4-5/03/2016
ทริปสำรวจ เขาสามพี่น้อง จ.ลพบุรี เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาสมโภชน์ Khao Somphot Wildlife No Hunting Area นี้เกิดจากเราได้เห็นเจี๊ยบโพสใน Facebook ว่าหาคนร่วมทริปสำรวจ เช ก็เลยลงชื่อไป ตอนแรกมีสมาชิกที่มาร่วมสำรวจ 7 คน และเช ก็ไม่ได้สอบถามอะไรอีกเลย จนกระทั่งกลับจากทริปเดินป่าที่ตรัง เย็นวันศุกร์ที่ 3 มีนาคม 2560 จึงสอบถามไปถึงทราบว่าตอนนี้สมาชิกทั้งสิ้น 17 คนแล้ว ซึ่งเป็นตัวพ่อตัวแม่ทั้งนั้น ในเรื่องความบ้า (ตอนแรกเช จะไม่มาทริปนี้แล้ว เพราะเท้าโดนหินตำ และก็เหนื่อยสะสมจากการเดินทางไกล มาตัดสินใจว่าจะร่วมทริป เอาตอนสามโมงเย็นและชักชวนแงซาย ติดตามมาด้วย แล้วผอ.นนท์ ก็ร้องตามมาอีกคน)
สมาชิกทั้ง 17 คน ที่ต้องยอมรับว่าบ้ามาก มาเดินป่าช่วงนี้ เพราะร้อนและแห้งแล้งมาก แต่ก็นะ ไม่คาดหวังไม่ผิดหวังราบชื่อผู้ร่วมเดินทาง คุณกัมปนาท, แงซาย, ตั้ม โลกของคนเดินทาง, เชตังเม อุฟุฟวยฟวยฟวย, แร็คคูน, แจ๊คกี้, ครับผม, ผอ. ฯลฯ นนท์, พี่ต่อ พี่เอมมี่ คู่รักนักเดินทาง, ร้านกาแฟ GapZervice, พี่หนิงสายม่วง, พี่วิทย์สายเบิร์น, พี่เต้สายเงียบ, ก็อตจิพาเพลิน, และผู้คนจัดทริป เจี๊ยบ ค่าใช้จ่ายทริปนี้ ตกคนละ 900 บาท ไม่รวมค่าเดินทาง
ช่างภาพ gap zervice, เช,Supabburud Sudteen
เขาสมโภชน์ หรือเขานางนอนเพราะว่า การทอดตัวของเทือกเขามีลักษณะคล้ายผู้หญิงนอน ตั้งอยู่ในเขต
ต.ซับตะเคียน ต.หนองยายโต๊ะ ต.บัวชุม ต.นาโสม อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี พื้นที่ป่าอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ มีเนื้อที่
ประมาณ 8,440 ไร่ เป็นเทือกเขาหินปูน มีลักษณะสูงชันยาวทอดตัวไปตามแนวทิศตะวันตกเฉียงใต้ มีถ้ำและหน้าผา
จำนวนมาก มีที่ราบในหุบเขา 2 แห่ง และที่ราบบนเขา 1 แห่ง มีแหล่งนำ้ ซับกระจายอยู่ทั่วไป จึงเป็นป่าต้นนำ้ ที่มี
ความสำคัญมาก นอกจากนีมี้การค้นพบหลักฐานทางโบราณคดีกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะที่วัดถ้ำพรหมโลก
ค้นพบขวานหินตัด ยุคสมัยหินตอนปลาย อายุราว 3,000 ปี ใบหอกสำริดภาชนะดินเผาในยุคโลหะ อายุประมาณ
2,500 ปี พระพุทธรูปสลักด้วยไม้สมัยอยุธยาตอนปลาย หรือ สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น อายุราวพุทธศตวรรษที่ 23-24
ตลอดจนซากฟอสซิลอายุประมาณ 280 ล้านปี ซึ่งเป็นหลักฐานทางธรณีวิทยาสำคัญ ที่แสดงว่าบริเวณเทือกเขานี้เคย
เป็นไหล่ทวีป อยู่ใต้น้ำมาก่อน
พื้นที่ IPA แห่งนี้เป็นพื้นที่ป่าที่มีพืชเฉพาะถิ่นของไทย และเป็นพืชหายาก เช่น โมกเหลือง และเป็นสังคม
