ให้บรรดานักเดินทางเลือกจังหวัดน่าเที่ยวสักสี่ห้าอันดับ รับรองว่าทุกลิสต์ต้องมีเชียงใหม่รวมอยู่ เพราะของเขาดีจริงมีทุกสิ่งให้เลือกสรร ยอดดอยเสียวสูง ธรรมชาติเขียวขจี ศิลปวัฒนธรรม แง่งามศาสนา เรียกว่าเป็นหนึ่งจุดหมายในฝันของคนเดินทางทั้งหลายไม่ว่าจะมือสมัครเล่น หรือเซียนท่องเที่ยว
อย่างไรก็เถอะมักมีคำถามสำคัญของคนอยากเที่ยวเชียงใหม่คือ ถ้าไม่มีรถยนต์ส่วนตัวจะเที่ยวยังไงให้สนุก ขอตอบเลยว่าทำได้ง่ายมากโดยไม่ต้องพึ่งพารถแดงแสนจะรีดราคาขูดเลือดขูดเนื้อ เพราะเชียงใหม่เป็นเมืองที่สามารถขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวสบาย ขอแค่ทักษะการซิ่งมอเตอร์ไซค์ของคุณแข็งแรงประมาณหนึ่ง สำหรับผมทำมาหลายครั้งและต้องมีครั้งต่อไป ฟันธง!
วางแผนเที่ยวเชียงใหม่ด้วยมอเตอร์ไซค์ เลือกใช้บริการรถทัวร์สะดวกที่สุด เพราะมีร้านเช่ามอเตอร์ไซค์อยู่ตรงสถานีขนส่ง – คนเชียงใหม่เรียกว่าอาเขต พอลงรถทัวร์ปุ๊บเช่ามอเตอร์ไซค์ได้ทันที วิธีคือจองตั๋วรถทัวร์รอบดึกมาถึงเชียงใหม่ตอนเช้า ร้านรถเช่าเดี๋ยวนี้มีหลายร้าน แต่ผมขอแนะนำร้าน Bikkey ข้างโรงแรมแกรนด์ ไดมอนด์ เช่ามาหลายครั้งไม่เคยมีปัญหา เกียร์ธรรมดา 200 บาท ออโต้ 250 บาท ออโต้ตัวใหญ่ 300 บาท เปิดหกโมงเช้ายันสามทุ่มทุกวัน ส่วนขากลับจองรถรอบหัวค่ำ เอามอเตอร์ไซค์มาคืนแล้วจะได้ไม่ต้องรอขึ้นรถนานเกินไป วางโปรแกรมแบบนี้ลงล็อกสุดๆ ถ้าหากใครนั่งรถไฟหรือขึ้นเครื่องบินก็ต้องเสียค่ารถไปเช่ามอเตอร์ไซค์อีกต่อครับ หาเช่าแถวถนนห้วยแก้วก็ได้
ส่วนการขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวใกล้ตัวเมืองเชียงใหม่แบบไม่ยากผมมีแนะนำ 5 เส้นทาง มีเวลากี่วัน อยากเที่ยวที่ไหนมากกว่ากันตัดสินใจเอาเองครับ...
