สวัสดีค่ะทุกคน ทริปนี้แมงน้อยเลือกไปเที่ยวที่สวนผึ้ง ราชบุรี

กำลังเบื่อๆ อยากเปลี่ยนบรรยากาศ เลยลองหาที่พักใกล้ๆ กทม. ไปเรื่อย มาลงตัวที่สวนผึ้ง เพราะถูกใจที่ “วิลล่า โมรีดา" ของเสนาลิง ดูแล้วชอบ เลยไม่รอช้า จัดการจองผ่าน Agoda บุ๊ควันเดินทาง 2-3 เม.ย. 60 ด้วยความที่ไม่ค่อยชอบเที่ยววันที่คนเยอะ ก็เลยเลือกพักวันอาทิตย์ค่ะ (ตอนคุยกับรีสอร์ท เพื่อคอนเฟิมวันเข้าพัก ทางรีสอร์ทแจ้งว่า จะมีกองถ่ายละครมาใช้สถานที่ถ่ายทำในวันที่เราเข้าพัก อาจจะไม่สะดวกเท่าไร ต้องขอโทษด้วย ซึ่งเราก็ไม่ได้ติดปัญหาอะไร เพราะไม่อยากเปลี่ยนวันเดินทาง หรือลางานใหม่อีก)

...ได้เวลาออกเดินทาง แมงน้อยเลือกร้านอาหารสำหรับมื้อเช้า + มื้อกลางวัน เป็นร้านที่แวะทานตลอด เมื่อผ่านจังหวัดสมุทรสงคราม “ร้านริมเขื่อน" กินมาตั้งแต่ยังเป็นร้านเล็กๆ ข้างสะพาน จนตอนนี้ขยายกิจการใหญ่โต ที่จอดรถกว้างขวาง ทุกอย่างลุคใหม่หมด แต่ยังคงรสชาติอาหารอร่อยเหมือนเดิมค่ะ

เมนูไฮไลต์ที่มากี่ที ก็ต้องสั่ง

-ปลาทูต้มมะนาว น้ำซุปจี๊ดจ๊าด เปรี้ยวจัดจ้าน ปลาทูตัวใหญ่นุ่มละลายในปาก ไม่เหม็นคาว และไม่ผิดหวัง

-ฉู่ฉี่กุ้ง รสชาดพริกแกงเข้มข้น กุ้งตัวโต เต็มปากเต็มคำ อร่อยล้ำ

-หอยหลอดผัดฉ่า หอยหลอดเป็นตัวๆ ผัดมาได้กลมกล่อม ได้รสเครื่องเทศ โดยเฉพาะพริกไทยดำ

ขากลับแวะดูของฝากได้นะจ๊ะ เยอะแยะมากมาย
พอมาถึงเขตสวนผึ้ง รถน้อยมาก ไม่ค่อยมีคน แปลกใจ เอ๊ะ! คนไปไหนหมดน้า แมงน้อยเคยมาเมื่อ 7 ปีก่อน คนเที่ยวเยอะมาก บูมมาก หรือว่าวันนี้เป็นวันอาทิตย์ แต่วันเสาร์ก็น่าจะมีคนกลับบ้างนี่หน่า อ้าว! จะสงสัยทำไม ก็ตอบโจทย์ความต้องการของเธอแล้วไง ป่าวจ้า แค่งงเฉยๆ กลัวสวนผึ้งจะไม่ค่อยมีคนมาเที่ยว กลัวกิจการร้านรวงจะปิดตัวกันไป ไม่เหลือให้คนอื่นๆ เที่ยวต่อ หวังว่าจะไม่เป็นเช่นนั้นนะคะ (คนอะไร คิดเองเออเอง!!! 555)


...จริงๆ แล้วที่เที่ยวสวนผึ้ง มีคนรีวิวค่อนข้างเยอะ แมงน้อยเลยขอรีวิวแบบคร่าวๆ ให้ฟังค่ะ จะได้ไม่ซ้ำ จนเบื่อ