พืชเขาหินปูนที่ถูกคุกคาม
ที่ทำการเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาสมโภชน์ หมู่ 6 ตำบลนาโสม อำเภอชัยบาดาล จ.ลพบุรี
เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาสมโภชน์ วางตัวในแนวทิศตะวันตกเฉียงเหนือทอดยาวไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ยาวประมาณ 9 กิโลเมตร กว้างประมาณ 2 กิโลเมตร มีความสูงจากระัดับน้ำทะเลปานกลางตั้งแต่ 200-695 เมตร อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าชัยบาดาล อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี ได้รับประกาศเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาสมโภชน์ตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ.2539 สิ่งที่น่าสนใจของเขตห้ามล่าสัตว์ป่าแห่งนี้คือ
1. สภาพป่าปกคลุมพื้นที่ประกอบด้วยป่าไม้ 2 ลักษณะคือ ป่าดิบแล้งขึ้นปกคลุมตามหุบเขาและีป่าเบญจพรรณตามเชิงเขาและที่ราบเชิงเขา พันธุ์ไม้มีหลากหลายชนิด ได้แก่ ประดู่ มะค่าโมง ปู่เจ้า ตะเคียนทอง ตะเคียนหมู ฯลฯ นอกนั้นก็จะเป็นพันธุ์ไม้ที่มีผลเป็นอาหารขอสัตว์ ได้แก่ ไทร มะกอกป่า มะกัก กะเบากลัก มะซาง ฝรั่งป่า ยอป่า ฯลฯ ส่วนตามเขาหินปูนมีต้นจันทน์ผา จันทน์แดง ปรง สลัดได ฯลฯ และมีพืชบางชนิดที่พบเป็นพืชสมุนไพรหายาก เช่น มะพร้าวป่า ชิงชี่ กวาวเครือขาว กวาวเครือแดง ตาลเสี้ยน
2. ทรัพยากรสัตว์ป่าที่สำรวจพบมากกว่า 200 ชนิด เช่น เลียงผา(เป็นสัตว์ป่าสงวน) หมีควาย ค่างแว่น ลิง ค้างคาว เม่น หมาจิ้งจอก เสือปลา เสือไฟ แมวป่า ไก่ฟ้า ไก่ป่า กระรอกหลากสี นกกินปลี นกปรอดหัวจุก นกตีทอง และนกชนิดต่างๆ อีกมากมาย
3. ภูมิประเทศและธรรมชาติที่น่าสนใจเช่น ถ้ำ ที่ราบในหุบเขา แหล่งซับน้ำ ลานหินผุดและซากดึกดำบรรพ์อายุประมาณ 230-280 ล้านปี เช่น ซากปะการัง ซากไบรโอซัว คดข้าวสาร หอยชนิดต่างๆ
การสำรวจถ้ำที่เขาสมโภชน์ซึ่งมีลักษณะเป็นภูเขาหินปูนมียอดเขาสลับซับซ้อน จึงทำให้พบถ้ำหลายแห่งในพื้นที่ บางถ้ำภายในถ้ำมีหินงอก หินย้อยสวยงาม เช่น
1. ถ้ำพรหมโลก ค้นพบขวานหินขัด ใบหอกสำริด ไหมีหูขนาดใหญ่ และภาชนะดินเผา เป็นโบราณวัตถุสมัยก่อนประวัติศาสตร์
2. ถ้ำหมี ค้นพบขวานหินขัด ภาชนะและเศษภาชนะต่างๆ เป็นโบราณวัตถุสมัยหินตอนปลาย
3. ถ้ำงู หรือ ถ้ำรู หรือ ถ้ำบาดาล เป็นถ้ำอยู่ลึกลงไปในดิน
4. ถ้ำพระอรหันต์ มีหินงอกหินย้อย
5. ถ้ำเพชร ค้นพบเศษภาชนะตามซอกหิน
6. ถ้ำน้ำทิพย์ ภายในถ้ำมีบ่อน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 เมตร ลึก 2 เมตร
7. ถ้ำรำวง เป็นสถานที่ใช้รำวง ถวายพญาเทวา พญานาค เพื่อขอฝนให้ตก