Route 1 : 5 km : ท่องตัวเมือง เล่าเรื่องประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม
วัดพระสิงห์ – วัดเจดีย์หลวง – วัดพันเตา – อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ – เครือข่ายพิพิธภัณฑ์กลางเวียงเชียงใหม่ – วัดเชียงมั่น – วัดสวนดอก – วัดเจ็ดยอด – วัดศรีสุพรรณ
เมืองเชียงใหม่มีวัดเพียบ ซ้ายก็วัด ขวาก็วัด เส้นทางเที่ยวกลางเมืองจึงเน้นวัดเป็นหลัก เข้าวัดไหว้พระ ชื่นชมสถาปัตยกรรม ประติมากรรม ศึกษาประวัติศาสตร์ความเป็นมาพื้นถิ่น ซึ่งผมขอคัดแค่วัดเด่นๆ น่าสนใจนะครับ ไม่อย่างนั้นมีหวังเที่ยวสามวันก็ไม่หมด
เริ่มต้นคือวัดพระสิงห์ สำคัญเพราะเป็นวัดที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ พระคู่บ้านคู่เมืองซึ่งจะอัญเชิญมาให้ประชาชนสรงน้ำในวันสงกรานต์นั่นไง องค์พระประดิษฐานในวิหารลายคำนะไม่ใช่วิหารหลวงด้านหน้า องค์พระสวยงามตามศิลปะล้านนาอย่างมาก ต่อมาคือวัดเจดีย์หลวง อันหมายถึงเจดีย์ใหญ่ ซึ่งยอดหักโค่นเหลือเพียงครึ่งจากเหตุการณ์ฝนตกแผ่นดินไหวตั้งแต่ปี พ.ศ. 2088 เจดีย์แห่งนี้เคยเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตเมื่อครั้งองค์พระอยู่ที่เชียงใหม่ ขณะที่ติดกับวัดเจดีย์หลวงคือวัดพันเตา โดดเด่นด้วยวิหารหอคำหลวงสร้างด้วยไม้สัก
ลัดเลาะต่อมาถึงอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ คือพญามังราย อาณาจักรล้านนา พญางำเมือง อาณาจักรภูกามยาว (พะเยา) และพ่อขุนรามคำแหง อาณาจักรสุโขทัย ซึ่งตำนานว่าทำไมกษัตริย์ทั้งสามถึงมีความสัมพันธ์แนบแน่น และเกี่ยวข้องกับการสร้างเมืองเชียงใหม่อย่างไร หาอ่านได้เลยภายในศูนย์เรียนรู้ประวัติศาสตร์ เรียกว่าเครือข่ายพิพิธภัณฑ์กลางเวียงเชียงใหม่ ประกอบด้วยสามส่วนคือหอศิลปวัฒนธรรมเชียงใหม่ กับหอประวัติศาสตร์เชียงใหม่ ตั้งอยู่ด้านหลังอนุสาวรีย์ ส่วนพิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นล้านนาตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม ทั้งหมดพิพิธภัณฑ์ที่ผมชื่นชอบมาก เช่นเดียวกับประวัติของกษัตริย์ทั้งสาม
ในคูเมืองยังมีอีกวัดน่าสนใจอีกคือวัดเชียงมั่น วิหารหลวงมีจิตรกรรมลายคำสวยงาม ส่วนวิหารหลังเล็กประดิษฐานพระพุทธรูปเก่าแก่ศักดิ์สิทธิ์สององค์ คือพระเสตังคมณี พระแก้วใสองค์สูงแค่ราวสิบห้าเซนติเมตร กับพระศิลา เป็นพระพุทธรูปแกะสลักบนแผ่นหิน อายุนับพันปี
เพียงเท่านี้หากใครใช้เวลาเนิบนาบอิ่มเอมกับทุกอย่างน่าจะใช้เวลาจากเช้าจนบ่ายแก่ๆ แต่ถ้ายังไม่หนำใจ นอกคูเมืองมีวัดแนะนำอีกสามแห่งสามทิศทาง คือวัดสวนดอกทางตะวันตก วัดเจ็ดยอดทางตะวันตกเฉียงเหนือ และวัดศรีสุพรรณ ทางทิศใต้
