การเล่าเรื่องเที่ยวสามารถเล่าได้หลายแบบ เเม้กระทั่งเล่าผ่านเพื่อน
เกาะมาตรา หรือ เกาะมัตรา อยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร มีหาดทรายขาวสะอาดสลับกับโขดหินเรียงรายอยู่หน้าเกาะเป็นเกาะที่มี นักท่องเที่ยวนิยม มาท่องเที่ยวและดำน้ำ ดูปะการัง เนื่องจากมีแนวปะการังน้ำตื้นที่สวยงาม และมีฝูงปลาชุกชุม เกาะมาตรามีพื้นที่แนวปะการังทั้งสิ้น 0.489 ตารางกิโลเมตร แนวปะการังเป็นแบบแนวปะการังชายฝั่งก่อตัวอยู่รอบเกาะมีระดับความลึกประมาณ 8 เมตร แนวปะการังมีความสวยงามมีสภาพ สมบูรณ์ดีถึงดีมาก จึงเป็นแหล่งดำน้ำที่มีนักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวชมดูปะการัง นักท่องเที่ยวสามารถพักค้างคืนบนเกาะได้ มีที่พักเพียงแห่งเดียวคือ บังกะโล บ้านลุงขาว ในราคาไม่แพง และมีสิ่งมีชีวิตที่น่าสนใจคือ ปูไก่ ออกหากินเวลากลางคืน เวลาเดินจะมีเสียงร้องคล้าย ลูกไก่ เพราะเนื่องจาก ก้ามทั้งสองข้างเกิดการเสียดสีกัน ทำให้เกิดเสียงดังขึ้นมา
มันเล่าให้ผมฟังว่าจุดเริ่มต้นในการเดินทางครั้งนี้เกิดจากความคิดที่ว่าใกล้จะเรียนจบแล้วอีกทั้งตอนนั้นปิดเทอมซัมเมอร์ เลยต้องการที่จะออกไปเที่ยว เลยได้วางแผนกับพี่ชาย(ญาติ)มัน เพื่อหาที่ไปเที่ยวกัน ทีแรกผมก็หลงเชื่อมันนะว่ามันไปเพราะใกล้จะเรียนจบ แต่มารู้อีกที คือมันอกหัก แล้วหนีรัก นีละครับชัดเจนเลย เข้าคอนเซปที่ว่า ไปทะเลไม่หนีร้อนก็หนีรัก เพราะทีแรกผมก็ตกใจ ไปเที่ยวยังไงถ่ายรูปออกมาได้อ้างว้างขนาดนี้
และที่ที่มันเลือกไปนั่นก็คือ เกาะมาตรา เพื่อนผมคนนี้ เป็นจุดเริ่มที่พาผมเข้ามาสู่วงการ เน้นทะเลไม่เน้นคน เลยก็ว่าได้ มันเป็นคนไม่ชอบความวุ่นวาย(ในใจผมอยากบอกมันไปอยู่วัดอยู่นะฮ่าๆ) มันบอกว่าเกาะมาตรามีที่พักแค่ที่เดียว นั่นคือที่พักของ"ลุงขาว" ซึ่งมีบ้านพักราวๆ5-6หลัง มีไฟฟ้าให้ใช้เป็นเวลา รวมถึงน้ำประปาที่มีจำกัด เพียงเท่านี้ก็ดึงดูดวามสนใจของมันอย่างรุนแรงแล้ว และพอมันไปค้นข้อมูลก็ได้รู้ว่าส่วนใหญ่ทางเกาะมาตรานี้จะรับนักท่องเที่ยวเป็นกลุ่ม นั่นคือ 8-10คน เพราะเมื่อเข้าพักแล้วจะได้แบ่งห้องพักสะดวกรวมถึงเรื่องอาหาร