8. ถ้ำสิงห์โต มีหินงอกรูปร่างคล้ายหัวสิงโต
นอกจากนี้ยังมี ถ้ำเจดีย์ ถ้ำกระดูกหรือถ้ำคู่ ถ้ำเขาทะลุ ถ้ำหนุมาน ถ้ำมรกต ถ้ำใหญ่ ถ้ำน้ำ ถ้ำลมเย็น ถ้ำค้างคาว ฯลฯ
โทร. 036-451725
พวกเรานัดเจอกันที่ทำการเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาสมโภชน์ (บางส่วนก็มาพักที่เขตห้ามล่าฯ ก่อนแล้ว อย่างเช แงซาย พี่ ต่อ พี่เอมมี่) มาถึงก็ช่วยกันจัดของกองกลาง น้ำถือว่าสำคัญมากเพราะบนเขาไม่มีแหล่งน้ำ
มอบอาหารและพัดลมให้พี่เจ้าหน้าที่ โดยทั้ง 17 คน ช่วยกันออกเงินในครั้งนี้
ก่อนออกเดินทางกินข้าวรองท้องก่อน
เรียกรวมพลถ่ายภาพหมู่ ทริปนี้เป็นการรวมตัวของคนทำรีวิว ทำเพจ คนบ้าๆ บอๆ ที่โคจรมาเจอกัน แบบนี้ก็บันเทิงหละสิ
ออกเดินทางจากหน่วยไปยังเขาสามพี่น้อง จุดหมายที่เราจะไปสำรวจกันในครั้งนี้
ยอดเขาสูงตระหง่านเบื้องหน้าคือเป้าหมายของเรา แค่มองจากตรงนี้ก็พอจะรู้แล้วว่าทางข้างหน้าเราต้องเจอกับอะไรบ้าง
เวลา 11.30 น. เดินทางมาถึงจุดเริ่มเดิน เขาลูกข้างหน้าคือเป้าหมายของเราในวันนี้
คุยเรื่องเส้นทางว่าจะตัดไปทางไหน
วางแผนเสร็จ เริ่มออกเดินทางเวลาประมาณ 11.30 น. ร้อนมากกกก ร้อนแบบเอาชีวิตกันไปเลยมั้ย
แผ่นหินที่ร้อนระอุ กับแดดที่แผดเผา ทำให้ก้าวขาแทบไม่ออก
นานๆ จะมีร่มเงาให้เราได้พัก ถือว่ายังดี ไม่งั้นแดดคงเผาตาย สภาพโดยทั่วไปป่าเปลี่ยนแปลงไปมาก พื้นที่โดยรอบเป็นไร่อ้อย ไร่ข้าวโพด และ
มันสำปะหลังของชาวบ้าน
เจอร่มก็โดใส่เลย ร้อนเป็นบ้า หินเวลาเดินต้องระวังบางก้อนกลิ้งไปกลิ้งมา
ต้นไม้เองก็เอาตัวรอดโดยการผลัดใบจนเหลือแต่กิ่งก้าน มองๆ ดูก็สวยไปอีกแบบ
ระหว่างทางที่ผ่านมา มีฝูงลิงคอยจับตามองพวกเราตลอดทาง มันคงหิว อ่อตัวชันโรงอีก ตมหน้าตอมตา น่ารำคาญมาก
เดินสูงขึ้นเริ่มมีใบไม่เขียวๆ บ้าง แต่เริ่มเหี่ยว แถมปลายใบเป็นหนามไม่ค่อยดีเท่าไร จากจุดนี้ไปก็ใกล้จะถึงบริเวณที่ตั้งแค้มป์แล้ว
ถึงบริเวณที่ตั้งแค้มป์ แต่ดูทำเลแล้วมันแคบเกินไป พื้นที่ใช้สอยน้อย เลย ออกเดินหาที่กันใหม่
ช่วยกันปรับพื้นที่ ส่วนอาหารแขวนไว้บนต้นไม้ กันมด และปลวก
ช่วยกันทำอาหาร งานี้แม่ครัว พ่อครัวเยอะดีจริงๆ ระดับแอดมินเพจทั้งนั้น
กับข้าวเพียบงานนี้
พี่แก็บมีบริการ ชากาแฟ ไม่อั้น
งานนี้ ผอ.ศาสตราจารย์ ด็อกเตอร์ นายสัตวแพทย์ พลอากาศเอก สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล ศูนย์สหกิจจังหวัด ทันตแพทย์ สมาชิกสภาพัฒนาแรงงานเพื่อความมั่งคงแห่งชาติ ราชนาวี นายแพทย์ นาวาอากาศเอก ปลัดอำเภอ อธิการบดี ธีรภวยภ่วยภ้วย อันเยนทวยฟ่วยฟวย อุเวมุเวมทะเววุม โอซาส นนท์ ........คิดเมนูน้ำอุฟุฟวยฟวยฟวย อันเยนทวยฟ่วยฟวย อุเวมุเวมทะเววุม โอซาส ให้พวกเราได้ทานกัน ดูท่าโรยเกลือซะก่อน