วัดเจ็ดยอด อยู่บนทางหลวงหมายเลข 11 ซูเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่-ลำปาง ไม่ไกลจากทางขึ้นดอยสุเทพ มีเจดีย์สวยแปลกคือเป็นอาคารทรงเหลี่ยม ด้านบนมียอดเจดีย์เรียงรายกันเจ็ดยอด ส่วนวัดสวนดอกออกจากตัวเมืองทางประตูสวนดอก ในวัดมีกู่เจ้านายฝ่ายเหนือ หรือพระเจดีย์บรรจุอัฐิของเหล่าเจ้านายเจ้านครในอดีต แต่สิ่งที่ผมชอบมากที่สุดอยู่ในพระอุโบสถคือพระเจ้าเก้าตื้อ พระประธานปางมารวิชัย ซึ่งองค์ไม่ใหญ่นักทว่ามีความสวยงามเปล่งปลั่งที่สุด เป็นพระพุทธรูปซึ่งผมบอกเลยว่าสวยที่สุดองค์หนึ่งเท่าที่เคยเห็นมา
และสุดท้ายวัดศรีสุพรรณ ไปทางใต้บนถนนวัวลาย มีป้ายชี้บอกหาไม่ยาก ถนนวัวลายเป็นแหล่งทำเครื่องเงินชั้นดี ทางวัดจึงผุดไอเดียสร้างพระอุโบสถทรงล้านนาจากเงินทั้งหลัง งานฝาผนังที่ปกติเป็นภาพจิตรกรรมเปลี่ยนเป็นงานแกะสลักเครื่องเงิน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าใช้ฝีมือขนาดไหน
ใครไปหมดแบบไม่ใช่ชะโงกทัวร์ เที่ยวชมเรียนรู้จริงจัง แค่นี้ต้องบอกว่าเหนื่อยแล้ว
Route 2 : 30 km : ดอยสุเทพ-ปุย บิดฉลุยจากตีนถึงยอด
สวนสัตว์เชียงใหม่ – อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย – น้ำตกห้วยแก้ว –น้ำตกมณฑาธาร – จุดชมวิว – วัดพระธาตุดอยสุเทพ – พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ – บ้านม้งดอยปุย – ขุนช่างเคี่ยน
เส้นทางยอดฮิตสำหรับนักบิดและท่องเที่ยว การขี่มอเตอร์ไซค์ขึ้นดอยสุเทพคือความสนุกสนาน ถนนอย่างดี ไม่ชันเกินไป ที่เที่ยวรายทางเพียบ เกียร์ธรรมดาหรือออโต้ได้หมด ตีนดอยถึงยอดดอยแค่จิ๊บๆ แต่เที่ยวแค่วันเดียวไม่มีทางหมด ต้องเลือกคัดกรองจุดหมายเอาครับว่าอยากไปที่ใดบ้าง
จุดแรกสวนสัตว์เชียงใหม่ หากมาที่นี่ปิดประตูเที่ยวที่อื่นเลย อยู่ได้ทั้งวันตั้งแต่เช้าจรดเย็น ถัดไปอีกนิดตรงอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย เลี้ยวเข้าไปจะพบน้ำตกห้วยแก้ว อยู่ในความดูแลของ อช.ดอยสุเทพ-ปุย ไม่เก็บค่าเข้าชมเพราะเป็นน้ำตกขนาดเล็ก มานั่งปิกนิกสบายดี แต่ความสวยงามอาจไม่มากเท่าไหร่
ใครอยากชมน้ำตกสวยกว่าต้องน้ำตกมณฑาธาร ขึ้นจากตีนดอยไปสัก 4 กิโลเมตร ผ่านด่านอุทยานฯ เสียตังค์เข้าไปอีกนิด ถนนลาดยางขี่สบาย ความจริงน้ำตกมีทั้งหมดเก้าชั้น แต่จำกัดการเที่ยวเพียงสองชั้น อยากผจญภัยชมน้ำตกสูงกว่าต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ล่วงหน้า
ถัดจากน้ำตกมณฑาธารคือจุดชมวิวตัวเมืองเชียงใหม่ พอเลยจุดชมวิวเทโค้งไปเทโค้งมาขึ้นเขาสัก 5 กิโลเมตร จึงถึงวัดพระธาตุดอยสุเทพ เผื่อใครไม่รู้ขอบอกว่าวัดเปิดถึงสามทุ่ม ใครมาหามุมถ่ายภาพยามเย็นตอนท้องฟ้ากำลังสีน้ำเงินเข้มตัดกับองค์พระธาตุสีทองซึ่งฉาบฉายด้วยแสงไฟจะได้ภาพงดงามมาก