เริ่มที่ว่า...ถ้าเราเข้ามาในตัวเมืองสวนผึ้งแล้ว สถานที่เที่ยวยอดฮิตที่แรก ที่เราจะเจอ คือ “Coro field"

อยู่ติดริมถนนหลักด้านซ้ายมือ ป้ายชื่อฟาร์มค่อนข้างเด่น รับรองว่าใครผ่านมาต้องสะดุดตาแน่นอนค่ะ


“โคโรฟีลด์" ฟาร์มเกษตรธรรมชาติผสมไอเดียแนวญี่ปุ่น ซึ่งมีจุดเด่นเป็นฟาร์มเมล่อน ผักออร์แกนิค เพิ่งเปิดใหม่ไม่นานมานี้ โดยมีพรีเซ็นต์เตอร์น่ารัก เข้ากับที่นี่มากๆ จะใครล่ะ ก็พิมฐาไง ผู้บริหารช่างเลือกคนได้เหมาะสมจริงๆ ค่ะ ^^

Mascot ของที่นี่มีชื่อเรียกว่า “โคโรโระคุง" ตัวคล้ายลูกเมล่อนกลมๆ ขาวอวบ หน้าตาน่ารักตะมุตะมิ มีหลากหลายท่าทางให้ได้แชะภาพด้วย


นอกจากฟาร์มปลูกผัก ผลไม้แล้ว ก็ยังมี -->

โซน Coro Cafe : ขายอาหาร ของหวานและเครื่องดื่ม โดยเมนูของหวานส่วนใหญ่ จะเน้นวัตถุดิบที่มีเมล่อนเป็นหลัก ราคาแอบสูงไปนิด แต่รสชาดโดยรวมถือว่าอร่อย โอเคมากค่ะ

โซน Coro Market : จำหน่ายสินค้าและผลผลิต Organic จากฟาร์ม

โซน Coro Me : โซนกิจกรรมที่จะทำให้ผู้เข้าชมมีส่วนร่วมกับทางฟาร์ม พร้อมจำหน่ายของที่ระลึก

และอีกหลายโซนที่แมงน้อยไม่ได้เข้าไป เพราะเห็นว่าคงเป็นช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตไปหมดแล้ว แปลงผักต่างๆ เลยไม่ค่อยเหลือให้เห็นเท่าไร

เดินดูโดยรอบคร่าวๆ ก็แวะไปนั่งทานขนมหวาน ในแอร์เย็นๆ โซน Coro Cafe กันค่ะ

เมนูที่แมงน้อยเลือกสั่งมาลอง
Melon Cream Cheese Smoothie : รสแรกที่สัมผัสลิ้น คือดีมาก นุ่ม หวาน หอม กลิ่นเมล่อนสุดๆ ได้รสชีสด้วย อร่อยจริง สดชื่นด้วย

Melon Yogurt Soft Serve Ice Cream : ราคาแอบแพง แต่คือรสเมล่อนดีมาก เนื้อไอศครีมเนียนนุ่ม แถมเนื้อเมล่อนให้ทานด้วย เนื้อกรอบหวานดี (สภาพไอศครีมแอบละลาย มัวแต่ไปเดินถ่ายรูปด้านนอกอยู่ กลับมาไม่ทันค่ะ T_T)


Capuccino Iced : กลมกล่อม รสชาดใช้ได้ค่ะ
จุดแวะเที่ยวต่อไปที่จะถึง คือ "Moai Coffee" อยู่ติดริมถนนฝั่งขวามือ ห่างจาก Corofield ไม่เท่าไร ลักษณะเด่น คือแท่งหินแกะสลักรูปหน้าคน ต้นฉบับจากประเทศชีลี เท่ห์ดีค่ะ คือเห็นแล้วต้องแวะถ่ายรูปว่างั้นเถอะ ที่นี่เน้นแต่เมนูเครื่องดื่ม ขนมหวานน้อยมาก มีแค่เค้กกับมาการองนิดหน่อย ดูเหมือนว่าที่นี่เค้าเน้นขายอาหารฟิวชั่นค่ะ และก็แยกอาคารระหว่างทานอาหาร กับสั่งเครื่องดื่มด้วย