เมนูอาหารเห็นแล้วหิวเลย
มาดูบ้านของแงซายบ้าง
ยังไม่ได้ทานนะ เดินขึ้นยอดไปชมวิวกันก่อน
มาชมวิวกันคะ
มีลิงนั่งชมวิวอยู่อีกฝั่งด้วยเหมือนกัน
พี่เอมมี่และพี่ต่อโชว์หวาน
มันก็โอเครนะ วิวบนนี้
ถึงเวลาชุลมุน หลังอาหารนั่งคุย กันพักใหญ่ๆ ก็แยกย้ายกันไปนอน
ตอนเช้า ไม่รีบ ไม่ร้อน ทานข้าว เช้าแบบสบายๆ
คืนเดียวปลวกขึ้นรองเท้าเพียบเลย ดีนะแขวนของกินไว้ หลังจากทานข้าวเก็บข้าวเก็บของ กองไฟดับและฝังกลบ ขยะใส่ลงเป้
ตรวจดูความเรียบร้อย แล้วถ่ายรูปร่วมกัน เตียมออกเดินทาง เมื่อเช้าตอนทานข้าวได้วางแผนการเดินกันว่าการเดินทางในขากลับจะเปิดเส้นทางไหม่ พอลงเขาแล้วจะโทให้รถมารับ แล้วขับไปยังจุดเริ่มเดินอีกครั้ง เพื่อเดินไปสำรวจถ้ำ
ออกเดินทางกันเถอะ ยังหาฟอสซิลไม่เจอเลย เมื่อวานก็หา
ทางขากลับลำบากกว่าวันแรกมาก หินคม ทางชัน
ยืนจากตรงนี้ มองเห็นหุบข้างล่างที่ยังมีความเขียวอยู่
ทั้งปีน ทั้งป่าย ลัดเลาะไปตามช่องหิน
ทางขากลับถึงจเดินลำบาก แต่ยังมีร่มเงามากกว่าเมื่อวานนี้มาก
เจอหลุมเจอซอกก็มุดลงไปดูเผื่อจะมีถ้ำ
นั่งพักตรงบริเวณช่องลม ตรงนี้ลมเย็นมาก และมีร่อรอยเลียงผาเต็มไปหมด เจอมูลเลียงผา ทั่วบริเวณ
ทางชันและเดินลำบากพอดู
เจอลูกไม้แปลกๆ ด้วย
ทางบางช่วงก็รกมากแงซายต้องออกแรงฟันหนามอยู่บ่อยๆ
ทริปสำรวจ เช เจอก้อนหินขนาดประมาณ 60 เซน ลักษณะคล้าย ฟอสซิล เดินหาจนตาลาย ดูก้อนหินแทบทุกก้อนที่เดินผ่าน เลยส่งภาพไปเช็คปรากฏว่าเป็นฟอสซิล ใช่แล้วครับ ที่เห็นนี้เป็นฟอสซิลของปะการัง ตามรูปแรก จะเห็นเป็นโครงสร้างด้านตัดขวาง (ปะการังผ่าซีกตามแนวตั้ง) ส่วนรูปที่สาม จะเห็นโครงสร้างที่เป็น Septa ของปะการังชัดเจนมาก (โครงสร้างดูคล้ายๆ รูปกลมๆ ที่มีรัศมีแผ่ออกไปทุกทิศทาง เหมือนรูปพระอาทิตย์เปล่งแสงนะครับ)
แต่ในหินปูนก้อนเดียวกันนี้ ก็ยังมีตัวอื่นๆ อีกด้วยนะครับ เช่น พลับพลึงทะเล หรือ ไครนอยด์ (Crinoid) เห็นส่วนที่เป็นก้าน (Stalk) ที่กระจัดกระจาย ลักษณะเป็นวงๆ ซ้อนกันอยู่
ต้องเอาฟอสซิลไปเตรียมตัวอย่างให้เป็นแผ่นหินบางๆ หรือที่เรียกกันว่าวิธีศิลาวรรณา (Thin section) แล้วเอาไปส่องดูใต้กล้อง ถึงจะจำแนกชนิดได้นะครับว่าเป็นชนิดไหน : )
พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา
ข้อมูลจาก natural history museum
ระหว่างทางมีผักหวานป่าด้วย เก็บผักหวานแล้วเดินต่ออีกไม่ไกลก็ถึงจุดที่นัดให้รถมารับ เดินไม่ไกลมาก ทั้งสองวันประมาณ 6 กิโลเมตร