กราบไหว้พระธาตุดอยสุเทพเสร็จ จับระยะทางอีก 4 กิโลเมตร ถึงพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ พระตำหนักเปิดขายบัตรถึง 15.30 น. เที่ยวชมด้านในได้ถึง 16.15 น. ค่าเข้าชมคนไทยแบงค์สีเขียวใบเดียว แต่ต้องแต่งกายเรียบร้อย มีเส้นทางเดินชมพรรณไม้กับสวนสวยๆ โดดเด่นที่สุดคือกุหลาบหลากหลายสายพันธุ์ที่รับรองว่าไม่เคยเห็นตามปากคลองตลาด
หลังจากตรงนี้ต้องใช้ฝีมือเพิ่มขึ้นเพราะถนนแคบลง (เลยพระตำหนักมาแล้วนี่นะ) สักพักพบสามแยก เบี่ยงไปทางซ้ายราว 2 กิโลเมตร จะถึงบ้านม้งดอยปุย แต่ก่อนอยู่กินกันตามวิถีคนดอย ปัจจุบันชาวม้งเล่นแท็บเล็ตกดไอโฟนสนุกสนาน ไม่ขอพูดว่าไปชมวิถีชาวเขาเพราะคงเป็นการโกหกกัน เอาเป็นว่าหากอยากสัมผัสบรรยากาศหมู่บ้านบนดอยไปเชยชมสักหน่อยไม่เสียหาย
จากบ้านม้งดอยปุยย้อนกลับมาสามแยก อีกเส้นทางมุ่งสู่ขุนช่างเคี่ยนซึ่งเลื่องชื่อเรื่องดอกนางพญาเสือโคร่งนั่นไง ระยะทาง 5 กิโลเมตรแต่ใช้เวลาเกินห้านาทีแน่นอน เส้นทางเพิ่มความแอ็ดวานซ์ในการขี่แมงกะไซค์ ระหว่างทางผ่านลานกางเต็นท์ของอุทยานฯ ผมนอนมาแล้วบรรยากาศเยี่ยม ตอนเช้าสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นจากศาลาชมวิว กระทั่งไฮไลท์สุดท้ายคือการตามล่าต้นซากุระเมืองไทย ณ สถานีวิจัยเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน ป่าสีชมพูงามจับใจ ถือเป็นจุดชมดอกนางพญาเสือโคร่งใกล้ตัวเมืองที่สุด แต่เจ้าดอกไม้แสนสวยนี้ปกติจะบานราวเดือนมกราคม ระยะเวลาไม่กี่สัปดาห์นะ ไม่ใช่มีให้ชมทั้งปี
จากตีนดอยถึงยอดดอยระยะทางแค่ 30 กิโลเมตร เที่ยวอะไรตามแต่สะดวกและเหมาะกับฤดูกาลนะครับ
Route 3 : 40 km : ซิ่งเส้นแม่ริม เอมอิ่มธรรมชาติ
ห้วยตึงเฒ่า – น้ำตกแม่สา – สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ – ม่อนแจ่ม
ม่อนแจ่มรถมอเตอร์ไซค์ขึ้นได้ไหม ขอตอบว่าง่ายยิ่งกว่ารถยนต์หลายเท่า... ทางหลวงหมายเลข 1096 แม่ริม-สะเมิง ได้รับการแซวเล่นว่าเป็นถนนสารพัดสัตว์ เพราะมีทั้งคุ้มเสือ ปางช้าง โชว์งู จระเข้ ลิง สวนสัตว์แมลง ทัวร์ต่างชาติชมโชว์เลยวิ่งกันพล่านไปหมด แต่นั่นไม่ใช่เป้าหมายของผมหรอกครับ ถ่อมาเชียงใหม่ทั้งทีจะชมโชว์สัตว์ทำไมกันเล่า
ออกจากคูเมืองเชียงใหม่ที่ประตูช้างเผือกทางทิศเหนือ ใช้ทางหลวงหมายเลข 107 เชียงใหม่-ฝาง ระหว่างทางผ่านแยกศูนย์ราชการซึ่งเป็นทางเข้าอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า อยากแวะเที่ยวก็ลุยเลย มีหาดทรายและเพิงอาหารริมน้ำสมฉายาทะเลเชียงใหม่ ถ้าไม่แวะก็ตรงมาอีก 15 กิโลเมตร ผ่านตัวอำเภอแม่ริมจนถึงทางแยกเลี้ยวซ้ายเข้าถนนแม่ริม-สะเมิง ระหว่างทางนี้จะเจอโชว์สัตว์ กิจกรรมผจญภัย สารพัด รวมถึงสวนกล้วยไม้สองสามแห่ง