แมงน้อยจัด Black coffee iced มาลอง รสชาติใช้ได้ค่ะ


จุดต่อไปคือ "บ้านหอมเทียน" ที่อยู่คู่สวนผึ้งมาเนิ่นนาน บัตรค่าเข้า 60 บาท โดยบัตรสีส้มใช้สำหรับแลกของที่ระลึก ส่วนอีก 1 ใบ จะใช้เป็นส่วนลดในการซื้อสินค้าหรือทานอาหารค่ะ


หลังจากแวะเที่ยว อากาศร้อนอบอ้าว ฟ้ามืดครึ้มเป็นระยะ เหมือนฝนจะตก และตกปรอยๆ มาหลายรอบ เลยตัดสินใจเข้าที่พักดีกว่าค่ะ

"Villa Moreeda" อยู่แค่ด้านหลังซีนเนอรี่ ฟาร์ม จริงๆ แล้วมีประตูด้านหลังเชื่อมทางเข้ารีสอร์ทต่อกันด้วย แต่เค้าไม่ได้เปิดให้เข้าแบบสาธารณะ ก็เลยต้องอ้อมไปเข้าด้านหน้าแทน พอมาถึงก็เจอรถของทีมงานถ่ายทำช่อง 3 บรอดคลาส ไทย เทเลวิชั่น แอบตื่นเต้นเล็กน้อย เพราะกองใหญ่มาก รถขนอุปกรณ์เยอะเชียว จอดกันทั้งหน้าทางเข้าและในพื้นที่จอดรถ ดูครึกครื้นสุดๆ มาลุ้นกันว่าจะเป็นดาราคนไหนกันค่ะ

ตอน Check-in เราได้ Welcome drink ด้วย แต่เนื่องจากตอนนั้น ดูเจ้าหน้าที่ก็วุ่น คนกองถ่ายก็เยอะ ลากสายไฟระโยงระยางไปหมด แอบคิดในใจว่า ...มาถูกวันหรือเปล่าว้า แมงน้อยสอบถามว่าถ่ายเรื่องอะไร เค้าก็บอกว่า ละครเรื่อง "ซ่อนรักกามเทพ" ในโปรเจค The cupid - บริษัทรักอุตลุด เป็นคู่ของเชียร์ ฑิฆัมพร และเต้ย พงศกรค่ะ


cr. pic : www.broadcastthai.com

เจ้าหน้าที่แจ้งว่า วันนี้จะถ่ายเสร็จประมาณดึกๆ ซึ่งแมงน้อยก็ไม่ติดอะไร ก็ดีนะ ได้มาเห็นอะไรแบบนี้ ใจนึงก็อยากดูเค้าทำงานใกล้ๆ แต่เห็นเค้าทำงานกันซีเรียส ไม่อยากกวนไปนั่งดูบนห้องพักแทนดีกว่า ซึ่งห้องที่เลือก คือห้อง "Love Bird" เป็นกระจกใสมองเห็นวิวลำน้ำภาชี ตรงจุดที่ถ่ายทำพอดี เลยดูการถ่ายทำได้สบายๆ เลยค่ะ ใจจริงอยากเจอพี่ลิงเจ้าของรีสอร์ทมากกว่า 555

ออ! ใครพักที่วิลล่า โมรีดา ทางเจ้าหน้าที่จะให้ริสแบนด์ สำหรับใช้เบ่ง เข้าไปเที่ยวในซีนเนอรี่ฟาร์มได้ฟรีเลยนะคะ สามารถให้รถกอล์ฟที่รีสอร์ทไปส่งได้ด้วย (ปล.ริสแบนด์เค้าให้ไว้เลยนะคะ ไม่ต้องคืน เหมือนเป็นของที่ระลึกเลย)