ทางเกาะมาตราซึ่งมีที่พักที่เดียวของลุงขาวนั้นจะบริการอาหารเป็นชุด นั่นคือจะบริการในลักษณะเสริฟกับข้าวพร้อมข้าวสวยเป็นโถ เพื่อคนกลุ่มใหญ่จะได้กินกันสะดวก(น่าจะสะดวกแม่ครัวด้วยเพราะเลือกเมนูไม่ได้) ส่วนในเรื่องการท่องเที่ยวดำน้ำดูปะการังมีทัวร์ให้บริการนำเที่ยวดำน้ำเกาะต่างๆรอบๆเกาะมาตราเยอะแยะแต่มันไม่ได้ซื้อทัวร์ สรุปแล้วคือมันไปนอนโง่ๆให้ทะเลรักษาแผลใจครับ
มันเริ่มต้นการเดินทางจากจ.มหาสารคาม ในคืนก่อนวันเดินทางนั้นมันก็ได้เตรียมของต่างๆเยอะแยะมากด้วยนิสัยส่วนตัวเพื่อนผมคนนี้ มันจะพยายามรอบคลเป็นยังไง จ้า มันจัดไปชุดใหญ่ไฟกระพริบ กระเป๋านี่แน่นจนจะแตก มันบอกว่าเช้าวันเดินทางก็นั่งรถทัวร์เข้ากทม.ก่อน พอถึงกทม.แล้วปรากฏว่าแม่มันโทรมา !!จ้า ตามสเตปเลยครับ กลุ่มผมชอบหนีเที่ยว กะไปให้ถึงก่อนเเล้วค่อยบอกฮ่าๆ และก็ตามคาดครับได้ฟังบทเทศนาไป1บทก่อนที่จะตั้งหลักหารถไปจ.ชุมพรต่อ
ด้วยความที่ตอนนั้นเป็นการไปเที่ยวภาคใต้เองครั้งแรกของมัน ผมนี่คิดภาพออกเลยครับ คงเดินโง่ๆทำหัวโตๆในหมอชิตหารถไปชุมพรแน่นอน รถที่มันนั่งไปคือ รถสายใต้ เอาละไงเป็นความรู้ใหม่ว่าถ้าหากจะเดินทางไปภาคใต้ต้องไปขึ้นรถที่บขส.สายใต้ ทำไงหละทีนี้ครั้งแรกของมันซ๊ะด้วย เคว้งมั้ยละ เห็นบอกผมว่าถ้าไม่เกรงใจใคร มันยืนกรี๊ดเเล้วว่างั้นฮ่าๆ สรุปแล้วมันก็ถามคนแถวนนั้นได้ความว่าถ้าจะไปบขส.สายใต้ต้องนั่งรถตู้ไปอีกที่ก็เลยรอดตัวของมันไป ขนาดนี่แค่พึ่งถึง กทม นพครับ ผมไม่อยากคิดสภาพว่ากว่ามันจะถึงชุมพรจะเกิดอะไรขึ้นอีก พอนั่งรถตู้มาถึงบขส.สายใต้ก็ซื้อตั๋วได้เลยนะครับ ยาวทีเดียว ถึงชุมพรเลย ระหว่างทางมันบอกว่ารถทัวร์ที่มันขึ้น จอดรถให้กินข้าวต้มด้วยนี่ผมก็พึ่งเคยได้ยินนะ โอเครดีอีกแบบ จะได้ไม่ต้องทนหิว
พอถึงชุมพร ถึงตอนช่วงเช้ามืด รถทัวร์จอดให้ลงที่ปั้มปตท.แห่งหนึ่งที่ใกล้กับรางรถไฟ แยกย้ายกันทำธุระส่วนตัว จะไปเกาะ ต้องนั่งรถต่อไปอีกนะครับ มันบอกกับผมว่ามันใช้วิธีการถามทางกับพนักงานปั้มแต่ก็ไม่ได้ข้อมูลอะไร หนีไม่พ้นพี่กลูครับงานนี้ ฮ่าๆ แล้วก็ได้ความว่าว่าจะเดินทางไปเกาะมาตรานี้ต้องไปอ.ปากน้ำ โดยสามารถไปได้ด้วยการไปต่อรถแถวๆศาลหลักเมืองนั่นเอง มันก็ไม่รอช้าครับ เดินอย่างเร็ว แทบแยกไม่ออกว่าอันใหนเดิน อันใหนวิ่