ตรงตามถนนแม่ริม-สะเมิง 5 กิโลเมตร ก็ถึงทางเข้าน้ำตกแม่สา จ่ายสตางค์ค่าเข้าอุทยานฯ แล้วพร้อมลุย น้ำตกนี้อยู่ในเขต อช.ดอยสุเทพ-ปุย แต่เป็นอีกฝั่งหนึ่งของภูเขา มีทั้งหมดสิบชั้น แต่ละชั้นห่างกันไม่มาก ทางเดินดีเยี่ยม เราเริ่มต้นตรงชั้นสี่ เดินไม่เกินสี่สิบนาทีถึงชั้นบนสุด ส่วนชั้นแรกถึงชั้นสามค่อยลงมาเที่ยวทีหลัง เรื่องความสวยงามคงไม่โกหกพกลมว่าสุดสวยขนาดนั้น แต่ความน่าเที่ยวยกนิ้วให้ เพราะเป็นน้ำตกใหญ่เที่ยวง่าย เข้าถึงสะดวก มาถึงแม่ริมทั้งทีต้องแวะสักหน่อย
ถัดจากน้ำตกแม่สา ถนนเริ่มคดเคี้ยวเป็นทางขึ้นเขาซิ่งมอเตอร์ไซค์สนุกสนาน ต่ออีก 4 กิโลเมตร ถึงปางช้าแม่สา จากปางช้างอีก 2 กิโลเมตร ถึงสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ จ่ายตังค์แล้วเอามอเตอร์ไซค์เข้าไปเที่ยวตามสะดวก ภายในสวนใหญ่มากกกกก (ขอลากเสียงหน่อย) ดังนั้นจำต้องเลือกโซนเที่ยว น่าสนใจสุดต้องบนยอดเขาโน่นแหละ เป็นที่ตั้งของกลุ่มเรือนกระจกจัดแสดงพันธุ์ไม้หลายประเภท ไม้ทะเลทราย ไม้น้ำ บัว เฟิน ไม้ประดับ สับปะรดสี เด่นที่สุดคือเรือนใหญ่จำลองป่าดิบชื้นเล่นเอาอึ้งเหมือนเดินเข้าป่าจริงๆ
จากนั้นระหว่างทางขี่ลงมาจะผ่าน พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ Natural Science Museum จอดรถแล้วแวะชมเลยไม่เสียสตางค์เพิ่ม จัดทำค่อนข้างดี มีภาพสามมิติให้ถ่ายรูปเล่นนิดหน่อยด้วย
จากสวนพฤกษศาสตร์ บิดมอเตอร์ไซค์ต่อ 3 กิโลเมตร ถึงแล้วครับทางเลี้ยวขวาขึ้นเขาสู่โครงการหลวงหนองหอยหรือที่คุ้นปากว่าม่อนแจ่ม เข้าไปอีก 6 กิโลเมตร ใครมาเยือนแล้วประทับใจสุดๆ หรือไม่รู้สึกว่ามีอะไรพิเศษอยู่ที่ทัศนะส่วนบุคคล โดยมากนิยมขึ้นไปกินข้าวชมวิวสบายๆ และถ่ายรูปกับสวนดอกไม้ที่เขาจัดทำไว้ ใกล้เคียงมีที่เที่ยวอื่นชื่อม่อนโน้นม่อนนี้ตามกระแสเต็มไปหมด ก็แล้วแต่สะดวกอยากไปตรงไหนตามใจเลย
โดยสรุป ทางหลวงหมายเลข 1096 แม่ริม-สะเมิง น่ารักน่าหลงน่าเที่ยวและขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวง่ายมาก
Route 4 : 30 km : สายธารแม่ขาน ตำนานดอยคำ
อุทยานหลวงราชพฤกษ์ – วัดพระธาตุดอยคำ – เชียงใหม่ ไนท์ ซาฟารี – วัดต้นเก๋วน – อช.ออบขาน
เส้นทางโปรดของผม ขี่มอเตอร์ไซค์ง่าย รถโล่งซิ่งสบาย สำคัญคือมุ่งหน้าไปทางอุทยานแห่งชาติซึ่งผมหลงรักหัวปักหัวปำ อช.ออบขาน แห่งอำเภอหางดง แถมระหว่างทางยังมีที่เที่ยวชื่อดังรออยู่อีกเพียบ ซึ่งผมขอเน้นเที่ยวออบขานเป็นอันดับแรก แล้วค่อยย้อนกลับมาครับ ตามใจคนเขียนล้วนๆ (ฮา...)