แมงน้อยขึ้นไปสำรวจห้องกันก่อน ค่อยไปนั่งดูเค้าถ่ายทำละคร ห้อง "Love Bird" เป็นห้องที่คนส่วนใหญ่นิยม เพราะเห็นวิวลำน้ำภาชีได้ค่อนข้างกว้าง อยู่ชั้น 2 เป็นส่วนตัว ไม่เหมาะกับผู้สูงอายุเท่าไร เพราะบันไดค่อนข้างชัน แต่พื้นที่ใช้สอยในห้องนี้กว้างมาก กว้างจนคนตัวเล็กไปเลย มินิบาร์ทั้งด้านนอกและในตู้เย็นทานได้ทั้งหมด ไม่มีชาร์จเพิ่ม (มินิบาร์ฟรี : ป็อกกี้ 1 ซอง/คุกกี้ 1 ซอง/มาม่าคัพ 1 ถ้วย/โจ๊กคัพ 1 ถ้วย/โค้ก 2 กระป๋อง/เจเล่ 2 ถุง/นม 2 กล่อง/เมนทอส 1 ซอง/น้ำเปล่า 2 ขวด และน้ำในขวดแก้วอีก 2 ขวด/กาแฟ 2 ซอง/ชา 2 ซอง) กาแฟเป็นสูตรของที่รีสอร์ทเอง รวมถึงเซ็ทอุปกรณ์อาบน้ำ ยาสระผมต่างๆ เป็นสูตรของที่รีสอร์ท หากใช้แล้วชอบ สามารถซื้อกลับบ้านตรงจุดขายสินค้าได้ค่ะ ปล.เตียงก็นุ่ม ดูดวิญญาณสุดๆ


พอถึงเวลาจะดูจริงๆ ก็เกรงใจทีมงานนะ เพราะห้องแมงน้อยเปิดโล่งมาก อยู่ชั้น 2 ประชันหน้ากับทีมงานเลย รับรองว่าสมาธิเสียแหงๆ ก็เลยตัดสินใจปิดม่านเพื่อความเป็นส่วนตัวดีกว่า แต่ช่วงที่เค้าซ้อมบท ก็ได้ถ่ายรูปมาฝากนิดหน่อยค่ะ ทีนี่ก็เห็นแล้วว่า กว่าจะมาเป็นละครเรื่องหนึ่งได้ ทีมเซ็ทสถานที่ น่าจะเหนื่อยมากเลยทีเดียว ต้องทุ่มเทกันสุดๆ ถ่ายฉากบนบก แต่ทีมงานก็ต้องลงไปในน้ำเพื่อหาจุดวางมุมกล้องที่ดีที่สุด ให้ได้วิวสวยด้วย รวมถึงผ้าฉาก ไฟที่ต้องปีนขึ้นไปขึง แล้วขอบอกว่าถ่ายจบประมาณ 4 ทุ่มกว่า แต่เก็บของไวมากค่ะ โดยเฉพาะพวกเสา นั่งร้านที่ตั้ง (เยอะมาก) เคลียร์ทุกอย่างได้จบแป็ปเดียว ทึ่ง!!!


ช่วงเย็นด้านนอกที่ยังถ่ายทำอยู่ ไม่สามารถไปเก็บภาพรอบๆ อาคารที่พักได้เลย เพราะทีมงานมีเก็บภาพมุมสูง มุมกว้างเป็นระยะ ต้องมีตะโกนขอความร่วมมือไม่ให้เคลื่อนไหวด้วย แถมสายไฟก็ระโยงระยางเต็มไปหมด เราก็เลยตัดสินใจไปเที่ยวที่ซีนเนอรี่ก่อน ค่อยเก็บภาพมาฝากในวันพรุ่งนี้ต่อค่ะ


