ตอนที่ 2 ได้เที่ยวแล้ว

ต่อจากตอนที่แล้ว เราออกจากสนามบิน พุลโคโว เมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์กด้วยรถบัส เข้าสู่ตัวเมือง มีระยะทางประมาณ 14 กิโลเมตร ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ สามทุ่มครึ่ง(ประเทศไทยก็คงราวๆเที่ยวคืน เวลารัสเซียช้ากว่าประเทศไทยราว 4 ชั่วโมง) เราพักที่ Holiday In

โรงแรมที่พัก

ในช่วงเวลาที่เราเดินทาง อุณหภูมิจะอยู่ระหว่าง 3 องศา-15 องศา สภาพอากาศจะเจอทั้งฝน ท้องฟ้ามืดครึ้ม และมีแสงแดดบ้าง มีเมฆด้วย คงได้ภาพถ่ายที่ไม่สดใสเท่าไหร่ สำหรับการจัดเตรียมอุปกรณ์ป้องกันความหนาวจัดเต็มในระดับปานกลางก็เอาอยู่

ภาพถ่ายจากชั้นที่ 17 ของโรงแรมและจากห้องพัก

ภาพถ่ายบริเวณด้านหน้าของโรงแรมเมื่อเวลาประมาณ 7 โมงเช้า ถนนยังโล่งอยู่เพราะคนรัสเซียจะเริ่มทำงานราว 9 โมงเช้า จะเห็นว่ารถรางกับรถยนต์สามารถใช้ทางร่วมกันได้บรรยากาศในวันแรกกับอากาศคลึ้มฟ้าคลึ้มฝนและในวันที่สองก็มีแสงแดดบ้างสลับกันไป

ภายในห้องพัก

ถ่ายจากห้องพักเมื่อเวลาประมาณ หกโมงเช้า ชั้นที่ 17 ของโรงแรม

ภาพฝั่งตรงกันข้ามกับโรงแรมเมื่อยังเช้าอยู่

ฝั่งตรงกันข้ามกับโรงแรมเมื่อเริ่มสายแล้วราวแปดโมงกว่าๆ


ภายในห้องอาหารของโรงแรม

บริเวณด้านหน้าของโรงแรม


วันแรกของทริป เราไปบริเวณท่าเรือพาณิชยโบราณ เป็นบริเวณเลียบริมฝั่งของแม่น้ำเนวาเป็นจุดแรกที่เราแวะและมีเวลาสั้นๆ จึงมิได้ซึมซับบรรยากาศและเรียนรู้ที่จะทำความรู้จักกับที่ตรงนี้ได้มากเท่าที่ควร จากข้อมูลบอกว่าที่นี่เรียกว่า Rostral Columms เสาหินสีแดง ตั้งอยู่บนฝั่ง วาซิลเยฟสกี้ แต่ก่อนใช้เป็นหอประภาคาร สำหรับการเดินเรือ มีอยู่ 2 ต้น คงเป็นจุดๆหนึ่งของบริเวณนี้ที่ดูว่าจะกว้างขวางอยู่....และคงไม่ใช่ส่วนของทั้งหมด เราเพียงแวะชมและถ่ายภาพและมองดูในเวลาสั้นๆ

รูปแบบเป็นแบบโรมันโบราญ ตกแต่งเป็นรูปหัวเรือสีเขียวรอบๆเสา มีรูปหินเกาะสลักเทพเจ้า(เทพเจ้า Neptune) องค์หนึ่ง และอีกองค์หนึ่ง ไม่ทราบว่าเป็นใคร เหมือนแสดงเชิงสัญญลักษณ์ การปกปักรักษาท้องทะเล

ริมแม่น้ำมองไปไกลลิบ...สิ่งปลูกสร้างยอดแหลมสูงเสียบฟ้า ป้อมปีเตอร์แอนด์พอลสถานที่ที่เราจะไปเยือนถัดไป

เราแวะที่ร้านขายของที่ระลึกเพื่อเข้าห้องน้ำเก็บภาพมาฝาก

เราออกจากที่นี่รถวิ่งเลียบไปตามริมแม่น้ำ....เก็บภาพริมทาง


อาคารบ้านเรือนระหว่างทาง

สถานที่ที่ 2 ของวันนี้ ป้อมปีเตอร์แอนด์ปอล(Perter and Paul Fortress) จากข้อมูลประวัติบอกว่าที่ผู้ที่สร้างสถานที่นี้คือ พระเจ้าปีเตอร์มหาราชเพื่อเป็นเกียรติและระลึกถึงคุณงามความดีของนักบุญ 2 ท่าน นักบุญปีเตอร์และพอลและสร้างขึ้นมาพร้อมๆกับเมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก ราวปีค.ศ. 1703 ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 40 ปี ด้วยแนวศิลปะแบบบารอค ตั้งอยู่บนเกาะ วาซิลเยฟสกี้ ( Vasilievsky Island)เป็นสิ่งปลูกสร้างที่มีความสูงถึง 122.5 เมตร มีลักษณะเป็นรูปทรงหกเหลี่ยม กำแพงเป็นหิน ก่ออิฐสร้างเป็นป้อมปราการป้องกันการรุกรานจากศัตรู