จากตัวเมืองลงใต้ผ่านประตูเชียงใหม่วิ่งเข้าถนนวัวลายออกสู่ทางหลวงหมายเลข 108 เชียงใหม่-ฮอด มาเลี้ยวขวาที่แยกแม่เหียะสมานสามัคคี (ชื่อเขาจริงๆ นะ) เข้าทางหลวงหมายเลข 121 วงแหวนรอบนอกเมืองเชียงใหม่ (สายนี้เลี้ยวซ้ายมาจากแยกที่ถนนห้วยแก้วทางขึ้นดอยสุเทพก็ได้) ไปเรื่อยๆ สุดถนนถึงสี่แยกต้นเก๋วน ตรงเข้าทางหลวงชนบท ชม.3035 เลียบคลองชลประทาน จนพบป้ายเลี้ยวขวาเข้าอุทยานฯ จากปากทางนับอีก 12 กิโลเมตร ถนนลาดยางวิ่งคดเคี้ยวดั่งงูเมายาจนถึงด่านตรวจ จากนั้นจึงเป็นทางลูกรังรถยนต์อาจต้องระวัง แต่รถมอเตอร์ไซค์สบายบรื๋อ
คำว่าออบหมายถึงช่องแคบหรือร่องผาซึ่งมีลำน้ำไหลผ่านด้านล่าง ออบขานจึงหมายถึงออบที่แม่น้ำขานไหลผ่าน ปัจจุบันเป็นอุทยานฯ ซึ่งยังรอการประกาศในราชกิจจานุเบกษาจึงไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียม ใครอยากเล่นน้ำเตรียมชุดมาเปลี่ยนได้เลย
ออบขานอยู่ห่างจากลานจอดรถแค่ไม่กี่ร้อยก้าว ทางเดินศึกษาธรรมชาติเริ่มต้นด้านหลังศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เลียบหน้าผาไปเรื่อยๆ คือออบขาน สวยงามแปลกตา พ้นจากออบขานจะถึงแม่น้ำขานช่วงที่เราสามารถลงเล่นสนุกชื่นฉ่ำ เส้นทางเลียบแม่น้ำขานยาวประมาณ 1 กิโลเมตรไปสิ้นสุดที่ออบไฮ ออบอีกแห่งหนึ่งเล็กกว่าออบขาน จากนั้นทางเดินจะเลี้ยวเข้าป่าวนกลับถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ใครอยากเดินเชิญตามสบาย แต่ผมเลือกเลาะแม่น้ำขานกลับได้อรรถรสทางสายตามากกว่าครับ
หากไม่อยู่ที่ออบขานจนเย็นย่ำสามารถซิ่งมอเตอร์ไซค์แวะที่เที่ยวเจ๋งๆ ตามรายทางขากลับ ย้อนมาถึงแยกต้นเก๋วน เลี้ยวซ้ายที่สี่แยกแล้วเลี้ยวซ้ายอีกทีเข้าสู่วัดต้นเก๋วน วิหารของวัดต้นเก๋วนเป็นต้นแบบหอคำหลวง ภายในอุทยานหลวงราชพฤกษ์ จากนั้นกลับเข้าถนนวงแหวนรอบนอกเมืองเชียงใหม่ หรือทางหลวงหมายเลข 121 สัก 8 กิโลเมตร จะถึงสี่แยกราชพฤกษ์ ให้เลี้ยวเข้าสู่อุทยานหลวงฯ ได้เลย ชมดอกไม้และการจัดสวนสวนหลากหลายรูปแบบตามใจชอบ
