จากภาพcover ไม่บอกก็รู้ว่าไปเที่ยวประเทศลาวมาค่ะ และเนื่องจากเรามีปริมาณข้อมูล และ สกิลของความขี้โม้เยอะ เลยต้องแบ่งออกเป็น 2 Part ค่ะ

ติดตามความเดิมจากตอนที่แล้ว

สะบายดี เวียงจันทร์

หนึ่งวันในเวียงจันทร์ ทำอะไรบ้าง พลาดอะไรไปบ้าง ลองไปชมดูได้ค่ะ ไม่อ่านเลื่อนๆผ่านดูรูปก็ยังดี

และ Part3 สะบายดี วังเวียง ล่องแม่น้ำซอง ส่องเวียงธารา ข้ามสะพานส้ม


การเดินทางครั้งนี้เป็นการเที่ยวลาวครั้งแรก อ่านรีวิวคนอื่นมาเยอะ เลยลองคลำๆทาง ตามเค้ามา ประเทศลาวในมุมมองของเรา อาจไม่ได้สมูทสวยหรูแบบคนอื่น ออกจะตะกุกตะกักไปบ้าง มีอารมณ์แบบหนึบๆ ขมขื่น และหงุดหงิดบ้างบางเวลา มันก็ทำให้การเดินทางของเรามีรสชาติดีค่ะ


เราเดินทางมาจากกรุงเทพ ขึ้นเครื่องมาลงอุดร ต่อรถทัวร์ข้ามแดนลาวที่ด่านหนองคาย เข้ามาพักที่เวียงจันทร์ก่อนหนึ่งคืน วันรุ่งขึ้นถึงค่อยไปวังเวียง

ข้อดีของการพักเวียงจันทร์ในคืนแรกก่อน เนื่องจากรถทัวร์ที่มาจากอุดรตรงมาวังเวียงเลยนั้นมีแค่วันละเที่ยวเท่านั้น รถออก 7โมงเช้า พลาดแล้วพลาดเลย ส่วนรถมาเวียงจันทร์นั้นมีวันละ 6เที่ยว เรากะว่าค่อยไปตั้งหลักที่เวียงจันทร์ก่อน จะได้มีตัวเลือกมากกว่า

ข้อเสียคือ เมื่อเราข้ามมาลาวแล้ว เราจะกลายเป็นนักท่องเที่ยวคนหนึ่ง ที่อาจจะโดนชักจูง หรือเรียกง่ายๆว่าถูกหลอกได้ง่ายกว่า ต้องแพลนดีๆ โชคดีก็อาจจะไม่เจออะไร เที่ยวกันสบายๆจนจบทริป ไม่โดนเค้าหลอกแบบเรา

เราซื้อตั๋วรถไปวังเวียงในราคา ที่แพงสุดเพราะคนขายบอกพวกเราจะได้ไปรถตู้ ใช้เวลาเดินทางน้อยกว่ารถบัสใหญ่ เหลือแค่ 3-4ชั่วโมง แต่สุดท้ายเค้าก็เอาเราไปขึ้นรถบัสขนาดใหญ่ เสียเงินราคาแพงกว่าเพื่ออะไรไม่รู้ ไม่ไปก็ไม่ได้เพราะจ่ายเงินไปหมดแล้ว ได้แต่อารมณ์เสียกันไป


รถจะจอดจุดพักรถให้เราเข้าห้องน้ำ หาของกินง่ายๆ ระหว่างทางหนึ่งครั้งค่ะ แล้วก็ยิงยาวสู่วังเวียง นั่งรถ 5ชั่วโมงกว่า ตูดชาแล้วชาอีก อาศัยการนอนหลับบนรถหนีปัญหาเอา

พอถึงก็หาร้านขายของกินก่อนอย่างแรก เพราะแทบไม่ได้กินอะไรเลย นี่ก็จะบ่ายสามเข้าไปแล้ว แวะร้านขายก๋วยเตี๋ยวข้างทาง ซัดคนละชามก่อน ด้วยความหิวโฮก

คนที่นี่ไม่หวงผัก มีผักแกล้มให้เราเป็นตระกร้าเลย แต่ว่าราคาไม่ธรรมดาเลย ถ้าเทียบกับร้านข้างทาง ชามนี้ประมาณ 80บาท

จากนั้นก็เปิด google map เดินไปที่พักกันค่ะ ประมาณ1กิโลเมตร เดินกันไปเรื่อยๆ

วังเวียงทั้ง 2คืน3 วัน เราพักที่ Phatty Villa Vang Vieng ค่ะ สภาพที่พักเรียกว่าดีเลย แต่ว่าไกลจากจุดกลางเมืองมากไปหน่อย ต้องเช่ามอเตอร์ไซค่ะ ไปไหนมาไหนสะดวกกว่า


ที่เที่ยวแรกที่เราจะไปกันคือ บลูลากูน & ถ้ำปู่คำ ( BLUE LAGOON & TUM POOKHUM )