ง ฮ่าๆ อันนี้ผมเติมเองครับ เมื่อรถที่จะพามันไปอ.ปากน้ำมาถึงมันกับพี่ก็ขึ้นนั่งที่นั่งข้างคนขับ เพราะจะได้สอบถามข้อมูลจาก คนขับรถเผื่อจะได้ข้อมูลดีๆ จากการถามไปถามมาปรากฏว่าลุงคนขับรถบอกมันว่ารู้จักกับลุงขาวด้วย แหม๋โชคแอบเข้าข้างนะ
นี่คือพี่ชายที่ร่วมชตากรรมกับมันครับ ส่วนรูปมันหนะหรอ ไม่มีครับ สงสัยร้องให้จนตาบวมฮ่าๆ
รถส่งมันแถวๆร้านอาหารที่ติดริมทะเล มันบอกผมว่าพอมันลงจากรถปุ๊ปงานเข้าปั๊ปครับ ฮ่าๆ ตามเคยครับ ขนาดว่ารอบคลอบละนะหนิ มันลืมจองตั๋วเรือข้ามเกาะ ทำอะไรไม่ได้นอกจากหน้าด้านเดินถามครับ เพราะถ้าเป็นผมได้มาขนาดนี้แล้วจะตีรถกลับก็คงไม่ใช่ละ โชคยังช่วยมันครับไปถามถูกที่ ที่เขาสามารถติดต่อเรือให้ได้ครับงานนี้หาเรือให้ไห้ หลังจากนั้นมันก็นั่งรอเรือสักพัก ไม่นานมากเรือก็มาถึง มันแบกสังขารทำหน้าตาน่าสงสารเข้าไปต่อราคาเรือ เคาะราคาที1800บาทไทย จ่ายขาไปก่อน1000อีก800จ่ายตอนขากลับฮ่าๆ แพงมั้ยละ สมบ่
นี่คือคนขับเรือที่พามันไปยังเกาะครับ มันบอกผมว่านั่งเรือไม่นานก็ถึงเกาะ แสดงว่าเกาะไม่น่าจะไกลจากฝั่งมาก
มันบอกว่าพอเข้าไปถึงบริเวณหน้าเกาะแล้วภาพที่มันเห็นต่างจากที่คิดเยอะเหมือนกัน นั่นคือเงียบ ! เงียบในที่นี้คือ สงบและร่มรื่นครับ เห็นนักท่องเที่ยวกลุ่มนึงบนเกาะประมาณ6-8คนมันคงอุ่นใจขึ้นมาระดับนึงนะผมว่าฮ่าๆ ที่อย่างน้อยมีเพื่อนร่วมชะตากรรมบนเกาะ ที่เกาะจะไม่มีสะพานยืนมาเหมือนเกาะอื่นๆนะครับ แต่ก็มีเรือแจวมารับอยู่นะครับฮ่าๆ ขับเคลื่อนเรือโดย ลุงขาวเจ้าของที่พัก แหม๋ ตอนนี้ผมพิมพ์ไปอิจฉาไปและคิดในใจ ว่าทำมายยยยยไม่ชวนกูได้ เเละเนื่องจากมันไปกับพี่มันแค่สองคน เลยอยากชิลจะนอนเต็นท์ มันเลยขอให้ลุงหาที่ให้มันกางเต็นท์นอนครับ เป็นไงละ เพื่อนผม เ้ด็ดเดี่ยวมั้ยละ ลุงเลยให้มันไปกางเต็นท์ที่หน้าบ้านพักหลังใหญ่ซ้ายมือสุดของเกาะ แต่ถ้าเป็นผมนะ ผมให้มันไปกางในทะเลยครับ ฮ่าๆ หลังจากจัดการที่นอนเสร็จกองทัพต้องเดินด้วยท้องครับ กินข้าวสิครับงานถนัดมันเลยทีนี้ กินข้าวที่หน้าบ้านลุงขาว ซึ่งอาหารที่มันได้กินก็คือเมนูที่ภรรยาลุงขาวทำให้กรุ๊ปอื่นกิน พูดง่ายคือๆกลุ่มใหญ่กินอะไร มันก็ได้กินด้วย แต่ไม่เยอะเท่ากลุ่มใหญ่ฮ่าๆ (สม) มันบอกว่าอาหารแต่ละอย่างคือดีมาก กุ้งตัวใหญ่มาก ปลาหมึกก็ไม่คาว พิมไปน้ำลายไหลไปฮ่าๆ
พอมันกินข้าวเที่ยงเสร็จช่วงบ่ายๆเย็นๆมันก็เตรียมตัวลงน้ำครับ มันบอกว่าในช่วงที่มันกินข้าวเที่ยงนั้น ก็จะมีทัวร์ต่างๆมาดำน้ำบริเวณหน้าเกาะตลอดครับ เรียกได้ว่าเกาะมาตรานี้เป็นจุดดำน้ำที่ไม่ควรพลาดเลยก็ว่าได้ เพราะทางเกาะจะมีอุปกรณ์ดำน้ำให้ครับ แว่นตาดำน้ำรวมถึงเสื้อชูชีพมีครบครับ แต่มันไม่ได้ซื้อทัวร์นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา มันได้ยืมเรือแจวลำน้อยของลุงขาวพายออกไปบริเวณจุดดำน้ำฮ่าๆสงสัยมันคิดว่าเป็นเรือหางยาวที่ใช้พายตามน้ำโขง
เป็นธรรมดาของทะเลใต้ครับ น้ำนี่ใสมาก ยิ่งบนเกาะไม่ต้องพูดถึง มันบอกว่าปะการังก็มีหลากหลายสายพันธ์มาก(อย่างกะมันแยกได้ฮ่าๆ) รวมถึงปลาต่างๆ แต่ที่เยอะมากกว่านั้นคือ หอยเม่นครับ
พอดำน้ำเสร็จแล้วมันก็กลับเข้าฝั่งครัล มันไปหานั่งเล่นพักผ่อนหย่อไข่เอ้ยหย่อนใจ(สงสัยพิษรักทำร้าย) เวลาพอเหมาะกับการดูดวงอาทิตย์ตกพอดี บอกเลยนะครับว่า ทะเลกับดวงอาทิตย์เป็นของคู่กันมาก ว่าละก็ไปดูรูปทีมันถ่ายมาเลยครับ
รูปทุกรูป ออกมาโทนเหงาๆ ไม่ต้องตกใจนะครับ เพราะตอนถ่ายเพื่อนผมอยู่ในโหมดเศร้า ฮ่าๆทีแรกผมยังตกใจว่าทำไมรูปมันอ้างว้างจัง พอมันสารภาพความจริงเท่านั้นแหละ ฮ่าๆ กูว่าเเล้วววว
เพื่อนผมมันเป็นคนชอบถ่ายรูปมุมเดิมซ้ำๆ ผมว่ามันอาจไม่คิดจุดนี้หรอก เเต่ผมสังเกตุมันมาหลายทริปละ เเม้กระทั่งทริปเกาะเต่าที่ไปด้วยกัน
รูปครั้งนี้ผมพูดได้คำเดียวว่า มันมีเเต่ความอ้างว้าง เเละความเหงา
ดวงอาทิตย์บนเส้นขอบตัดกับทะเล เป็นสิ่งที่ผมชอบมากที่สุดในชีวิต ต้องขอขอบคุณมันเป็นอย่างมาก ที่ถ่ายติดกล้องมา
ใครที่มีความคิดว่าจะมานั่งโง่ๆริมทะเล เลิกคิดได้ละนะครับ ให้มานั่งเมาๆริมทะเลดูพระอาทิตย์ตก ดีกว่าเยอะเลยครับ...