หากมีเวลาอยากให้แวะวัดพระธาตุดอยคำ อีกหนึ่งพระธาตุศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองเชียงใหม่ไม่แพ้พระธาตุดอยสุเทพ มีตำนานว่ากาลก่อนดอยคำเป็นที่อยู่ของยักษ์สองตนคือปู่แสะย่าแสะ ผู้เป็นพ่อแม่ของเทวฤๅษี (ดอยสุเทพตั้งชื่อมาจากเทวฤๅษีนี่แหละ และเทวฤๅษีคือพ่อบุญธรรมของพระนางจามเทวี กษัตรีแห่งอาณาจักรหริภุญชัย – ว่ากันตามตำนานสนุกๆ นะครับ) ครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าเสด็จมาที่นี่รับทราบถึงความเดือดร้อนของผู้คนที่เกิดจากปู่แสะย่าแสะ จึงแสดงธรรมจนยักษาเกิดความเลื่อมใส พระพุทธเจ้ามอบพระเกศาธาตุให้แก่ยักษ์ทั้งสองตน อันกลายเป็นที่มาของพระธาตุดอยคำนั่นเอง
นอกจากพระธาตุดอยคำสีทองอร่าม พระพุทธรูปองค์ใหญ่ อนุสาวรีย์พระนางจามเทวี รูปปั้นปู่แสะย่าแสะ สุเทวฤๅษี ทางวัดยังสร้างจุดชมวิวสวยๆ มองลงไปเห็นอุทยานหลวงราชพฤกษ์เหลือเล็กนิดเดียว
ทางเส้นนี้ที่เที่ยวไม่เยอะแต่เล่นเอาเหนื่อย... อะไรนะ ยังเหลือ ไนท์ ซาฟารี ไม่เป็นไรหรอก ช่างเถอะ ผมไม่สนใจเท่าไหร่!
Route 5 : 40 km : ปลดตัวอาบน้ำแร่ เปลื้องเท้าแช่น้ำร้อน
ศูนย์อุตสาหกรรมร่มบ่อสร้าง – ถ้ำเมืองออน – น้ำพุร้อนสันกำแพง
ปิดท้ายกับเส้นทางแนะนำสำหรับใครก็ตามที่มีโอกาสผจญภัยเที่ยวเชียงใหม่หลายวัน เพราะยามหนังใกล้เก็บฉากจะมีอะไรดีกว่าการผ่อนคลายสลัดความเมื่อยล้า ชื่อเสียงของน้ำพุร้อนสันกำแพงได้ยินมานานต้องขอโดนสักหน่อย ระยะทางไกลแต่จุดหมายไม่เยอะ ใช้เวลาได้เต็มที่
เที่ยวอำเภอสันกำแพง-แม่ออน ออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ที่ประตูท่าแพ วิ่งมาทิศตะวันออกอย่างเดียวเข้าทางหลวงหมายเลข 1006 เชียงใหม่-สันกำแพง ผ่านบ้านบ่อสร้าง อยากชมเขาทำร่มและซื้อสินค้าหัตถกรรมติดไม้ติดมือแวะเลยที่ศูนย์อุตสาหกรรมทำร่ม พอเสร็จสรรพค่อยตรงไปจนถนนบรรจบกับทางหลวงหมายเลข 1317 หรือถนนเชียงใหม่-สันกำแพง สายใหม่ เพื่อมุ่งหน้าสู่น้ำพุร้อน แต่หากใครไม่สนใจดูการทำร่มบ่อสร้าง แนะนำให้ออกจากเมืองเชียงใหม่มาทางสนามบิน ถึงแยกดอนจั่น แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 1141 ดอนจั่น-เชียงใหม่ จนเชื่อมทางหลวงหมายเลข 1317 ได้เลยจะไม่ต้องผ่านตัวอำเภอสันกำแพง