เดินทางข้ามสะพานข้ามแม่น้ำ เสียค่าผ่านทางด้วยค่ะ เสียทั้งคนทั้งรถ จำราคาไม่ได้ ตอนนั้นก็คิด แล้วคนที่นี่ ข้ามสะพานกันที่ไหน ไปไหนทีก็ต้องจ่ายตังกันทุกรอบหรอ

พอข้ามสะพานก็ขับรถต่อไปอีกหลายกิโลเหมือนกันค่ะ วิวข้างทางเป็นเขาสูง และทุ่งนา วิวสวยมาก

แล้วก็มาถึง บลูลากูน เสียค่าเข้าไปด้านในอีกรอบ

บลูลากูน เป็นสระน้ำที่มีสีฟ้าใส ขนาดไม่ได้กว้างมากค่ะ ก็เล็กๆเท่าที่เห็น แต่ว่าน้ำตรงที่ให้โดดนั้นลึกมาก มีกิ่งไม้ยื่นออกมา 2 ระดับ ให้ผู้กล้าได้โดดน้ำลงมาได้

ถ้าจะให้คนน้อยๆ ควรมาตอนเช้าๆค่ะ เรามาซะบ่ายเกือบจะเย็น คนเลยเยอะมากถึงมากที่สุด

สิ่งสำคัญที่ควรทำเมื่อมาที่บลูลากูน คือการกระโดดน้ำค่ะ เป็นการโดดจากกิ่งไม้ลงมา มีทั้งระดับเตี้ยหน่อย กับสูงมาก บอกตรงๆว่าเราไม่ได้โดด เพราะเห็นสายตาคนเป็นร้อยที่จับจ้องคนที่กำลังโดด แล้วรู้สึกเขิน

ปล. น้ำที่นี่เย็นกว่าที่คิดมากค่ะ เพราะเป็นน้ำที่ไหลมาจากถ้ำก็คือถ้ำปู่คำนั่นเอง

บริเวณรอบๆจะมีร้านอาหาร สำหรับใครที่เล่นน้ำเหนื่อยๆมาก็หาซื้ออะไรกินเติมพลังได้

ตรงนี้กิ่งไม้เตีี้ยหน่อย สำหรับผู้ที่ยังจิตใจไม่เข้มแข็งพอ ลองโดดแบบเตี้ยดูก่อนได้ค่ะ

มาแล้วไม่อยากให้เสียเที่ยวก็ต้องจัดแบบกิ่งสูงค่ะ

ท่ากระโดดของแต่ละคนนันแล้วแต่ความสร้างสรรค์แต่ละคนค่ะ แต่แบบเบสิคหน่อยก็โดดลงมาตรงๆทื่อๆแบบ คนเสื้อดำในรูปที่บังเอิญจับภาพได้ทัน

ผู้หญิงมันเป็นจุดดึงดูดสายตาได้มากกว่าผู้ชายค่ะ ยิ่งขาวยิ่งเหมือนมีสปอต์ไลท์ส่อง น่าเอ็นดูค่ะ

กิ่งเตี้ยกับกิ่งสูง จะหันหน้าในการกระโดดไปคนละด้านค่ะ ไม่ทับไลน์กัน

การมักจะชินตากับฝรั่งที่ใส่บิกินี่เดินไปมา รู้สึกไม่ได้โป้อะไร น่ามองดีด้วย

กำลังหามุมถ่ายภาพอยู่ก็บังเอิญไปเจอกับคู่นี้ ดูคล้ายทาซานกับเจน ดูชิลดีจังเลยค่ะ

จากนั้นไปจุดชมวิวผาเงิน ปีนเขาไปดูพระอาทิตย์ตกสวยๆที่วังเวียงกันค่ะ (ป้ายสีส้มซ้ายมื่อนั่นเองไม่ไกลจากบลูลากูนเท่าไหร่ค่ะ)

ผาเงิน (Pha Ngeun) นั้นทางขึ้นไม่ได้โหดมากขนาต้องไต่เชือกโรยตัว หรือเหนี่ยวเชือกขึ้นอะไรมากมาย แค่เดินตามบันไดเกาะราวไม้ขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ว่าการขึ้นอย่างเดียวจริงๆ ไม่มีทางราบเลย ขึ้นอย่างเดียวเท่านั้น ใช้เวลาปีนขึ้นประมาณ ครึ่งชั่วโมงแบบไม่หยุดพักค่ะ ถ้าพักบ่อยก็เผื่อเวลาหน่อย จะได้มีเวลาไปชิลๆบนยอดเขาสักพักก่อนพระอาทิตย์ตกค่ะ

ตรงตีนเขาทางขึ้นมีชาวบ้านนั่งศาลาเก็บเงินค่าขึ้น 10000กีบ ไม่ได้มีใบเสร็จอะไรให้กลับคืนมา คาดเอาเองว่า คงเป็นชาวบ้านแถวนั้นแหละค่ะ มาเก็บตังจากนักท่องเที่ยวเอง แล้วไงไม่จ่ายได้ไหม แต่ก็จ่ายๆไป ดีกว่ามีปัญหาทีหลัง