จากนนั้นมันก็มาอาบน้ำ กินข้าว มับอกว่า อาหารเย็นนั้น ภรรยาลุงขาวก็บริหารอย่างเต็มที่เช่นเคย อิ่มอร่อย แดรกเสร็จ เอ้ย กินเสร็จมันกับพี่ก็ไปต่อ ไม่ใช่เข้านอนนะครับ ฮ่าๆ ไปหาดูปูจ้า ร่างกายชาร์ตแบตด้วยอะไร ทำไมยังมีแรงเหลือ
อย่างบที่ผมได้บอกตรงบรรยายอัลบัมรูปถ่ายว่าเกาะนี้ มีจุดเด่นอีกอย่างคือ ปู่ไก่ใต่บนต้นไม้ การจะเห็นมันได้ เพื่อนผมบอกว่า ต้องเดินเข้าไปในป่าด้วยนะครับ หากใครมีแพลนจะไป ก็พกไฟฉายติดตัวไปด้วยก็ได้นะครับ
นี่คือหน้าตาของมัน
ส่วนคนนี้คือคนที่พามันเข้าไป เห็นมันบอกว่า พี่คนนี้ ชีวิตมี story มากมาย เเต่ผมบอกมันข้าม เพราะผมใขี้เกียจพิมพ์ฮ่าๆ เเต่พี่เขาเป็นกันเองมากกกกก จากนั้นมันก็เข้านอนกันในเต็นท์หลังน้อยกันอย่างรวดเร็ว ธรรมดาละครับ เดินทางมาทั้งวันถ้ายังจะซ่าต่อก็เกินไป เเต่ถ้าเป็นผม นั่งกินเบียร์ต่อละนะนั่น ฮ่าๆ
เช้าวันที่สองบนเกาะของมันคือ การตื่นมาในช่วงเช้าก็อาบน้ำทำภารกิจต่างๆกันจนเสร็จแล้วเดินไปหน้าบ้านลุงขาวเพื่อจะดูว่ามีอะไรให้ยัดลงท้องมั่ง ปรากฏว่าไม่เห็นลุงแต่จะมีป้ากับพี่คนนึงซึ่งเป็นเหมือนพนง.บนเกาะ ฮ่าๆสมน้ำหน้ามันครับ ถ้าให้ผมเดา มันตื่นสายชัว
นี่คือบรรยากาศบนเกาะตอนเช้าสครับ มันบอกกับผมว่า เกาะนี้ มีทัวร์เเวะเวียนเข้ามาทั้งวันแทบไม่ขาดสาย
ผมว่าไม่น่าแปลกเลยครับ เพราะเกาะนี้ยังคงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ไว้อย่างมาก ดูจากนกตัวนี้ ไม่กลัวคนเลย
มันเดินเล่นอย่างกะเราไปหาเดินห่าง หรือว่ามันเดินตรวจดูลุงขาวทำงานฮ่าๆ
ทะเลกับสิ่งมีชีวิตเป็นของคู่กันที่มันจะลงเอยที่คำว่าธรรมชาติ
มีทหารเรือประจำการ
รูปถ่ายแทบทุกรูปที่เพื่อนผมถ่ายมา ผมบอกเลยว่า อ้างว้างทุกรูป อกหักเเล้วพาล มาระบายความรู้สึกผ่านรูปถ่าย
บรยยากาศรอบๆเกาะครับ บอกเลยว่า มันไปให้ทะเลรักษาแผลใจจริงๆ
พอตกบ่ายมามันก็ลงไปเล่นน้ำเช่นเคยครับ ผมว่ามันตีเนียนลงไปร้องให้มากกว่าฮ่าๆ (กระทู้นี้เผยแพร่เมื่อไหร่ ผมโดนมันด่าเละเมื่อนั้นครับ)
เล่นจนค่ำ จนดวงอาทิตย์ไล่ก็ว่าได้ บอกเลยว่า ครั้งหน้าผมจะไปพลาด เกาะส่วนตัวเเบบนี้น่าสนใจมากกกกก
ในช่วงเย็นๆมันบอกว่าได้มีโอกาสพูดคุยกับพี่พนง.ที่อยู่บนเกาะ ไม่รู้ไปคุยถูกคอกันยังไง พี่เขาเลยชวนมันไปตกหมึกกันตอนค่ำ(เนียนเลยนะ ไม่ได้เสียค่าทัวร์ออกตกหมึก) หลังจากตกหมึกกันกว่า1ชั่วโมง ได้หมึกมา1ตัว มันถามผมว่าเก่งมั้ยละ ฮ่าๆ จ้าเก่งก็เก่ง
มันบอกว่าเกาะนี้จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาตกหมึกกันเต็มไปหมด เเสงไฟที่เห็นนี่เขียวเต็มท้องทะเลเลยละ จะมองว่าเป็นแสงเหนือก็ได้นะครับฮ่าๆ สักพักมันก็หมดแบต เเยกย้ายเข้านอน