ริมทางหลวงหมายเลข 1317 ผ่านอำเภอสันกำแพงจนถึงอำเภอแม่ออน จะเห็นป้ายบอกทางเข้าถ้ำเมืองออน ฟังชื่อน่าสนเลี้ยวรถโดยพลัน ถ้ำเมืองออนไม่ใช่ถ้ำแบบเที่ยวธรรมชาติ แต่เป็นถ้ำซึ่งมีพระพุทธรูปประดิษฐานเต็มไปหมด มีไฮไลท์ตรงพระธาตุนมผาซึ่งเป็นหินงอกขนาดใหญ่แลดูคล้ายพระสถูปเจดีย์ บนยอดเขายังเป็นที่ประดิษฐานพระเจ้าทันใจ รูปหล่อครูบาศรีวิชัย และพระธาตุเจดีย์บรรจุอัฐิของท่าน บอกเลยว่าเดินขึ้นไปหอบใช่เล่นแต่คุ้มค่าอยู่
ออกจากถ้ำเมืองออน อีกกิโลเมตรเดียวก็ถึงน้ำพุร้อนสันกำแพง หลายคนคงงงว่าเราผ่านอำเภอสันกำแพงมาแล้วนี่ ความจริงคือตอนจัดสร้างน้ำพุร้อนสันกำแพง แม่ออนยังเป็นส่วนหนึ่งของอำเภอสันกำแพง จนภายหลังยกฐานะเป็นอำเภอแม่ออน ทว่าก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนชื่อน้ำพุร้อนแต่อย่างใด เท่ากับว่าน้ำพุร้อนสันกำแพงอยู่ที่อำเภอแม่ออน ไม่ใช่อำเภอสันกำแพง
ที่น้ำพุร้อนมีค่าเข้าเล็กน้อย มาถึงแล้วกิจกรรมยอดฮิตคือการกินไข่ต้มใบน้อย จากนั้นค่อยถึงเวลาแช่น้ำร้อน มีให้เลือกหลากรายการ ห้องอาบส่วนตัว ตักอาบ แช่อาบ สระน้ำรวม หากไม่ต้องการขนาดนั้นขอแค่นั่งแช่เท้าอุ่นๆ ให้เลือดไหลเวียนก็ผ่อนคลายแล้ว แช่เท้าจนหนำใจค่อยเดินไปอาคารนวดแผนไทย นวดตัว นวดฝ่าเท้า สนนราคาคนไทยชั่วโมงละ 140 บาท ต้องจัดไปอย่าให้พร่อง ช่างมีความสุขเสียนี่กระไร
ที่น้ำพุร้อนสันกำแพงมีนักท่องเที่ยวเยอะทุกวัน ทั้งชาวบ้าน ชาวไทย รวมถึงต่างชาติ หยุดเสาร์-อาทิตย์ ยิ่งคนตรึม เขามีที่พักค้างแรมด้วยนะ ทั้งแบบบ้านพักหรือกางเต็นท์นอน เบ็ดเสร็จครบวงจร
ก่อนกลับบ้านจัดสบายเสียหนึ่งวัน เที่ยวเชียงใหม่ไม่จำเป็นต้องขึ้นดงดอยสูงเสียดฟ้าเสมอไป เลือกเที่ยวได้หลายสไตล์ตามความชอบ รับรองมอเตอร์ไซค์คันเดียวเอาอยู่... จริงๆ นะจะบอกให้
ใครสนบล็อกรีวิวอื่นของผม อยากคุยเรื่อยเปื่อย สอบถามข้อมูล (ถ้าผมมีให้นะ) ชวนเที่ยว ก็ยินดียิ่งครับ
>>> https://www.facebook.com/alifeatraveller
หรือ
>>> https://alifeatraveller.wordpress.com
นายสองสามก้าว / A Life, A Traveller
วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 12.15 น.