่สาวคนโต จึงต้องช่วยพ่อแม่ทำไร่ เพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว ชีวิตในวัยเด็กของเธอที่ต้องได้เล่นกับเพื่อนๆ หลังเลิกเรียนหายไป แต่ก็ต้องสู้เพื่ออนาคตของตัวเอง และของครอบครัว ด้วยความที่เป็นเด็กขยัน และตั้งใจเรียนดิ้นรนเพื่อให้จนจบการศึกษาชั้น ม.6 เมื่ออาจารย์ที่โรงเรียนเห็นถึงความตั้งใจ จึงหยิบยื่นโอกาสที่จะศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีให้ โดยแนะนำให้รู้จักกับ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ หรือ พีไอเอ็ม จนได้รับทุนจนเรียนจบ คณะศิลปศาสตร์ สาขาภาษาจีนธุรกิจ และปัจจุบันก็ทำงานและมีเงินส่งเลี้ยงครอบครัวเหมือนดั่งที่เธอหวังไว้
นางสาวเสี่ยวฟาง แซ่หยั่ง
นี่แหละครับ "โอกาสมีให้สำหรับคนสร้างโอกาส" เสมอ
เอาหล่ะครับ ต่อไปก็ได้เวลาออกเดินทางกันแล้วครับ ^^
ตารางการเดินทาง
พฤหัสบดี ที่ 2 กุมภาพันธ์ : ออกเดินทางโดยรถด่วนขบวนพิเศษ ที่ 9 มุ่งหน้าสู่สถานีรถไฟเชียงใหม่
ศุกร์ ที่ 3 กุมภาพันธ์ : สถานีรถไฟเชียงใหม่ - ดอยอ่างขาง
เสาร์ ที่ 4 กุมภาพันธ์ : ดอยอ่างขาง - หมู่บ้านอรุโณทัย - กทม.
พฤหัสบดี ที่ 2 กุมภาพันธ์ 60 : ออกเดินทางโดยรถด่วนขบวนพิเศษ ที่ 9 มุ่งหน้าสู่สถานีรถไฟเชียงใหม่
วันแห่งการเดินทาง : การเดินทางของเราในครั้งนี้เริ่มต้นกันที่ สถานีรถไฟกรุงเทพ ด้วยรถไฟสายเหนือ (อุตราวิถี)
เรามาทำความรู้จักกับรถไฟสายนี้คร่าวๆ กันก่อนดีกว่า
อัตราค่าบริการ ขบวนรถโดยสารรุ่นใหม่ 115 คัน
ช่วงระยะเวลาโปรโมชั่น เดินทางวันที่ 11 พ.ย. 59 - 28 ก.พ. 60 ในขบวนรถด่วนพิเศษ "อุตราวิถี" ที่ 9/10 กรุงเทพ-เชียงใหม่-กรุงเทพ
สิ่งอำนวยความสะดวกบนขบวนรถโดยสารรุ่นใหม่ 115 คัน
Facilities and Services
แหล่งที่มา :
การรถไฟแห่งประเทศไทย
แต่ถ้าใครอยากรู้แบบแจะลึก เข้าไปศึกษาได้ที่นี่เลยครับ : Update รถไฟรุ่นใหม่
และนี่คือขบวนที่ผมนั่งไป
รถปรับอากาศนั่งและนอนชั้นที่ 2 (บนท.ป.)