เช้าวันสุดท้ายบนเกาะของมัน อาบน้ำแล้วก็เก็บข้าวของกัน(มันเป็นคนเป๊ะเรื่องเวลาครับ นี่คือข้อดีของมัน ไปเที่ยวด้วยกันผมนี่โดดนด่าประจำ) แล้วก็ไปกินข้าวหน้าบ้านลุงอีกเช่นเคย หลังจากกินข้าวเสร็จลุงขาวก็เข้ามาคุยกับมันว่ากลุ่มนทท.ที่มาเมื่อคืนนี้นั้นรู้จักกับลุงขาวพอสมควร และจะเดินทางกลับฝั่งในเช้าวันนี้ซึ่งลุงขาวก็จะเข้าไปทำธุระบนฝั่งเหมือนกันลุงขาวเลยจะนั่งสปีดโบ๊ทของนทท.กลุ่มนี้เข้าฝั่ง เลยบอกให้มันกลับเข้าฝั่งพร้อมลุงขาวเลย จะได้ไม่ต้องเสียเงินค่าเรือกลับ(โชคเข้าข้างจริงๆเพื่อนเอ้ย) ของฟรีมีบนโลกก็วันนี้แหละ
พอถึงฝั่งมันก็ได้ไปกินกาแฟกับลุงขาว โดยสวมมาดเสี่ยเลี้ยงกาแฟลุงตอบแทนต่างๆนานา (เป็นคนดีอยึ่นี่หว่า) แล้วก็ล่ำลากับลุงแยกย้ายโบกมือ นั่งรถประจำทางกลับจ.ชุมพร รถประจำทางนั้นก็ไปจอดปั๊มปตท.ที่มันมาถึงจ.ชุมพรในครั้งแรกจากนั้นมันก็เดินหอบสังขารไปยังจุดขายตั๋วรถทัวร์เข้าไปยังกรุงเทพฯต่อไป เพื่อนผมกับพี่กลับสู่โลกของความเป็นจริง ไปทำหน้าที่ตัวเอง ไปเรียน ไปทำงา ไปใช้ชีวิตตามปกติ แน่นอนครับกลับไปสภาพแวดล้อมเดิมๆ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือแปลกตาไปจากเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนคือความคิดของมันแน่นอนครับ เพราะมันก็คงคิดไม่ต่างอะไรจากผมว่าว่าโลกมันกว้างขึ้นทุกครั้งที่ออกเดินทาง เหมือนกลับมาแล้วมุมมอง ทัศนคติเราเปลี่ยนไปจากเดิม เพราะสำหรับผมแล้วการได้ก้าวออกไปยังสถานที่ใหม่ๆเป็นการให้ของขวัญตัวเอง บางคนอาจคิดว่ามันไร้สาระ สิ้นเปลือง แต่ผมมองว่าเกิดมาครั้งนึงควรใช้ชีวิตบนโลกให้คุ้มค่าครับ ทำไปเถอะครับอะไรที่เราสบายใจและคนอื่นไม่เดือดร้อน เเละผมก็เชื่อว่ามันก็คิดไม่ต่างจากผมแน่นอน สำหรับทริปนี้ก็ขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้ครับ
ขอบคุณมากที่อ่านทุกบรรทัดของผม
ขอบคุณเพื่อนผมกับพี่เอิร์น สำพหรับเรื่องเหล่านี้
ค่าใช้จ่ายเบื้องต้น
- ค่ารถ สารคาม – กทม. 384 (ไปถึงกทม.แล้วไปเกาะล้านต่อ เลยไม่นับรวมขากลับ)
- ค่ารถตู้ บขส.หมอชิต – บขส.สายใต้ 50 (ถ้าจำไม่ผิด)
- ค่ารถ กทม. – ชุมพร 328 ไปกลับ = 656
- ค่ารถโดยสาร ชุมพร – อ.หลังสวน 50 (ถ้าจำไม่ผิด) ไปกลับ = 100
- ปิ้งหมู 30
- ค่าเรือไปเกาะเต่า 1000/2คน (ขากลับฟรีจ้า) 1 คน = 500
- เลี้ยงกาแฟลุง 60
- ค่ากางเต็นท์+ค่าอาหาร 6 มื้อ (วันแรก2มื้อ วันที่สอง3มื้อ วันที่สาม1มื้อ) = 990/2คน (1คน = 490 ถูกอะเด้)
- กินขนมอื่นๆ 200
รวม 2470 บาท ต่อ 1 คน
เที่ยวจนวันลาหมด
วันพุธที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 01.09 น.