ออกจากป่าประมาณ บ่ายสองโมงกว่า ทานข้าวบนรถเลย แล้วขับรถกลับไปยังจุดแรกที่เดิน (ขากลับเราเดินทะลุงเขามาอีกฝั่ง)
ทันทีที่รถจอด เชก็สอบถามว่าใครจะไปดู้ถบ้าง มีทั้งคนที่ไปและไม่ไป บางคนของนอนรถที่รถ ก็แล้วแต่ความพอใจของแต่ละคนไม่บังคับกัน หลังจากตระเตรียมไฟฉาย น้ำดื่ม เชือก ก็ออกเดินทางไปดูถ้ำกัน เชเห็นแก๋มยืนตัดต้นไม้อยู่ เลยถามว่าไม่ไปด้วยกันเหรอ แก๋มตะโกนตอบกลับมาว่า ไปก่อนเดี๋ยวตามไป
เห็นทางเข้าถ้ำแล้วถอดใจเลย แต่เป็นงัยเป็นกันมาถึงนี่แล้ว ในใจลึกๆ กลัวหมีด้วยเพราะหน้าแล้งแบบนี้หมีอาจไปหลบนอนใน้ถก็เป็นได้
เชคลานตามเข้าไปเป็นคนที่สามต่อจากเจี้ยบ และที่เห็นแก๋มหายไปก็ไปทำคบไฟมานี่เอง แก๋มบอกว่าในเป้มีไม้เกี๊ยติดมาพอดี
ภายในถ้ำหลังจากพ้นช่วงที่แคบแล้วจะเป็นห้องโถงใหญ่มีทางเดินยากลึกเข้าไป ภายในถ้ำมีค้างคาวอาศัยอยู่ และจากภาพที่สองจะเห็นได้ว่ามีหินย้อยที่ยังไม่ตายอยู่
หลังจากสำรวจถ้ำแรกเสร็จแล้วพี่เจ้าหน้าที่บอกว่ายังมีถ้ำอีกซึ่งสามารถเดินทะลุไปออกที่หน้าผาบนยอดเขาได้เลย แต่มีสมาชิกบางคนไม่ตามมา ทำให้มีแค่ 5 คนที่ไปกันต่อ คือ เช นนท์ ทีม เจ้าหน้าที่ และอีกคนจำชื่อไม่ได้อะ ทางที่จะไปแทบเลื้อยเข้าไปเลยเพราะแคบมาก
ภายในเป็นโถงทางเดินยาว พี่เจ้าหน้าที่บอกว่าจะต้อง คลาน มุด เดิน แบบนี้ไปเรื่อยจนถึงหน้าผา
เดินไปสักพักได้ยินเสียงพี่เจ้าหน้าที่บอกว่าทางปิดแล้ว พวกเราจึงรีบตามไปดู พี่เขาบอกว่าหินถล่มลงมาปิดทางที่เราจะไปต่อแล้ว
พวกเราจึงถามว่าเดินกลับทางเก่าไหม แต่พี่เจ้าหน้าที่บอกว่าขอดูสำรวจดูก่อนเผื่อมีทางออก และก็มีจริงๆ แต่ทางโครตแคบเลย
แล้วก็ปีนตามๆ กันออกไปที่ละคน ขยับตัวแรงก็ไม่ได้ เด้วหินถล่มลงมาอีกรอบ มีตายแน่นอน
กว่าจะออกมาได้ต้องแทรกตัวออกมาตามช่องหินแคบๆ ต้องจัดระเบียบร่างกายกันนานพอดู กว่าจะออกมาครบ
หลังจากออกมาจากถ้ำก็เดินลงไปที่รถ แล้วเดินทางกลับไปที่หน่วย
เดินทางถึงหน่วยประมาณ สี่โมงเย็น แยกย้ายกันไปอาบน้ำ ส่วนเจี๊ยบ ตั้ม หนิง ทำอาหารให้ทานอีกรอบ โดยทั้งสมาชิกทั้งหมด และมีพี่เจ้าหน้าที่ร่วมทานด้วย 3 คน คือ พี่ไพรัช พี่เมธี พี่นัทที
ทริปนี้ต้องขอบคุณเจี๊ยบมากที่จัดทริปนี้ขึ้นมา สนุกมาก และก็ร้อนนรกๆ มาก อิอิ
ขอบคุณแม่ครัวหนิงที่ทำอาหารให้ทาน ตำแตง ไข่เจียวไข่มดแดง ปลาร้าบอง อร่อยมาก หม่ำจากขอนแก่นที่หนิงหิ้วมาก็รสชาติดีมาก
ขอบคุณตั้ม ที่ทอกไก่ให้กิน พี่แก๊บที่ชงชากาแฟ และคนอื่นที่คอยรับส่งมุขกันอย่างสนุกสนาน ทำให้การเดินทางในทริปนี้มีอรรถรสมากๆ
ปล. วิท ตดบ่อยมาก ควรไปตรวจลำไส้ด่วน
I'm Che
วันพฤหัสที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 20.45 น.