Air-Conditioned Second Class Day & Night Coach (ANS)
เป็นแบบนอนรวม 2 ชั้น มีผ้าม่านกั้นเตียง สิ่งอำนวยความสะดวกก็ตามภาพด้านบนเลยครับ
เห็นเบาะกว้างๆ แบบนี้ แต่ 1 เบาะนั่งได้แค่ 1 คนเท่านั้นไม่มีอัด 2 อัด 3 นะจ๊ะ สบายไปเล๊ยยาวๆ ถึงเชียงใหม่ ถ้าหิวก็แค่เดินไปตู้เสบียงมีทั้งอาหาร เครื่องดื่ม และมีฟรีไวไฟ
ประตู้เข้าออกแต่ละขบวนเป็นแบบทัชสกีน 55 แค่สัมผัสก็เปิดออก ไอ้เราก็เล่นสัมผัสกันมันส์เลย (เสียดายรูปจากกล้องอีกตัวหายหมดเลย)
นี่ก็เป็นบรรยากาศภายในขบวนครับ ด้านบนจะมีจอภาพบอกถึงเส้นทางการเดินรถว่า ตอนนี้เดินทางถึงไหนแล้ว เวลาเท่าไหร่ และมีบอกอุณหภูมิอีกด้วยครับ
ห้องน้ำ แต่ละขบวนจะมีห้องน้ำแยกชักโครก กับโถฉี่ ห้องชักโครกจะมีที่ฉีดตูด อ่างล่างมือ นั่งถ่ายหนักถ่ายเบาสบายกันไปเลย และที่สำคัญ มีห้องน้ำสำหรับคนพิการด้วย
ตามกำหนดการ รถไฟจะเคลื่อนขบวนเวลา 18.00 น. ซึ่งก็ออกตรงเวลามากๆ
นั่งรถไปสักพัก พนักงานประจำโบกี้รถไฟ ก็จะมากางที่นอนให้พวกเราครับ ที่นี้ ก็แยกเตียงใครเตียงมัน เข้าสู่โหมดส่วนตัวกันไป
ปล. สังเกตุด้านบนของภาพจะมีจอแสดงภาพให้เราเห็นว่า ตอนนี้เราอยู่ที่ไหนแล้ว เวลาเท่าไหร่ ด้วยครับ
น้ำดื่มบริการบนรถไฟ บรรจุภัณฑ์ ดูดีไปอีกแบบ
ตอนจะนอนก็ต้องรูดม่านมากันกันแบบนี้ ชิคไปอีก
บรรยากาศยามเช้าบนรถไฟ ก่อนที่จะถึงสถานีรถไฟเชียงใหม่
ซึ่งต้องบอกไว้เลยว่า รถไฟมาถึงสถานีได้ตรงเวลมากที่สุดในชีวิตเท่าที่เคยได้นั่งรถไฟมา 07.15 น. ตามกำหนดการ ถามใจตัวเอง นี่ การรถไฟไทย ทำได้ถึงขนาดนี้แล้วเหรอ ( แต่ไม่รู้ว่าเป็นเหมือนกันแบบนี้ทุกขบวนรึป่าว )
ณ เชียงใหม่
หลังจากออกจากสถานีรถไฟแล้ว เราก็มาขึ้นรถตู้ที่ทางคณะได้จัดไว้ให้ แล้วมุ่งหน้าตรงดิ่งไปยัง ................
ร้านข้าวมันไก่เกียรติโอชา.........555555 ต้องกินก่อนสิครับ เช้าแล้ว 7 โมง แล้ว ได้เวลาอาหารแล้ว
ที่นี้ขึ้นชื่อเรื่องข้าวมันไก่สูตรดั่งเดิม เพิ่มเติมคือยังอยู่ถึงทุกวันนี้ ที่อยู่คู่เชียงใหม่มากว่า 50 ปีแล้ว
ใครจะมากินต้องสังเกตุชื่อร้านให้ดีๆ เพราะร้านแถวนี้ชื่อคล้ายกันมาก ร้านติดกัน ชื่อคล้ายกัน แล้วยังขายของเหมือนกันอีก
ที่ตั้งร้าน: 41 – 43 ถนน อินทรวโรรส อำเภอเมือง เชียงใหม่ (อยู่ด้านหลัง อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ )
เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 06.00-15.00 น.