ไอศครีมนมแกะ โคนละ 35 บาท
มื้อเย็นแมงน้อยเลือกกลับไปทาน "ครัวม่อนไข่" ร้านขึ้นชื่อความอร่อยในสวนผึ้ง ลองไปดูสิว่า เมื่อ 7 ปีก่อนจากร้านเล็กๆ ปัจจุบันจะอยู่ที่เดิม และอร่อยเหมือนเดิมไหม

ภาพเก่าเมื่อ 7 ปีที่แล้วค่ะ

ปัจจุบันเปลี่ยนไปเยอะมาก กลายเป็นร้านใหญ่ รองรับคนได้เป็นร้อยๆ จากเมื่อก่อนจะเป็นห้องโถงประมาณ 2-3 ห้องติดกันเองค่ะ


**อร่อยเหมือมเดิมทุกเมนู เสียดายอดกินผัดกระเพราเห็ดโคน แต่ยำผักกูด อร่อยเลิศคุณหรีดมาก ต้องลองค่ะ**


เช้านี้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงนกร้อง บรรยากาศเงียบสงบ เสียงน้ำตกไหลรินๆ น่าอยู่มาก วิวตรงหน้าในห้องสวยงาม ชอบมากเลย

อาหารเช้าที่นี่ เริ่ม 07.00- 10.00 น. ทางรีสอร์ทได้สอบถามไว้ตั้งแต่ตอน Check-in แล้วว่าจะรับเป็นอะไร ซึ่งมีให้เลือก 3 เซ็ท คือ เซ็ทข้าวต้ม, เซ็ทไข่กะทะ, เซ็ทก๋วยเตี๋ยว แมงน้อยเลือกเป็นเซ็ทไข่กะทะ และบะหมี่เกี๊ยวค่ะ มาเสิร์ฟพร้อมกับติ่มซำ ผลไม้ จัดเซ็ทมาน่ารักมากค่ะ

ตรงบริเวณส่วนกลางก็ยังมีอาหารรับรองเพิ่มให้อีก สามารถเติมได้ตลอด ตามใจชอบค่ะ


หลังจากอิ่มแล้วก็ได้สำรวจพื้นที่ส่วนกลางกันสักหน่อย ส่วนนี้เป็นห้องรับแขกชั้นล่าง ซึ่งตอนเช้าก็จะแปลงเป็นที่ทานอาหาร

ชั้น 2 เป็นโซนหนังสือมีทั้งให้หยิบไปอ่าน และหนังสือฝากขาย ส่วนโซนดีวีดี สามารถเลือกไปดูในห้องได้ค่ะ


บริเวณพื้นที่สนามหญ้า จะมีชิงช้าใหญ่ให้นั่งหลายจุดมากค่ะ

บริเวณจุดประชาสัมพันธ์ มีของที่ระลึกขายหลายอย่าง เน้นของที่เกี่ยวกับนกยูง น่ารักดีค่ะ และแมงน้อยก็ได้โปสการ์ดมาฝากเพื่อนด้วย ลายเส้นน่ารักมากเลย


บริเวณห้องพักอื่นๆ


มาถึงพื้นที่ส่วนกลางที่เป็นไฮไลต์ และหลายคนชอบในความเป็นธรรมชาติของรีสอร์ทที่ขนานกับลำน้ำภาชี


แมงน้อยติดโกโปรมาด้วย มาลองดูภาพผ่านมุมโกรโปรกันอีกนิดค่ะ


ถือว่าปิดทริปได้อย่างประทับใจ ที่นี่พนักงานยิ้มแย้ม และบริการดีมากค่ะ ถ้ามีโอกาสก็อยากกลับมาพักอีกแน่นอน ลาไปด้วยภาพฝูงแกะ และม้าที่เค้าปล่อยให้กินหญ้าที่ Swiss Valley ละลานตามากเลย น่าร๊ากกกกก แล้วเจอกันใหม่ในทริปหน้านะคะ สวัสดีค่ะ

ความคิดเห็น