ภาพประกอบ(ภาพแรกจากแผนที่)

ด้านประตูทางเข้าเป็นรูปโค้งมีบานประตูสีฟ้าใหญ่มาก

อาคารสีแดงด้านในประตูเป็นอาคารล้อมรอบเสมือนเป็นรั้วหรือกำแพง

บริเวณด้านในเป็นลานกว้างปูพื้นคล้ายก้อนหินเล็กบ้างใหญ่บ้าง ด้านในประกอบด้วยอาคารหลายหลัง จากข้อมูลบอกว่า บริเวณรอบๆของวิหารนี้ประกอบด้วย โรงงานผลิตเหรียญ และเป็นที่คุมขังผู้มีความผิดทางการเมือง และเจ้าชาย ซาร์เรวิช อเล็กซิส พระราชโอรสองค์โตของพระเจ้าปีเตอร์มหาราชก็ถูกคุมขังอยู่ที่นี่ด้วยเพราะมีความคิดเห็นไม่ลงลอยกับบิดา และสิ้นพระชนม์ที่นี่ บริเวณวิหารปีเตอร์แอนด์ปอล เป็นอาคารสีเหลืองที่มีรูปทรงแหลมสูงส่วนบนมีหอระฆังด้วย ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์ มีวิหารศักดิ์สิทธิ์ เป็นต้น


ภายในอาคารหอระฆังสูงนั้นภายในกว้างขวาง ตกแต่งออกแนวสีเขียวอ่อนฟ้า ชมพูอมแดง ออกลายคล้ายหินอ่อนหลังคาใต้โดมมีภาพวาดประดับโคมไฟห้อยระย้าสวยสดงดงาม สีทองสุกอร่ามแกะสลักลวดลายวิจิตรบรรจง และระดับประดาด้วยศิลปะงดงามวิจิตรบรรจงทำให้เห็นจึงจินตนาการของผู้ออกแบบและความสามารถช่างฝีมือในยุคนั้น (มีผู้ให้ข้อมูลว่าเป็นศิลปะ บารอค(Naryshkin Baroque) การตกแต่งภายในเป็นแนวคิดตามแบบประเพณีโบราณของโบสถ์รัสเซีย แกะสลักไม้ลงรักปิดทองคำเปลวเนื้อหนาสุกปลั่งเป็นประกอยมีภาพวาดบนไม้ตามแบบOrthodox มีภาพเขียนของนักบุญทั้งสอง ปัจจุบันเป็นที่เก็บพระบรมศพของกษัตริย์แห่งรัสเซีย และพระศพของพระเจ้าปีเตอร์มหาราชก็ถูกเก็บไว้ที่นี่ และศพของราชวงศ์โรมานอฟอีกหลายพระองศ์ รวมไปถึงพระเจ้าซาร์นิโครัสที่ 2 ที่ถูกสังหารทั้งครอบครัว

ภาพบริเวณด้านนอกเมือออกมาจากภายในป้อมฯแล้ว

การเข้าชมที่นี่ไม่เข้มงวดเท่าไหร่(ไม่ต้องถอดรองเท้าหรือเสื้อกันหนาว)ด้านในถ่ายภาพได้ เราชื่นชมความสวยสดงดงาม ด้านศิลปะและสัมผัสได้กับความยิ่งใหญ่อลังการของสถานที่ แต่ละคนก็จะเพลิดเพลินไปตามมุมต่างๆตามความสนใจ ใช้เวลาอยู่นานพอควรจึงได้ทยอยกลับออกมาด้านนอก เก็บภาพกลับมาเรียนรู้เพิ่มเติมก็ทำให้เราเข้าใจเรื่องราวว่าทำไม ณ.ที่แห่งนี้จึงเป็นที่ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของรัสเซีย

ถ้าดูจากแผนที่บริเวณนี้กว้างใหญ่ไพศาลหรือทั้งเกาะ แต่ในส่วนที่เราเข้าไปเที่ยวชมได้เพียงส่วนเล็กน้อยส่วนหนึ่งเท่านั้น

วันนี้อากาศมีแสงแดด ไม่หนาวมาก ออกจากที่นี่ต่อไปคือวิหารแห่งหยดเลือด(Church of Christ's Resurrection) ระหว่างทางเก็บภาพไปเรื่อยๆ ตึกอาคารบ้านเรือนที่ออกแนวแข็งๆแต่ก็มีสีสันให้ความรู้สึกsoftลงมาหน่อย าจเป็นเพราะบ้านเมืองเค้าหนาวมากรูปแบบอาคารจึงปรับไปตามสภาพอากาศของเมือง

รถจอดบริเวณด้านข้างๆของวิหาร มีพื้นที่ว่างเพียงเล็กน้อยคนขับสามารถเบียดแทรกแหวกทางรถคันใหญ่เข้าหาที่จอดได้ต้องยกนิ้วให้คนขับ

ลงจากรถแบบงงๆ ต้องเดินข้ามถนน ข้ามสะพานมีแม่น้ำหรือคลองอยู่บริเวณข้างๆของวิหาร ผู้คนหนาตาพอประมาณ คนจีน คนญี่ปุ่น และนักท่องเที่ยวเยอะพอสมควร เพื่อนร่วมแก๊งต่างก็หามุมเพื่อบันทึกภาพของตนเอง มองจากด้านนอกก็เป็นโบสถ์หรือวิหารที่สลักเสลาลวดลายและองค์ประกอบของตัวอาคารสลับซับซ้อนสวยงามดูแปลกตา มียอดโดมเป็นรูปคล้ายหัวหอม ดังเทพนิยายในการ์ตูนวอร์ดิสนีย์ เป็นอาคารที่ใหญ่โตมโหฬารมาก บริเวณด้านข้างรอบล้อมด้วยอาคารอื่นๆและมีส่วนที่เป็นสวน มีถนนด้านหน้าที่ค่อนข้างพลุกพล่านและจอแจ

ตามบันทึกบอกว่าที่นี่ พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 3 สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงบิดา(อเล็กซานเดอร์ที่2) ที่ถูกลอบปลงพระชนม์บริเวณนี้ รูปแบบศิลปะยุคฟื้นฟูเลียนแบบโบสถ์ในคริสสตวรรษที่ 12 ของกรุงมอสโคว์

ภาพถ่ายบริเวณด้านหน้า(ภาพถ่ายจากหลายกล้อง)



ภายในต้องเสียค่าบัตรเข้าชมสามารถถ่ายภาพได้และผ่านเครื่องสแกนหรือถอดเสื้อคลุม)


ทุกตารางนิ้ว ไม่ว่าฝาผนัง ใต้หลังคมโดม เสาทุกต้น จะเขียนหรือวาดภาพด้วยโทนสีทอง สีออกน้ำเงินหรือฟ้าเหลือแดงและสีอื่นๆแม้จะไม่เข้าใจเรื่องราวที่เขียนดูรู้สึกได้ว่าออกแนวทางศาสนาคริสต์ แนวพระเจ้า สวรรค์ วิจิตรบรรจง ว่ากันว่าช่างฝีมือหรือจิตรกรมากกว่า 30 คน ที่เห็นนี้ไม่ใช่ดั้งเดิมทั้งหมดเสียทีเดียว เพราะช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ถูกทำลายเสียหายไปเหมือนกันแต่ได้รับการบูรณะซ่อมแซมขึ้นมาใหม่(ช่วงบ่ายนี้อากาศไม่ค่อยแจ่มใส)

เราออกจากที่นี่ด้วยยานพหนะคันเดิม อากาศเริ่มคลึ้มเป็นว่าเราคงเจอฝนแน่ๆ รถก็วิ่งวนไปวนมา รู้สึกว่าแต่ละที่ไม่ได้อยู่ไกลกันมากนัก มองเห็นเสาหินแกรนิตอเล็กซานเดอร์(อนุเสาวรีย์พระเจ้าปีเตอร์มหาราช) ลานกว้าง อาคารสีเหลือง แต่เราไม่ได้แวะ

ภาพถ่ายจากในรถ

ผ่านโบสถ์คาซาน แต่เราไม่ได้แวะชม และภาพรอบเมืองถ่ายจากในรถ

บทส่งท้าย

วันนี้อากาศหนาวแต่ก็มีแสงแดด ช่วงเช้าจะยังดูเงียบๆ เพราะคนรัสเซียส่วนใหญ่เริ่มทำงาน ประมาณ 9 โมง เพราะประเทศเขามืดช้า ทุ่ม สองทุ่มพระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน จาราจรก็ติดขัดเหมือนเมืองไทยเหมือนกัน ความยิ่งใหญ่อลังการ ความสวยงามของสิ่งปลูกสร้างเป็นเรื่องน่าทึ่ง

ติดตามตอนต่อไปนะคะ










ความคิดเห็น