โทร: 053-327-262 – 3
หลังจากอิ่มท้อง เข้าห้องน้ำ กันเรียบร้อยแล้วเราก็ออกเดินทางกันต่อกันยาวๆ เลยครับ เพราะจุดหมายของเราในวันนี้ คือ ดอยอ่างขาง 2-3 ชั่วโมงกว่าจะถึง แล้วในรถตู้เราต้องทำไงหละ นอนสิครับ นอนกันเข้าไป ใครกลัวเมารถก็ต้องอัดยาแก้เมารถแล้วรีบนอน ใครถึกทึนก็นั่งชิวๆ ชมบ้านชมเมือง ชมนกชมไม้กันไป
ดอยอ่างขาง
ถึงแล้วครับ อ่างขางวิลล่า ที่พักของเราคืนนี้
เป็นที่พักบนเนินเขา บรรยากาศดีมาก ถ้าได้มาเร็วกว่านี้ ดอกนางพญาเสือโคร่งคงจะบานสะพรั่งทั่วพื้นที่รีสอร์ทแล้วหล่ะ เสียดายมากๆ 55
ที่พักก็มีให้เลือกหลายแบบ จะนอนแบบเป็นหลังส่วนตัวๆ หรือถ้ามาเป็นหมู่คณะใหญ่ๆ ก็นอนตึกรวมได้เลย
ก่อนจะเข้าที่พัก เราก็ต้องกินข้าวเที่ยงหันก่อนที่ ร้านอาหารถิงถิง ร้านอาหารจีนยูนนาน ที่ขึ้นชื่อของอ่างขางเค้าหล้ะครับ กินเสร็จก็นัดแนะเวลาเพื่อจะเข้าไปชม สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง กันตอน 15.00 น. หลังจากนี้ก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำอาบท่า เพราะเมื่อวานตอนนั่งรถไฟมา พวกเรายังไม่ได้อาบน้ำกันเลย กลิ่นเริ่มโฉยมาแตะจมูกกันแล้ว
วิวมุมสูง ถ่ายจากเนินหลังที่พัก มองลงมาเห็นถนนเส้นที่เรานั่งรถเข้ามา กับชุมชนด้านล่าง
สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง
สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อส่งเสริมอาชีพเกษตรกรรม ทดแทนการปลูกฝิ่น สถานีวิจัยแห่งแรกของโครงการหลวง ตามแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ว่า "ให้เขาช่วยตัวเอง" เปลี่ยนพื้นที่จากไร่ฝิ่นมาเป็นแปลงเกษตรเมืองหนาวที่สร้างรายได้ดีกว่าเก่าก่อน
ค่าเข้าชม คนละ 50 บาท
ด้านในสถานีเกษตรหลวง จะเป็นพื้นที่ทำงานวิจัยเกี่ยวกับพืชเมืองหนาว ที่สามารถนำเอามาปลูกได้ในพื้นที่นี้ และในประเทศไทยทั้งหมด บนเนื้อที่กว่า 16,577 ไร่ ประกอบไปด้วย
- เรือนดอกไม้ - เรือนกุหลาบตัดดอก - สวนบอนไซอ่างขาง
- โรงงานชาอ่างขาง - แปลงรวบรวมพันธุ์ไผ่อ่างขาง - อาคารศูนย์ข้อมูลอ่างขาง
- สวน ๘๐ - สวนคำดอย - สวนหอม - สวนกุหลาบอังกฤษ - สวนสมเด็จ - แปลงบ๊วย - โรงเรือนรวบรวมพันธุ์ผักเมืองหนาว - แปลงสาธิตไม้ดอกกลางแจ้ง - โรงเรือนกุหลาบตัดดอก - พระธาตุดอยอ่างขาง - บ้านขอบด้ง - บ้านนอแล - บ้านคุ้ม - บ้านหลวง
งานนี้ก็เดินชมสวนดอกไม้ ที่กำลังออกดอกบานสะพรั่งกันให้อิ่มกันไปเลยหละครับ
สวน ๘๐ ปี
จะเป็นพื้นที่ที่ปลูกไม้ดอก ไม้ประดับเมืองหนาว ที่มีชื่อเรียกแปลกๆ ผมก็จำชื่อไม่ได้เลยสักต้นเดียว 555 เอาเป็นว่า สายมุ้งมิ้ง เหมาะกับสวนนี้อย่างแรง