ขึ้นๆๆๆๆ เหงื่อนี่ไหลเป็นสายน้ำ หน้าแดงเป็นลูกตำลึง ในที่สุดก็มาถึงยอดเขาค่ะ

ถ้าจะสังเกตุ เรา 3คน ใส่รองเท้าแตะมาปีนเขาค่ะ ไม่ได้ซัพพอทอะไรเลย เพราะไม่คิดว่าทางมันจะโหดร้ายขนาดนี้ ดีว่ารองเท้าไม่ขาดไปกลางทาง ไม่งั้นหล่ะงานเข้าแน่

ตอนขึ้นมามีนักท่องเที่ยวต่างชาติขึ้นมาก่อนแล้ว สามคน แต่ตอนลงมีเป็นสิบค่ะ ค่อยๆทยอยขึ้นมาดูพระอาทิตย์ตกสวยๆกัน กระท่อมนี้อยู่บนยอดเขาเลยค่ะ ไว้บังแดด บังฝนได้นิดหน่อย โครงสร้างไม่ได้แข็งแรงอะไรมาก ไม่แน่ใจว่ารับน้ำหนักได้ขนาดไหน แอบเสียวๆอยู่เหมือนกัน

วิวที่นี่สวยอลังการมาก ด้วยความที่จุดชมวิวผาเงินนี้อยู่บนยอดเขา เราจึงได้เห็นวิวด้านล่างแบบ 360องศารอบตัว

เรามาถึงตั้งแต่ยังมีแดดอยู่ แล้วก็ค่อยๆรอเวลาที่พระอาทิตย์ตก จึงมีรูปหลายๆบรรยกาศมาฝากค่ะ

มองไปรอบๆตัวก็มีแต่ภูเขา ต้นไม้แน่นๆ ส่วนที่เป็นพื้นที่ราบก็จะเป็นทุ่งนาค่ะ

ถ่ายรูปไปเยอะ จนในที่สุดก็ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอยค่ะ พระอาทิตย์ค่อยๆตก ลับสายตาไปที่หลังยอดเขา สวยงามมากๆ

นักท่องเที่ยวต่างชาติ มาคนเดียวบ้าง มากับแฟนบ้าง มากับเพื่อนบ้าง

พวกเราจะหยิบยื่นน้ำใจด้วยการถ่ายรูปให้กันค่ะ คนมาเที่ยวไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าการได้รูปสวยๆสักใบเป็นที่ระลึก

พอพระอาทิตย์ตกไปแล้วก็ค่อยๆไต่เขาลงกันค่ะ ขาลงนั้นใช้เวลาไม่มากเท่าขาขึ้น ลงชิลๆ ระวังสไลด์ตัวก้นกระแทกกันนิดหน่อย

หลังจากกลับบ้านพักอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็ค่อยออกมาหามื้อเย็นกินแถวริมแม่น้ำซองค่ะ

ริมแม่น้ำช่วงนี้ไม่ลึกมาก ระดับน้ำสูงแค่หัวเข่า นั่นเอาขาแช่น้ำไป กินข้าวไป ก็ชิลดีไปอีกแบบ

มีร้านแบบนี้อยู่หลายร้าน ตลอดแนวชายฝั่ง เลือกนั่งได้ตามใจชอบเลยค่ะ เพราะอาหารแต่ละร้านก็ขายคล้ายๆกัน

เราสั่งน้ำตกหมู หมู่สามชั้นย่าง ไก่ย่าง ต้มยำ มากินกัน บอกตรงๆว่า รสชาติอาหารบ้านเราอร่อยกว่าเยอะ แถมราคาเช็คบิลมา พันกว่าบาท แพงเอาเรื่องอยู่ค่ะ

ตอนเย็นจะชิลกว่าตอนค่ำ เพราะค่ำแล้วมองอะไรแทบไม่เห็นเลย

จากนั้นไปต่อกันที่สถานที่ยอดฮิต ซากุระบาร์ วันนี้มาไม่ทัน free drink ตอน 2-3ทุ่ม อันเลื่องชื่อและโด่งดังไปไกลถึงเมืองไทยร้านนี้ มาถึงวังเวียงแล้วยังไงก็ต้องแวะมาสักหน่อย

ใครคิดว่าสเตปตัวเองดีไม่เป็นสองรองใครก็ปีนเวทีขึ้นไปเลยค่ะ ยิ่งขึ้นสูง ยิ่งเป็นเป้าสายตา คนทั้งร้านจะมองมาที่เราค่ะ

วันนี้กลับบ้านไปพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้เราอยู่วังเวียงอีก หนึ่งวัน เที่ยวเต็มที่ เก็บเกี่ยวความสุขกลับบ้านไปให้เยอะๆ


โปรดติดตามต่อ Part3 สะบายดี วังเวียง พายเรือดูวิวแม่น้ำซองชิลๆ

หรือย้อนกลับไปอ่าน การท่องเที่ยววันแรกของเราที่ สะบายดี เวียงจันทร์


ฝากติดตามเพจน้อยๆ เป็นเพจท่องเที่ยวและเม้าท์กันแบบสบายๆ เหมือนนั่งเล่าให้เพื่อนฟัง

https://www.facebook.com/sandysohappy/

"แสนดีแฮปปี้ คนอ่านก็แฮปปี้"


ความคิดเห็น