สวนบอนไซ
สวนนี้ก็จะเน้นไปที่พวกไม้ที่เอามาทำเป็นบอนไซ แล้วก็พวกพืชอวบน้ำ เช่น แคกตัส กระบองเพชร ทำให้ได้อารมย์แบบทะเลทรายปนๆ กับยุคดึกดำบรรพ์
ไร่ชา 20,000
ไร่ชา 20,000 จะอยู่ถัดมาจาก สถานีเกษตรหลวงฯ ไม่ไกลมาก
นี่แหละ ไร่ชาที่ มีความโรแมนติกที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย มีความฟิน สวยในทุกมุมมอง
ที่สำคัญ จะต้องมาให้ทันก่อนพระอาทิตย์ขึ้นนะครับ จะสวยมาก ได้เห็นไอหมอกลอยขึ้นมาเล่นกับไร่ชา แบบสุดสายตา พาโนราม่า กันเลยทีเดียว
เมื่อเข้ามาถึง ก็มี เวลคั่มดริ้ง ด้วยน้ำชา ที่ได้มาจากไร่ชา 20,000 ข้างล่างนี้แหละครับ
ไร่สตรอเบอร์รี่ บ้านนอแล
ที่นี้คือพื้นที่ที่ปลูก สตรอเบอร์รี่แห่งแรกของประเทศไทย หรือเรียกง่ายๆ ว่า ต้นกำเนิดสตรอเบอร์รี่ของประเทศไทยนั่นเอง
ท่านสามารถ เดินเก็บตรอเบอร์รี่กันสดๆ ได้ที่นี่ แต่ว่า เด็ดแล้วห้ามกิน ต้องเอามาชั่งน้ำหนักคิดเงินก่อน นะ ไม่งั้นจะโดนปรับเอานะครับ
แผนที่ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง
หลังจากใช้เวลา 3 ชั่วโมงในการเยี่ยมชมสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง เรียบร้อยแล้ว ด้านหน้าทางเข้าก็จะมีถนนคนเดิน ให้ได้เลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองน่ารักๆ ติดไม้ติดมือ กันกลับไป ทั้งพืชผัก ผลไม้ เสื้อผ้า ขนม และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ชาวบ้านทำขึ้นเอง
เสาร์ ที่ 4 กุมภาพันธ์ : ดอยอ่างขาง - หมู่บ้านอรุโณทัย - กทม.
เราเดินทางออกจากดอยอ่างขางกันตอน 9 โมงเข้า เพื่อมุ่งหน้าสู่ หมู่บ้าน อรุโณทัย ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อมายังจุดหมายปลายทางของการเดินทางของเราในครั้งนี้ครับ "
นี่แหละครับ ครอบครัว และบ้านของ เสี่ยวฟาง เด็กที่สร้างโอกาสให้กับตัวเอง จนได้รับโอกาสจนประสบผลสำเร็จ ดังที่ตั้งใจหวัง (เรื่องราวของเสี่ยวฟาง ผมได้บอกไปแล้วข้างต้น)
สามารถเข้าไปหาโอกาสให้กับตัวเองได้ที่นี่ครับ สถาบันการจัดการปัญญาพิวัฒน์
ตัวบ้านทำด้วยไม้ไผ่ ที่เอามาผ่าครึ่งแล้วทุบให้แตตออกแบบนี้ครับ สวยงามประทับใจผู้ร่วมเดินทางของเราหลายๆคน
ขนมพื้นเมืองของที่นี้ครับ ขนม "ปาปา" เอามาจี๋ไฟ แล้วกินกับน้ำผึ่ง หรือน้ำตาลกวน อร่อยดีครับ
โรงเรียนบ้านอรุโณทัย
หลังจากเสร็จกิจกรรมที่บ้านของเสี่ยวฟาง เราก็เดินทางมายัง โรงเรียนบ้านอรุโรทัย เพื่อร่วมทำกิจกรรม ยิ้ม ปัน สุข กับน้องๆ กันครับ
โดยครั้งนี้ #CPall ได้เตรียมทั้งอุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์กีฬา ของเล่น ขนม อาหารว่าง มาแจกเด็กๆ เรียกได้ว่าขนมาทั้ง 7-11 กันเลยที่เดียว
เห็นรองเท้าพวกนี้แล้วทำให้นึกย้อนกลับไปสมัยวัยรุ่นหัวเกรียน ช่วงนั้นก็คงมีความสุขที่ดีในอีกแบบนึง ซึ่งตอนนี้หาไม่ได้แล้ว
นอกจากจะแจกของให้กับเด็กๆ แล้ว พวกเรายังร่วมทำกิจกรรม ยิ้ม ปัน สุข ให้กับน้องๆ กันอย่างสนุกสนาน มีทั้งเล่นเกมชิงรางวัล โชว์ความสามารถ ทั้งการเต้น และการแสดงออกทางด้านอื่น และที่สำคัญน้องๆ ทุกคนให้ความร่วมมือในกิจกรรมที่พวกเราตั้งใจทำขึ้นมา และทำอย่างมีความสุข สนุกสนาน แค่นี้พวกเราก็มีความสุขแล้วหล่ะครับ
ทั้งรอยยิ้ม และความสุข ทั้งจากผู้จัดกิจกรรม และผู้ร่วมกิจกรรม นี้แหละครับ คือสิ่งที่เราต้องการ และไม่สามารถหาได้ที่ไหนเลย ถ้าเราไม่ร่วมมือกันทำ
ยิ้ม-ปัน-สุข
ทั้งสุขจากผู้ให้ และสุขจากผู้รับ
หลังจากนี้ก็ต้องเดินทางกันยาวๆ กลับตัวเมืองเชียงใหม่ เพื่อทำภาระกิจสุดท้ายของเรา ...คือ กินข้าวเย็นกันที่ร้านอาหารสวนผัก 555555
ร้านอาหารสวนผัก
จบทริปกันไปด้วยความอิ่มเอมใจ กันที่นี่ครับ ร้านอาหารสวนผัก กับอาหารพื้นเมือง หน้าตาน่ากิน รสชาดถูกปาก ไม่จัดจ้านมาก ที่สำคัญบรรยากาศดี และใกล้สนามบินเชียงใหม่มากๆ
Suan Paak Restaurant
- ที่อยู่ : 61 ม.3 ถ.มหิดล ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ 50200
- โทรศัพท์ : 053202222 , 053201690 , 053904201 , 0817461921
- เว็บไซต์ : https://www.facebook.com/suanpaak.cnx/
- ร้านสวนผัก ภายในตกแต่งแบบเรียบง่าย อากาศเย็นสบาย มีอาหารหลากหลายรสชาติ มีให้เลือก 3 โซน บริการอาหารเช้า เย็นตาโฟ อาหารไทย 4 ภาค และสลัดผักปลอดสารพิษ เรียกได้ว่า มาที่เดียวอร่อยครบรส
- วัน-เวลาเปิด/ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 07.00-22.00 น.
สุดท้ายนี้ ต้องขอ ขอบคุณ บริษัทซ๊พีออลล์ ที่ได้จัดกิจกรรมดีๆ แบบนี้ครับ ทำให้พวกเราได้ออกไปเห็น ออกไปเรียนรู้เรื่องราวดีๆ ในอีกแง่มุม ที่เรายังไม่เคยได้สัมผัส
ขอบคุณ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ที่ได้มอบโอกาศให้เด็กดอยได้ทำความฝันของตัวเองสำเร็จ จนพวกเราได้ตามไปดูความสำเร็จที่เขาได้สร้างขึ้น
ขอบคุณ เพื่อนร่วมเดินทางกันทุกคน ที่สร้างสีสรร ได้พบเพื่อนใหม่ ได้คอนแน็คชั่นใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีกมากมาย
ขอบคุณครับ
DEKSAPAIPAE
วันพฤหัสที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 14.55 น.